กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 07:04:40 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552  (อ่าน 2417 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:37:39 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระหว่างบ่ายถึงค่ำ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในระยะนี้ ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอากาศร้อนโดยทั่วไป สำหรับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคง ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้

สำหรับในช่วงวันที่ 28 ก.พ. – 2 มี.ค. คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่บริเวณประเทศไทยตอนบน


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 28 ก.พ. – 2 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงไว้ด้วย



* Forecast.jpg (33.8 KB, 230x379 - ดู 426 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (41.62 KB, 450x501 - ดู 465 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:46:47 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ดำน้ำอย่างปลอดภัย                                             :                                        วินิจ รังผึ้ง



      ข่าวเศร้าของชาว ททท. ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนก็คือการจากไปของคุณกรองแก้ว ศิริผล ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง ซึ่งเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจวายเฉียบพลันขณะนำคณะคาราวานร่วมกิจกรรมดำน้ำดูปะการังแบบสนอร์เกิ้ล หรือการดำผิวน้ำที่บริเวณเกาะปิง อันเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างการจัดนำคณะคาราวานท่องเที่ยวนำล่องท่องทะเลตราด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะช้าง การจากไปของคุณกรองแก้ว ศิริผล นับเป็นความสูญเสียที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นพี่ เป็นผู้ร่วมงานอันเป็นที่รักของชาว ททท. เป็นผู้มุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน และเป็นบุคลากรคุณภาพยิ่งคนหนึ่งของ ททท. ขอแสดงความเสียใจกับญาติมิตรไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
       
       หลายคนอาจจะสงสัยหรือเริ่มไม่ค่อยแน่ใจว่าการท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังแบบสนอร์เกิ้ลนั้น จะปลอดภัยหรือไม่ หรือควรมีข้อปฏิบัติอย่างไร ยิ่งช่วงนี้อากาศเริ่มย่างเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มตัว ผู้คนก็กำลังจะหลั่งไหลลงไปเที่ยวทะเลกันมากขึ้น สัปดาห์นี้ผมเลยขอนำหลักปฏิบัติในการดำน้ำตื้นหรือจะเรียกว่าดำผิวน้ำ หรือการดำน้ำแบบสนอร์เกิ้ลอย่างปลอดภัยมาฝากท่านผู้อ่านกัน
       
       สิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับแรกก็คือสภาพดินฟ้าอากาศและคลื่นลมบริเวณท้องทะเลหรือหมู่เกาะที่เราจะเดินทางไป ซึ่งเราสามารถจะเช็คข้อมูลล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้จากเว็บไซต์พยากรณ์อากาศทั้งหลายเช่นเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เว็บไซต์ทหารเรือ หรืออีกหลายๆที่เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการท่องเที่ยวดำน้ำ และเมื่อเดินทางไปถึงก็สามารถเช็คสภาพอากาศขั้นสุดท้ายได้ว่ามีคลื่นลมหรือกระแสน้ำรุนแรงเกินไปหรือไม่ หากปลอดโปร่งก็จะท่องเที่ยวทำกิจกรรมได้อย่างสนุกสนาน แต่หากคลื่นลมรุนแรงเกินกว่าที่จะลงเล่นก็ไม่ควรจะเสี่ยง
       
       การท่องเที่ยวทะเลหรือเล่นน้ำ ดำน้ำให้มีความสุข ควรจะต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม ควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากๆ เพราะการไปเที่ยวทะเลนั้นร่างกายมักจะเสียเหงื่อและขาดน้ำ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและขาดสติยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะเป็นอันตรายและง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ
       
       การออกไปดำน้ำควรจะต้องสวมชูชีพประจำตัวทุกคนตั้งแต่ลงเรือ และการดำน้ำจำเป็นจะต้องมีคู่ดำน้ำเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยให้แก่กันตลอดการดำ โดยคู่ดำน้ำไม่ควรอยู่ห่างจากกันจนเกินไป เพราะจะได้ช่วยเหลือกันได้อย่างทันท่วงทีเมื่อจำเป็น และสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่ลงดำน้ำแบบสนอร์เกิ้ล เพื่อความปลอดภัยกับตัวท่านไม่ว่าจะว่ายน้ำเก่งหรือไม่เพราะการดำน้ำนานๆอาจหมดแรง เป็นตะคริว หรือหนาวสั่นจนว่ายน้ำไม่ไหว
       
