กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 20, 2024, 02:01:00 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552  (อ่าน 3510 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 01:25:50 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือและภาตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาในระยะนี้ไว้ด้วย  สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่  อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา  ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก รวมทั้งภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีหมอกหนาเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่ในระยะนี้ แต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าต่อไปอีก ในช่วงวันที่ 7-10 ก.พ. 52 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศา


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (37.1 KB, 684x423 - ดู 450 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 01:41:13 AM »

มติชน


"นักวิชาการ"งัดข้อมูลโต้กันมัน "โลกร้อน"ร้อนจริงหรือมั่วนิ่ม

กรณีที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาให้ข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทั่วโลกในขณะนี้ ไม่ใช่ปรากฏการณ์โลกร้อน (Global Warming) รวมทั้งมีการนำข้อมูลจาก คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) มาเสนอเพียงส่วนเดียว ทำให้หลายคนตื่นตระหนก ไคลเมทเชนท์ เครซี (Climate Change Crazy) นั้น

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ นักฟิสิกส์ จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบภูมิอากาศในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา พบว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และพบว่าปรากฏการณ์เอลนิโญ่ และลานิญ่า ซึ่งมีแหล่งกำเนิดที่ประเทศชิลี ก็ไม่ได้ส่งผลกับประเทศไทยโดยตรง จากข้อมูลของไอพีซีซี ระบุว่า พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญ่กับลานิญ่านั้นมี 4 โซน และประเทศไทยก็อยู่ในพื้นที่โซนที่ 4 ที่เกือบจะตกขอบ ทวีปเอเชียจะได้รับผลกระทบบ้างเท่านั้น แต่ไม่ใช่ 100% เช่น ปีไหนเอลนิโญ่แรงประเทศจีนก็จะร้อนมาก หนาวไม่มาก ปีไหนลานิญ่าแรงประเทศจีนก็จะหนาวมากและนาน

ปีนี้ลานิญ่าแรงประเทศจีนก็จะหนาวมาก ประเทศไทยซึ่งปกติได้รับอิทธิพลจากประเทศจีนอยู่แล้วก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนฤดูร้อนปีนี้สูง 40-43 องศาเซลเซียส บางพื้นที่ แต่ช่วงเวลาที่ร้อนก็จะสั้นลง

นายสมิทธ ธรรมสโรจน์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ยืนยันว่า ข้อมูลการเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จ มีโอกาสเกิดในกรุงเทพฯรวมทั้ง แกนโลกที่เอียงมากขึ้นทำให้โลกร้อนขึ้นเป็นเรื่องจริง ใครไม่เชื่อหรือออกมาตอบโต้ข้อมูลนี้ และหากเกิดเหตุนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องรับผิดชอบ ความคิดทางวิชาการแตกต่างกันได้ ให้ข้อมูลอะไรก็มีข้อมูลทางวิชาการที่ยืนยันได้ นักวิชาการเหล่านี้อาจจะอ้างเพียงตำราแต่ประสบการณ์ไม่มี จะไม่ไปเถียงอะไร ก็ขอให้ดูว่าฤดูร้อนที่จะมาถึงจะร้อนและมีพายุตามที่พูดไว้หรือไม่

นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิยา กล่าวว่า ถึงเรื่องที่นักวิชาการบางรายออกมาพูดว่า ฤดูร้อนในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ อุณหภูมิน่าจะสูงถึง 42 องศาเซลเซียส และอาจจะเกิดคลื่นความร้อน หรือฮีทเวฟแบบประเทศอินเดียและออสเตรเลียว่า ตัวเลขอุณหภูมิดังกล่าวถือเป็นค่าเอ็กซตรีมปกติ และเป็นช่วงพีคสูงสุดของหน้าร้อนในช่วงเดือนเมษายนที่อาจจะสูงถึง 42-43 องศาเซลเซียส ในบางวัน ปีนี้คาดว่า อากาศช่วงหน้าร้อนส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปกติ และอาจไม่ร้อนเท่ากับปี 2551 ซึ่งอุณหภูมิร้อนสูงสุด 41-42.5 องศา เพราะตรวจพบปรากฏการณ์ลานิญาทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกที่ส่งผลโดยอ้อมทำให้อุณหภูมิไม่สูงเท่าไหร่ และมีฝนมากขึ้นด้วย ส่วนคลื่นความร้อนไม่มีโอกาสแน่นอน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 01:46:37 AM »

