กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 07:34:25 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2552  (อ่าน 3936 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 02:28:45 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา

สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคตะวันออก เริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ประเทศ
ไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในตอนเย็นและค่ำ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดปทุมธานี อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8-9 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงได้ในบางพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 10-13 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวขึ้น ส่วนในวันที่ 14 มี.ค. จะมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนระลอกใหม่แผ่ซึมเข้ามาปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงได้อีกครั้งหนึ่ง

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 8-9 และ 14 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงไว้ด้วย


* Forecast090309.JPG (22 KB, 398x384 - ดู 348 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 02:37:51 AM »

โพสต์ทูเดย์

เขตควบคุมมลพิษ..มาบตาพุด 
รายงานโดย :รศ.อุดมศักดิ์ สินธิพงษ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม บริษัท ลีกัล แอดไวซอรี่ เคาน์ซิล: วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

ต้องตามวัดใจกันต่อว่า เอกชนในฐานะผู้เสียประโยชน์จากคำสั่งศาลปกครองระยอง ที่มีคำพิพากษาให้พื้นที่มาบตาพุดทั้งหมดเป็นเขตควบคุมมลพิษ จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่

ถ้าหากไม่อุทธรณ์สิ่งที่จะต้อง ดำเนินการต่อไปก็คือ การปฏิบัติ ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ในการประกาศให้พื้นที่ที่มีปัญหามลพิษรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตเป็นเขตควบคุมมลพิษ ตามมาตรา 59 พร้อมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อการควบคุม ลด และขจัดมลพิษในเขตควบคุมนั้น
ตามลำดับขั้นก็คือ 1.จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ เป็นหน้าที่ของ เจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและเจ้าของแหล่งกำเนิดมลพิษทั้งหลาย เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผน ภายใต้ความช่วยเหลือของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ และให้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อรวมไว้ในแผนปฏิบัติการ การจัดการคุณภาพ สิ่งแวดล้อมของจังหวัดต่อไป

สิ่งที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องดำเนินการ คือ สำรวจและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดมลพิษที่มีอยู่ในเขตควบคุมมลพิษนั้น ตลอดจนจัดทำบัญชีรายละเอียดแสดงจำนวน ประเภท และขนาดของแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่ได้สำรวจและเก็บข้อมูล รวมถึงศึกษา วิเคราะห์ ประเมินสถานภาพมลพิษ ขอบเขตความรุนแรง ของสภาพปัญหา ผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการลดและขจัดมลพิษในเขตดังกล่าว

2.กำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษในกรณีพิเศษ เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่จะออกประกาศ กำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดได้เป็นพิเศษ โดยจะกำหนดให้สูงกว่ามาตรฐาน ที่รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ หรือมาตรฐานซึ่งกำหนดโดยส่วนราชการอื่น ตามกฎหมายเฉพาะก็ได้ เช่น มาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม

3.จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียหรือระบบกำจัดของเสียของตนเอง เป็นหน้าที่ของเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษ จะต้องทำการก่อสร้างหรือดำเนินการให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสียของตนเอง หรือปรับปรุงระบบดังกล่าวที่มีอยู่เดิมให้ได้มาตรฐานตามที่เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษกำหนด

4.การส่งน้ำเสียหรือของเสียไปบำบัดหรือกำจัด หากในเขตนั้น เจ้าหน้าที่จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม หรือระบบกำจัดของเสียรวมไว้แล้ว เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษทุกประเภท ยกเว้นผู้ที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย หรือกำจัดของเสียของตนเอง มีหน้าที่จัดส่งน้ำเสียหรือของเสียไปบำบัด หรือกำจัดยังระบบรวม โดยเสียค่าบริการตามที่กฎหมายกำหนด

5.การส่งน้ำเสียหรือของเสียให้ ผู้รับจ้างทำการบำบัดหรือกำจัด ในเขตควบคุมมลพิษที่ทางราชการยังไม่ได้จัดให้มีระบบบำบัดหรือกำจัดของเสียรวม เป็นหน้าที่ของเจ้าของหรือ ผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ ต้องส่งน้ำเสียหรือของเสียของตนไปให้ ผู้รับจ้างให้บริการ