       ควรเลือกอุปกรณ์ดำน้ำที่ถนัดและเหมาะกับตัว ซึ่งการดำน้ำแบบนี้ใช้เพียงหน้ากากดำน้ำ ท่อหายใจ และชูชีพก็เพียงพอ หรืออาจจะใช้ตีนกบสำหรับคนที่ใช้เป็น โดยการเลือกหน้ากากดำน้ำนั้นต้องให้พอดีกับขนาดใบหน้า โดยการทดสอบง่ายๆ ด้วยการนำหน้ากากมาทาบกับใบหน้า สูดลมหายใจเข้า กลั้นลมหายใจไว้แล้วปล่อยมือจากหน้ากาก ถ้าหากหน้ากากไม่หลุดจากใบหน้าเป็นอันใช้ได้ แต่ถ้าหน้ากากหลุดออกมาให้หาอันใหม่ที่กระชับกับรูปทรงของใบหน้ากว่า มิฉะนั้นน้ำจะเข้าหน้ากากดำน้ำอย่างไม่มีความสุข
       
       ทดลองฝึกฝนก่อนลงดำ โดยหากเดินทางไปเองก่อนออกเรือไปดำในจุดดำน้ำ ควรฝึกดำบริเวณหน้าชายหาดตื้นๆ ก่อน เพื่อให้เกิดความเคยชินกับการใช้อุปกรณ์ อย่าลืมว่าแม้บางคนจะเคยใช้อุปกรณ์มาบ้างแล้ว แต่หากไม่ได้ใช้นานๆ ก็อาจเกิดติดขัดขึ้นได้ หากไม่ลองฝึกซ้อมก่อน แล้ไปเกิดปัญหา เกิดข้อขัดข้องในน้ำขณะลงดำ บริเวณนั้นอาจมีระดับน้ำลึก อาจจะทำให้เกิดความกลัวและเกิดตกใจขึ้น ทำให้ดำน้ำไม่สนุกหรือไม่กล้าลงดำอีกเลย ซึ่งบางบริษัททัวร์ที่พาไปดำอาจมีไกด์ฝึกให้ลูกทัวร์ทดลองดำตื้นๆหน้าชายหาดไปก่อน ควรเชื่อฟังและหัดให้คล่องตามคำแนะนำของไกด์
       
       เลือกเวลาลงดำน้ำให้เหมาะสม โดยไม่อิ่มเกินไปเพราะจะทำให้อึดอันแน่นหายใจไม่สะดวก และไม่ควรเล่นน้ำเพลินจนหิวเกินไป เพราะร่างกายอาจจะอ่อนเพลียขาดพลังงาน รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้แสงแดดแผดเผาจนไหม้เกรียม ควรทาครีมกันแดดก่อนออกทะเล และควรสวมเสื้อแขนยาวปกคลุมเพื่อป้องกันแดดเผาอีกที
       
       ขณะลอยตัวดำดูความงดงามของปะการังและโลกใต้ทะเล หากจะพักน้ำเพื่อขยับหน้ากากดำน้ำ หรือเพื่อล้างทำความสะอาดให้ค่อยๆ ลอยตัวขยับหน้ากาก แล้วสวมใสให้เข้าที่ ไม่ควรเหยียบยืนบนก้อนโขดปะการัง เพราะก้อนปะการังเหล่านั้นประกอบด้วยชีวิตเล็กๆของปะการังนับหมื่นนับแสนตัว การเยียบยืนบนปะการังจะทำให้เกิดความเสียหายกับปะการังได้
       