ข่าวสด


"เกาะตะรุเตา"จัดงานวันวาเลนไทน์

สตูล - นายณัฐพล รัตนพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า ในโอกาสที่จังหวัดสตูลครบรอบ 170 ปี ในปี 2552 ซึ่งทางจังหวัดได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีนั้น ทางอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักทางทะเลของจังหวัด ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ท่องเที่ยวไว้รองรับ ซึ่งที่พักสามารถรอง รับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 1,000 คน รวมทั้งสิ่งอำ นวยความสะดวก และความปลอดภัย โดยมีกิจกรรม สำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย เช่น การเดินป่า ปั่นจักร ยาน เที่ยวน้ำตก เที่ยวถ้ำ กิจกรรมล่องเรือศึกษาระบบ นิเวศ การดำน้ำดูปะการัง และการเล่นน้ำทะเล มุ่งเน้น ให้นักท่องเที่ยวเที่ยวอย่างมีความสุขและปลอดภัย กลับบ้านไปด้วยความประทับใจ

นอกจากนี้ ยังจัดเตรียมการจัดงานวิวาห์สำหรับคู่บ่าวสาวไว้บริเวณเกาะไข่ เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่ทางจังหวัดได้จัดขึ้นเป็นปีแรก โดยมีเป้าหมาย เพื่อฉลองความรักให้กับคู่บ่าวสาวในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวฉลองครบรอบ 170 ปีเมืองสตูล โดยเบื้องต้นมีคู่บ่าวสาวจากทั่วประเทศมาลอดซุ้มประตูเกาะไข่และจดทะเบียนสมรสจำนวน 25 คู่ เปิดตำนานความรักให้แก่คู่บ่าวสาวที่มาเข้าพิธีวิวาห์ ที่เกาะไข่ เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล


*******************************************************************************************************************


"ตรัง"รุดสร้างหอเตือนภัยพิบัติ"สึนามิ"จุดล่อแหลม

ตรัง - ว่าที่ร.ต.ตระกูล โทธรรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการตรวจงานจ้างการติดตั้งหอเตือนภัยพิบัติสึนามิ จ.ตรัง นำโดย นายพิชัย อุทัยเชษฐ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดตรัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย นายวุฒิชัย สกาวสุวรรณ หัวหน้าอุตุนิยมวิทยาจังหวัดตรัง และคณะกรรมการ ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจรับอุปกรณ์ติดตั้งหอเตือนภัยพิบัติสึนามิ จากบริษัท เรย์เดนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่นำอุปกรณ์เตือนภัย ซึ่งประกอบด้วย แผงโซลาร์เซลล์ และขาลำโพง มาส่งมอบชุดแรก จำนวน 5 จุด โดยการตรวจรับได้มีการทดสอบการใช้งานของอุปกรณ์ที่นำมาส่งมอบ เพื่อตรวจสอบคุณภาพและรอการติดตั้งต่อไป

ทั้งนี้ ทางจังหวัดตรังได้พิจารณาให้มีการติดตั้งหอเตือนภัยพิบัติสึนามิเพิ่มอีกจำนวน 12 จุด โดยอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างประมาณ 27 ล้านบาท หลังจากที่มีการติดตั้งในครั้งแรกไปแล้ว จำนวน 11 จุด ส่วนการติดตั้งเพิ่มเติมที่เหลืออีกจำนวน 7 จุดที่เหลือนั้น คาดว่าจะมีการจัดส่งตามหลังมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งหอเตือนภัยพิบัติสึนามิที่มีการติดตั้งทุกจุดในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ จะสามารถช่วยแจ้งเหตุเตือนภัยพิบัติให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ได้รับทราบและสามารถช่วยเหลือตนเองให้มีชีวิตปลอดภัยจากเหตุการณ์ได้ สำหรับการติดตั้งหอเตือนภัยพิบัติสึนามิเพิ่ม 12 จุด ในจ.ตรัง จะมีการติดตั้งในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.สิเกา อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ อ.กันตัง