และ 6.การจัดให้มีวิธีการชั่วคราวเพื่อบำบัด หรือกำจัดน้ำเสียของเสีย ในเขตควบคุมมลพิษที่ทางราชการยังไม่ได้จัดระบบบำบัดหรือกำจัดรวมไว้ให้ และยังไม่มีผู้ใดได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการดังกล่าว

เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะกำหนดวิธีการชั่วคราว สำหรับการบำบัดหรือกำจัดของเสีย และน้ำเสียนั้น

ทั้งนี้ วิธีชั่วคราวก็คือ การรวบรวม ขนส่ง จัดส่ง ด้วยวิธีการใดๆ ที่เหมาะสม ไปทำการบำบัดหรือขจัดนอกเขตควบคุมมลพิษ

หลังจากนี้นอกจากติดตามท่าทีของเอกชนแล้ว ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็ต้องดำเนินการไปตามตัวบทกฎหมายให้ถูกต้องด้วย
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 02:46:46 AM »

ไทยรัฐ

ธรรมชาติสร้าง ไลเคน' ใช้เป็นมาตรวัด....ระบบ นิเวศน์
 
แม้ “เทคโนโลยี” จะพัฒนาให้ก้าวล้ำไปไกล มีการสร้างเครื่องมือที่ทันสมัย สะดวกต่อการทำงาน ให้ผลรวดเร็วเพียงใดก็ตาม แต่เราก็ยังคงเอาสิ่งที่มีอยู่ใน “ธรรมชาติ” อาทิ ไส้เดือน กิ้งกือ รวมทั้ง เชื้อรา และ สาหร่าย หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกกันว่า “ไลเคน” เป็นเครื่องชี้วัด “ความสมบูรณ์”

ในทางตรงกันข้ามยังสามารถใช้บ่งบอกถึง “สารพิษ” ในอากาศว่ามีปริมาณมากน้อย ก่อให้เกิดความเสี่ยง และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย

โดยล่าสุด ดร.วนารักษ์ ไซพันธ์แก้ว อาจารย์ ประจำภาควิชาชีววิทยา  คณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบ ไลเคนชนิดใหม่ของโลก ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนประเทศไทย และได้ ศึกษาความหลากหลาย ชนิดที่เป็นตัวบ่งชี้การตรวจสอบผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ในบริเวณที่ลุ่มในเขต 7 จังหวัดทางภาคเหนือตอนบน ซึ่ง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการ วิจัย (สกว.) ให้ทุนสนับสนุน

ดร.วนารักษ์ บอกว่า ไลเคนเป็นสิ่งมีชีวิตเกิด จากการอยู่ร่วมกันระหว่างรากับสาหร่ายแบบพึ่งพาอาศัย ส่วนใหญ่มีสีเขียว และ ส่วนน้อยเป็นแบคทีเรียสีเขียวแกมน้ำเงิน จะพบในชนิดที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง ไม่ทนทานต่อมลพิษทางอากาศ การหายไปหรือปรากฏขึ้นการเปลี่ยน แปลงลักษณะทางกายภาพเช่น เกิดการฟอกขาวของตัวมันเอง

...อย่างต้นปี'50 ที่มีวิกฤติหมอกควันในพื้นที่เชียงใหม่ ลำปาง มันได้ถูกเอามาเป็น เครื่องชี้วัดสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแปลงคุณภาพอากาศ ซึ่งประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ใช้เป็นตัวบ่งชี้มลพิษทางอากาศและชีวภาพกันมาแล้วอย่างแพร่หลาย...

ดังนั้น...เพื่อศึกษาความหลากหลาย ทีมวิจัยจึงสำรวจพื้นที่ทางภาคเหนือตอนบนได้แก่ จังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน และ พะเยา รวม 32 แห่ง แบ่งเป็นเขตตัวเมือง 7 แห่ง และนอกเขตตัวเมือง 25 แห่ง ทำการ คัดเลือกต้นมะม่วง ที่มีความเป็นกรด ด่าง ของเปลือกไม้ไม่สูงหรือต่ำในพื้นที่จำนวน 10 ต้น เพื่อ สำรวจชนิดความถี่จำนวน “ไลเคน”

ได้ผลว่า...ในเขตตัวเมืองที่ประชากรหนา แน่น ใกล้เขตอุตสาหกรรม จะพบความหลากชนิดจำนวนลดลง และจะพบไลเคนขนาดใหญ่ (macro lichen) ในกลุ่ม “ฟอลิโอส” ที่มีลักษณะเป็นแผ่นใบ คล้ายใบไม้ จำนวน 24 ชนิด ใน 9 สกุล ในบริเวณที่อยู่รอบนอกเขตตัวเมืองในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ภูมิศาสตร์ปริมาณน้ำฝนต่อปีโดยเฉลี่ย จะมีผลต่อการกระจายตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำฝน ในครั้งนี้ ยังพบว่า มีไลเคนชนิดใหม่ของโลก 4 ชนิด เป็นกลุ่ม“ครัสโตส” พบมากในพื้นที่ราบลุ่มที่ถูกรบกวน จำแนกชนิดได้ยากอาจเป็นชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยมีการค้นพบมาก่อน ซึ่งได้แก่ Bactrospora perspiralis Saparrius, Saipunkaew & Wolseley ณ ปัจจุบัน พบที่จังหวัดลำปางเท่านั้น

Bactrospora subdryina Saparrius, Saipunkaew & Wolseley พบที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น Enterographa mesomela Saparrius, Saipunkaew & Wolseley พบที่จังหวัดเชียงราย และ Lecanographa atropunctata Saparrius, Saipunkaew & Wolseley พบที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน

จากการศึกษาพบว่ากลุ่ม “ฟอลิโอส” สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศ ความแตกต่างของภูมิศาสตร์ รวม ทั้งผลกระทบจากมนุษย์ที่มีต่อกลุ่มไลเคน โดยบางชนิดที่พบในเขตตัวเมือง สามารถใช้บ่งชี้ว่าพื้นที่นั้นๆ มีฝุ่นละอองสะสมบนวัตถุ อย่างไรก็ตาม การใช้ไลเคนเป็นตัวบ่งชี้ อาจไม่สามารถระบุชนิดและปริมาณสารมลพิษได้ชัดเจน แต่สามารถ ใช้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ถึงคุณภาพอากาศที่เราหายใจเข้าไปอยู่ทุกวัน

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้จัดทำคู่มือนักสำรวจฯ เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงวิธีการและข้อเสนอ แนะการใช้ไลเคนตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวด-ล้อมสำหรับนักเรียน ครู หรือบุคคลทั่วไป สนใจสอบถาม โทร. 053-944-3346, 053-943-348 หรือ E-mail : saipunkaew.w@hotmail.com
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 02:52:44 AM »

เดลินิวส์

คุมเข้มภัยแล้งลดล้างรถ-รถนํ้าต้นไม้

 เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 มี.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่กรุงเทพฯ ด้านตะวันออก ประกอบด้วย พื้นที่กักเก็บน้ำบึงสะแกงามสามเดือน บึงมะขามเทศ เขตคลองสามวา คลองบึงขวาง เขตมีนบุรี ชุมชนบึงปรง เขตหนองจอก และเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรทำนา ที่ศูนย์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร เขตลาดกระบัง เพื่อเตรียมป้องกันแก้ปัญหาภัยแล้ง โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งยังไม่มีปัญหาที่น่ากังวล แต่หากฝนทิ้งช่วงนานอาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ ทั้งนี้ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ จะนำเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้งเข้าสู่ที่ประชุมผู้บริหาร และจะเสนอโครงการรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯ ช่วยกันประหยัดน้ำ อาทิ ขอความร่วมมือลดการล้างรถ ลดการรดน้ำต้นไม้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ต่างประเทศปฏิบัติกันแล้ว โดยจะไม่ออกเป็นกฎหมายบังคับ

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง และอากาศร้อนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีฝูงลิงที่อาศัยอยู่บริเวณวัดไก่ หมู่ 3 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จำนวนมากกว่า 200 ตัว ต้องพากันมาอาศัยหลบร้อนบริเวณโขดหินน้ำตกจำลอง ซึ่งทาง อบจ.พระนครศรีอยุธยา มาสร้างเอาไว้ เพื่อบรรเทาความร้อนจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ ขณะที่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เห็นว่าอากาศร้อนจึงได้ซื้อไอศกรีมเลี้ยงฝูงลิง ต่างก็นั่งกินอย่างสบายใจ เป็นภาพที่น่ารัก สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างมาก ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ สภาพภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้เกษตรกรหวั่นว่าน้ำใช้เพื่อปลูกข้าวนาปรังไม่เพียงพอ จึงหันมาปลูกแตงโมที่ใช้น้ำน้อย ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง ที่ราคายังตกต่ำเพราะถูกโรงสีกดราคา.
บันทึกการเข้า
conundrum
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 454


« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 04:39:32 AM »

ขอบคุณเด็กน้อยมากครับ 
บันทึกการเข้า
สายรุ้ง
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 838


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 08:49:00 AM »

มีข่าวด่วนมานำเสนอค่ะ  พอดีข่าวส่งเข้ามือถือ เลยไปหารายละเอียดมาให้อ่านกัน

จากมติชน ONLINE


เรือนำเที่ยวดำน้ำ"สิมิลัน"ล่มมีผู้โดยสาร31คน ต่างชาติสูญหายกลางทะเล6ราย ที่เหลือลอยคอห่างฝั่ง10ไมล์


ทัพเรือภาค 3 ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากพนักงานบริษัทเรือนำเที่ยวพาผู้โดยสาร 31 คน เป็นชาวญี่ปุ่นและยุโรปล่มกลางทะเล ชาวต่างชาติ 6 รายสูญหายที่เหลือลอยคอรอความช่วยเหลือห่างชายฝั่ง 10 ไมล์ทะเล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้(9 มี.ค.) เรือเอกปฎิรูป เข็มทิศ นายทหารเวรยุทธการและการข่าว กองทัพเรือภาค 3  ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า  เมื่อเวลา 08.30 น.ของวันเดียวกัน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากพนักงานบริษัทเรือนำเที่ยว ซึ่งนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำในหมู่เกาะสิมิลัน ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยเรือชื่อ"โชคสมบูรณ์ 19" ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและลูกเรือรวม 31 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและยุโรป ตามเวลานัดหมายที่จะต้องนำเรือเข้าเทียบท่าที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 02.00 น. แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลา เรือไม่ได้เข้ามาเทียบท่าตามที่นัดหมาย จึงตรวจสอบและส่งเรือไปตามเส้นทางเดินเรือ ภูเก็ต –สิมิลัน จนกระทั่งเวลา 11.00 น. ปรากฏว่า พบนักท่องเที่ยวลอยคอจำนวน 25 คน แต่ได้รับการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนอีก 6 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ยุโรป และลูกเรือ อยู่ที่พิกัดห่างจากฝั่งทะเล เกาะภูเก็ต และจังหวัดพังงา 10 ไมล์ทะเล


บันทึกการเข้า
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 03:42:39 PM »

จากคมชัดลึก

              เรือนำเที่ยวพาผู้โดยสารกลับจากดำน้ำ ที่เกาะสิมิลัน พังงา มุ่งหน้าไปยังภูเก็ต โดนคลื่นลมซัดจนอับปางกลางทะเลอันดามัน เรือประมงช่วยไว้ได้ 23 คน ยังสูญหาย 7 คน ตำรวจน้ำภูเก็ตส่งเรือคุณพุ่ม ต.814 ออกปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือทันที "กัปตันเรือ" ยัน เรือยังใหม่ แต่คลื่นลมแรง และมีฝนตกหนักทำให้เรือล่ม

พายุกลางทะเลอันดามันซัดกระหน่ำเรือนำเที่ยวจนอับปางกลางทะเล อันดามัน มีผู้รอดชีวิต 23 คน สูญหาย 7 คน เปิดเผยขึ้น พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.กก.8 บก.รน. ได้รับแจ้งจากพนักงานของบริษัท เอเชีย ไดวิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำตามเกาะแก่งต่างๆ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มีนาคม ว่า เรือโชคสมบูรณ์ 19  ซึ่งนำนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและยุโรป รวมทั้งลูกเรือ รวม 30 คน เดินทางออกจากเกาะสิมิลัน จ.พังงา เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเข้าสู่ท่าเทียบเรือที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 9 มีนาคม แต่เมื่อถึงเวลาดังกล่าว เรือไม่ได้เข้าเทียบท่า และไม่สามารถติดต่อพนักงานประจำบนเรือได้ คาดว่าเรือประสบอุบัติเหตุล่มกลางทะเลอันดามัน คาดว่าห่างจากแหลมพรหมเทพไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 ไมล์ทะเล ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปช่วยค้นหาด้วย หลังจากได้รับแจ้ง จึงประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อออกค้นหาและให้การช่วยเหลือ
 พ.ต.ท.วัลลภ พวงผกา สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จึงส่งเรือคุณพุ่ม ต.814 ออกค้นหาเรือโชคสมบูรณ์ 19 เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและลูกเรือทันที เบื้องต้นทราบว่าขณะที่เรือโชคสมบูรณ์ 19 เดินทางกลับมายัง จ.ภูเก็ต มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ประกอบกับคลื่นลมแรง คลื่นซัดเข้าเรือทำให้เรือล่มในบริเวณรอยต่อระหว่างเกาะสิมิลัน จ.พังงา กับ จ.ภูเก็ต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบพิกัดที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีเรือประมงที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือไว้ได้ 23 คน ส่วนที่เหลืออีก 7 คน ยังอยู่ระหว่างติดตามค้นหา
 "หลังจากได้รับแจ้งก็ สั่งการให้เรือคุณพุ่ม ต.814 ออกปฏิบัติการทันที ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีผู้โดยสารบนเรือที่ประสบเหตุได้รับการช่วยเหลือแล้ว 23 คน ยังมีผู้สูญหาย 7 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ได้ประสานงานกับกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ เข้าช่วยค้นหาอีกทางหนึ่งด้วย" สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต กล่าว
 ต่อ มาเวลา 15.55 น. วันเดียวกัน เรือคุณพุ่ม ต.814 นำนักท่องเที่ยว 23 คน ซึ่งเป็นชาวไทย 8 คน ชาวต่างชาติ 15 คน มาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือน้ำลึก ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทุกคนอยู่ในสภาพอิดโรย และมีอาการเศร้าโศก เมื่อพบเพื่อนบนฝั่งต่างโผเข้ากอดกันพร้อมกับร้องไห้
 ผู้ ที่สูญหาย 7 คน ได้แก่ ชาวไทย 1 คน ซึ่งเป็นพ่อครัว ชาวออสเตรเลีย 2 คน ชาวสวิตเซอร์แลนด์ 2 คน ชาวญี่ปุ่น 1 คน และชาวเยอรมัน 1 คน
 นายชาตรี หลีช่วย กัปตันเรือ อายุ 54 ปี ซึ่งทำหน้าที่กัปตันเรือมานานถึง 20 ปี เล่าว่า ได้นำเรือออกจากเกาะสิมิลันเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 8 มีนาคม จนกระทั่งเวลา 23.00 น. ขณะเรืออยู่กลางทะเลเกิดมีคลื่นลมแรง ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เรือตะแคงและพลิกคว่ำ
 "ลมแรงมาก ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เรือก็เอียงจนบังคับไม่ได้ ก็ตะโกนบอกให้ทุกคนทราบกัน พร้อมกับปล่อยเรือชูชีพซึ่งเป็นเรือยาง 2 ลำ ให้นักท่องเที่ยว ก็พยายามช่วยให้เขาอยู่บนเรือชูชีพกันให้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้ ก็ไม่รู้ว่าใครสูญหายไปบ้าง ผมขอยืนยันว่าเรือลำนี้เป็นเรือใหม่ เพิ่งต่อมาได้ไม่นาน ที่เป็นปัญหาคือคลื่นลมแรงและฝนตกหนัก" กัปตันเรือ กล่าว
 นายนรินทร์ โวหาร ซึ่งเป็นลูกเรือ เล่าว่า ขณะที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 2 ของเรือ มีลมแรงมากและฝนตกหนักด้วย ทำให้เรือตะแคง ก็มีการตะโกนเรียกกันและพยายามจับมือกันเพื่อออกมาจากตัวเรือ โดยเกาะกับขอบเรือยาง จากนั้นก็ช่วยกันขึ้นไปอยู่บนเรือยาง ด้วยความมืดจึงทำให้ไม่ทราบว่ามีใครหายไปบ้าง ค่อนข้างตกใจมาก เพราะจากที่ได้ทำงานมาประมาณ 2 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน โชคดีที่รอดกลับมาได้ แต่ก็เป็นห่วงคนที่หายไป
  พ.ต.อ.อนันต์ ห่วงสายทอง ผกก.3 กก.8 บก.รน. กล่าวว่า เบื้องต้นต้องสอบปากคำในส่วนของกัปตันเรือและผู้รอดชีวิต เพื่อหาจุดที่เกิดเหตุที่ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ประสานความร่วมมือกันกับกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ออกค้นหาในส่วนของผู้ที่สูญหาย และได้ประสานขอเฮลิคอปเตอร์จากหมวดบินเฉพาะกิจกองเรือภาคที่ 3 และหมวดบินตำรวจภูเก็ตขึ้น บินสำรวจและชี้จุดเพื่อให้เรือตำรวจน้ำเข้าช่วยเหลือและค้นหาผู้สูญหาย ส่วนผู้ที่รอดมาได้นั้นก็คงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปช่วย เหลือต่อไป

 

ยุติค้นหาผู้สูญหายเรืออัปปาง7คนชั่วคราวเหตุมืด-ฝนตก
เมื่อ เวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผกก. 3 กก. 8 บก.รน เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการค้นหาว่า ยังไม่พบผู้สูญหายแต่อย่าง และได้สั่งการให้หยุดการค้นหาชั่วคราว เนื่องจากเริ่มมืด และมีฝนตก ซึ่งทำให้การค้นหาลำบาก
 โดยขณะนี้ได้ทราบพิกัดที่เรืออับปางแล้ว อยู่ที่ละติจูด 7 องศา 45.3 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 05 ลิปดาตะวันออก ห่างจากอ่าวป่าตองค่อนไปทางเกาะแก้วพิสดาร แหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ตประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งจะได้มีการส่งเรือออกไปทำการค้นหาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งทราบว่าในส่วนของทัพเรือภาค 3 ก็จะส่งเฮลิคอปเตอร์ร่วมทำการค้นหาอีกทางหนึ่งด้วย


บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Nurse Shark
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 03:44:26 PM »

อ่า... ตอนนี้ (22:30 น.) มีสารคดี sea series ทางช่อง 9 เจ้าค่ะ 
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 09, 2009, 04:11:44 PM »


ทราบข่าวเรื่องเรือจมจากน้องติ่งระหว่างเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ....


เศร้าใจจริงๆค่ะ....ขอให้ทั้ง 7 ชีวิตอยู่รอดปลอดภัยด้วยเถิด....เจ้าประคุ๊ณ....

พวกเราชาว SOS ที่ไปทำงานที่อันดามันใต้โชคดีมากๆ ที่แวะเข้าไปนอนที่ท่าเรือรัษฎาตั้งแต่หัวค่ำของเมื่อคืนวันอาทิตย์นี้ (8 มีนาคม) เพราะน้ำเกิดหมดและเห็นท่าว่าลมจะแรงและฝนจะมา ซึ่งก็เป็นไปตามคาดคือคืนนั้นลมทั้งแรงและฝนก็ตกหนัก....
 
บันทึกการเข้า

Saaychol
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.031 วินาที กับ 20 คำสั่ง