กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 12, 2025, 06:25:56 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2552  (อ่าน 4806 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 12:51:14 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทย ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ  ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
 

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5-6 เม.ย. 52 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมทะเลจีนใต้และประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง เป็นตามลำดับ และมีลมใต้กับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อยลงและอากาศร้อนขึ้น ส่วนภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 7-11 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทย ในขณะที่บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นทำให้บริเวณดังกล่าวมี พายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 7-11 เม.ย. 52 ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน



* Forecast2.jpg (40.86 KB, 684x423 - ดู 1180 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 01:00:10 AM »

เดลินิวส์


รับมือวิกฤติพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ยอดตึกรวมใจช่วยวัดจัดภูมิทัศน์
 

 
 พื้นที่สีเขียวเริ่มหายไปจากประเทศไทยปัจจัยหนึ่งมาจากชุมชนเมืองรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ชนบท ชาวบ้านขายเรือกสวนไร่นาให้นายทุนทำบ้านจัดสรรสร้างถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภค รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่า และปัจจัยใกล้ตัว เรื่องของการขาดจิตสำนึกแห่งการรักต้นไม้ของคนไทยที่ยังคิดอยู่ว่าการตัดต้นไม้ใหญ่ ๆ ที่เติบโตมาอย่างเนิ่นนานไม่ผิด

ตามนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2540-2559 ในส่วนของนโยบายหลักด้านสิ่งแวดล้อมชุมชน ได้กำหนดเป้าหมายให้ชุมชนทุกระดับมีการจัดการพื้นที่สีเขียว ซึ่งหมายถึงที่เว้นว่างถาวรที่พัฒนาแล้วไม่ถูกทับโดยสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน

สัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ระดมความคิดจากนักวิชาการ จัดทำแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายด้านการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืนขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน



ดร.นิศากร โฆษิตรัตน์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ครั้งแรกได้ร่วมหารือกับภาคการศึกษา ภาคการศาสนา และภาคธุรกิจเอกชน และในครั้งต่อไปจะร่วมหารือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีบทบาทสำคัญในการเก็บหรือเพิ่มพื้นที่ สีเขียวในแต่ละภูมิภาคต่อไป เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายด้านการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2550 ที่ผ่านมา

ด้าน ดร.เดชา บุญค้ำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาภูมิ สถาปัตยกรรมศาสตร์ บอกว่า การสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อไม่ให้เกิดความแออัด ให้บ้านเมืองสวยงาม มีความสัมพันธ์ควบคู่กับการควบคุมความหนาแน่น ประโยชน์ของพื้นที่สีเขียว ช่วยเพิ่มออกซิ เจน ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดูดซับมลพิษประเภทโลหะหนัก และลดอุณหภูมิอากาศ ชะลอการไหลตามผิวดินของ พายุฝน ลดปัญหาน้ำท่วมหลังพายุฝน ทั้งนี้บริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาแน่นในเวลากลางวันจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุมถึง 5-6 องศา

มีข้อมูลจากการศึกษาพบว่าใน 1 ชั่วโมงเวลากลางวัน ต้นไม้ขนาดใหญ่หนึ่งต้นสามารถผลิตออกซิเจนได้ 1.7 กิโลกรัม น้ำตาล 1.6 กิโลกรัม ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ 2.35 กิโลกรัม ขณะที่ในเวลา 1 ปี ต้นไม้สามารถดูดซับละอองโลหะหนักในอากาศได้ดังนี้ แคดเมียม 60 มิลลิกรัม นิกเกิล 820 มิลลิกรัม โครเมียม 140 มิลลิกรัม และตะกั่วได้สูง ถึง 5,200 กรัม

กลุ่มต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเป็นกลุ่มหนา สามารถกรองฝุ่นละอองในอากาศจาก 10,000-20,000 อณูต่อลิตร เหลือเพียง 3,000 อณูต่อลิตร ช่วยบรรเทาความเค็ม ช่วยกรองฝุ่นและลดมลพิษ และต้นไม้เป็น “วัสดุ-อุปกรณ์” ที่ถูกสุดมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการลดความแข็งกระด้างและสร้างความร่มรื่นให้แก่เมือง



ขณะเดียวกันในสังคมเมืองต้นไม้ใหญ่เป็นศัตรูคู่ของสายไฟฟ้า ขณะที่ด้านการก่อสร้างตึกรามบ้านช่อง ต้นไม้ใหญ่ก็เป็นอุปสรรค มองอีกมุมไม่ใช่ความผิดของต้นไม้ ต้นไม้เติบโตขึ้นตามธรรมชาติ แต่เทคโนโลยีที่มีอยู่ไม่ได้ถูกออกแบบให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ ปัจจุบันมีสถาปนิกเก่ง ๆ ที่ออกแบบอาคารแต่ คงต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ได้ แต่ราคาค่าก่อสร้างจะสูงกว่าอาคารที่ไม่มีต้นไม้ขึ้นอีกเกือบ 1 เท่า

ศิลปินแห่งชาติ สาขาภูมิสถาปัตย กรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า สำหรับในชุมชนเมืองแออัด เช่น เยาวราช ถนนสีลมมีทางออกในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ด้วยการทำ “หลังคาเขียว” หมายถึงการปลูกพืชคลุมหลังคาหรือดาดฟ้า สามารถลดการแผ่รังสีดวงอาทิตย์ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งประเทศในยุโรปเป็นผู้ริเริ่มใช้มานานกว่า 20 ปี ขณะที่โตเกียวและเมืองใหญ่อื่น ๆ ออกเป็นข้อบัญญัติ หรือเทศบัญญัติบังคับใช้แล้ว ซึ่งหลังคาเขียวนอกจากเป็นสวนพักผ่อน ปลูกผักผลไม้ได้แล้ว ยังช่วยบรรเทาน้ำท่วมเนื่องจากพายุฝน ช่วยซับน้ำฝนหนัก 15-20 นาทีแรก บรรเทาเสียงจากด้านบน ลดเสียงได้ถึง 40 เดซิเบล

“ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวในการทำบ้านจัดสรร คอนโด ปัจจุบันคลาดเคลื่อนไป ผู้ประกอบการยังเข้าใจว่าเว้นว่างมากขาดทุนมาก แต่อีกด้านหนึ่งมีพื้นที่สีเขียวสร้างภาระหลังการขายน้อยมาก ด้านการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนน้อย เน้นความหรูหราความสะดวกสบายมากกว่า”

ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีที่พบเห็นมากสุดคือตามวัดวาอาราม อันเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่ให้เขต พุทธาวาสร่มเย็น ส่งผลให้คนเข้าวัดมีจิตใจสงบเยือกเย็นมากขึ้น ปัจจุบันหลายวัดกลายเป็นพุทธพาณิชย์มีแนวคิดด้านการสร้างอาคารมากกว่าปลูกต้น ไม้ บางวัดต้องตัดต้นไม้ทิ้ง เพื่อเอาพื้นที่ไปสร้างอาคาร และเปลี่ยนพื้นที่โล่งให้เป็นที่ จอดรถ

ตัวแทนจากภาคศาสนา ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิ การมหาเถรสมาคม ระบุว่าพื้นที่สีเขียวในวัดขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสเป็นสำคัญ แนวทางการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ต้องจัดทำคู่มือ ให้ความรู้การจัดภูมิทัศน์ เพราะพระจัดไม่เป็นให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ต่าง ๆ ที่เหมาะกับพื้นที่ ยกตัวอย่างในพุทธมณฑล ปลูกต้นไทรใกล้กับห้องน้ำทำให้ห้องน้ำในพุทธมณฑลเหม็นจนทุกวันนี้ เพราะรากเข้าไปอุดตันอยู่ในท่อระบายน้ำ

เมื่อถ่ายทอดความรู้ออกมาเป็นคู่มือ เช่น การเลือกพันธุ์ไม้ วิธีการปลูกต้นไม้ ตัวอย่างจากพุทธมณฑลเช่นกัน ต้นไม้ที่นี่ปลูกเท่าไรก็ไม่โตเพราะนำดินจากการขุดสระมาถมที่ ลักษณะอย่างนี้เป็นองค์ความรู้ที่ต้องบอก และประชาสัมพันธ์กระจายความรู้สู่ท้องถิ่น หรือลานจอดรถคอนกรีต การปลูกต้นไม้ในพื้นที่นี้สามารถทำได้ แต่ต้องมีคู่มือให้ความรู้ว่าจะปลูกอย่างไร นอกจากให้ความรู้แล้วยังต้องส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมขนต้นไม้เข้าวัด อาทิ ทำบุญวันเกิด วันแต่งงานรณรงค์ให้คนปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม้สะเดาะเคราะห์เป็นเกราะกำบังภัย เพราะธรรมชาติของสังคมไทยเชื่อว่าถ้าทำสิ่งดีแล้วเกิดมงคล เกิดความโชคดีกับชีวิตและครอบครัว จะกลายเป็นกระแสในที่สุด

เมื่อ 15 ปีก่อน มีผู้พยายามประมาณราคาต้นไม้จากคุณค่าทางนิเวศวิทยาออกเป็นค่าทางเศรษฐกิจตามราคาของออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นไม้ผลิต รวมทั้งความสามารถในการขจัดสารพิษตลอดจน ดอก ผล และส่วนของต้นไม้ที่มนุษย์ใช้บริโภค ปรากฏว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ (ขนาดต้นจามจุรี) มีราคาประมาณ 600,000 บาท แต่ปัจจุบันมีมูลค่าต้นละ 1 ล้านบาท

ใครที่ตัดโค่นต้นจามจุรี หรือตัดต้นไม้ใหญ่ ๆ เท่ากับเป็นผู้ทำลายทรัพยากรของมนุษยชาติ ที่มีราคาสูงเป็นตัวเลข 6 หลัก เมืองไทยน่าจะถึงเวลาบังคับใช้ ก.ม.ควบคุมต้นไม้ที่มีอายุหลายสิบปีควบคู่ไปกับการให้ความรู้และ สร้างสำนึกให้ผู้คนเห็นคุณค่าของต้นไม้ไปพร้อม ๆ กัน.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 01:12:30 AM »

คม ชัด ลึก


แจ้งงดจ่ายน้ำอังคารที่ 7 เม.ย.หลายพื้นที่

การประปาแจ้งให้ทราบว่า มีน้ำไม่ไหลในหลายพื้นที่ ในวันอังคารที่ 7 เมษายนนี้


ประปาตากสิน

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.กัลปพฤกษ์ บริเวณหมู่บ้านเนอวานา ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.กัลปพฤกษ์ บริเวณในหมู่บ้านเนอวานา

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.พระราม 2 บริเวณซอย 34 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.พระราม 2 บริเวณซอย 34-44

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.เจริญนคร บริเวณซอยเจริญนคร 52 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เจริญนคร บริเวณคอลงบางใส้ไก่ ถึงคลองสำเหร่

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.เทอดไท บริเวณซอยเทอดไท 30 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เทอดไท บริเวณในซอยเทอดไท 30 และบริเวณใกล้เคียง


ประปาบางเขน

 เวลา 10.00-16.00 น. ถ.เลียบคลองสอง (แยก ถ.สายไหม ถึง กม.24) ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เลียบคลองสอง (แยก ถ.สายไหม ถึง กม.24) และบริเวณใกล้เคียง

 เวลา 22.00-02.00 น. ทดสอบ Step Test ถ.พหลโยธิน ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.พหลโยธิน บริเวณแยกจันทรุเมกษา ฝั่งขวาออก ถึงอนุสรณ์สถาน, ถ.วิภาวดี-รังสิต จากอนุสรณ์สถาน ถึงฝ่ายโภชนาการการบินไทย, หมู่บ้านคุ้มทรัพย์, หมู่บ้านศุภลักษณ์, หมู่บ้านบัณฑิตโฮม, หมู่บ้านเจษฎา, หมู่บ้านพิพรพงษ์ 1, ซอยกู้เกียรติ, ซอยกวีเหวียนระวี, โรงเจ(ซอยพหลโยธิน 54), ซอยหงวนเหวียนระวี, ริม ถ.พหลโยธิน ช่วงร้านวีนัสคลีนิค ถึงคลองถนน, ซอยคุณย่าเหลียง