****************************************************************************************************************************


ชาวโพลีนีเซียนมาจากไต้หวัน



ชาวโพลีนีเซียนอพยพมาจากเกาะไต้หวันเมื่อประมาณ 5,200 ปีที่แล้ว

ศ.รัสเซลล์ เกรย์ จากมหา วิทยาลัยโอ๊ก แลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ภาษาออสโตรนีเซียกว่า 1,200 ภาษา ที่ใช้กันอยู่ในทะเลแปซิฟิก ซึ่งเป็นคำง่ายๆ อย่าง สัตว์ สี และตัวเลข จนพบความสัมพันธ์ของการพัฒนาด้านภาษากับการย้ายถิ่นฐาน

จากการวิเคราะห์ พบว่า ชาวโพลีนีเซียนอาศัยอยู่ที่ไต้หวันมานาน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ฟิลิปปินส์และอยู่ที่นี่ราว 1,000 ปี แล้วจึงย้ายถิ่นมาอยู่ห่างจากฟิลิปปินส์ไปทางตะวันออกราว 7,000 กิโลเมตรคือ บริเวณซามัว ตองก้า และฟิจิ หลังจากที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เกาะซามัว ตองกาและฟิจิ จึงย้ายมาอยู่ที่นิวซีแลนด์ ฮาวาย และหมู่เกาะอีสเตอร์ ซึ่งที่นิวซีแลนด์นั้น คาดว่า ชาวเมารีเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อประมาณ 700-800 ปีก่อน การย้ายถิ่นฐานน่าจะเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านพาหนะที่ดีขึ้น เช่น เรือแคนู

นอกจากการวิเคราะห์ภาษาด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว หลักฐานทางโบราณคดีและดีเอ็นเอ ยังยืนยันว่า ชาวโพลีนีเซียนอพยพมาจากไต้หวัน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 01:55:01 AM »

ไทยโพสต์


ไต้หวันลุยแผน สร้างสะพาน เชื่อมถิ่นมังกร

รัฐบาลไต้หวันของประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่วส่งสัญญาณเดินหน้าสานสัมพันธ์จีน โดยกำลังพิจารณาแผนจะสร้างสะพานเชื่อมเกาะของไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่

หวังยูชือ   โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า  หม่าเคยดำริโครงการสร้างสะพานเชื่อมเกาะคินเหมินกับเมืองเซี่ยเหมิน  ในมณฑลฝูเจี้ยนซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน  ระหว่างเดินทางไปเยือนเกาะปราการแห่งนี้เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน  และเขาได้ขอให้พวกนักวางแผนด้านเศรษฐศาสตร์ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้  ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณราว  13,200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน  (13,699  ล้านบาท)  โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาหม่าได้สอบถามถึงความคืบหน้าของผลการศึกษานี้

กระนั้น  โฆษกผู้นี้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าหม่าได้ "สั่งการ" ให้มีการก่อสร้างสะพานแล้ว โดยเขาชี้แจงว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับผลการศึกษาที่ว่า

ข้อเสนอสร้างสะพานเชื่อมเกาะแห่งนี้กับจีนแผ่นดินใหญ่เป็นบททดสอบสำคัญของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบไต้หวัน  ภายหลังไต้หวันแยกตัวจากจีนหลังสงครามกลางเมืองเมื่อปี 2492 เกาะคินเหมินและเกาะเล็กๆ   ใกล้เคียงกันเคยมีประวัติบอบช้ำจากการถูกกองทัพจีนระดมยิงปืนใหญ่ถล่มมากกว่า 470,000 นัด กินเวลานานถึง  44 วันเริ่มแต่วันที่ 23 ส.ค. 2501 คร่าชีวิตทหารและพลเรือน 618 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 2,600 คน

นับแต่หม่าชนะเลือกตั้งเมื่อ มี.ค.ปีก่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนดีขึ้นเรื่อยมา เดือน  ธ.ค.ปีที่แล้วสองฝ่ายได้เปิดเที่ยวบินประจำวันตรงถึงกัน และเชื่อมบริการไปรษณีย์และขนส่งทางทะเล.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 02:02:48 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


