กระดานข่าว Save Our Sea.net
มีนาคม 29, 2024, 12:19:19 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม 2552  (อ่าน 8991 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2009, 05:31:53 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมตะวันตกที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลัง ปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจาย ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อนึ่ง เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (8 พ.ค.52) พายุไต้ฝุ่น“จันหอม” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7-9 พ.ค.ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนลมตะวันตกกำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้มีฝนกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 10-13 พ.ค. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนจะเพิ่มมากขึ้น อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “จันหอม” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ตอนบนในวันที่ 8 พฤษภาคม 2552


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 10-12 พ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก



* Forecast2.jpg (38.5 KB, 684x423 - ดู 1086 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2009, 05:36:17 AM »

ไทยรัฐ


ป่าชายเลนสมุทรปราการ-สมุทรสาคร เหลือแค่หมื่นไร่

กรมทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง สนับสนุนจัดตั้งกลุ่ม "ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า" ทำหน้าที่ร่วมกับภาครัฐในการดูแลป้องกันการบุกรุก และลักลอบตัดไม้ทำลายป่า...

วันนี้ (6 พ.ค.) นายสำราญ รักชาติ อธิบดีอธิบดีกรมทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงโครงการนำร่องใช้ธรรมชาติมาช่วยแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ พื้นที่อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสมุทรสาครถึงสมุทรปราการ ว่า เป็นที่น่าพอใจ เพราะนอกจากแนวไม้ไผ่ซึ่งกรมฯ และชุมชนร่วมกันนำไปปักไว้จะช่วยชะลอความรุนแรงของกระแสน้ำที่กัดเซาะชาย ฝั่งแล้ว พบว่ายังทำให้เกิดการทับถมของตะกอนดินที่ถูกกระแสน้ำพัดมาเฉลี่ยถึงปีละ 57 เซนติเมตรด้วย

"เบื้องต้นกรมฯ เตรียมนำพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด อาทิ โกงกาง แสม ลำพู เป็นต้น ให้ชุมชนนำไปปลูกป่าชายเลนในแนวตะกอนดินดังกล่าว ควบคู่ไปกับการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ด้านหลังแนวไม้ไผ่ ที่เรียกว่าแนวถอยร่นเฉลี่ยพื้นที่ละ 50-100 เมตร เพื่อทำหน้าที่เป็นกำแพงธรรมชาติในการป้องกันปัญหาการกัดเซาะในระยะยาวต่อไป โดยกรมฯ จะมีการติดตามและประเมินผลโครงการเป็นระยะๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งใน พื้นที่อื่นๆด้วย" นายสำราญ กล่าว

อธิบดีอธิบดีกรมทรัพยาการทางทะเล และชายฝั่ง กล่าวว่า พื้นที่อ่าวไทยตอนบนเป็นทะเลเปิด ไม่มีเกาะหรืออ่าวที่จะช่วยชะลอความรุนแรงของคลื่นลม ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ป่าชายเลนในพื้นที่ จังหวัดสมุทรสาครถึงสมุทรปราการ ซึ่งเดิมมีประมาณ 30,000 ไร่ เหลือเพียง 10,000 ไร่ จึงเป็นเหตุให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงมาก ขึ้น กรมฯจึงได้ร่วมกับชุมชนในพื้นที่นำไม้ไผ่ปักตลอดแนวชายฝั่ง พบว่าวิธีดังกล่าวช่วยลดความรุนแรงของปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและทำให้มี พื้นที่ปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น ขณะนี้กรมฯจึงได้รวบรวมและศึกษาผลดีผลเสียจากโครงการ เพื่อนำมาปรับปรุงแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งให้มีประสิทธิภาพมาก ขึ้น