ประปาบางบัวทอง

 เวลา 10.00-15.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.บางไผ่-หนองเพรางาย ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.บางไผ่-หนองเพรางาย บริเวณฝั่งตรงข้าม การ์เด้น (เทสโก้ โลตัส ) ถึงฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านมนวดีพาร์ค


ประปาพระโขนง

 เวลา 10.00-15.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.กิ่งแก้ว บริเวณซอยกิ่งแก้ว11(วัดคลองชวดลากข้าว) ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 บริเวณจากซอยเฉลิมพระเกียรติ 77 ถึงซอยเฉลิมพระเกียรติ 79 หมู่บ้านส่งเสริมสัมพันธ์, ซอยอ่อนนุช 88

 เวลา 21.00-05.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.สุขุมวิท บริเวณซอยสุขุมวิท 95 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.สุขุมวิท บริเวณจากปากซอยสุขุมวิท 95 ถึงหน้าปั๊มปิโตรนาส และในซอยแยก


ประปาภาษีเจริญ 

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.พระยามนธาตุราชศรีวิจิตร์ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.พระยามนธาตุราชศรีวิจิตร์ บริเวณลำรางสาธารณะ 3

 เวลา 10.00-14.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.เพชรเกษม 110,108 บริเวณซอยข้ามคลองราษฎร์เจริญ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เพชรเกษม 110, 108 บริเวณซอยข้ามคลองราษฎร์เจริญ


ประปาลาดพร้าว

 เวลา 09.30-12.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.ลาดพร้าว บริเวณโครงการบ้านกลางกรุง ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.ลาดพร้าว บริเวณซอยลาดพร้าว 79 ทั้งซอย และริม ถ.ลาดพร้าว จากซอยลาดพร้าว 79 ถึงลาดพร้าว 83 

 เวลา 10.00-15.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.นวลจันทร์ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.นวลจันทร์ บริเวณตั้งแต่สุขาลำเจียก ถึง ถ.ประดิษฐมนูธรรรม ตั้งแต่นวลจันทร์ ซอย 18-64(ฝั่งซ้ายทั้งหมด)

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.โชคชัย 4 แยก 3 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.โชคชัย 4 บริเวณปากซอยตั้งแต่ซอยโชคชัย 4 ซอย 1 ถึงซอยโชคชัย 4 ซอย 13 และโรงพยาบาลสยาม และแฟลตบ้านพักตำรวจ

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.สวนสยาม บริเวณหมู่บ้านสวนสยาม ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.สวนสยาม ฝั่งขวาบริเวณหมู่บ้านสวนสยาม, หมู่บ้านเลิศอุบล, ซอยฐานทอง, ซอยสองหมู่บ้าน, ซอยเศรษฐี, ซอยสายสัมพันธ์

 เวลา 10.30-15.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.รามอินทรา บริเวณซอยรามอินทรา 76 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.รามอินทรา บริเวณซอยรามอินทรา 74 ถึงซอยรามอินทรา 76


ประปาสุขุมวิท

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.รามคำแหง 118 บริเวณซอยหมู่บ้านพฤกษชาติ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.รามคำแหง 118 บริเวณซอยหมู่บ้านพฤกษชาติ ทั้งหมู่บ้าน



วันพุธที่ 8 เมษายนนี้

ประปาพระโขนง

 เวลา 10.00-15.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.สุขุมวิท 76 บริเวณซอยมิตรอุดม 1 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.สุขุมวิท 76 บริเวณในซอยมิตรอุดม 1 และในซอยแยก



การประปาแจ้งให้ทราบว่า มีน้ำไม่ไหลในหลายพื้นที่ ในวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายนนี้ ได้แก่...

ประปาบางเขน

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.กาญจนาภิเษก บริเวณซอยสวนสมลักษณ์ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.กาญจนาภิเษก บริเวณซอยสวนสมลักษณ์ และบริเวณใกล้เคียง


ประปาพระโขนง

 เวลา 22.00-05.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.กิ่งแก้ว-เทพารักษ์ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.กิ่งแก้ว-เทพารักษ์ บริเวณ กม.25+200 ขวาทาง


ประปาภาษีเจริญ

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.พระยามนธาตุราชศรีวิจิตร์ ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.พระยามนธาตุราชศรีวิจิตร์ บริเวณใน ถ.กาญจนาภิเษก ลำรางสาธารณะ 3

 เวลา 10.00-14.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.เพชรเกษม บริเวณซอยเพชรเกษม 103, 110 ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.เพชรเกษม บริเวณซอยเพชรเกษม 103, 110


ประปาลาดพร้าว

 เวลา 10.00-16.00 น. ตัดบรรจบท่อ ถ.สวนสยาม บริเวณหมู่บ้านสวนสยาม ทำให้น้ำไม่ไหล ถ.สวนสยาม ฝั่งขวาบริเวณหมู่บ้านสวนสยาม, หมู่บ้านเลิศอุบล, ซอยฐานทอง, ซอยสองหมู่บ้าน, ซอยเศรษฐี, ซอยสายสัมพันธ์

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 01:22:51 AM »

กรุงเทพธุรกิจ


สิปาดัน สวรรค์ใต้ทะเล



ดำดิ่งโลกใต้ทะเลเซเลเบส ประเทศมาเลเซีย ชมปะการังหลากสี สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ เยี่ยมเวิ้งคูหากว้างใหญ่ Sipadan Turtle Tomb Cave

หลังจากฝ่าสายฝนซึ่งกระหน่ำลงมาตลอดเส้นทาง กว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร ทางตะวันออกของสนามบิน ตาวาอู รัฐซาบาห์ ดินแดนมาเลเซียตะวันออก บน “เกาะบอร์เนียว” แห่งน่านน้ำอินโด-แปซิฟิก ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ทั้งยอดเขา “คินาบาลู” สูงเสียดฟ้ากว่า 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และแนวปะการังลึกลงไปนับ 1,000 เมตร กับโลกใต้ทะเลอันกว้างใหญ่

เราเดินทางมาถึงเมืองท่า เซมพอร์น่า ท่าเรือต้นทางที่จะพาเราไปสู่แหล่งดำน้ำอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานหลายสิบปี เกาะสิปาดัน

