กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 15, 2024, 01:43:34 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 2234 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2008, 12:20:25 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศกัมพูชา ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร รวมทั้งปริมณฑล ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกระจายในระยะนี้

อนึ่ง ระดับน้ำในลุ่มน้ำชี ที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชีระวังอันตรายจากสภาวะ น้ำล้นตลิ่งในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3-8 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือของประเทศไทย สำหรับร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านตอนล่างสุดของภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย

อนึ่ง ในวันที่ 9 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่เสริมลงมาปก คลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนืออีกครั้งหนึ่ง


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดตาก เชียงราย น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ หนองคาย นครพนม อุดรธานี สกลนคร มุกดาหาร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมหาสารคามยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มบางพื้นที่ได้



* Forecast2.jpg (40.97 KB, 693x430 - ดู 325 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (21.47 KB, 450x305 - ดู 268 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2008, 12:24:13 AM »

ไทยรัฐ


ประสานเครือข่ายประมง                 :                 หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน

ประเทศไทย .....จับมือกับ อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย จัดกิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจร่วมเป็นสามฝ่าย ให้ชื่อว่า Indonesia-malaysia- Thailand Growth Triangle : IMT-GT

ภาคประมง....ก็นำมาปฏิบัติการร่วมซึ่งให้ อยู่ภายในกรอบของเครือข่าย เดียวกันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ 4 หลักใหญ่ๆ คือ เร่งรัดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และ สังคมในพื้นที่ IMT-GT

กับ...ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการผลิต และ ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการผลิตร่วมกัน (Co-production) ....เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก ได้

และ...พัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะโครงข่ายการคมนาคม เพื่อ ลดต้นทุนการขนส่ง ระหว่าง 3 ประเทศ

โดยแต่ละประเทศก็กำหนดพื้นที่ในการดำเนินโครงการ อย่างเช่น อินโดนีเซียมี 10 จังหวัด คือ สุมาตราเหนือ อาเจะห์ สุมาตราตะวันตก เรียว เบงกูลู จัมบี สุมาตราใต้ ลัมปุง เกาะเรียว และบังกาเนลิดุง

...มาเลเซีย มีพื้นที่ 8 รัฐ คือ เกตะห์ เประ ปีนัง สลังงอร์ กลันตัน มะละกา และเนกรีเซมิ ลัน ส่วน ประเทศไทยมีพื้นที่ 14 จังหวัด คือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ตรัง พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ชุมพร ระนอง พังงา และ ภูเก็ต

เมื่อปีที่แล้วก็มีการประชุมหารือกันที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งก็ได้รับความร่วมมือในการสร้างความสัมพันธ์อันดี... ปีนี้จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ไทยเป็นแม่งาน

ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง บอกว่า....กับเกียรติที่ 2 ประเทศสมาชิกยกให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน IMT-GT Fisheries Seminar and Expo 2008 เป็นการ สานต่อโครงการและแนวนโยบายระหว่างชาติ

....กรมประมงจึงได้กำหนดงานขึ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 พฤศจิกายน ณ โรงแรม เมโทรโพล และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เพื่อความสะดวกและเปิดโอกาสให้นักธุรกิจสาขาประมง จาก 3 ประเทศ ได้มีการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประมงที่ตนสนใจ

รวมถึง...นโยบายและระเบียบข้อบังคับต่างๆจากภาครัฐฯ อันจะนำไปจับคู่ทางธุรกิจ หรืออาจทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในการลงทุนร่วมกันในอนาคตต่อไป

คาดว่าแนวในการปฏิบัตินี้จะส่งผลให้ธุรกิจประมงของประเทศสมาชิก 3 ประสานนี้ก้าวไปสู่ความสำเร็จเป็นอย่างดีและอยู่คาบเวลา อันยาวนาน หากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเกษตรกรท่านใดที่สนใจความเคลื่อนไหว ในเครือข่ายการประมงก็เข้าร่วมกิจกรรมได้..... วันและเวลาที่กำหนด.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2008, 12:29:57 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


พม่าลากเรือรบสำรวจน้ำมันบังกลาเทศตึงเครียด


แผนที่เขตอ่าวเบงกอลแสดงรอยต่อเขตน่านน้ำระหว่างพม่า กับบังกลาเทศ ที่ใดมีขุมพลังงานมหาศาลอยู่ใต้พื้นพิภพ ที่นั่นจะเกิดการพิพาทได้เสมอ

