กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 01:55:15 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2552  (อ่าน 2555 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 02, 2009, 12:42:11 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่ปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนลดลง โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าวในช่วงนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา  ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 – 3 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของ ฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่ในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 4-7 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศร้อนขึ้น สำหรับสภาวะฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงจะลดน้อยลง


ข้อควรระวัง

 ในช่วงวันที่ 1 – 3 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งจะมีลักษณะฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง



* Forecast2.jpg (37.7 KB, 684x423 - ดู 588 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 02, 2009, 12:47:40 AM »

เดลินิวส์


กรีนพีชเรียกร้องปท.อาเซียนใส่ใจป่าไม้

 วันนี้(1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมดุสิตธานี อ.หัวหิน จ.เพชรบุรี มีตัวแทนกลุ่มกรีนพีซจำนวน 16 คน แต่งกายใส่หน้ากากใบหน้าผู้นำอาเซียน 10 ชาติ และบางส่วนแต่งกายเป็นลิง เดินทางมายังหน้าโรงแรม เพื่อเรียกร้องให้กลุ่มประเทศอาเซียนให้ความสำคัญกับการดูแลป่าไม้

โดยตัวแทนของกลุ่มกรีนพีช กล่าวว่า ที่เดินทางมาชุมนุมครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ผู้นำอาเซียน และประชาชนชาวอาเซียน ให้ความสำคัญกับเรื่องการป้องกัน การทำลายป่าไม้ ซึ่งขณะนี้ในเอาเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการทำลายป่าไม้ค่อนข้างรุนแรง และมากที่สุด รวมถึงให้สร้างกองทุนในเรื่องการรักษาดูแลป่าไม้ อย่างไรก็ตาม หลังการชุมนุมประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่ได้มาเชิญตัวออกจากพื้นที่ ซึ่งทางกลุ่มก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 02, 2009, 12:53:05 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ฟอสซิลปลาดึกดำบรรพ์ชี้ พฤติกรรมจับคู่ผสมพันธุ์มีมานานกว่าที่คาด


ฟอสซิลของปลาพลาโคเดิร์มอายุกว่า 380 ล้านปี ที่มีลูกอ่อนอยู่ในท้องด้วย พบในออสเตรเลียเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน (บีบีซีนิวส์)
 
ศึกษาฟอสซิลปลาโบราณในออสซี ที่พบมานานกว่าสิบปีได้หลักฐานใหม่ ที่แท้กระดูกในท้องเป็นของลูกปลาที่ยังไม่เกิด ไม่ใช่กระดูกของเหยื่ออย่างที่คาด นักวิจัยระบุมีการปฏิสนธิภายในแม่ปลา ชี้รูปแบบการผสมพันธุ์แบบจับคู่แล้วตัวผู้ปล่อยสเปิร์มเข้าไปในตัวเมียมีมาแต่ยุคแรกๆ และนานกว่าที่คิด
       
       ทีมนักวิทยาศาสตร์อังกฤษและออสเตรเลีย ร่วมกันศึกษาฟอสซิลของปลาพลาโคเดิร์ม (placoderm) สปีชีส์ อินคิสออสคูตัม ริตชิอี (Incisoscutum ritchiei) อายุราว 380 ล้านปี ที่พบในบริเวณแหล่งขุดค้นโกโก (Gogo) ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ผลปรากฏว่า กระดูกในท้องฟอสซิลปลาเป็นของปลาตัวอ่อน
       
       นับเป็นข้อมูลใหม่ที่ชี้ว่า ปลาดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ มีการจับคู่ผสมพันธุ์แบบเกิดการปฏิสนธิภายในปลาตัวเมีย ซึ่งแต่เดิมคิดว่าวิธีผสมพันธุ์แบบนี้วิวัฒนาการขึ้นหลังจากนั้นอีกหลายสิบล้านปี โดยได้มีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารเนเจอร์ (Nature) เมื่อเร็วๆนี้ ตามที่ระบุในสำนักข่าวเอพี
       