เหตุที่หมู่เกาะ "สิปาดัน - มาบูล - คาปาลัย" เป็นแหล่งดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากอยู่ในเขตทะเล "เซเลเบส" ซึ่งถือเป็นทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยสัตว์น้ำมากกว่า 3,000 ชนิด และปะการังอีกหลายร้อยแบบ

การระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล ทำให้ สิปาดัน เกิดเป็นเกาะอยู่กลางมหาสมุทร เหมือนภูเขาที่มียอดปริ่มน้ำ หากมองจากเครื่องบิน จะเห็นพื้นดินล้อมรอบด้วยหาดทรายขาว เมื่อพ้นบริเวณที่เป็นพื้นทรายออกไป ราว 20-40 เมตร จะกลายเป็นหน้าผาตัดลึกลงไป ซึ่งมีความลึกมากกว่า 600 เมตร

ในอดีตบนเกาะสิปาดันมีรีสอร์ทตั้งอยู่และให้พักค้างแรมได้ แต่ปัจจุบันรัฐบาลประเทศมาเลเซียเห็นความสำคัญของการรักษาสมดุลธรรมชาติ จึงประกาศปิดรีสอร์ทต่างๆ บนเกาะตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2549 รวมทั้งไม่อนุญาตให้พักค้างแรม แม้จะยังสามารถดำน้ำได้ แต่ก็จำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเข้ายังพื้นที่เกาะในแต่ละวันไว้ด้วย

โลกใต้น้ำที่นี่ยังสมบูรณ์อยู่มาก สังเกตได้จากสัตว์นานาชนิดที่ว่ายวนไปมา โดยเฉพาะ เต่ากระ และ เต่าตนุ ที่จำนวนมากจนมีคนทะเล้นกล่าวไว้ว่า ใครมาดำน้ำที่นี่แล้วไม่เจอเต่าทะเล ก็สมควรจะเลิกดำน้ำไปได้แล้ว (ฮา) บางตัวคุ้นกับคนมากจนสามารถเข้าไปดูมันได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่ควรสัมผัสตัวมัน ตามประสาผู้ชมที่ดี

ใกล้ๆ กันนั้น เจ้า Black tips shark, White tips shark และ Grey reef shark นอนนิ่งกบดานอยู่ตามแนวปะการัง ในบริเวณระดับความลึกไม่เกิน 20 เมตร แต่นั่นก็แค่เป็นปลาเด็กไซส์เล็ก หากน้ำนิ่ง ไม่มีกระแส เราสามารถดำดิ่งลงไปที่ความลึก 30-40 เมตร เพื่อไปหาฉลามตัวเต็มวัยยาวกว่า 2 เมตร หรือถ้าโชคดีก็เจอตัวที่ใหญ่กว่า

และจะโชคดีมากกว่านั้น ถ้าเราได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่เกาะสิปาดันตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะมีโอกาสได้ลุ้นเจอ ฉลามหัวค้อน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการลงลึกลงไปที่ระดับ 40-50 เมตร ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายจาก Decompression sickness รวมทั้งกระแสน้ำที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำใจไว้ก่อน เพราะพวกมันอาจจะไม่มาให้เห็นก็ได้ แต่ก็ยังมีบางคนที่บุญพาวาสนาส่งให้ได้เจอตอนใกล้เที่ยง แถมยังมาเป็นฝูงใหญ่อีกต่างหาก

ไหนๆ ก็ตื่นเช้ามาแล้ว หากโชคไม่ดีพอที่จะเจอฉลามหัวค้อนในที่ลึก บนผิวน้ำยังมีฝูง ปลานกแก้วหัวโหนก ฝูงใหญ่ นอนรอเวลาออกหากินอยู่ในชะง่อนผา และเมื่อได้เวลา เจ้าปลาหน้าตาตลกนับร้อยๆ ตัวนี้ จะพากันสะบัดครีบออกหากินเป็นทางยาวตลอดแนวปะการังให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันไม่น้อย



หลังจากอิ่มตาอิ่มใจกับปลาตัวใหญ่ๆ ไกด์ท้องถิ่นก็จะพาไปยัง Baracuda point ซึ่งเป็นจุดที่ ปลาสาก ฝูงใหญ่จะว่ายวนรอเหยื่อที่หลงเข้ามา ก่อนจะล้อมฝูงเป็นแนวกลมล้อมเหยื่อ และจัดการกับอาหารอันโอชะ แต่หากมันไม่ระวังตัวมากพอ ปลาใหญ่อื่นๆ ก็รอที่จะโฉบมาทำให้พวกมันกลายเป็นเหยื่อเสียเอง

ย้อนกลับไปที่ Drop-off ใกล้ที่ทำการเจ้าหน้าที่อุทยาน จากจุดนี้ลงไป 18 เมตร จะพบถ้ำขนาดใหญ่ที่เป็นตำนานของเกาะสิปาดัน ขนาดที่เรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้ลงมาที่ถ้ำนี้ เหมือนมาไม่ถึง สิปาดัน

แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปใน Sipadan Turtle Tomb Cave ได้ เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ภาพเวิ้งคูหากว้างใหญ่ที่พอจะมองเห็นได้จากปากถ้ำ ก็พาให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปไกลทีเดียว

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า บนเกาะสิปาดันนั้นไม่อนุญาตให้พักค้างคืน และรีสอร์ทต่างๆ ก็ถูกสั่งให้ย้ายออกมาทั้งหมด ดังนั้นที่พักที่สะดวกที่สุดสำหรับการมาท่องเที่ยวที่นี่ คือ เกาะมาบูล และอีกแห่งหนึ่งคือ เกาะคาปาลัย

ที่มาบูลมีรีสอร์ทให้เลือกอยู่หลายแห่ง ราคาก็แปรผันกันไปตามสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งส่วนใหญ่จะหรูหราฟูฟ่า และนอกจากที่พักบนเกาะแล้ว ยังมีแท่นขุดเจาะน้ำมันเก่าที่ถูกปรับสภาพให้กลายเป็นสถานีดำน้ำ ตั้งเด่นอยู่ในทะเล ซึ่งน่าสนใจ และให้อารมณ์ที่แตกต่างจากรีสอร์ททั่วไปมากทีเดียว