       น่านน้ำอ่าวเบงกอลระหว่างพม่ากับบังกลาเทศได้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาใน ช่วงสุดสัปดาห์ โดยบังกลาเทศกล่าวหาว่า เรือรบของรัฐบาลทหารพม่าจำนวน 3 ลำ ได้ล้ำน่านน้ำเข้าไปสำรวจก๊าซและน้ำมันดิบ
       
       รัฐบาลบังกลาเทศได้เรียกนักการทูตพม่าในกรุงทาก้าเข้าพบและยื่นประท้วงอย่างแข็งกร้าว
       
       เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์หลังจาก รอง พล.อ.อาวุโสหม่องเอ (Maung Aye) ผู้นำหมายเลขสองของรัฐบาลทหารพม่าไปเยือนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ และสองฝ่ายได้ตกลงจะก่อสร้างถนนเพื่อเชื่อมพรมแดนระหว่างกัน เปิดเส้นทางการค้าและการท่องเที่ยวใหม่ในอนุภูมิภาค
       
       บังกลาเทศกล่าวหาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ฝ่ายพม่าได้จงใจใช้เรือรบจำนวน 2 ลำ นำเรือสำรวจก๊าซและน้ำมันจำนวน 4 ลำล้ำน่านน้ำของตนอย่างจงใจ และไม่เอาใจใส่ต่อการส่งสัญญาณเตือนจากเรือรบบังกลาเทศซึ่งขณะนั้นมีจำนวน 3 ลำอยู่ในอาณาบริเวณที่เกิดเหตุ
       
       บังกลาเทศได้ประท้วงทางการทูตเรียกร้องให้พม่าถอนเรือรบออกจากเขต น่านน้ำพิพาทในอ่าวเบงกอลทันที จนกว่าการปักปันเขตน่านน้ำของสองฝ่ายภายใต้การชี้แนะขององค์การสหประชาชาติ จะแล้วเสร็จ
       
       แหล่งข่าวฝ่ายบังกลาเทศกล่าวหาว่า เรือรบพม่าได้ล่วงล้ำเขตน่านน้ำ 50 ไมล์ทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเซ็นต์มาร์ติน บริษัทจากเกาหลีกำลังสำรวจขุดเจาะในอาณาบริเวณใกล้เคียง
       
       เรือรบบังกลาเทศทั้งสามลำได้แจ้งให้ทราบว่าเรือพม่ากำลังล่วงล้ำน่าน น้ำ แต่ฝ่ายนั้นแจ้งตอบกลับไปว่าเรือรบบังกลาเทศต่างหากที่กำลังรุกล้ำ
       
       มีคนงานอย่างน้อย 50 คนปฏิบัติงานอยู่บนเรือสำรวจน้ำมันทั้งสี่ลำ ซึ่งสองลำจดทะเบียนมาบาฮามา อีกสองลำจดทะเบียนในเบลีซและอินเดีย
       
       อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีต่างประเทศบังกลาเทศ ตูฮิด ฮอสเซน (Touhid Hossein) กล่าวว่า ความขัดแย้งดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา เนื่องจากสองฝ่ายมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซึ่งคณะกรรมการแบ่งปันเขตน่านน้ำสองฝ่ายจะเปิดประชุมระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย.นี้
       
       บังกลาเทศจะแจ้งไปยังบริษัทจากเกาหลีใต้ที่ได้รับสัมปทานสำรวจน้ำมันและก๊าซในเขตดังกล่าว ให้ถอนออกไปจากเขตน่านน้ำบังกลาเทศ
       
       ทะเลเบงกอลได้กลายเป็นจุดสำคัญในช่วงปีใกล้ๆ นี้ หลังจากกลุ่มบริษัทร่วมทุนแดวูอินเตอร์เนชั่นแนลกับบริษัทน้ำมันของอินเดีย ประกาศการค้นพบก๊าซปริมาณ 7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตในแหล่งใกล้ชายฝั่งของพม่า ทำให้มีการขยายการสำรวจเข้าไปในเขตน้ำลึก
       
       บริษัทน้ำมันอินเดียก็ได้ค้นพบก๊าซที่คาดว่าจะมีปริมาณ 100 ล้านล้านในทะเลเบงกอล ในเขตน่านน้ำของตน และในปี 2549 สื่อในบังกลาเทศได้รายงานการค้นพบชั้นหินใต้ทะเลที่คาดว่าจะเก็บกักน้ำมัน ดิบและก๊าซปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน
       
       ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจ นับตั้งแต่เปิดประตูรับการลงทุนในปี 2531 จนถึงสิ้นปี 2550 มีนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนสำรวจขุดเจาะพลังงานใน 85 โครงการรวมมูลค่า 3,243 ล้านดอลลาร์ เป็นแขนงลงทุนใหญ่อันดับสองรองจากแขนงผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังน้ำ
       