       ในการดำน้ำไม่ควรเพลิดเพลินจนลืมตัว จนล่อยลอยออกไปไกลฝั่ง ไกลจากกลุ่มหรือจากคู่ดำน้ำ และควรสังเกตว่าเริ่มจะมีกระแสน้ำไหลรุนแรงขึ้นหรือไม่ หากเริ่มมีกระแสน้ำพัดไหลลอยห่างออกไปเรื่อยๆ ก็ควรหยุดการดำน้ำ เพราะกระแสน้ำที่ไหลรุนแรงนั้นมีพลังมหาศาล จนบางครั้งอาจจะไม่สามารถว่ายกลับมาที่เรือได้ หรือหากเริ่มมีฝนตั้งเค้า เริ่มมีคลื่นลมรุนแรงขึ้น ก็ควรหยุดการดำน้ำกลับขึ้นเรือ
       
       หากเกิดอะไรขึ้นขณะดำน้ำไม่ควรตื่นตกใจจนขาดสติ ควรค่อยๆรวมรวมสติและค่อยๆ แก้ปัญหา หรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด
       
       การดำน้ำตื้นนั้น ไม่ควรดำเข้าไปในบริเวณแนวปะการังที่ตื้นจนเกินไป เพราะปะการังที่แหลมคมอาจจะบาดครูดหรือทิ่มแทงให้เกิดอันตรายได้ และบริเวณตื้นๆ จนเท้าเหยียบยืนถึง อาจจะทำให้ท่านเข้าไปโดนหอยเม่นทิ่มตำจนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสได้ ในทางตรงกันข้าม ท่านก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับปะการังได้เช่นกัน เพราะคลื่นอาจจะซัดเข้าไปกระแทกให้ปะการังที่เปราะบางแตกหักเสียหาย หมดความงดงามลงไป
       
       แนวปะการังและโลกใต้ทะเลนั้นเป็นแหล่งรวมของสรรพชีวิต เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว การเข้าไปดำน้ำอาจเป็นการทำลายแนวปะการังได้โดยไม่ตั้งใจ นักดำน้ำที่ดีจึงควรจะไม่เข้าไปแตะต้องปะการังและสรรพชีวิต ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะจะมีผลกระทบอย่างสูงยิ่ง จึงควรรักษาระยะห่างให้พอดี ไม่สัมผัสแม้จะเป็นปะการังโครงสร้างแข็ง ปะการังโครงสร้างอ่อน กัลปังหา ฟองน้ำ และสรรพชีวิตอื่นใดใต้ท้องทะเล เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และความปลอดภัยของทุกสรรพชีวิต เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาโลกใต้ทะเลให้คงความงดงามตลอดไป.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2009, 01:58:51 AM »

ข่าวสด


"กูเกิ้ล"พบพื้นที่น่าสงสัย "แอตแลนติส"นครหายสาบสูญ


 
"แอตแลนติส" นครที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นเรื่องที่เล่ากัน มานานหลายพันปีมาแล้วว่า ครั้งนั้นแอตแลนติสเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยและมีวัฒนธรรมสูง ส่ง แต่จู่ๆ มหาสมุทร ก็กลืนแอตแลนติสลงไป และมีผู้พยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติสหลายครั้งหลายหน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มหานครแห่งนี้จึงยังคงความลึกลับอยู่ต่อไป
 


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กูเกิ้ลเปิดตัว "กูเกิ้ลโอเชี่ยน" ทำให้นักวิทยาศาสตร์เกิดความหวังว่า อาจใช้ "กูเกิ้ลโอเชี่ยน" นี้ค้นหาแอตแลนติสได้ โดยพื้นที่สงสัยนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศโมร็อกโก ทวีปแอฟริกา ราว 600 ไมล์และอยู่ลึกใต้ระดับน้ำทะเลไม่ต่ำกว่า 3 ไมล์ พื้นที่นี้เรียกว่า "แอ่งคานารี่"
 


จากภาพที่เห็นพบว่า มีลายเส้นเป็นรูปเหมือนกับถนนหนทาง กินอาณาบริเวณเท่ากับแคว้นเวลส์ ประเทศอังกฤษ แต่ที่จริงแล้ว ลาย เส้นเป็นลายเส้นเทียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำแผนที่ โดยแผนที่นี้ได้มาจากการตรวจวัดด้วยเครื่องโซนาร์ของพื้นทะเลและบันทึกโดยเรือ ลายเส้นนี้จึงเป็นทางเดินเรือที่รวบรวมข้อมูลมาให้