อธิบดี ทช. กล่าวอีกว่า กรมฯจะเร่งจัดอบรมความรู้เรื่องประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพของป่าชาย เลน เพื่อกระตุ้นให้ชุมชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และ ฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งในส่วนของชุมชนที่มีความพร้อม กรมฯ จะเข้าไปสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่ม "ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า" หรือ รสทป. ทำหน้าที่ร่วมกับภาครัฐในการดูแลป้องกันการบุกรุก และลักลอบตัดไม้ทำลายป่า โดยทำควบคู่ไปกับการหารือร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ป่าชายเลนของชุมชนที่ถูกต้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากพันธุ์ไม้ต่างๆได้ รวมทั้งยังจะส่งเสริมให้ชุมชนปรับเปลี่ยนวิธีการทำประมงที่เป็นมิตรกับระบบ นิเวศป่าชายเลนแทนการทำประมงพาณิชย์ เบื้องต้นคาดว่า จะทำให้การฟื้นฟูป่าชายเลนและความหลากหลายทางชีวภาพของชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2009, 05:38:46 AM »

เดลินิวส์


 ยล 'เขาหินปะการัง' อ.ชนแดน


   
หากพูดถึง จ.เพชรบูรณ์ หลายคนคงจะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่าง น้ำหนาว เขาค้อ ลำน้ำเข็ก ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อ และได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงวันหยุดยาว หรือเมื่ออากาศหนาวมาเยือน

แต่หากค้นหาให้ดี 'เพชรบูรณ์' ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อย่าง ที่ 'เขาหินปะการัง' แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ บริเวณหมู่ 8 บ้านเขาเพิ่มพัฒนา ต.ซับพุทรา อ.ชนแดน ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุง และทำแผนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่ง 'เดลินิวส์ ไกด์' จะได้พาคุณผู้อ่าน ไปดูความสวยงาม ที่น่าอัศจรรย์ กับภูเขาลูกนี้กัน



'เขาหินปะการัง' หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า 'เขาหน่อ' เป็นเทือกเขาหินมีความลาดชันราว 45 องศา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 250 เมตร ทั้งนี้จากการสันนิษฐานในเบื้องต้นคาดว่า เดิมทีบริเวณเทือกเขาแห่งนี้ น่าจะเป็นท้องทะเลหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในสมัยเมื่อหลายล้านปี ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยผิวโลกยกตัว จนทำให้เกิดสภาพดังกล่าวขึ้น มีอาณาบริเวณครอบคลุมภูเขา 2 ลูก เนื้อที่รวมกว่าพันไร่ มีต้นไม้ขึ้นสลับกันอยู่หลายชนิด โดยเฉพาะต้นจันทน์ผา ไม้มงคลหายาก และยังเป็นไม้ที่เหล่าพ่อค้าไม้ ต้องการเป็นอย่างยิ่ง

ลักษณะของภูเขาหินแห่งนี้คล้ายกลุ่มปะการังที่อยู่ใต้ท้องทะเล รูปร่างตามจินตนาการเหมือนหน่อไม้ผุดขึ้นมาจากเขาหิน มีลักษณะแหลมคม หากอยากได้รูปสวย แต่ไม่ระวังรับรองว่าได้แผลกลับบ้านเป็นที่ระลึกแน่นนอน หินบางลูกเมื่อนำไม้หรือเหล็กไปเคาะเบาๆ จะให้เสียงที่ดังกังวานคล้ายเสียงระฆัง ซึ่งเสียงที่เกิดขึ้นนั้น คาดว่าน่าจะมีแร่บางชนิดอยู่ด้านใน (ทางที่ดีรู้ไว้เป็นข้อมูล ไม่ต้องเคาะเพื่อพิสูจน์จะดีกว่า เพราะหากมือไม่เบาพอ อาจทำให้ปะติกรรมทางธรรมชาติชิ้นนี้เกิดความเสียหายได้)

ส่วนการเข้าชม 'เขาหินปะการัง' นั้น ทาง อบต.ซับพุทรา ได้ทำการสร้างบันได เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นชมทัศนียภาพจากมุมสูง อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับ 'เขาหินปะการัง' ด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลซับพุทรา โทร.081-727-6750, 089-703-5431

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2009, 05:46:32 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


