น้องแม่หอยท่องเดนมาร์ค

[แม่หอย]

 
จริงค่ะ ได้สัมผัสน้ำใจไมตรีอันดี ทั้งของเจ้าหน้าที่สายการบินและเจ้าหน้าที่ด่าน ตม. สนามบินแล้วมีความชื่นใจจริงๆ ค่ะ ..
การเดินทางไปเดนมาร์กใช้เวลาบินจากกรุงเทพมหานครถึงนครโคเปนเฮเกน (Copenhagen) หรือโคเบนฮาฟน์ (Kobenhavn) ของชาวเดนสค์ ประมาณ 11 ชั่วโมง  เวลาของเขาช้ากว่าเรา 5 ชั่วโมง ออกบินประมาณตี 1:20 น. พอนาฬิกาเวลาไทยบนข้อมือแม่หอยบอกเวลาตี 3 เขาก็เสิร์ฟอาหารมื้อแรก เสร็จเขาก็ให้ปิดม่านหน้าต่างเพราะบินตามพระอาทิตย์เดี๋ยวแสงสว่างจะเข้ามารบกวนการนอน ก็นอนๆ นั่งๆ ตาร้อนกับคู่ที่นั่งข้างๆ ไปอีกประมาณ 8 ชั่วโมง เท่ากับ 11 โมงเช้าบ้านเรา หรือ 6 โมงเช้าเดนมาร์ก เขาก็เสิร์ฟอาหารบนเครื่องบินอีก 1 มื้อ ก่อนถึงที่หมายสนามบินโคเปนฯ ประมาณ 2 ชั่วโมง..

[หอยกะทิ]

พี่แม่หอยกลับมาแล้วเหรอครับ ไม่ได้เข้าเวบตั้งหลายวัน ดูๆแล้วคงไม่ต้องถามว่าสบายดีมั๊ย ดูฟิตกว่าก่อนไปซะอีก

[แม่หอย]

 
ฟิตเปรี๊ยะเลยค่ะ.. ทำน้ำหนักขึ้นด้วยชีส นม เนยได้มา 2 กิโล.. ดีใจจัง
แต่กลับมาเจอส้มตำปลาร้าของโปรดแล้วไม่รู้จะเริ่มหย่อนยานลงอีกเร็วแค่ไหน.. ฮิๆ..

เกือบลืมเล่า ต้องบันทึกไว้หน่อย ปกติเดินทางทีไรเป็นต้องได้นั่งแถวๆ ปีกเรือบิน จะมองท้องฟ้าปุยเมฆให้งดงามก็มีปีกเรือบินพะเยิบพะยาบเกะกะชะมัด แต่เที่ยวนี้นั่งตรงประตูทางออกหน้าต่างกว้างกระจ่างตาดีแท้ๆ เลยได้ถ่ายรูปปุยเมฆสวยซะหลายรูปเลยค่ะ
ได้รูปมาเมื่อไรจะนำมาอวดให้ชมนะคะ..

[สายชล]

....สองสายต้องทานส้มตำปลาร้าทุกวันแล้ว จะได้ผอมลงบ้างนะคะ.....

จะรอชมภาพและอ่านเรื่องสนุกๆของน้องแม่หอยค่ะ........

[แม่หอย]

 
ก่อนออกเดินทาง 3-4 วันคุณก้องเช็คดินฟ้าอากาศให้แล้วว่าอุณหภูมิประมาณ 10-13 องศาเซลเซียส ก็เตรียมอุปกรณ์กันหนาวพร้อม .. ตื่นเต้นดีใจและลุ้นอยากให้หนาวกว่านั้นอีกสักหน่อยเพราะชอบ จะได้ใส่เสื้อแจ็คเก็ตตัวหนาๆ เพิ่มสัดส่วน หรืออีกนัยหนึ่งอำพรางสัดส่วนแห้งๆ ที่แท้จริงไว้สักหน่อยน่ะค่ะ..
ก่อนเครื่องลง กัปตันประกาศแจ้งดินฟ้าอากาศบอกว่าอุณหภูมิที่โคเปนฯ ขณะนั้น 11 องศา .. ดีจัง:-\