       ทั้งนี้ ปลาพลาโคเดิร์มเป็นปลาในยุคดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ในยุคดีโวเนียน (Devonian : ราว 417-350 ล้านปีก่อน) ซึ่งเป็นยุคของปลา (The Age of Fish) และฟอสซิลของปลาดังกล่าวนั้นพบตั้งแต่ช่วงปี 2529 นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นฟอสซิลของบรรพบุรุษสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุดในขณะนี้
       
       บีบีซีนิวส์รายงานว่าแรกเริ่มเดิมที นักวิจัยคะเนว่าปลาพลาโคเดิร์มตัวนี้ตายลงหลังจากที่กินอาหารมื้อสุดท้าย และเชื่อว่ากระดูกที่พบอยู่ในท้องก็คือเหยื่อตัวสุดท้ายที่กินเข้าไป แต่หลังจากที่ศึกษาใหม่อย่างละเอียด กระดูกที่คิดว่าเป็นของเหยื่อพลาโคเดิร์มนั้นแท้ที่จริงก็คือลูกปลาพลาโคเดิร์มที่ยังอยู่ในท้องแม่นั่นเอง
       
       นอกจากนั้น นักวิจัยยังได้ศึกษาและวิเคราะห์กระดูกเชิงกรานของปลาพลาโคเดิร์มใหม่อีกครั้ง จากตัวอย่างฟอสซิลของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (Natural History Museum) ในกรุงลอนดอน อังกฤษ และพิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย (Museum Victoria) ในเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ทำให้ได้ข้อมูลใหม่ เกี่ยวกับการปฏิสนธิของปลาพลาโคเดิร์ม โดยพบว่ากระดูกเชิงการของเพศผู้มีครีบที่ไม่พบในเพศเมีย ซึ่งเรียกครีบนั้นว่า คลาสเปอร์ (clasper) และสันนิษฐานว่าพลาโคเดิร์มตัวผู้มีไว้สำหรับยึดเกาะตัวเมียในขณะจับคู่ผสมพันธุ์เพื่อปล่อยสเปิร์มเข้าในผสมกับไข่ที่อยู่ในตัวเมีย คล้ายกับการผสมพันธุ์ของฉลามในปัจจุบันซึ่งมีอวัยวะส่วนที่คล้ายกับที่พบในพลาโคเดิร์มเช่นกัน
       
       "พลาโคเดิร์มเพศผู้ มีกระดูกชิ้นพิเศษขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับกระดูกเชิงกราน ซึ่งเรามองข้ามไปในตอนแรกและไม่ได้แยกแยะมันออกจากกัน และเมื่อเราทำความเข้าใจกับกระดูกเชิงกรานของปลาชนิดนี้ใหม่ ทำให้เรารู้ว่าพวกมันมีการจับคู่ผสมพันธุ์กัน" จอห์น ลอง (John Long) นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว


ภาพจำลองการจับคู่ผสมพันธุ์ของปลาพลาโคเดิร์มที่มีการปฏิสนธิระหว่างไข่กับสเปิร์มภายในท้องของตัวเมีย แต่เดิมคิดว่าปลาชนิดนี้มีการปฏิสนธิภายนอนตัวเมีย (เอพี)
       
       ด้านเซรินา โจแฮนสัน (Zerina Johanson) นักบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาในลอนดอน นักวิจัยอีกคนที่ร่วมศึกษากล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์เคยคาดคะเนกันว่าปลาโบราณชนิดนี้ มีรูปแบบการสืบพันธุ์เป็นแบบดั้งเดิมที่ปลาตัวผู้และตัวเมียปล่อยสเปิร์มและไข่ออกมาผสมกันและเกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนในน้ำ หรือที่เรียกว่าปฏิสนธิภายนอก
       