       ในปี 2550 การลงทุนในแขนงสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปี 2549 เป็น 474.3 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 90% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่ารวม 504.8 ล้านดอลลาร์.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2008, 12:36:05 AM »

มติชน


ชาวมอแกนซาบซึ้งน้ำพระทัย "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงรับฟังปัญหาถูกแย่งที่ดินทำกิน หวั่นสิ้นเผ่าพันธุ์



เผยทรงรับปากหากมีโอกาสจะไปเยี่ยม นักวิชาการจี้รัฐเร่งทำเขตวัฒนธรรมพิเศษ หลังชาวเลไม่รู้กฎหมายถูกฟ้องขับไล่ระนาว

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีการจัดงานเทศกาลพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนขึ้นเป็นวันที่สอง โดยมีการจัดซุ้มเผยแพร่งานของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นต่างๆ แล้วยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมชุมชน และการเสวนาและปาฐกถาพิเศษตลอดทั้งวัน

น.ส.อรวรรณ หาญทะเล ชาวมอแกนบ้านทับตะวัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งมาร่วมจัดนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของชาวมอแกน เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ว่า ระหว่างที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเปิดงานและทอดพระเนตรนิทรรศการที่ซุ้มมอแกน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้เล่าปัญหาของชาวมอแกนและอุรักลาโว้ย จากย่านอันดามัน ที่ได้มีการจัดตั้ง"ศูนย์วัฒนธรรมชาวเล" ภายหลังเกิดภัยพิบัติสึนามิ ซึ่งทำให้ชาวเลในหลายพื้นที่ต้องประสบปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัย เนื่องจากถูกนายทุนขับไล่ นำที่ดินไป ทั้งๆที่อยู่มาก่อน

นอกจากนี้บางพื้นที่ยังถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนฯทับซ้อนและฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้าน ขณะที่ชาวเลในบางพื้นที่ต้องจำยอมให้ที่ดินกับนายทุนไปเพราะไม่มีความรู้ เนื่องจากไม่ได้เรียนหนังสือ และบางส่วนยอมถูกไล่ที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม้แต่การจับปลาก็ทำได้ลำบากมาก เพราะถูกกล่าวหาว่าทำลายการท่องเที่ยว ทำให้อุทยานแห่งชาติสั่งห้าม

"ดิฉันเล่าว่า ชาวเลบางคนออกไปดำปลาก็ถูกตัดสายยางออกซิเจนจนพิการ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าจะยังมีชนเผ่าชาวเลเหลืออยู่อีกหรือไม่ ชาวบ้านอยากให้พระองค์ไปเยี่ยม ซึ่งพระองค์ตรัสว่าเคยไปที่หมู่เกาะสุรินทร์แล้ว" น.ส.อรวรรณกล่าว และว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯยังตรัสด้วยว่าเมื่อมีโอกาสจะลงไปเยี่ยม ทรงดีใจที่ชาวเลยังสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมไว้ได้

น.ส.อาภรณ์ อุกฤษณ์ อาจารย์สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งมาร่วมแสดงนิทรรศการในซุ้มพิพิธภัณฑ์โบราณคดี เกาะลันตา กล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระเทพฯเสด็จฯมาถึงซุ้มนี้ พระองค์ตรัสว่าชอบภาพเขียนภาพหนึ่งในซุ้ม และยังเคยพานักศึกษาโรงเรียนนายร้อย จปร.ไป จ.กระบี่ แต่ตอนหลังไม่ได้ไปแล้วหลายปี

น.ส.อาภรณ์กล่าวด้วยว่า จากการติดตามสถานการณ์ของชาวเลบนเกาะลันตา พบว่าขณะนี้ชาวอุรักลาโว้ยที่บ้านสังกะอู้ กำลังเกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ เนื่องจากภายหลังที่เกิดสึนามิมีองค์กรต่างๆ เข้าไปให้ความช่วยเหลือจำนวนมาก แต่มีทั้งช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไขและไม่มีเงื่อนไข และที่เป็นปัญหาคือมีชาวอุรักลาโว้ยจำนวนหนึ่งหันไปนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนที่เหลือยังนับถือผีบรรพบุรุษและเข้าวัดในศาสนาพุทธ ทำให้ทะเลาะกัน และมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อชาวเลรายหนึ่งเสียชีวิตและทางญาติต้องการทำตาม พิธีกรรมดั้งเดิมของชาวเล แต่ผู้นำคริสต์จากจังหวัดตรังได้นำศพไปฝังตามพิธีกรรม ทำให้ชาวเลที่ยังนับถือแบบดั้งเดิมไม่พอใจ เพราะมีการนำไม้กางเขนไปปักที่หลุมศพด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้มาร่วมหารือกันอยู่