สนามบินโคเปนเฮเกน หรือ Kobenhavn Lufthaven, Kastrup Airport เป็นสนามบินที่สะดวกสบายดีมาก การบินไทยของเราเข้าจอดที่ Terminal 3  พอลงจากเครื่องเข้าสู่บริเวณสนามบิน ก็ได้เห็นน้องหมาผู้มาทำหน้าที่พนักงานตรวจตรารักษาความปลอดภัย มีพี่เลี้ยงจูงเดินไปมาดักดมสัมภาระผู้โดยสาร เข้าใจว่าตรวจหายาเสพติดหรือของต้องห้ามทั้งหลาย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งที่นี่ไม่มีการให้กรอกแบบฟอร์มขาเข้าขาออกอะไรทั้งนั้น แค่เอาพาสปอร์ตเราไปดูๆ แล้วประทับตราวันที่เข้ามาให้ 1 เป้งเท่านั้น แม่หอยถือหนังสือเดินทางราชการไม่ต้องใช้วีซ่า  แถมขาออกกลับประเทศไทยก็ไม่ยักเห็นสนใจจะประทับตราให้ว่าออกแล้วด้วย..
 

[แม่หอย]

 แม่หอยต้องเดินทางต่อไปยังเมืองออร์ฮูส (Aarhus) เพื่อตามไปสมทบกับน้องก้อง-น้องแก้ว ที่เดินทางล่วงหน้าไปประชุมที่มหาวิทยาลัยอยู่ก่อนแล้ว  แต่เนื่องจากไม่ได้ตีตั๋วเรือบินไปจนถึงที่หมายปลายทาง จึงต้องเดินทางต่อโดยรถไฟ ซึ่งก็สะดวกสบายมาก .. จากสนามบินโคเปนเฮเกนซึ่งการบินไทยของเราเข้าจอดที่ Terminal 3 นั้น เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเดินตามช่องทางออกมาเรื่อยๆ (รู้สึกว่าไม่ถึงร้อยเมตรมั๊ง) ก็จะเจอห้องขายตั๋วรถไฟอยู่ข้างหน้า คือสถานีรถไฟอยู่ใน Terminal 3 นั่นเลยค่ะ .. 
 
การเดินทางด้วยรถไฟในเดนมาร์กเป็นวิธีที่ผู้คนนิยมและสะดวกสบายมาก (แต่แพงพอได้) เราสามารถซื้อตั๋วโดยใช้บัตรเครดิต Visa หรือ Mastercard ได้ แต่ที่นี่เขาจะเป็นแบบต้องให้เราใส่ระหัส Pin code ด้วย ไม่รู้เป็นไง แม่หอยจำระหัสได้แน่นอนไม่มีพลาด หมายเลขบัตรตั้ง 16 หลักยังจำได้เลย.. แต่พอกดระหัสมันกลับบอกว่าไม่ถูกต้อง ลองใส่อีก 2 หนก็ไม่ได้ จนชักเริ่มร้อน
ในที่สุดรู้สึกว่าเขาจะรูดในเครื่องแบบที่รูดโดยไม่ต้องใส่ Pin ให้ จึงได้สลิปและตั๋วรถไฟมาจนได้..
แหม.. เกือบแย่แล้วเรา..

บรรยากาศที่หน้าบริเวณ Terminal 3 ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายวันเดินทางกลับค่ะ ที่เห็นในภาพด้านซ้ายมือเป็นจอแสดงข้อมูลขบวนรถไฟ  อยู่ถัดมาจากบริเวณห้องขายตั๋ว ส่วนด้านหลังถัดไปจากเสาที่มีเลข 3 (Terminal 3) ที่คนเดินออกมากันโน่นก็คือช่องทางที่ผู้โดยสารขาเข้าเดินออกมาไงคะ ..
ที่นั่งๆ กันอยู่ก็คือหน้าบันไดเลื่อนลงไปชานชาลารถไฟ  ตอนถ่ายภาพนี้ไม่ได้นั่งรอรถไฟค่ะ เพราะจะกลับไทยแลนด์กันแล้ว รอน้องแก้วอยู่.. ส่วนสาวที่นั่งอยู่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหนุ่มหล่อที่นั่งผึ่งอยู่นั่นหรอกค่ะ ถ่ายติดมาเอาบรรยากาศเท่าน้านนน..

[แม่หอย]