รองผู้ว่าฯตราดเต้นข่าวล่าโลมานำเนื้อขายเกาะกงกัมพูชา-จี้ประมงดูแลเป็นพิเศษ
 
       ตราด - รองผู้ว่าฯตราด เต้นข่าวล่าโลมานำเนื้อขายเกาะกงกัมพูชา, จี้ประมงดูแลเป็นพิเศษ ระบุ โลมา-พะยูน สัญลักษณ์ทะเลตราด,นายก อบต.แหลมกลัด, เข้มอนุรักษ์ ด้าน นอภ.คลองใหญ่ นอภ.แหลมงอบ ตรวจตลาดเทศบาลหาเนื้อโลมาเพราะไม่พบ
       
       จากการที่พบพะยูนเกยตื้นที่หาดทับทิม ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด และข่าวการจับชาวประมง 5 คน ในข้อหาล่าโลมาได้ในท้องทะเลตราดนั้น
       
       นายประทีป จงสืบธรรม รองผู้ว่าราชการ จ.ตราด เปิดเผยว่า ได้รับทราบจากข่าวช่วงเช้าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่า มีการล่าโลมาเพื่อนำเนื้อโลมาไปขายใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมจับนักล่าโลมาได้จำนวน 5 คนนั้น ทางจังหวัดได้สั่งการให้นายอำเภอคลองใหญ่ นายอำเภอแหลมงอบตรวจสอบข่าวในเรื่องนี้โดยเฉพาะการบริโภค เนื้อปลาโลมาทั้งในตลาดคลองใหญ่ที่ติดอยู่กับ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ว่า มีการขายจริงหรือไม่ พบว่า ไม่มีเนื้อ โลมาขายในตลาดทั้ง 2 แห่ง ขณะพรานล่าโลมาที่ถูกจับก็ไม่ทราบว่าถูกจับเมื่อใด และถูกดำเนินคดีในสถานีตำรวจ ที่ไหน ซึ่งการล่าโลมาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน โลมาก็เป็นสัตว์น้ำช่วยเหลือมนุษย์ด้วย
       
       “ผมเดินทางกลับจาก จ.เกาะด ผ่านมาในอ่าวตราด ก็พบว่า มีฝูงโลมาจำนวนมากว่ายเข้าและเมื่อขับไป ใกล้ๆ โลมาก็ไม่กลัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจและยินดี ที่พบโลมาในอ่าวตราด รวม การพบพะยูนเกยตื้นที่หาดทับทิม นับเป็นความโชคดีของ จ.ตราด ที่ได้พบสัตว์น้ำหายากและยังมีชีวิตอยู่พร้อมทั้งกลุ่มอาสาสมัครชายฝั่งของ จ.ตราด ก็เข้าไปช่วยเหลือและนำไปปล่อยในทะเลลึกและปลอดภัยดังนั้น ข่าวการล่าโลมาทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาดูแลและ เข้มงวดในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มประมงขนาดใหญ่ที่เข้ามารบกวน และขอใช้กลุ่มประมงชายฝั่งเข้ามาร่วมดูแลด้วย”
       
       ขณะที่ นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายก อบต.แหลมกลัด กล่าวว่า การล่าโลมาในทะเลตราดมีข่าวออกมานาน แล้ว แต่อบต.แหลมกลัดไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนเรื่องการบริโภคเนื้อโลมานั้น ชาวประมง จ.ตราด ไม่บริโภคอยู่แล้ว และก็ร่วมกันอนุรักษ์ด้วย แต่ใน จ.ตราดมีบ่อเลี้ยงโลมาที่ใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชมการแสดง แต่ก็ไม่เคยเห็นการบริโภค ส่วนจะเอาโลมาเป็นๆ ไปขายก็อาจจเป็นไปได้
       
       ส่วนการบริโภคเนื้อโลมาคงจะมีน้อยหรือไม่มี ก็ได้ ซึ่งทางชมรม ต.แหลมกลัด จะได้พบกับกลุ่มประมงพื้นบ้านและอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรชายฝั่งของ จ.ตราด เฝ้าดูแลและแก้ไขไม่ให้มีการล่าในอ่าวตราดและอ่าวของแหลมกลัดที่มีโลมาให้ดีที่สุด
       