วันเดียวกันที่ จ.ภูเก็ต ชาวบ้านจากเครือข่ายพัฒนาเมืองภูเก็ตประมาณ 400 คน ได้เดินทางไปพบนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและให้มีการประชุมร่วมระหว่างผู้ประสบปัญหา และทางการ นอกจากนี้ ชาวบ้านทั้งหมดยังร่วมกันให้กำลังใจชาวเล 2 รายที่อาศัยอยู่บริเวณหาดราไวย์ แต่ถูกเอกชนฟ้องทั้งๆ ที่อยู่มาก่อน ซึ่งนายปรีชารับปากว่าจะลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมชาวเลด้วยตัวเอง

นายสน บางจาก ชาวอุรักลาโว้ย หาดราไวย์ วัย 72 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกฟ้อง กล่าวว่า ที่ดินที่ตนและลูกหลานอาศัยอยู่นั้น เป็นที่มรดกที่อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อนานนับร้อยปี เดิมที่ดินผืนนี้ปลูกกล้วยและสวนผลไม้ต่างๆ แต่ที่ดินของชาวเลกว่า 200 ครอบครัวไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ เพราะสมัยก่อนไม่เห็นความสำคัญ เนื่องจากไม่รู้หนังสือและคิดว่าไม่มีใครโกงใคร จึงไม่ได้ดิ้นรน จนกระทั่งมีอดีตผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งแอบนำพื้นที่ผืนนี้ไปออกเอกสารสิทธิ โดยที่ไม่มีชาวบ้านรู้เรื่อง แต่ยังไม่กล้าไล่ชาวบ้านออกไปเพราะรู้ว่าชาวบ้านอยู่กันมาก่อน

"เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ลูกสาวและลูกเขย เขายกบ้านใหม่ในที่ดินของผม ปรากฏว่าอดีตผู้ใหญ่บ้านรายนั้นไปฟ้องศาล หาว่าพวกเราบุกรุก เขาไม่กล้าฟ้องผม เพราะเราต่างก็รู้กันดีว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของ แต่เขาอาจต้องการปรามไม่ให้มีการปลูกบ้านใหม่" นายสนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายผู้ประสบภัยสึนามิได้ทำการรวบรวมข้อมูลชาวเลที่ประสบปัญหา พบว่าขณะนี้มีชาวเลมากกว่า 10 พื้นที่มากกว่า 100 ราย กำลังถูกฟ้องร้องทั้งจากเอกชนและราชการ ทำให้ต้องประสบความลำบากและอยู่กันอย่างไม่มั่นคง จนหวั่นว่าอนาคตเผ่าพันธุ์ชาวมอแกนและอุรักลาโว้ยจะสูญหาย ล่าสุดนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนเห็นตรงกันว่าควรจัดให้มีพื้นที่ ผ่อนปรนพิเศษหรือเขตวัฒนธรรมพิเศษของชาวเล โดยรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเพราะถือว่าเป็นสถานการณ์วิกฤตสำหรับชาวเล


*******************************************************************************************************************************


ทรู-ทร.จัด "อาสาฯอนุรักษ์ทะเลไทย"

ทรู วิชั่นส์ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกองทัพเรือ จัดโครงการ "อาสาฯอนุรักษ์ทะเลไทย 2551" เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งอันดามัน หลังเกิดภัยพิบัติสึนามิ วันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ ร่วมกันผูกทุ่นจอดเรือเพื่อรักษาแนวปะการัง 70 ทุ่น บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ซึ่งได้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ให้การสนับสนุน โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ร่วมเป็นอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ในกิจกรรมนักดำน้ำดังกล่าวด้วย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2008, 12:55:58 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เกิดอุบัติเหตุเรือข้ามฟากล่มในฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิต 39 คน

    เกิด อุบัติเหตุเรือข้ามฟาก ล่มทางภาคกลางของฟิลิปปินส์ มีผู้จมน้ำเสียชีวิต 39 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 8 คน และสูญหาย 10 คน ตำรวจรายงานว่า เรือลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสาร 119 คน และพนักงาน 6 คน เมื่อเผชิญกับคลื่นลมแรงจนเรือล่ม อย่างไรก็ตาม มีผู้รอดชีวิต 76 คน และหน่วยกู้ภัยกำลังค้นหาผู้สูญหาย การบริการเรือข้ามฟากในฟิลิปปินส์มีราคาถูก จึงเป็นที่นิยมและมักมีผู้โดยสารเกินพิกัด จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 20 คำสั่ง