  รถไฟขบวนที่แม่หอยซื้อตั๋วเดินทางไปออร์ฮูส เป็นขบวนรถ InterCity 129 ค่าตั๋ว 302 Kr บวกกับค่าซื้อที่นั่งอีก 20 Kr ตามคำแนะนำของป้าคาร์น คือให้ได้หมายเลขที่นั่งเพื่อเป็นการรับประกันว่าเราจะมีที่นั่งสบายไปได้ตลอดทาง จะไม่ซื้อที่นั่งก็ได้ค่ะ แต่ถ้าถึงสถานีที่มีคนซื้อที่นั่งไว้ เราก็จะถูกไล่ที่ให้ต้องลุกย้ายที่ไปอีกลำบากเปล่าๆ รวมราคาตั๋วทั้งหมดก็ 322 Kr (ตอนนี้ได้รับใบเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตมาแล้วว่าเท่ากับ 2,074 บาทกว่าๆ)
.. แม่หอยพกเงินดอลล่าร์สหรัฐที่มีเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยแลกไปเมื่อเดินทางครั้งก่อนปีก่อนโน้น ตั้งแต่มีราคา 42 บาทกว่า จนมาตอนนี้ร่วงรูดมาอยู่แค่ 32-33 บาท  เอามาแลกเป็นเงินเดนมาร์ก (Krone) แค่ 100 เหรียญ ได้มา 533 Kr เผื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการเดินทาง.. คำนวณดูคร่าวๆ 1 Kr เท่ากับประมาณ 6.2 บาท 

รถไฟเขาสะอาดสะอ้านที่นั่งสบาย มีที่วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามารถวางระหว่างหลังเบาะที่หันชนกันได้สบายๆ มีขบวนรถให้เดินทางได้ตลอดวัน .. เครื่องบินถึงโคเปนฯ ประมาณ 7.30 น. ลงเครื่องมาผ่านด่านตรวจ คอยรับกระเป๋า เดินออกมาซื้อตั๋วรถไฟได้แล้วก็โทรศัพท์บอกเวลารถไฟให้ป้าคาร์น รถไฟออกเวลา 8.40 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เวลาเที่ยงสิบห้านาทีตรงตามกำหนดเป๊ะก็ถึงเมืองออร์ฮูสซึ่งป้าคาร์นมาคอยรอรับอยู่ที่สถานีรถไฟ..

[แม่หอย]

 
ยังไปได้ไม่ถึงไหนเลย .. ได้เวลาต้องขออนุญาตพัก ไปนอนปรับตัวให้เข้ากับเวลาไทยซะหน่อยแล้วค่ะ ..
 ไว้ค่อยมาเล่าต่อใหม่ .. กูดไนท์ แฮฟอะสวีทดรีมนะคะ..

[Mermaid]

ว๊าว....น้องหมาน่ารักที่ซู๊ด เค้าปล่อยน้องหมาไว้ข้างนอกโดยที่ไม่ผูกได้ด้วยหรือคะ แถมเชื่อฟังนั่งรอเจ้านายอีกต่างหาก น่ารักจริงๆ แต่ถ้าเป็นบ้านเราปล่อยน้องหมาไว้อย่างนี้มีหวังหายโลด แต่น้องหมาบ้านหนูนี่ปล่อยอย่างนี้ไม่ได้นะนี่เพราะแต่ละตัวนี่ยิ่งกว่าลิงซะอีกค่ะ 

รอดูรูปของพี่แม่หอย ต่อวันพรุ่งนี้นะคะ 

[แม่หอย]

 
ไปเมืองนอกทีไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศพวกฝรั่งๆ พี่แม่หอยก็จ้องแต่จะยิ้มกับหมาแหละค่ะ ..เพราะผู้คนเขาพาหมาไปไหนต่อไหนด้วยมากมาย ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องพาไปเที่ยว ไปเดิน ไปวิ่ง จะปล่อยให้วิ่งพล่านไปทั่วกันเองไม่ได้อย่างที่บ้านเรา
นอกจากหมาแล้ว ก็ยังเจอความประทับใจกับสัตว์น่ารักๆ อีกหลายชนิด จะทะยอยนำมาลงให้ชมต่อไปนะคะ
 ระหว่างนี้ แทรกด้วยรูปน้อง Ludwig เพื่อนนอนของแม่หอยที่เมือง Ballerup ซึ่งแม่หอยไปพักบ้านน้องฝรั่งโครงการ AFS ที่เคยมาทำงานอยู่กับเราเมื่อหลายเดือนก่อน ..ไปพักที่นั่น 3 คืน ประมาณว่าแม่หอยไปแย่งเตียงนอนของเจ้าของเธอ น้อง Ludwig เธอเลยขึ้นมานอนด้วยทุกคืนแทนที่จะลงไปนอนกับเจ้าของ..

