กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 12:07:07 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2552  (อ่าน 2281 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 03, 2009, 12:27:54 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและ มีลมกระโชกแรงต่อไปอีก ส่วนภาคใต้มีฝนกระจาย ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงได้เป็นแห่งๆ ในช่วงวันที่ 3-6 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมใต้กับลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดเข้าปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนขึ้นและมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่ และในช่วงวันที่ 7-8 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของประเทศไทยระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งจะมีลักษณะฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง



* Forecast2.jpg (38.73 KB, 684x423 - ดู 306 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (40.65 KB, 450x498 - ดู 322 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 03, 2009, 12:35:33 AM »

เดลินิวส์


หมอกควันคลุมเชียงใหม่...ฝีมือมนุษย์-ภัยธรรมชาติ   ถึงเวลาภาครัฐ...บูรณาการแก้ไขปัญหาหรือยัง?

หมดฤดูหนาวเข้าสู่ห้วงฤดูร้อนทุก ๆ ปี สภาพอากาศแห้งทุกปีในหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และ ลำพูน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงล้อมรอบ และเป็นแอ่งกระทะ หลายจังหวัดเหล่านี้ต้องประสบปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าและไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเข้ามาปกคลุม โดยเฉพาะที่จังหวัด เชียงใหม่ประชาชนประสบปัญหานี้ทุกปี สภาพ อากาศแห้งบนชั้นอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นละอองและเขม่าที่เกิดจากควันไฟ ที่ล่องลอยเข้ามาปะทะกับจมูกและตา หายใจไม่ออก ปวดแสบปวดร้อนตา สร้างความเดือดร้อน ที่สำคัญเสียบรรยากาศเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวหนีหายไปที่อื่นหมด สภาพหมอกควันที่เข้าปกคลุมเมืองจะเริ่ม ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
 
ค่ามาตรฐานของปริมาณฝุ่นละลองในอากาศ ไม่ควรเกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะนี้หลายจังหวัด เช่น ลำปาง ลำพูน แพร่ มีค่า AQI หรือดัชนีคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินกว่ามาตรฐานทั้งนั้น ในส่วนของเชียงใหม่แม้จะยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ปริมาณความหนาแน่นของฝุ่นละอองในอากาศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกวันจากจุดตรวจวัดที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ศูนย์ราชการจังหวัด และที่พระตำหนักภูพิงค   ราชนิเวศน์ ซึ่งทั้ง 3 จุดจะทำหน้าที่วัดคุณภาพอากาศของเชียงใหม่และรายงานผลออกมาทุกวัน
 
รากเหง้าของปัญหาหมอกควันพิษปกคลุมเมืองสาเหตุอันดับแรกเลยคือเกิดจากน้ำมือมนุษย์นี่เอง การเผา ทั้งเผาป่า เผาขยะ เผาทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นเผาปรับพื้นที่เรือกสวนไร่นาเตรียมการเพาะปลูก เผาป่าเพื่อล่าสัตว์ และการเผาที่เกิดจากไฟป่าตามธรรมชาติ เมื่อทุกพื้นที่ทั้งในเมืองและชนบทช่วยกันเผากลุ่มควันจากการเผาลอยขึ้นสู่อากาศ พื้นที่ส่วนใหญ่ทางภาคเหนือเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ กลุ่มควันที่ขึ้นสู่อากาศ ก็ไม่ไปไหนวนเวียนอยู่ในแอ่งกระทะปกคลุมเมือง อย่างที่เห็นนี่แหละ
 
นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการ  จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศแห้งแล้งของปีนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสถานการณ์หมอกควันไฟในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก จังหวัดเชียงใหม่จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ประจำปี 2552 ขึ้น โดยศูนย์ฯ นี้ ตั้งขึ้นที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ 118/4 ถนนอนุสาวรีย์สิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการติดต่อรับแจ้งข่าวสารการเกิดหมอกควันและไฟป่าของอำเภอและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาหมอกควันได้ทัน ท่วงที รวมทั้งทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถาน การณ์หมอกควันและไฟป่า พร้อมทั้งรณรงค์ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุมการเผาขยะและสิ่งปฏิกูลและการป้องกันไฟป่า ถ่ายทอดองค์ความรู้การจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกวิธี ความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์ปลอดการเผา การจัดการใช้ประโยชน์ เศษวัสดุการเกษตรแทนการเผาทำลาย องค์ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบหมอกควันและไฟป่าที่มีต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม
 