จากชายหาดของเกาะมาบูล ไม่ว่าคุณจะเดินลงไปตรงไหนก็สามารถลงดำน้ำได้ทุกที่ เพราะรอบเกาะถูกโอบล้อมไปด้วยแนวปะการังแข็งหลากพันธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งหากินของปลาน้อยใหญ่ รวมทั้งสัตว์ขนาดจิ๋วมากมายจนคุณคาดไม่ถึง ทั้งหมดอยู่ในระดับน้ำความลึกโดยเฉลี่ยราว 10 เมตร อย่างมากก็ไม่เกิน 20 เมตร สามารถดำน้ำดูสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อย่างสบายใจ และไม่มีกระแสน้ำรุนแรงคอยรบกวนความสำราญ

จะว่าไปแล้วมาบูลน่าจะเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์อีกแห่งหนึ่งของเหล่าผู้ชื่นชอบของจิ๋ว ประเภทสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อย ตั้งแต่ยาวไม่กี่เซนติเมตร จนเล็กเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ทากเปลือย เป็นสัตว์จิ๋วอันดับต้นๆ ที่นักดำน้ำชื่นชอบเสมอ และที่มาบูลก็คือบ้านอีกแห่งหนึ่งของมัน เพราะนอกจากสายพันธุ์ธรรมดาที่พบได้อย่างดาษดื่นแล้ว เจ้าทากเปลือยพันธุ์ประหลาดๆ สีสันแสบตายังสามารถพบเห็นได้อย่างไม่ยากเย็น

สัตว์หายากอีกกลุ่มหนึ่งที่ (อาจ) มีโอกาสพบที่มาบูล คือ Flambiyant cuttlefish, Blue-ringed octopus, Mimic octopus และ Bobtail squids เจ้าหนวดเหล่านี้ล้วนพบได้ไม่ง่ายนัก เพราะความสามารถในการพรางตัวเป็นเลิศ โดยเฉพาะการม้วนตัวเป็นก้อนและปรับเปลี่ยนสีของตัวมันเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อม หากคุณสามารถหามันพบและเฝ้าคอยดูพฤติกรรมการพรางตัว คุณจะเพลิดเพลินไปกับการเปลี่ยนสีของมัน แต่อย่าลืมระวังอันตรายจากพิษของ Blue-ringed octopus เพราะหากถูกมันกัดเข้าล่ะก็ ถึงชีวิตได้เลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ดำน้ำลึก บริเวณ Lobster wall เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถดำผิวน้ำ ได้ดี เพราะมีแนวปะการังให้ดูได้ตั้งแต่บริเวณน้ำตื้น และเช่นเดียวกัน การลงดำแบบ scuba ณ บริเวณนี้ก็เป็นแหล่งที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้จุดอื่น



พระเอกอีกตัวหนึ่งของมาบูล ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนคือ ปลากบ เพราะนอกจากหน้าตาประหลาดของมันแล้ว ผิวหนังอันเป็นเอกลักษณ์ที่วิวัฒนาการไปตามสภาพแวดล้อม ยังสามารถช่วยให้มันพรางตัวได้กับแนวปะการัง รวมถึงการเกาะนิ่งอยู่กับที่เพื่อซุ่มรอเหยื่อ แล้วใช้อวัยวะบนหัวซึ่งทำหน้าที่ล่อเหยื่อให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะฮุบอาหารอันโอชะด้วยความรวดเร็วจนได้เป็นเจ้าของสถิติ "ปลาที่ฮุบเหยื่อเร็วที่สุดในโลก" ต่างจากการเคลื่อนไหวของมันที่เชื่องช้ามาก เพราะครีบข้างลำตัวถูกวิวัฒนาการจนทำหน้าที่คล้ายขา อาจเรียกได้ว่ามัน “เดิน” อยู่ในน้ำมากกว่าการแหวกว่ายเฉกเช่นปลาอื่นๆ

ณ จุดที่เป็นลานทรายกว้างทางเหนือของเกาะ คนในท้องถิ่นได้สร้างแนวปะการังเทียมในความลึก 20 เมตร ด้วยการประกอบเสาไม้ต่างๆ เข้าด้วยกันลักษณะคล้ายโครงสร้างของบ้าน ความสูง 2-4 ชั้น เป็นที่มาของชื่อ Old house reef ด้วยความที่มีลักษณะเป็นโครงสร้าง ทำให้ปลาน้อยใหญ่เข้ามาอาศัยอยู่

แหล่งที่เหมาะสำหรับผู้คลั่งไคล้ปลากบที่สุด คงไม่พ้น Froggy Lair ความหมายก็ตรงตามตัวชื่อ แม้ว่าจุดนี้จะเป็นแนวปะการังเทียม (Architected reef) แต่กลับมีปลากบจำนวนมากเข้ามาอาศัยหากิน ทั้ง Common frogfish, Giant frogfish และเพื่อนร่วมตระกูลประเภท Leaf fish เฉพาะไดฟ์แรกที่ผมลงดำที่จุดนี้ อย่างคร่าวๆ ก็น่าจะนับจำนวนปลาประเภทนี้ได้มากกว่า 20 ตัว ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะพบปลาชนิดนี้ในปริมาณมากๆ ในการดำครั้งเดียว

ไกด์ของเรา เล่าว่า ในแต่ละวันปริมาณปลากบจะไม่เท่ากัน เพราะถึงแม้มันจะชอบเกาะนิ่งรอเหยื่ออยู่กับที่ แต่ก็มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่ เพราะฉะนั้นในบางวันนักดำน้ำโชคไม่ดีอาจจะพบพวกมันแค่ 3-4 ตัว แม้แต่ไกด์เองที่ดำน้ำเป็นประจำ ยังไม่ค่อยจะพบมากเกิน 10 ตัวต่อการดำ 1 ครั้งเลย



ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง คือ การแอบดู ปลาแมนดาริน ผสมพันธุ์ที่ Paradise 2 ทุกเย็นย่ำเมื่อความมืดเริ่มเข้าปกคลุม เจ้าแมนดารินสีสวยตัวจ้อย จะไล่เกี้ยวพาราสีกันอยู่ในกองหิน หลังไล่กันไปไล่กันมาหลายอึดใจ เจ้าปลาน้อยก็จะจับคู่เพื่อผสมพันธุ์ ตัวของมันทั้งคู่จะลอยขึ้นมานอกกองปะการัง เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมก็จะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว โดยระยะเวลาเริ่มจากที่จับคู่จนแยกกันนั้นไม่ถึง 10 วินาที!! ดังนั้น หากไม่อยากพลาดช็อตเด็ดแห่งธรรมชาติ จงอย่ากะพริบตา!!!