       ทว่าจากที่ได้ศึกษากันใหม่พบว่า ปลาพลาโคเดิร์มมีการปฏิสนธิกันแบบขั้นสูงขึ้น ที่ปลาตัวผู้และตัวเมียจับคู่ผสมพันธุ์กัน โดยปล่อยสเปิร์มเข้าไปและเกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนขึ้นภายในปลาตัวเมีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการผสมพันธุ์แบบนี้เกิดขึ้นในปลายุคแรกๆ มานานกว่าที่เราเคยสันนิษฐานกัน และการปฏิสนธิภายนอกอาจไม่ใช่รูปแบบการผสมพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดอย่างที่เคยคาดกันไว้ และเป็นไปได้ว่ามีวิวัฒนาการแบบนี้เกิดขึ้นในปลาชนิดอื่นด้วยเช่นกัน
       
       "การค้นพบครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อทีเดียว เพราะหลักฐานทางชีววิทยาการสืบพันธุ์นั้นหาจากฟอสซิลได้ยากยิ่ง" โจแฮนสัน ระบุในบีบีซีนิวส์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ที่มีขากรรไกรจากฟอสซิลดังกล่าวกันต่อไป รวมทั้งศึกษาด้วยว่าปลาพลาโคเดิร์มนี้มีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับพวกฉลามและกระเบน หรือปลากระดูกแข็ง เช่น ทูน่า มากกว่ากัน.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 02, 2009, 12:59:20 AM »

ข่าวสด


พ่อเมืองลำปางขอฝนหลวงช่วยด่วน วิกฤตหมอกควันทึบ-จี้ดำเนินคดีพวกเผาป่า

ลำปาง - นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.ลำปาง กล่าวในฐานะที่เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ โดยหยิบยกประเด็นการเกิดปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมเขตเมืองลำปางขณะนี้ขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุม พร้อมทั้งสั่งการให้ประชาสัมพันธ์เรื่องการงดเผาป่า และเพิ่มมาตรการด้านกฎหมายเอาผิดผู้ที่เผาป่าอย่างจริงจัง เนื่องจากฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนมีค่าสูงขึ้นเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. และยังคงสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยล่าสุดวันที่ 27 ก.พ.52 สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่ศาลากลางจังหวัดลำปางหลังเก่า วัดค่าได้ 259.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่กำหนด ถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน

นายสุวิทย์ ขัตติยวงศ์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง กล่าวว่า ปี 2552 นี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.พ. มีค่ามาตรฐานเกินไปแล้ว 16 วัน และคาดการณ์เดือนมีนาคมเป็นต้นไปจะมีค่าสูงมากขึ้น นอกจากว่าจะมีฝนฟ้าคะนองเข้ามา นอกจากนั้นปริมาณเชื้อเพลิงสะสมในป่าของกรมอุทยานแห่งชาติมีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 40%

น.พ.ทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน ผอ.ร.พ.ลำปาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบจากสถิติผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ และอาการระคายเคืองทางตาตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น 15-20% มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาประมาณ 300 คนต่อวัน โดย 15-20 คนที่รับไว้เป็นผู้ป่วยใน เพราะอาการหนักจนต้องใช้ออกซิเจนช่วยในการหายใจ จึงฝากเตือนผู้สูงอายุและเด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว มีภูมิต้านทานโรคต่ำ งดออกมาเดินบริเวณกลางแจ้ง ซึ่งการอยู่ในบ้านหรือในตึกอากาศจะดีกว่าอยู่ด้านนอก