ดร.ชาร์ลส์ ออร์เซอร์ นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กสเตต สหรัฐอเมริกา มีความเห็นว่า "มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่แห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส และแม้ว่าจะไม่ใช่แอตแลนติส เป็นเพียงแค่สภาพภูมิศาสตร์ แต่เราก็ควรไปสำรวจอยู่ดี"


***********************************************************************************************************************


คิงฟิชเชอร์                                     :                                      คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์


 
ภาพนกคิงฟิชเชอร์บินโฉบกินเหยื่อซึ่งเป็นปลาตัวเล็กๆ เป็นภาพที่หาดูได้ยาก เพราะมันบินเร็วมากคือเกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีผู้ถ่ายภาพพวกมันไว้ได้ที่แม่น้ำแลนด์เฮสเซ่น ประเทศเยอรมนี คิงฟิชเชอร์จะมาโฉบเหยื่อหลายครั้ง จนกว่ามันจะพอใจ โดยแต่ละวันมันจะหาปลาได้ประมาณ 80 ตัว ปลาที่ตกเป็นเหยื่อมีทั้งปลาเพิร์ชและปลาสติกเคิลแบ็ก

   

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2009, 02:03:11 AM »

สยามรัฐ


เกาะช้างคุมเข้มประมงแก้ปัญหาโลมาเสียชีวิต

                ตราด: นายศรัณ จิรังศรี นายกเทศมนตรีตำบลเกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวว่า จากการที่ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวบนเกาะช้าง ว่าได้พบโลมาลำตัวยาว 150-180 ซ.ม. น้ำหนัก กว่า 150 กิโลกรัม เสียชีวิตและได้มาเกยตื้นที่ ที่เกาะสุวรรณหน้าหาดไก่แบ้ เทศบาลจึงได้ประสานกับ นายวันรุ่ง ขนรกุล กำนัน ต.เกาะช้าง นำเรือพร้อมเจ้าหน้าที่้ภัยตราด เก็บซากโลมาขึ้นฝั่ง

                นายศรัณ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ช่วงนี้มีโลมาเสียชีวิตบ่อยครั้ง น่าจะมาจากเรือประมงอวนลาก อวนรุน ที่เข้ามาทำการประมงในพื้นที่ใกล้ฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณแนวปะการังที่โลมาหาอาหารกันอยู่ ซึ่งเมื่อโลมาติดอวนทำให้ไม่สามารถขึ้นมาหายใจได้จึงเสียชีวิต และชาวประมงเกรงว่าจะถูกดำเนินคดี จึงทิ้งให้ลอยอยู่ในทะเล เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความสูญเสียสัตว์สงวนของ จ.ตราด อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้มีโลมาขนาดใกล้เคียงกันเสียชีวิตลอยอยู่กลางทะเล มาแล้วครั้งหนึ่ง                     

                “การแก้ปัญหาต้องขอความร่วมมือจากเรือประมงอวนลาก ไม่ให้มาทำประมงในพื้นที่ใกล้ฝั่งเกาะช้าง หากไม่เชื่อฟังคงจะต้องดำเนินคดี โดยให้ทางหน่วยประมงชายฝั่งเข้ามาดำเนินการจับกุม ขณะเดียวกันทางเทศบาลจะเดินหน้าจัดทำโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการเพิ่มจำนวนปะการังเทียมให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นการดูแลและอนุรักษ์โลมาที่เข้ามาหากินบริเวณชายฝั่ง ที่สำคัญจะสามารถป้องกันไม่ให้เรืออวนลาก อวนรุนเข้ามาทำประมงในพื้นที่ชายฝั่งที่ห้ามได้ ซึ่งจะทำให้ปลาเล็กๆ และ ปลาโลมาปลอดภัยจากการติดอวนได้”นายกเทศมนตรีตำบลเกาะช้าง กล่าว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.301 วินาที กับ 20 คำสั่ง