รวบขบวนการขนน้ำมันเถื่อนแก๊งตร.น้ำ

      ตร.สัตหีบบุกรวบขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อน  ขณะกำลังถ่ายขึ้นจากเรือประมงดัดแปลงคาหนังคาเขา  คนขับรถซัดทอด  "จ่าเบิ้ม"  ตำรวจน้ำร่วมด้วย  แต่เคลียร์กันไม่ได้ถูกนำตัวไปดำเนินคดี

     เมื่อเวลา  04.45  น.  วันที่  7  พฤษภาคม  พ.ต.อ.สมชาย  สุนทวนิค  ผกก.สภ.สัตหีบ  จ.ชลบุรี  ได้นำกำลังเข้าจับกุมขบวนการขนน้ำมันเถื่อน  ขณะทำการถ่ายจากเรือประมงที่ท่าเทียบเรือสะพานภิรมย์   หมู่  3  ต.แสมสาร  อ.สัตหีบ  คนงานที่กับกับรถบรรทุก  2  คน  และลูกเรือประมงพร้อมไต๋เรือ  5  คนไหวตัวทัน  พากันโดดลงทะเลหนีรอดไปได้

     เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายสาคร   พงษ์ชัย  อายุ  30  ปี  อยู่บ้านเลขที่  90/11   หมู่  11   ต.ทางขวาง  อ.แวงน้อย  จ.ขอนแก่น  คนขับรถบรรทุก  6  ล้อ  ยี่ห้อฮีโน่  สีขาว  ทะเบียน  83-3278  สมุทรปราการ  ที่ท้ายรถบรรทุกถังน้ำมัน  200  ลิตร  34  ถัง  นายพร  ดางลอย  อายุ  42  ปี  อยู่บ้านเลขที่  87/5  หมู่  6  ต.หนองโสน  อ.สามง่าม  จ.พิจิตร  คนขับรถกระบะมิตซูบิชิ  สตราด้า  สีบรอนซ์ทอง  ทะเบียน  ณจ.-9869  กทม.  ที่ท้ายรถบรรทุกถังน้ำมัน  200  ลิตร  อยู่  8 ถัง  นายปรัชญา  ตะโส  อายุ  34  ปี   อยู่บ้านเลขที่  314/28  หมู่  7  ต.บางเมืองใหม่  อ.เมืองสมุทรปราการ  คนขับรถบรรทุกมิตซูบิชิ  สตราด้า  สีบรอนซ์  ทะเบียน  ลร.-7980  ท้ายรถบรรทุกถังน้ำมัน  200  ลิตร  อยู่  8  ถัง  เอาไว้  พร้อมกับตรวจสอบเรือประมงดังกล่าวที่กำลังถ่ายน้ำมันอยู่

     พบเป็นเรือประมงดัดแปลงเพื่อบรรทุกน้ำมันขนาด  9  วา  2  ศอก  ชื่อปิยชล  ทะเบียนเรือ  รย.1142  สีฟ้าขาว  ในระวางเป็นห้องบรรจุถังพลาสติก  16  ถัง  แต่ละถังจุ  1   พันลิตร  รวมทั้งสิ้น  10,800  ลิตร  ขณะถูกจับกุมมีการถ่ายน้ำมันขึ้นรถแล้ว  3,800  ลิตร   และพบบัตรประชาชนตกอยู่บนเรือ  1  ใบ  ชื่อนายบุญเรือน  สร้อยจิตร  อายุ  52  ปี   อยู่บ้านเลขที่  45  หมู่  5  ต.พรมเทพ  อ.ท่าตูม  จ.สุรินทร์  คาดว่าจะเป็นไต๋เรือจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

     นายสาครคนขับรถบรรทุก  6  ล้อ  ให้การว่า  มีนายทุนใน  จ.สมุทรปราการ  จ้างวานให้บรรทุกน้ำดีเซล   1  หมื่นลิตร  โดยให้ประสานกับจ่าเบิ้มตำรวจน้ำในพื้นที่  ที่หมายเลข  08-6663-6184  พาเข้ามาที่สะพานเทียบเรือ  ก่อนหน้านี้ขนไปแล้ว  1  ครั้ง  พอครั้งที่  2   ก็ถูกจับ  นายสาครได้โทรศัพท์ไปหาจ่าเบิ้ม  บอกว่าถูกตำรวจจับก็ตัดสายทิ้ง  แต่ต่อมาก็มีตำรวจน้ำนายหนึ่งโทร.มาขอพูดกับชุดจับกุม  แต่เคลียร์ไม่ได้

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2009, 05:48:29 AM »

เนชั่นแชนแนล : เนชั่นทันข่าว


ไกด์ดำน้ำแฉขบวนการทัวร์ท่องเที่ยวลอบขนปะการัง

นาย พลศิริ ศุภศรี อายุ 37 ปี ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ บริษัท SEAMOTH & DIVE CENTER & TOUR จ.ตรัง เปิดเผยว่า จากการดำน้ำสำรวจแหล่งปะการังในท้องทะเลตรัง โดยเฉพาะหมู่เกาะต่างๆ เช่น เกาะเชือก เกาะม้า เกาะแหวน เกาะกระดาน และเกาะลิบง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามและมีชื่อเสียงใน จ.ตรัง ที่นักดำน้ำทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ และความอุดมสมบูรณ์

ขณะนี้ ได้มีขบวนการลักลอบเก็บปะการังตามเกาะต่างๆ แอบแฝงปะปนเข้ามาในกลุ่มของนักท่องเที่ยว โดยบางรายยอมลงทุนซื้อกรุ๊ปทัวร์แบบเหมา เพื่อเข้ามาเก็บปะการังโดยเฉพาะ โดยทำทีลงเล่นน้ำชมปะการัง และเมื่อได้จังหวะเหมาะก็ดำน้ำใช้เครื่องมือเก็บปะการังใส่กระสอบปุ๋ยขึ้นมา ไว้บนเรือ

หลังจากนั้นจะนำขึ้นฝั่งส่งขายให้กับนายทุนในตลาดมืด บางชนิดราคาสูงสุดจะอยู่ที่หลักหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับ ลักษณะ ขนาด อายุและคุณสมบัติการใช้งาน เป็นส่วนประกอบ นอกจากนัน้ยังยอมรับว่า มีนักดำน้ำนอกระบบบางรายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบเก็บปะการังด้วย

สำหรับปะการังใน 4 เกาะของ จ.ตรัง ที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพลักลอบเก็บส่วนใหญ่จะเป็น ปะการังซีแฟน ปะการังแส้ ฯลฯ ซึ่งปะการังเหล่านี้จะเป็นที่นิยมนำไปทำเป็นของที่ระลึก ของประดับ และของตกแต่งบ้านเรือน ขายตามชายหาดและรีสอร์ท

ทั้งนี้ไม่เฉพาะแต่ ปะการังเท่านั้นที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพแอบขโมยยังมีปลาการ์ตูน หอยบางชนิดที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์อย่างเช่นหอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคู่บ่าวสาวในระหว่างเข้าร่วมพิธีวิวาห์ใต้สมุทร จ.ตรัง ก็จะมีออร์เดอร์ นำไปทำของที่ระลึก เช่น ที่เขี่ยบุหรี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นตามร้านอาหารชายทะเล หรือหากเป็นหอยขนาดใหญ่ก็จะทำอ่างล้างหน้าตามรีสอร์ทต่างๆ

อย่างไร ก็ตามจากผลกระทบดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณปะการังใน 4 เกาะของ จ.ตรัง อาทิ เช่น ปะการังซีแฟน ปะการังแส้ โดยภาพรวมลดลง ประมาณ 20-30 % นอกจากนั้นยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยจะเห็นได้ว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดำน้ำลดปริมาณลง และหันไปดำน้ำที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ พังงาและภูเก็ตแทน และยังทำให้ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.479 วินาที กับ 21 คำสั่ง