       ด้วย นายอภิเดช บุญล้อม นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.ตะกาง อ.เมือง จ.ตราด ได้ตรวจสอบกลุ่มประมง พื้นบ้านในตำบลพบว่าไม่มีกลุ่มประมงกลุ่มไหนมีการล่าโลมาทะเลนำเนื้อมาแล่ขายแต่ประการใด

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 02:05:01 AM »

แนวหน้า


ทต.เกาะสีชังรับมือสวล. เตรียมขยายเขตลงทะเล  
 
 ชลบุรี:นายดำรง เภตรา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ท่าเทววงษ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะขามใหญ่ได้ยุบรวมกับเทศบาลตำบล(ทต.)เกาะสีชัง ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารจึงเกิดแนวคิดที่จะขยายเขตเทศบาลลงไปในทะเลเพื่อให้ครอบคลุมไปถึงเกาะขามใหญ่ เพื่อให้ทางเทศบาลสามารถจัดการในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเรือบรรทุกสินค้าและเรือโป๊ะที่จอดรอขนถ่ายสินค้าอยู่บริเวณหน้าเกาะสีชังได้ ซึ่งตลอดทั้งปีจะมีจำนวนหลายร้อยลำส่งผลกระทบกับสภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลเนื่องจากมีการลักลอบทิ้งขยะลงทะเลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบการการท่องเที่ยวบนเกาะสีชังด้วย

 ดังนั้นทาง ทต.เกาะสีชัง จึงได้ทำเรื่องขอขยายอาณาเขตลงสู่ทะเลเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย นานจนถึง 5 ปี และได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ทำให้เทศบาลมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 17 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือไปจรดเกาะขามใหญ่ส่วนทิศใต้จรดเกาะค้างคาว นับว่าเป็นเทศบาลแห่งแรกที่สามารถขยายอาณาเขตลงสู่ท้องทะเลได้

 นายดำรง เปิดเผยอีกว่า ในส่วนของขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ขณะนี้ทางเทศบาลฯ กำลังดำเนินการตั้งคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือบรรทุกสินค้าและเรือโป๊ะที่จอดทอดสมอหน้าเกาะสีชัง ภายในเดือน ก.พ.นี้ เพื่อออกเป็นเทศบัญญัติในการควบคุมดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมในทะเลต่อไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2009, 02:15:29 AM »

กรุงเทพธุรกิจ


ชุมชนอาสาดับไฟป่า


เจ้าหน้าที่โครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา ร่วมกับอาสาสมัครในชุมชน ขณะช่วยกันดับไฟป่า

เทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวยาวเหยียด ภายใต้ผืนเมฆ บริเวณรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ที่ตำบลสวนผึ้งและตำบลตะนาวศรี

  อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นที่ตั้งของสำนักงานโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดทำการเมื่อปี พ.ศ.2546

 ปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเขตรักษาพันธุ์ป่าไม้ประจำเพียง 1 คน กับความรับผิดชอบตลอดพื้นที่ 132,905 ไร่ นาม สุเทพ ไกรเทพ หัวหน้าโครงการอุทยานฯ ผู้ปรับกระบวนวิธีบริหารจัดการงานใหญ่นี้ ด้วยการจ้างเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 11 คน และเปิดรับอาสาสมัครจากคนในชุมชนโดยรอบในกรณีเกิดไฟป่า  ชาวบ้านอาสาสมัครส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ส่วนเจ้าหน้าที่ 11 คน ล้วนได้รับการฝึกฝนและอบรมวิชามัคคุเทศก์จากหัวหน้าสุเทพจนสามารถนำคณะผู้มาเยี่ยมชมเดินป่าศึกษาระบบนิเวศน์ ตามรอยเส้นทางเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ นอกจากนี้ยังฝึกอบรมเยาวชนเพื่อเป็นมัคคุเทศก์น้อยนำชมห้องจัดแสดงนิทรรศการภายในบริเวณอุทยานฯ ตลอดจนนำชมการจัดแสดงหุ่นปูนปั้นวิถีชีวิตชาวเหมืองแร่ดีบุกในอดีตที่ลานด้านข้างสำนักงานได้

 ตลอดช่วงเวลา 6 ปี หัวหน้าสุเทพ วัย 42 ปี พยายามสร้างเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยเน้นให้ชุมชนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในฐานะผู้อยู่กับป่าและใช้ป่า

 "สภาพผืนป่าตะนาวศรีในอดีตอุดมสมบูรณ์มาก นักโบราณคดีพบร่องรอยหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ พบเศษขวานหินแบบต่างๆ ที่นี่ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพและธรณีวิทยาสูง โดยเฉพาะมีสินแร่ดีบุกมาก เมื่อหลายสิบปีก่อน ชาวบ้านและนายทุนจากต่างถิ่นเข้ามาขอสัมปทานทำเหมืองดีบุก ทำให้หน้าดินเสียหาย ป่าไม้เสื่อมโทรม เพราะคนทำเหมืองต้องโค่นไม้ใหญ่เพื่อฉีดสายแร่ พอแร่หมดก็โค่นไม้ใหญ่ขาย พอไม้ใหญ่หมดก็ตัดไม้เล็กเผาถ่าน พอไม้หมดเลยมาทำไร่ ครั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินตามเส้นทางศึกษานิเวศน์เมื่อปี พ.ศ.2538 พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพป่า" หัวหน้าสุเทพ เล่าความเป็นมา

 ตั้งแต่ปี 2538 จึงมีโครงการปลูกป่า และจัดตั้ง "โรงมหรสพทางธรรมชาติ" ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สำหรับเยาวชน โดยในปีหนึ่งๆ จะจัดค่ายเยาวชนประมาณ 50 รุ่น

 จากอดีตเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม ในสังกัดกรมประมง หัวหน้าสุเทพตัดสินใจลาออก เพื่อมารับภารกิจสำคัญที่นี่

 "ปีแรก ชาวบ้านมาส่งข่าวว่ามีคนลักตัดต้นไม้ในเขตอนุรักษ์ ผมก็ไปขอกำลังทหารขึ้นไปล้อมจับ ยึดหลักฐานไว้ พวกเรารู้ดีว่าใครคือผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง ทางนั้นโทรมาหาผม ทั้งปลอบทั้งขู่ แต่ผมไม่กลัว ผมตอบไปว่าถึงชีวิตผมจะไม่ปลอดภัยก็ไม่เป็นไร เพราะผมอุทิศตัวแล้ว ผมตั้งใจรักษาผืนป่าเพื่อสนองงานถวายฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และคงเป็นเพราะพระบารมีคุ้มหัว ผมถึงอยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้"

 นอกจากต้องต่อสู้กับอิทธิพลมืดในท้องถิ่น หัวหน้าสุเทพยังต้องแก้ไขปัญหาสำคัญ นั่นคือปัญหาไฟป่า

 "ทุกปีจะต้องเกิดไฟ พอไฟไหม้พวกผม 4-5 คนก็จะวิ่งขึ้นเขาไปดับไฟ ถ้าไฟไม่ดับหมด ผมไม่เลิก บางทีต้องอยู่บนเขาถึง 3 วัน 3 คืน ต้องเตรียมเสบียงข้าวสารอาหารแห้งขึ้นไปตั้งแคมป์ แต่งบประมาณก็แสนจำกัด ปีหลังๆ ผมเลยจัดกิจกรรมหาทุนจัดซื้อข้าวสารอาหารแห้งให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครซึ่งก็คือชาวบ้านแถวนี้ ตอนนี้มีคนมาช่วย 3 คนแล้ว กองทุนอาสาสมัครดับไฟป่าได้รับเงินบริจาคตั้งต้น 5 หมื่นบาทจากนักท่องเที่ยวที่เห็นความสำคัญของงานอนุรักษ์"

 หัวหน้าสุเทพย้ำว่าเรื่องการอนุรักษ์ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก แต่ต้องลงมือกระทำจริง หน่วยงานรัฐจากส่วนกลางควรจัดสรรงบประมาณลงถึงพื้นที่ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

 เสียงจากเจ้าหน้าที่ชายขอบฝั่งตะวันตกของประเทศ จะดังสะท้อนเทือกเขาตะนาวศรี มาถึงหน่วยงานส่วนกลางหรือไม่ ต้องใช้เวลาพิสูจน์

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.025 วินาที กับ 21 คำสั่ง