[แม่หอย]

  .. คงต้องกลับมาท้าวความนิดนึง ที่ได้ไปท่องเดนมาร์กครั้งนี้ก็ด้วยความอุปการะจากลุงยอน Prof. Dr. Jorgen Hylleberg และป้าคาร์น Karen Hylleberg (ชื่อเดนมาร์กเขาไม่ออกเสียงตัวอาร์น่ะค่ะ) ภรรยาของลุง ซึ่งสนับสนุนทั้งที่พัก อาหาร และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงาน ตลอดจนเป็นธุระจัดการติดต่อนัดแนะประสานการขอดูงานให้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเป็นสารถีรับส่งและพาพวกเราเดินทางไปดูงานต่างๆ รวมทั้งสั่งการ (= บังคับหรือเปล่าก็ไม่รู้) ให้ลูกชายสุดหล่อมาทำอาหารให้เรากิน 1 มื้อ และให้บริการเป็นสารถีพี่เลี้ยงให้พวกเราเวลาที่ลุงกับป้าไม่อยู่ด้วย
  ครอบครัวน่ารักครอบครัวนี้เคยมาอยู่เมืองไทย มาเมืองไทยบ่อย และสนิทสนมคุ้นเคยกับพวกเราเป็นอย่างดีค่ะ .. พอดีเจอกรุภาพภาพหนึ่งถ่ายไว้ตอนที่ลุงกับป้าและลูกชายมาภูเก็ตตั้งแต่ 3 ปีก่อน ตอนนั้นมีพวกเราที่ร่วมไปเดนมาร์กทริปนี้อยู่พร้อมหน้ากัน.. ทั้งคุณก้อง น้องแก้ว แถมด้วยแม่เล็กน้อย น้องโลมา น้องยุ้ย น้องตั้ม ส่วนแม่หอยน่ะไม่ได้อยู่ในภาพเพราะเป็นคนถ่ายภาพค่ะ ..
ปล. เห็นพี่สายชลอยากเห็นลูกชายลุง น้องคอร์ (Kaare) นั่งอยู่หน้าสุดข้างๆ คุณชายก้องแหละค่ะ.. 

[แม่หอย]

  แถมให้ดูหน้าชัดๆ อีกรูป ฮิๆ.. ก่อนจะเดินทางท่องเดนมาร์กกันต่อไป

[สายชล]

ฮืมมมมม.....ปลื้มมมมมม.......

เป็นครอบครัวฝรั่งที่น่ารักมากๆเลยค่ะ.....เห็นแล้วดีใจและปลื้มใจแทนน้องแม่หอยที่สนิทสนมคุ้นเคยและเป็นที่รักของสมาชิกในครอบครัวนี้....

น้องคอร์ก็หล่อดีค่ะ....ได้ยินว่ายังโสดสนิท....พูดไทยได้....รักเมืองไทย...แถมนิสัยดีสุดๆอีกด้วย

แต่ไม่แน่ใจว่าชอบสาวไทยหรือเปล่านะคะ....

[แม่หอย]

  .. ฮ่า.. ฮ่า... สงสัยจะ "ตูละเบื่อ!!" ซะมากกว่าค่ะ พี่สายชล .. คิกๆ..
.. อย่าลืมว่ารูปนั้นสมัยเมื่อ 3 ปีก่อนนะคะ .. ฮิๆ..

[แม่หอย]

   การไปเดนมาร์กครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของแม่หอย ซึ่งครั้งแรกไปเมื่อปี 2544 ช่วงเดือนกันยายนเช่นกัน คราวที่มีเรื่องก่อการร้ายตึก World Trade Center 11 September 2001 ไงคะ เป็นเวลา 6 ปีมาแล้ว คราวที่แล้วไปอยู่ 1 เดือนเต็มเพราะต้องไปฝึกงาน ทำงานวิจัย .. เมื่อได้ไปพักกับลุงกับป้าอีกก็ทำตัวคุ้นเคยเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยค่ะ.. (ยึดซะ)

..บ้านของลุงตั้งอยู่ที่ Stavtrup ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นตำบลหรือหมู่บ้านอะไรทำนองนั้น .. ออกจากตัวเมือง Aarhusไปหน่อย แค่นั่งรถสัก 20 นาทีมังคะ (จำไม่ได้อีกแล้ว เพราะมัวแต่โม้กับป้าคาร์น) .. ที่นี่บรรยากาศดี สงบเงียบร่มรื่นน่าอยู่มาก บริเวณบ้านมีสวนป่าต้นโอ้ค ต้นบีช ต้นใหญ่มาก มีต้นแอปเปิ้ล และต้นแพร์หลายต้น ออกลูกดกดื่นเต็มไปหมด.. ใกล้บ้านยังมีป่าใหญ่ มีทะเลสาบ มีทางเดินในป่าไปทะลุถึงรอบทะเลสาบให้เดินหรือขี่จักรยานเล่น..  ทุกอย่างที่เห็นยังดูเหมือนเดิมที่เคยมาเมื่อ 6 ปีก่อน แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ..

ดูรูปบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบนะคะ