กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 01, 2024, 03:17:21 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 11 มีนาคม 2552  (อ่าน 2472 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 12:59:48 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัด ระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 13-15 มีค.บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเพิ่มมากขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวขึ้น ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองได้บางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อีก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงได้อีก


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงไว้ด้วย 



* Forecast2.jpg (38.8 KB, 684x423 - ดู 358 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 01:11:27 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ตราดเร่งหาวิธีการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการประมงแบบบูรณาการ
 
       ตราด - จากปัญหาการร้องเรียนของชาวประมงพื้นบ้าน จังหวัดตราดเร่งหาวิธีการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการประมงแบบบูรณาการ
       
       นายนพดล ศรีสุข ปลัดจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้รับการร้องเรียนจากราษฎรเกี่ยวกับการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2490 คือ เรือประมงพาณิชย์มีการลักลอบทำการประมงในเขตพื้นที่ทำการประมงพื้นบ้านชายฝั่ง เกิดผลกระทบต่อราษฎรที่ทำอาชีพการประมงตามแนวชายฝั่ง ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหา แต่ยังขาดการบูรณาการ ทำให้ปัญหาดังกล่าวยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
       
       เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการประมงระหว่างการประมงพื้นบ้านกับการประมงพาณิชย์ ทางจังหวัดจึงได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้แนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ ในเบื้องต้นจะต้องมีการประชุมร่วมกันระหว่างกลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มประมงพาณิชย์ เพื่อกำหนดเขตการวางทุ่น ใช้มาตรการทางสังคม จัดตั้งอาสาสมัครการประมง และถ้าหากยังคงมีการฝ่าฝืน ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวด
       
       นายนภดล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากนี้แล้ว จะได้มีการทำแผนปฏิบัติการและแต่งตั้งให้มีคณะกรรมการที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ติดตามความเคลื่อนไหวปัญหาความเดือดร้อน การกำหนดแนวทางการป้องกัน ระงับเหตุ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


********************************************************************************************************************


 จีนชี้เรือนาวีมะกันละเมิดกฎหมาย โต้เพนทากอนหาว่าเรือจีน "ก่อกวน"


เรือประมงจีนที่แล่นเข้ามาประชิดเรือ USNS Impeccable -ภาพเอเจนซี

       ศึกเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ผู้บริโภคน้ำมัน ทำราคาน้ำมันดิบโลกสะดุ้ง ดีดตัวร้อยละ 3 เมื่อวันจันทร์ และยังคงสูงกว่า 47 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในวันต่อมา
       
       แต่การเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ดูจะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์สองชาติที่กำลังจับมือกันอย่างใกล้ชิดในการคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจโลก กลุ่มนักวิเคราะห์จีนในปักกิ่งชี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงย่านเอเชีย-แปซิฟิกในแดนพญาอินทรี ชี้ว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้ ดูไม่ใช่อุบัติเหตุ โดยจีนต้องการส่งสารแก่วอชิงตัน ให้เคารพอิทธิพลทหารจีนในอาณาบริเวณ
       
       โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นาย หม่า จาวซี่ว์ แถลงในวันนี้(10 มี.ค.) ว่า เรือ USNS Impeccable ที่เผชิญหน้ากับเรือจีน ปฏิบัติการสำรวจอย่างผิดกฎหมาย “สิ่งที่อเมริกันกล่าวอ้างนั้น ผิดกฎหมายอย่างสิ้นเชิง และสับสนไม่รู้ไหนถูกไหนผิด ซึ่งจีนไม่อาจยอมรับได้” หม่า กล่าวแก่ที่ประชุมข่าวประจำวัน
       
       “USNS Impeccable ละเมิดทั้งกฎหมายสากล และกฎหมายจีน ล่วงล้ำทะเลจีนใต้โดยปราศจากการอนุญาตจากจีน”
       
       สืบเนื่องจากในวันจันทร์(9 มี.ค.) กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา หรือเพนทากอนแถลงประท้วงต่อทางการจีน โดยแถลงว่า ขณะที่เรือ USNS Impeccable ของหน่วยนาวีสหรัฐฯกำลังสำรวจข้อมูลซึ่งเป็นภารกิจประจำวันอยู่นั้น ก็มีเรือจีนจากหน่วยงานพิทักษ์น่านน้ำทะเล หน่วยประมง และนาวี รวม 5 ลำ แล่นเข้ามาประชิด
       
       เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันอาทิตย์(8 มี.ค.) ณ บริเวณน่านน้ำทะเลจีนใต้ ห่างจากชายฝั่งมณฑลไห่หนัน (ไหหลำ) ไปทางทิศใต้ 120 กม. สหรัฐฯชี้ว่าบริเวณนี้ เป็นเขตน่านน้ำสากล และกลุ่มเรือจีนแล่นเข้าใกล้อย่างเฉียดฉิว และน่าอันตราย ซึ่งสหรัฐฯระบุว่า เป็นการ “ก่อกวน” พร้อมกันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯได้ขอให้จีนตรวจสอบกฎหมายน่านน้ำสากล
       
       นอกจากนี้ หน่วยนาวีสหรัฐฯยังได้เผยแพร่ภาพลูกเรือจีนพยายามใช้ตะขอยาว ตัดสายเคเบิล ที่เรือ Impeccable ใช้โยงเครื่องมือดักฟังใต้น้ำ
       
       สำหรับเรือ USNS Impeccable เป็นเรือลาดตระเวนมหาสมุทรที่ไม่ได้ติดอาวุธใดๆ และได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เพนทากอนยังเผยอีกว่าไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จีนได้รุกปฏิบัติการอย่างดุเดือดในบริเวณนั้น รวมทั้งส่งฝูงเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล
       
       โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน แถลงโต้ตอบก่อนหน้าว่า “สิ่งที่สหรัฐฯกล่าวอ้างว่าเป็นปฏิบัติการในทะเลลึกนั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เรือนาวีสหรัฐฯมักทำการสำรวจอย่างผิดกฎหมายในบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน และเจ้าหน้าที่จีนก็เพียรพยายามมาหลายครั้งในการใช้ช่องทางการทูต เรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายดังกล่าว”
       
       ทั้งนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์อิสระเผยว่าเกาะไห่หนัน เป็นที่ตั้งฐานทัพนาวี ซึ่งมีเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีประจำการอยู่ด้วย
       
       การกระทบกระทั่งครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสองประเทศตกลงกลับมาแลกเปลี่ยนทางทหาร หลังจากที่จีนแขวนความร่วมมือนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนเป็นการประท้วงที่วอชิงตันตกลงแพคเกจอาวุธที่จะขายให้แก่ไต้หวัน
       
       เหตุการณ์ครั้งนี้ ยังดูละม้ายกับเหตุการณ์เผชิญหน้าที่สร้างความหวาดวิตกไปทั่วโลกในปี 2544 ที่เครื่องบินขับไล่กองทัพมังกรและเครื่องบินสอดแนมสหรัฐฯเฉียวชนกันกลางน่านฟ้าสากลแถวไห่หนัน จนนักบินจีนเสียชีวิตไปหนึ่งคน และเครื่องบินมะกันต้องลงจอดฉุกเฉินที่ฐานทัพอากาศจีน จีนได้กักตัวนักบินอเมริกัน 24 คนไว้ กระทั่งทำเนียบขาวออกมาขอโทษ จีนจึงยอมปล่อยตัวนักบินเหล่านี้ หลังจากนั้นก็มีการปะทะกันประปราย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่

   
USNS Impeccable ของหน่วยนาวีสหรัฐฯ ที่กำลังสำรวจข้อมูลในทะเลจีนใต้ โดยใช้คลื่นเสียงโซนาร์ สามารถติดตามภัยคุกคามใต้ทะเลลึก รวมทั้งเรือดำน้ำ-ภาพเอเจนซี 
 
       กลุ่มวิเคราะห์เชื่อไม่สะเทือนสัมพันธ์
       
       สำหรับเหตุกระทบกระทั่งครั้งนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์เชื่อว่าไม่สะเทือนความสัมพันธ์สองชาติ ซึ่งกำลังจับมือกันแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจโลก และขณะนี้รัฐมนตรีต่างประเทศ หยาง เจี๋ยฉือ ก็ได้บินไปยังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาเตรียมการ ก่อนการประชุมสุดยอด ของ กลุ่มประเทศ จี 20 ในเดือนหน้า
       
       อย่างไรก็ตาม นาย สือ อิ่นหง ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงในอาณาบริเวณ ประจำมหาวิทยาลัยประชาชนจีน ชี้ว่าทางปักกิ่งจะกำหนดจุดยืนที่แข็งมากขึ้น ระหว่างที่กำลังสยายปีกนาวี ขณะเดียวกันสหรัฐฯยังคงรักษาอิทธิพลโดยส่งกองกำลังประจำการน่านน้ำทั่วโลก เหตุการณ์ท้าทายทำนองนี้ก็จะเกิดบ่อยขึ้น
       
       สือ ยังชี้ถึงแผนขยายอิทธิพลของจีนโดยจะสร้างกองกำลังนาวีที่ทันสมัยบริเวณนอกฝั่งไห่หนัน ดังนั้น บริเวณนี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น
       
       เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันอธิบายว่าเรือ Impeccable ซึ่งมีความหมายว่า “ไร้จุดด่างพร้อย” เป็น 1 ใน 5 เรือลาดตระเวน ที่ประจำการในกองกำลังที่ 7 แห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานอยู่ในโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น เรือดังกล่าวจะใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำหรือโซนาร์เพื่อสืบค้นภัยคุกคามใต้ทะเล รวมทั้งเรือดำน้ำด้วย
       
       ทั้งนี้ จีนถือว่าเขตน่านน้ำในทะเลจีนใต้ทั้งหมดนั้น เป็นของจีน และการอ้างสิทธิเหนือดินแดนดังกล่าวอันรวมถึงหมู่เกาะเล็กๆในอาณาบริเวณ ก็สร้างความขัดแย้งกับรัฐบาล 5 ชาติได้แก่ ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย, บรูไน, และไต้หวัน
       
       เดนนี่ รอย ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงเอเชีย-แปซิฟิก แห่งศูนย์อีสต์-เวสต์ (East-West Centre) ในฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย ชี้การเผชิญหน้าครั้งนี้ ดูจะเป็นการส่งสารแก่วอชิงตัน “ผมไม่คิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ มันจะต้องได้ไฟเขียวจากผู้นำในปักกิ่งอย่างแน่นอน”
       
       ทั้งนี้ จากการศึกษาเรื่องการทะยานสู่อำนาจของจีนเมื่อเร็วๆนี้ โดยสำนักคลังสมองกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติจีน ระบุว่า จีนจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับวอชิงตัน แต่จะไม่มีวันถอยเมื่อถูกกดดัน
       
       ตลาดน้ำมันตกใจ
       
       เหตุการณ์กระทบกระทั่งของสองยักษ์ผู้บริโภคน้ำมัน ได้ดันราคาน้ำมันดิบโลกสูงร้อยละ 3 และยังคงรักษาระดับสูง กว่า 47 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรลในวันอังคาร(10 มี.ค.) แม้กลุ่มนักวิเคราะห์จะออกมาชี้ว่าเหตุการณ์ตึงเครียดนี้จะไม่คุกคามแหล่งน้ำมัน หรือดีดราคาน้ำมันสูงขึ้น
       
       “ผมเห็นความเสี่ยงในภูมิรัฐศาสตร์ของสองชาติผู้ผลิตน้ำมัน แต่สหรัฐฯและจีนก็เป็นผู้บริโภคใหญ่ ผมไม่เห็นเหตุผลที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นเพราะเรื่องนี้” โทนี่ นูหนัน ผู้จัดการความเสี่ยง ประจำ มิตซูบิชิ คอร์ป ในกรุงโตเกียวชี้


***********************************************************************************************************************


เร่งมือค้นหากะลาสีสูญหายนับสิบหลังเรือเกาหลีประสบอุบัติเหตุ
 
       ปฏิบัติการของหน่วยกู้ภัยญี่ปุ่นล่วงเลยสู่ค่ำคืนของวันอังคาร(10) ในความพยายามตามหากะลาสี 16 คนของเรือบรรทุกสินค้าเกาหลีใต้ลำหนึ่งซี่งประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับเรืออีกลำ ก่อนจมสู่ท้องทะเล เจ้าหน้าที่ชายฝั่งเผย
       
       เรือลาดตระเวนพบเรือยางที่ว่างเปล่า เสื้อชูชีพหลายตัวและคราบน้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำ แต่เข้าสู่พลบค่ำเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยก็ยังไม่พบลูกเรือชาวเกาหลีใตเ 7 คนแลละอินโดนีเซีย 9 คน ที่สูญหายไปนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในช่วงเช้าวันอังคาร(10)
       
       "แผนของเราคือยังจะค้นหาต่อไปตลอดคืน โดยอย่างน้อยจะทิ้งเรือลาดตระเวณเอาไว้" เจ้าหน้าที่ชายฝั่งระบุ
       
       เรือออร์ชิดเปีย สัญชาติเกาหลีใต้ ชนเข้ากับไซนัสเอช เรือบรรทุกสินค้าติดธงชาติปานามา บริเวณทะเลนอกชายฝั่งเกาะอิซึโอชิมาทางใต้ของกรุงโตเกียว ราว 120 กิโลเมตร
       
       อุบัติเหตุเกิดขึ้นท่ามกลางทัศนวิสัยที่ย่ำแย่ ฝนตกหนักและลมกรรโชกแรง "เราเชื่อว่าเรืออาจจะจม" เจ้าหน้าที่ชายฝั่งบอกกับเอเอฟพี "เราไม่สามารถมองเห็นรอบๆได้เลย เราพบเรือยางที่ว่างเปล่าและเสื้อชูชีพบนผิวน้ำ แต่เรายังไม่พบชิ้นส่วนใดๆของเรือ"
       
       ไซนัสเอช -- เรือบรรทุกสินค้าน้ำหนัก 10,833 ตันพร้อมลูกเรือ 19 คน -- ได้รายงานอุบัติเหตุมายังเจ้าหน้าที่ชายฝั่งในทันทีและบอกว่าเรือของเกาหลีใต้ได้หายไปจากเรดาร์ของพวกเขา

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 01:16:18 AM »

ข่าวสด


โอดิสซี่เจรจารบ.อังกฤษ กู้ซากเรืออับปางพร้อมทองค่า 5 หมื่นล้าน


 
เมื่อปีที่แล้วบริษัทโอดิสซี่มารีนโอเพอเรชันของสหรัฐ พบซากเรือ เอชเอ็มเอสวิกตอรีของ กองทัพเรืออังกฤษที่อับปางลงจากการชนหินโสโครกที่บริเวณช่องแคบอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1744 การอับปางครั้งนั้นทำให้มีทหารเสียชีวิต 1,100 นาย ทองมูลค่ามหาศาลปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ยังจมหายไปกับเรือด้วย

นายเกรก สเต็มม์ ผู้บริหารโอดิสซี่ฯ กล่าวว่า "เรากำลังเจรจากับรัฐบาลอังกฤษเรื่องความร่วมมือในการกู้ซาก เรือเอชเอ็มเอสวิกตอรี ซึ่งนับว่า เป็นการอับปางครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ สำหรับบริเวณที่พบซากเรือมีขนาด 70x200 ฟุต เราได้ใช้หุ่นยนต์บังคับด้วยรีโมตคอนโทรลไปสำรวจใต้น้ำ พร้อมกับถ่ายรูปและวิดีโอที่มีความละเอียดสูงเก็บไว้เป็นข้อมูล"



โอดิสซี่ฯ มั่นใจว่าซากเรือที่พบเป็นเอชเอ็มเอสวิกตอรี เพราะพบปืนใหญ่ซึ่งทำมาจากทองเหลืองจำนวน 31 กระบอก จากทั้งหมด 110 กระบอก ก่อนเกิดเหตุเรือลำนี้เดินทางออกจากกรุงลิสบอน ประเทศอังกฤษ และขนเหรียญทองคำกว่า 100,000 เหรียญมาด้วย

บริเวณที่เรืออับปางอยู่ห่างจากชายฝั่งอังกฤษ 25-40 ไมล์ นับว่าอยู่ในเขตของทะเลนานาชาติ ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมอังกฤษ แถลงว่า ถ้าซากเรือเป็นของกองทัพอังกฤษจริง เรือลำนี้ก็ยังเป็นของอังกฤษอยู่ และบุคคลใดๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ถ้ารัฐบาลไม่ยินยอม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 01:21:14 AM »

แนวหน้า


ดัน“เปิดโลกใต้ทะเล” บูมท่องเที่ยวเกาะเต่า หวังเงินสะพัด 60 ล้าน   
 
 สุราษฎร์ธานี:นายพรเทพ ศรีสังข์ เลขานุการสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เกาะเต่า สมาคมท่องเที่ยวเกาะเต่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานสุราษฎร์ธานี และชุมชนเกาะเต่า ได้ร่วมกันจัดงานวันเปิดโลกใต้ทะเล เกาะเต่า ภายใต้แนวคิดเรารักษ์เกาะเต่า ขึ้นในระหว่างวันที่ 21 – 22 มี.ค.นี้

 ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างกระแสการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลเกาะเต่า ตลอดจนเป็นการเพิ่มความหลากหลายของกิจการการท่องเที่ยวของเกาะเต่าให้กลับคืนมาหลังประสบปัญหาภาวะทางเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่รักในการดำน้ำดูประการัง อาทิ ชาวสแกนนิเนเวีย เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เข้ามาท่องเที่ยวและชมงานดังกล่าว โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงเต่าทะเลที่หายาก และปลาสวยงาม ปลาฉลามเสือ ม้าน้ำ ปลาการ์ตูน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจการท่องเที่ยวของเกาะเต่าไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 01:24:44 AM »

สำนักข่าว INN


เตือนระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงกว่าคาด 2 เท่า  

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 รายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ได้ทำนายว่า ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้น 7-23 นิ้ว เมื่อถึงช่วงสิ้นสุดศตวรรษนี้ แต่ล่าสุด คณะนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่ร่วมประชุมกันเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ระบุว่า สถานการณ์อาจรุนแรงกว่านั้นมาก

เนื่องจากข้อมูลด้านภูมิอากาศล่าสุดที่รวบรวมมาได้ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงเกิน 39 นิ้ว หรือ 1 เมตร เนื่องมาจากภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากภาวะเรือนกระจกส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่คาดไว้ และพื้นที่ใกล้ชายฝั่งที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ใน 10 ของประชากรทั้งโลกจะได้รับผลกระทบมากที่สุด


*********************************************************************************************************************


ดินไหวใต้ทะเล 5.0 ริกเตอร์ที่อินโดฯ  

เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.0 ริกเตอร์ที่ ประเทศ อินโดนิเซีย

สำนักธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.52 น. ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.0 ริกเตอร์ที่ ประเทศ อินโดนิเซีย

โดยแผ่นดินไหวดังกล่าว มีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ทะเลลึกราว 35 กม. ห่างจากเมือง จาราปูรา เกาะปาปัว ของอินโดนิเซีย ราว 180 กม.เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผลกระทบจากการสั่นครั้งนี้ จากทางการอินโดนิเซีย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.313 วินาที กับ 20 คำสั่ง