ส่วน คาปาลัย มีลักษณะเป็นเกาะใต้ผิวน้ำ อาคารต่างๆ ถูกสร้างอยู่บนแนวลานทรายซึ่งลึกลงใต้น้ำ 2-3 เมตร ที่นี่จึงไม่มีพื้นดินเลย เป็นรีสอร์ทกลางน้ำที่น่าทึ่งในความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ผสานไปกับความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากเกินไปนัก

โลกใต้น้ำในบริเวณนี้ใกล้เคียงกับที่มาบูล ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเลือกพักที่ไหน เพราะทุกที่สามารถลงดำที่แนวปะการังบริเวณใกล้ที่พักได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อาจแตกต่างไปบ้างเรื่องความหลากหลาย เพราะในแต่ละจุดมีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง

วกกลับมาที่มาบูล ใต้แท่นขุดเจาะน้ำมันที่ความลึก 18 เมตร บนกัลปังหาต้นใหญ่ที่เด่นเป็นสง่า โดดเดี่ยวอยู่กลางลานทราย Pygmy seahorse ขนาดไม่ถึง 1 เซนติเมตร แฝงกายซ่อนเร้นอยู่อย่างแนบเนียนบนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าตัวมันเองเป็นพันเท่า เจ้าม้าน้ำน้อยวิวัฒนาการตัวมันเองจนมีลักษณะเหมือนกับที่อยู่อาศัยจนแทบจะแยกไม่ออก ยกเว้นว่ามันจะยอมขยับตัวให้เป็นที่สังเกตได้บ้าง และถ้าเราพบมันแล้วยื่นหน้าเข้าไปดูในระยะประชิด มันก็จะหันหน้าพาปากจู๋ของมันซุกหลบเข้าไปกับกิ่งกัลปังหาให้เป็นที่ตลกขบขัน ซึ่งก็คุ้มค่ากับการเสียเวลาและอากาศในถังเพื่อเฝ้าค้นหาตัวมันอยู่นับครึ่งชั่วโมงจนไม่ได้ไปดูอย่างอื่นอีกเลย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพักที่ใด ทั้งมาบูล, คาปาลัย หรือบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน เราสามารถดำน้ำในบริเวณใกล้เคียงได้ตลอดเวลา ดังนั้นแม้ว่าเราจะพลาดสัตว์ตัวใดในไดฟ์ไหน ก็ยังมีโอกาสลงดำซ้ำในจุดเดิมได้ จึงไม่ต้องพะวักพะวนกับการ “หาของ” มากเกินไป จนทำให้ดำน้ำไม่สนุก และทุกๆ รีสอร์ทก็พร้อมจะพาคุณไปดำใน dive site ต่างๆ ตามที่คุณต้องการโดยไม่มีจุดไหนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของใคร

ทั้งหมดทั้งมวลที่ สิปาดัน - มาบูล - คาปาลัย ยังคงเสน่ห์ของมันเองอยู่ได้ก็เนื่องจากการเห็นความสำคัญของการไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินขอบเขตความเหมาะสม รวมถึงการร่วมมือร่วมใจกันของคนในพื้นที่ เพราะแม้แต่บนเกาะมาบูลเองก็ยังมีหมูบ้านชาวประมงที่ยังหาเลี้ยงชีพด้วยการทำประมงพื้นบ้านกันอยู่

แต่พวกเขาไม่เคยทุบหม้อข้าวด้วยการ “ทำลาย” แหล่งหากินของตัวเอง ดินแดนแห่งนี้จึงยังยั่งยืนอยู่ได้ตราบนานเท่านาน





การเดินทาง

จากสนามบินสุวรรณภูมิ ต้องหาเที่ยวบินไปลงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แล้วจึงเดินทางต่อจากกัวลาลัมเปอร์ ไปยังสนามบินตาวาอู ในรัฐซาบาห์ มีสายการบินให้บริการเส้นทางนี้อยู่หลายสาย

ส่วนการเดินทางบนบก จากสนามบินตาวาอู ไปยังท่าเรือที่เมืองเซมพอร์น่านั้น ถ้าเราซื้อแพ็คเกจทัวร์ไว้แล้ว ส่วนใหญ่บริษัทนำเที่ยวจะมีรถมารับถึงสนามบิน แต่ถ้าแบกกระเป๋าไปเองก็ต้องรอรถประจำทางจากสนามบินไปยังตัวเมืองตาวาอู แล้วจึงจะต่อรถไปลงเรือที่เมืองเซมพอร์น่าอีกทอดหนึ่ง จากนั้นก็ไปเดินเลือกซื้อได้จากบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ได้ตามชอบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการส่งเสริม การท่องเที่ยวมาเลเซีย ในประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2631-1994-6 หรือ www.tourism.gov.my

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2009, 01:41:30 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 01:40:46 AM »

เนชั่นแชนแนล : เนชั่นทันข่าว


สุราษฎร์ธานี ตั้งหน่วยเฉพาะกิจจับกุมผู้บุกรุกชายฝั่งทะเล

นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการบุกรุกชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นที่สาธารณะกั้นเป็นคอกหอยจำนวนมาก โดยมีการใช้เสาไฟฟ้าจับจองกั้นเป็นเจ้าของเกินกว่าที่รัฐกำหนด จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าท่า และประมง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันการบุกรุกชายฝั่งทะเล ที่ส่งผลกระทบต่อการทำลายทรัพยากรชายฝั่งและวงจรชีวิตสัตว์น้ำ พร้อมมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจลงไปดำเนินการจับกุมผู้บุกรุกชายฝั่งทะเลในเขตอำเภอพุนพิน อย่างเร่งด่วนเป็นอำเภอแรก เพราะปรากฏว่ามีการบุกรุกชายฝั่งทะเลเพื่อเลี้ยงหอยกว่า 500 ไร่ โดยใช้เสาคอนกรีตปักเขตการเลี้ยงในเชิงธุรกิจขนาดใหญ่นอกเขตพื้นที่ที่ทางกรมประมงกำหนด