ทั้งนี้ นายอมรพันธุ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.52 ได้ลงนามขอฝนหลวงไปยังกระทรวงเกษตรฯ โดยวันที่ 27 ก.พ. ได้รับการตอบรับจากนายไพโรจน์ ลิ้มจรูญ ผู้ตรวจกระทรวงเกษตรฯ สั่งการให้เคลื่อนย้ายเครื่องบินจากหัวหินมาช่วยทำฝนหลวงที่ลำปางภายใน 2-3 วันนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ปัญหาคลี่คลายลงได้ รวมทั้งขอความร่วมมือจากหัวหน้าส่วนทุกหน่วยงานให้ช่วยประชาสัมพันธ์งดการเผาป่า พร้อมทั้งดำเนินการกับผู้ที่ยังฝ่าฝืนลักลอบเผาป่าหญ้าแห้งอยู่ในขณะนี้อย่างจริงจัง และแจ้งไปยังองค์กรปกคลองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดจัดรถบรรทุกน้ำฉีดน้ำบนถนนเพื่อลดปริมาณฝุ่นควันด้วยอีกทางหนึ่ง


***********************************************************************************************************************


ปลาใหม่น่าขัน-กระโดดไปตามพื้น


 
นักดำน้ำที่กำลังดำน้ำอยู่บริเวณเกาะอัมบนของอินโดนีเซีย พบปลารูปร่างแปลกตาเลยจับส่งไปให้ดร. เทต พีเอตช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ทะเลของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาดู ซึ่ง ดร.พีเอตช์ชี้ออกมาแล้วว่า ปลาที่มีรูปร่างคล้ายกับลูกฟุตบอลยางนี้เป็นปลาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมกับตั้งชื่อว่า "ไซคีเดลิคา (Psychedelica)"
 


"ไซคีเดลิคา" เป็นปลาในตระกูลปลากบ ลายทางยาวๆ ของมันเลียนแบบลักษณะของปะการัง มีขนาดเท่ากับกำปั้น หนังที่ลำตัวหนาซึ่งน่าจะเป็นเพราะใช้ป้องกันผิวคมๆ ของปะการัง หน้าแบน ตามองพุ่งตรงไปข้างหน้าเหมือนกับตาของมนุษย์ ปากกว้าง เมื่อไปอยู่ที่พื้นทะเล มันจะใช้ครีบผลักพื้น และไล่ น้ำออกจากเหงือกเพื่อดันตัวให้พุ่งไปข้างหน้าอย่าง รวดเร็ว การทำเช่น นี้ทำให้มันดูเหมือน กับกระโดดดึ๋งๆ ไปตามพื้น

นายมาร์ก เอ็ดมันด์ ที่ปรึกษาโครงการอนุ รักษ์สัตว์ทะเลนานา ชาติ กล่าวว่า "น่าตื่นเต้นจริงๆ ที่พบไซคีเดลิคา มันเป็นปลาที่แปลกมาก ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพในเขตของประเทศอินโดนีเซียและสาม เหลี่ยมคอรัล"

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 02, 2009, 01:06:57 AM »

สำนักข่าว INN


เอเซียใต้จะได้รับผลกระทบสภาพอากาศเปลี่ยน

ศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเผยผลการศึกษา ในวารสารจีโอฟิสิคอล รีเสิร์ช เลตเตอร์ส ว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นอาจทำให้ฤดูมรสุมในภูมิภาคเอเชียใต้มาถึงล่าช้าราวทั้งยังทำให้ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาค ภายในศตวรรษหน้า

นายโนอาห์ ดิฟเฟนบัฟ ผู้อำนวยการเฉพาะกาลของศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ระบุว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจทำให้ลมมรสุมเปลี่ยนทิศไปทางตะวันออก ทำให้ฝนตกในมหาสมุทรอินเดีย พม่าละบังกลาเทศมากขึ้น ขณะที่ปากีสถาน อินเดีย และเนปาล จะมีฝนตกน้อยลง ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยร้ายแรงมากขึ้นในพื้นที่แถบชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย ศรีลังกา และพม่า เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรม การสาธารณสุข และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียใต้ทั้งนี้ ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากลมมรสุมเหล่านี้ และความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยจากรูปแบบของมรสุมปกติ อาจทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงได้

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.021 วินาที กับ 20 คำสั่ง