นอกจากนั้นในปีนี้ทางจังหวัดได้ขอความร่วมมือไปยังเทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดำเนินการรณรงค์หยุดการเผาในพื้นที่ ทุกอย่างเพื่อป้องกันการสะสมของหมอกควันไฟจนทำให้ปกคลุมเมืองเชียงใหม่ได้ ซึ่งตนเองก็ได้สั่งการไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกพื้นที่รณรงค์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ลดละเลิกการเผาหญ้าแห้งใบไม้แห้ง กำชับชาวบ้านที่หาของป่า ให้การดับไฟหลังจากใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าได้ นอกจากนี้  มีการประชาสัมพันธ์ให้เลิกพฤติกรรมเผาป่าล่าสัตว์ ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นประชาชนทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขและทางจังหวัดหวังไว้ว่าจะ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนที่ถือว่าเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รอง ผวจ. กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
 
จากผลพวงของปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเบื้องต้นต่อสุขภาพของประ ชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ นพ.สุรสีห์ วิศรุตรัตน์ รองสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสภาพอากาศดังกล่าวเบื้องต้นมีผลกระทบกับ    ผู้ที่ป่วยในระบบทางเดินหายใจอาการเริ่มแรก ตาแดง หายใจติดขัด แสบโพรงจมูก วิธีป้องกันเบื้องต้นก็ต้องหาหน้ากากและแว่นตามาสวมใส่ ปิดตาและจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าไปเวลาออกไปทำธุระนอกบ้าน ส่วนการป้อง กันอีกทางหนึ่งก็คืออยู่ในบ้าน และหากอาการหาย ใจไม่ออกแสบตาเพิ่มและรุนแรงมากขึ้นให้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาทันที นี่คือผลกระทบลำดับแรก  ที่ประชาชนในพื้นที่ต้องประสบ ยังไม่นับรวมถึง  ผลกระทบต่อวงการท่องเที่ยวเป็นที่รู้กันว่าเชียง ใหม่ เชียงราย แม่ฮ่อง สอน เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย จากปัญหานี้เมื่อปีที่แล้วนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งมีความอ่อนไหวในเรื่องความปลอด ภัยหนีหายไปที่อื่นหมด ถ้าเกิดเหตุ การณ์ซ้ำรอยในปีนี้อีกวงการท่องเที่ยวที่ทรุดอยู่ แล้ว จะจมดินไปอีกขนาดไหน
 
การแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษปกคลุมเมืองภาคเหนือตอนบนจะปล่อยให้แต่ละจังหวัดแก้ไขปัญหาเองเห็นทีจะสำเร็จยาก เพราะหลายจังหวัดมีพื้นที่ติดต่อกันเป็นที่ทราบดีว่าอากาศไม่มีอะไรสามารถแบ่งกั้นได้ เชียงใหม่อาจจะรณรงค์เลิกเผาได้ผล ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงรายละทำได้หรือเปล่า เมื่อเผาที่หนึ่งกลุ่มควันก็ล่องลอยไปอีกที่หนึ่งได้ ที่สำคัญหลายจังหวัดมีชายแดนที่ติดกับเพื่อนบ้านคือพม่า ฝั่งเราสกัดกั้นกลุ่มควันได้ก็มิได้หมายความว่าฝั่งพม่าจะหยุดเผา รัฐบาลกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่บูรณา การทุกจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ รวมไปถึงประสานงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแลปัญหานี้อีกแรง ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเบาบางและแก้ไขได้ในที่สุดครับ.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 03, 2009, 12:43:19 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