พร้อมกันนั้น ให้อำเภอที่มีการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ ไชยา ท่าฉาง พุนพิน ดอนสัก และกาญจนดิษฐ์ ดำเนินการจัดระเบียบการเพาะเลี้ยงชายฝั่งให้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการกำหนดโดยการใช้เครื่องมือ GPS ตรวจสอบหากมีการรุกล้ำจะต้องเพิกถอนอาชญาบัตรหรือไม่ต่อใบอนุญาตในการทำประมงชายฝั่ง นอกจากนั้นจะต้องดำเนินการกับผู้บุกรุกอย่างเด็ดขาด ทั้งทางคดีอาญาและคดีแพ่ง ตลอดจนห้ามมิให้สวมสิทธิ์ชาวประมงพื้นบ้าน ในรูปแบบตัวแทนหรือนอมินี มาเช่าพื้นที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งในเชิงธุรกิจ ทั้งนี้ในการจัดสรรพื้นที่ชายฝั่งทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งนั้น ทางจังหวัดจะเน้นจัดสรรให้เฉพาะประชาชนในพื้นที่ตามสิทธิชุมชน รายละไม่เกิน 10-20 ไร่ และต้องพิจารณาตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด


*****************************************************************************************************************************


ปดส.จับนายหน้าค้ามนุษย์ส่งลงเรือตังเกใช้เยี่ยงทาส

พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชน และสตรี (รอง ผบก.ปดส.) พ.ต.อ.ทินกร มั่งคั่ง ผกก.3 บก.ปดส. แถลงข่าวจับกุม นายชัยรัตน์ นวนปาน อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 905/2552 และ 896/2552 ลงวันที่ 1 เมษายน 2552 ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ และนายเจน ขุมทรัพย์ อายุ 44 ปี อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 897/2552 ลงวันที่ 1 เมษายน 2552 ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ โดยจับกุมนายชันรัตน์ ได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายเจน จับกุมได้ที่บริเวณสนามหลวง เขตพระนคร กทม.

ทั้งนี้ได้มีแรงงานถูกหลอกลวงให้ไปทำงานเป็นลูกเรือประมงท่าเรือแหล่งพระราม จ.สงขลา หาปลาในน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้านได้หลบหนีมาขอความช่วยเหลือและแจ้งความดำเนินคดีกับนายชัยรัตน์ และนายเจน นายหน้าที่หลอกลวงให้ไปทำงานบนเรือประมงดังกล่าว ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.ปดส. สืบทราบว่า นายชัยรัตน์ มีพฤติการณ์เป็นนายหน้าจัดหางานเถื่อนอยู่ที่ จ.สงขลา โดยจะรับช่วงต่อจากนายเจน ที่คอยหาเหยื่อตามสถานีขนส่งหมอชิต สถานีขนส่งสายใต้ และสนามหลวง

เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะถูกส่งตัวไปขึ้นเรือประมงออกน่านน้ำโดยจอดอยู่กลางทะเลตลอดเวลาไม่กลับเข้าฝั่งต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแรงงานเกือบทั้งหมดทนทำงานไม่ไหวต่างพยายามหลบหนี บางรายก็เสียชีวิตระหว่างการหลบหนีหรือถูกไต้ก๋งทำร้ายร่างกายบังคับให้ทำงาน จากนั้นชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองมาได้ เบื้องต้นทั้งสองให้การปฏิเสธ

นอกจากนี้กำลังตำรวจชุดเดียวกัน ได้เข้าจับกุมนายวิสุทธิ์ เอี่ยมปิ่น อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 181/2552 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 และหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ 245/2552 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2552 ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันค้ามนุษย์ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 54/43 ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. หลังจากสืบทราบว่าผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในแก๊ง “เจ๊แตน” นายหน้าจัดหางานเถื่อนในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายไปทำงานบนเรือประมง สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีต่อไป


*********************************************************************************************************************


สงขลาอะควาเรี่ยมเปิดโซนทะเล

ว่าที่ ร.ต.เอกสิทธิ์ แก้วอัมพร ผู้อำนวยการสงขลาอะควาเรี่ยม เปิดเผยว่า จากการที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลา (Songkhla Aquarium) ประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ยอมรับของประชาชนในภาคใต้และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่เดินทางมาเข้าชมอย่างไม่ขาดสายต่อเนื่องกันมาทุกวัน

เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลา (Songkhla Aquarium) ครบวงจร ได้มีการขยายแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเปิดเป็น อะควาเรียม บีช ( Aquarium Beach ) ที่มีความต่อเนื่องด้านหลังสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลาไปยังชายทะเลแหลมสมิหลา โดยเปิดเป็นโซนทะเล เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ของจังหวัดสงขลาอีกแห่งหนึ่ง โดยแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนที่ 1 เป็นกิจกรรมกีฬาทางทะเล ได้แก่ บานาน่า โบ๊ท , เจ๊ทสกี, วินเซิร์ฟ, โดนัท, สกีน้ำ บริการร้านอาหาร บริการนวดและสปา โซนที่ 2 เป็นกิจกรรมผจญภัย ได้แก่ รถมินิ ATV เรือคยัค

โดยจะเปิดเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายน 2552 เวลา 14.00 น. มีการจัดขบวนพาเหรดทางน้ำไปตามเส้นทางชายทะเลหาดชลาทัศน์ ขบวนพาเหรดประกอบด้วย บานาน่า โบ๊ท พารามอเตอร์ เรือประกาศ เจ๊ทสกี เรือใบ วินเซิร์ฟและการโชว์ว่าว นอกจากนี้ในส่วนของการโชว์การให้อาหารปลาในสงขลาอะควาเรี่ยมที่จอพาโนราม่า นักประดาน้ำจะใส่เสื้อลายดอกเพื่อรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงด้วย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 05, 2009, 01:43:09 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


จ.นครศรีธรรมราช แก้ปัญหาโพงพาง ประมงพื้นบ้านกีดขวางร่องน้ำและเส้นทางเข้า-ออก

สมาคมผู้ค้าสัตว์น้ำประมงอวนลากนครศรีธรรมราช เข้าร้องเรียนต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังประสบความเดือดร้อนจากปัญหาประมงพื้นบ้านกีดขวางร่องน้ำและเส้นทางเข้า-ออก ล่าสุดผู้เกี่ยวข้องระดับจังหวัดลงพื้นที่หารือร่วมสองฝ่าย

จังหวัดนครศรีธรรมราช หารือผู้เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาโพงพางกีดขวางร่องน้ำทางเดินเรือ หลังสมาคมผู้ค้าสัตว์น้ำประมงอวนลากนครศรีธรรมราช ที่มีสมาชิกประมาณ 200 ลำ เข้าร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะร่องน้ำที่ตื้นเขิน และะปัญหาซั้งและโพงพางของชาวประมงพื้นบ้าน ที่นำเครื่องมือทำประมงมาวางในร่องน้ำสำหรับเดินเรือ ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับเรือประมงอยู่เสมอ โดยเบื้องต้นที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และประมงอำเภอในพื้นที่ นำปัญหาและข้อร้องเรียนดังกล่าวไปหารือร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแจ้งให้ผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านทราบ เพื่อร่วมกำหนดข้อสรุปในการดำเนินการและหาจำนวนตัวเลขที่เหมาะสม ในการประกอบกิจกรรมประมงพื้นบ้าน เพื่อไม่ให้แนวทางดังกล่าว ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนทั้งในส่วนของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและสมาชิกสมาคมผู้ค้าสัตว์น้ำประมงอวนลากนครศรีธรรมราช

จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ประกอบการประมงพื้นบ้าน (โพงพาง) ในเขตร่องน้ำปากพนัง จำนวนทั้งสิ้น 222 ช่อง ซึ่งเบื้องต้นจะมีการหารือ เพื่อลดจำนวนประมงพื้นบ้านให้ลดลง เพื่อเปิดร่องน้ำสำหรับเดินเรือ ให้ผู้ประกอบการและเรือประมงสามารถเดินเรือเข้า-ออกได้สะดวกและคล่องตัวขึ้น


****************************************************************************************************************************


ผู้ว่าฯ สตูล ชี้ควรจัดโซนพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลกับพื้นที่ทำการประมง เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มีแนวคิดจัดโซนพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลกับพื้นที่ทำการประมง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุลูกเรือประมงชาวพม่า 3 คนรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต

ในวันที่ 2 เมษายน 2552   นายการ์ดอน แม็คคลาวด์ กงสุลอังกฤษและเลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เข้าพบนายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล เพื่อขอบคุณที่รัฐบาลไทย จังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ช่วยกันดูแลครอบครัวโรเบิร์ตสัน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ จากกรณีเกิดเหตุลูกเรือประมงชาวพม่า 3 คน รุมทำร้ายนายมัลคอล์ม โรเบิร์ตสัน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ วัย 64 ปี เสียชีวิตก่อนนำศพโยนทิ้งทะเล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณเกาะดง ใกล้เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ค้นหาศพพบในเวลาต่อมา

นายการ์ดอน แม็คคลาวด์ กงสุลอังกฤษและเลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ทางสถานทูตอังกฤษ รู้สึกซาบซึ้งใจและขอขอบคุณรัฐบาลไทย และจังหวัดสตูลเป็นอย่างมาก ที่เจ้าหน้าที่ของไทยทุกฝ่ายให้การช่วยเหลือดูแลครอบครัวของนายมัลคอล์มเป็นอย่างดี ทางสถานทูตเข้าใจในเหตุการณ์ครั้งนี้เพราะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ อย่างไรก็ตามคิดว่า เมืองไทยยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม และน่าสนใจ แต่ละปีมีชาวอังกฤษนิยมมาท่องเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแม้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น ทางกงสุลฯ ก็ยังจะยังคงสนับสนุนให้ชาวอังกฤษมาเที่ยวที่เมืองไทยเหมือนเดิม

ด้านนายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนมีแนวความคิดที่จะผลักดันนโยบายด้านการท่องเที่ยวและโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงมารีนา หรือที่จอดเรือนักท่องเที่ยวให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องความปลอดภัย อาหาร ที่พักหรือการบริการเติมน้ำมันเรือและอู่ซ่อมเรือ จัดให้มีศูนย์ ONE STOP SERVICE ของศุลกากร โดยเฉพาะเรื่องวีซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกและบริการนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่สตูล โดยผ่านเส้นทางน่านน้ำสากล และการแบ่งโซนระหว่างพื้นที่ทำการประมง และพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีหรือลูกเรือประมง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวเข้าไปขโมยของ ทำร้ายหรือสร้างความวุ่นวายแก่นักท่องเที่ยวได้


*************************************************************************************************************************


สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูทรัพยากรอ่าวไทยตอนใน

สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูทรัพยากรอ่าวไทยตอนใน โดยให้เครือข่ายองค์กรชุมชนและภาคี มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรของตนเอง

นายปฏิภาณ จุมผา ผู้จัดการสำนักงานปฏิบัติการภาคกลางตอนบนและตะวันตก สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. เปิดเผยว่า พอช. และคณะกรรมการเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรชุมชน ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในทะเลอ่าวไทยตอนใน หรือ อ่าว ก ไก่ ซึ่งเรียกตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายตัวอักษร ก ไก่ หลังจากมีมติอนุมัติงบประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว
นายปฏิภาณ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร

สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร ดำเนินการโดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายองค์กรชุมชนและภาคี อาทิ กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทุ่งสามร้อยยอด เครือข่ายครู 14 โรงเรียนรอบทุ่งสามร้อยยอด กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำเพชรบุรีภาคประชาชน กลุ่มแม่กลอง ดอนหอยหลอด และกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลสมุทรสาคร โดยมีวัตถุประสงค์ให้ชุมชนแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และจัดการทรัพยากรของตนเอง

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.025 วินาที กับ 19 คำสั่ง