พัทลุง ชวนเที่ยว 2 งานใหญ่ ที่ทะเลน้อย



      จังหวัดพัทลุง ร่วมกับการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง องค์การบริหารส่วนตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเที่ยวงาน “เทศกาล ล่องเรือ แลนกทะเลน้อย” และ “วิวาห์ทะเลล้านบัว” ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
       
       สุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า กำหนดการจัดงาน “เทศกาล ล่องเรือ แลนกทะเลน้อย” จะมีระหว่างวันที่ 5 มีนาคม – 15 เมษายน 2552 ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยเฉพาะของทะเลน้อย ซึ่งถือเป็นอัญมณีอันล้ำค่าของจังหวัดพัทลุง ภายในงานเทศกาล ประกอบด้วย กิจกรรมล่องเรือ แลนก ชมทะเลบัว กิจกรรมลานวัฒนธรรมถนนคนเดิน และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และทางจังหวัดยังเพิ่มสีสันของงาน โดยมีการจัดงาน “วิวาห์ทะเลล้านบัว” เพื่อเชิญชวนคู่บ่าวสาวร่วมสายใยรัก ท่ามกลางดอกบัวนับล้านดอกซึ่งเป็นการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวแบบใหม่ งานนี้จัดขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม 2552 ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โดยจำกัดคู่บ่าง-สาว เพียง 12 คู่เท่านั้น
       
       ทางด้าน สมชาย สุวรรณชาติ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า กล่าว “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานเทศกาลส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวพัทลุง ซึ่งทางเรานั้นได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของบ้านพัก และกิจกรรมแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเราเน้นในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้มากขึ้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเราได้อบรมพนักงานเป็นอย่างดี”
       
       ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง 0-7462-0276

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 03, 2009, 12:50:26 AM »

คม ชัด ลึก


ร้องนายทุนรุกป่าชายเลน! ทช.ยกทีมรุดตรวจสอบ

คมชัดลึก : ภูเก็ต - อธิบดี ทช.ลงพื้นที่ตรวจสอบป่าชายเลนบางคู หลังชาวบ้านร้องเรียนนายทุนอ้างมีเอกสารสิทธิเข้าทำการแผ้วถาง เผยขอตรวจสอบโดยนำโฉนดไปแปลภาพถ่ายเปรียบเทียบ

 นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินทางไปยังพื้นที่บ้านบางคู ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อสำรวจสภาพป่าชายเลนที่มีชาวบ้านร้องเรียนว่าถูกกลุ่มนายทุนอ้างเอกสารสิทธิครอบครอง โดยมีนายเกื้อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายก อบต.เกาะแก้ว, นายเจษฎา แนบเนียร กำนันตำบลเกาะแก้ว, นางสมทรง จันทร์หอม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.เกาะแก้ว และชาวบ้านบางคู รวม 30 คน ชี้แจงข้อมูลและพาลงตรวจสอบพื้นที่จริง

 นายสำราญกล่าวภายหลังลงพื้นที่สำรวจว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในโฉนด 5 แปลง ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำโฉนดนี้ไปแปลภาพถ่าย เพื่อนำไปใช้เปรียบเทียบกับพื้นที่ป่าเดิม ตามมติ ครม.15 ธันวาคม 2530 ทั้งนี้ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นพื้นที่ป่าชายเลนจริง และมีการออกเอกสารสิทธิหลังปี 2532 ขั้นตอนต่อจากนั้นก็จะเสนอไปยังกรมที่ดินเพื่อยกเลิกโฉนดแปลงดังกล่าว ขณะนี้จึงทำได้เพียงการดูสภาพจริงและรอผลการตรวจสอบ
 
 ด้านนายเกื้อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายก อบต.เกาะแก้ว กล่าวว่า จากนี้จะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ลงไปสำรวจพื้นที่ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดมีโฉนดและพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อจะจัดทำแนวเขตที่ชัดเจน โดย อบต.จะได้จัดสรรงบสำหรับทำรั้วแสดงแนวเขตให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการบุกรุกต่อไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.022 วินาที กับ 20 คำสั่ง