กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 02, 2024, 01:46:42 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปลาปักเป้ากินไม่ได้...แต่เท่  (อ่าน 1774 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 12:45:58 AM »


ปลาปักเป้ากินไม่ได้...แต่เท่             :             วินิจ รังผึ้ง



      ช่วงเดือนที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ที่คนชอบกินปลาให้ความสนใจกันมาก นั่นคือข่าวการจับกุมผู้ลักลอบขนปลาปักเป้ากว่า 6,000 กิโลกรัม ขณะกำลังจะนำไปขายส่งให้กับโรงงานแล่เนื้อปลาเพื่อจะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปลาประเภทต่างๆ เช่น ลูกชิ้นปลา ปลาเส้น หรือแล่เป็นเนื้อปลาสดส่งไปขายตามร้านอาหารต่างๆ ซึ่งการลักลอบผลิต นำเข้า และจำหน่ายปลาปักเป้านั้นมีความผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 264/2545 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 เดือน ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท เพราะปลาปักเป้านั้นเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
      
       ที่ผ่านมามีผู้ป่วยจากการรับประทานเนื้อปลาปักเป้าจำนวนมาก มีทั้งรับประทานทั้งที่รู้ว่าเป็นเนื้อปลาปักเป้าและผู้ที่รับประทานโดยไม่รู้ว่าเป็นเนื้อปลาปักเป้า เนื่องจากพ่อค้าเห็นแก่ได้ไม่มีความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของชีวิตผู้อื่นแอบนำเนื้อปลาปักเป้ามาทำเป็นลูกชิ้น มาปลอมเป็นเนื้อไก่ เนื่องจากเนื้อปลาปักเป้านั้นสีสันสันและความละเอียดของเนื้อคล้ายๆกับเนื้อไก่ จนบางคนเรียกว่าปลาเนื้อไก่
      
       ที่เลวยิ่งไปกว่านั้นประเภทเจตนาเลวสลับซับซ้อนเข้าไปอีกโดยการนำเนื้อปลาปักเป้าไปย้อมสีปลอมเป็นเนื้อปลาแซลมอน นั่นจึงทำให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเราท่านจะโชคร้ายไปเจอลูกชิ้นปลาปักเป้า ไปเจอปลาปักเป้าผัดขึ้นฉ่ายตามร้านข้าวแกง หรือไปเจอเนื้อปลาปักเป้าในร้านหมูกระทะ ในร้านขายสุกี้เข้าวันใด
      
       พิษของปลาปักเป้านั้นมีความร้ายแรงยิ่ง เป็นพิษจากสาร เตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งสะสมไว้ในไข่ ตับ น้ำดี กระเพาะ ลำไส้ และผิวหนังของปลาปักเป้า และอาจจะมีอยู่ในเนื้อปลาได้ด้วย ความร้ายแรงของพิษชนิดนี้หากได้รับเข้าไปในร่างกายในปริมาณเพียง 2 มิลลิกรัม ก็สามารถทำให้ถึงตายได้แล้ว และพิษชนิดนี้ยังสามารถทนความร้อนได้ถึง 220 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว เรียกว่าจะนำไปต้มไปย่างอย่างไร ความร้อนก็ไม่สามารถจะทำลายพิษชนิดนี้ลงได้ และที่สำคัญทางการแพทย์ก็ยังไม่มียากำจัดพิษที่จะใช้ทำการรักษา
      
       เมื่อผู้ป่วยบริโภคพิษชนิดนี้เข้าไปภายใน 20-30 นาที ก็จะเริ่มมีอาการขั้นแรกคือชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ วิงเวียน กระสับกระส่าย และจะค่อยๆชามากขึ้น อาเจียน อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง ยืนเดินไม่ได้ และอาการจะทรุดลงเรื่อยๆจนถึงขั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ เป็นอัมพาต และหากเข้าสู่ความรุนแรงขั้นสุดท้าย กล้ามเนื้อจะเป็นอัมพาตทั่วร่ายกาย หายใจลำบาก ร่ายกายเขียวคล้ำ หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต
      
       ปัจจุบันแม้จะยังไม่มียาแก้พิษ แต่แพทย์ก็จะให้การรักษาตามอาการ หรืออาจจะให้ยาช่วยขับปัสสาวะ เพราะร่ายกายผู้ป่วยจะสลายพิษโดยตับและขับออกมาทางปัสสาวะ หากรักษาหรือประคองอาการของผู้ป่วยให้อยู่รอดได้เกิน 24 ชั่วโมงก็จะมีสิทธิ์รอด ร่างกายก็จะค่อยๆฟื้นคืนสู่ภาวะปรกติได้
      
       ความจริงพิษของปลาปักเป้านั้นแม้จะร้ายแรงเพียงใด ผมก็ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านมองปลาปักเป้าเป็นจอมวายร้าย เพราะถ้ามันว่ายอยู่ในท้องทะเลนั้น เจ้าปลาปักเป้าก็คงเป็นปลาที่ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร มีแต่ความสวยงามน่ารักจนนักดำน้ำจำนวนไม่น้อยอดที่จะให้ความรักและเอ็นดูเจ้าปลาปักเป้าตัวอ้วนไม่ได้ เพราะรูปร่างป้อม ๆ กลม ๆ คล้ายลูกบอล ลูกรักบี้ของมันแทนที่จะมีรูปร่างเพรียวลม ลู่น้ำเหมือนบรรดาปลาๆ ทั่วไป ซึ่งในทางจิตวิทยานั้น ผู้คนมักชอบรูปทรงกลม ๆ มากกว่ารูปทรงเหลี่ยม ๆ ยิ่งเหลี่ยมมาก หรือเหลี่ยมจัดประเภทแปดเหลี่ยมสิบสองคมนั้น ยิ่งเกลียดกลัวยิ่งต้องหลีกหนีให้ไกล
      
       เจ้าปลาในกลุ่มปลาปักเป้าในท้องทะเลนั้น มีอยู่ 3 ชนิดหลัก ๆ คือ ปักเป้ากล่อง (Boxfishes) ซึ่งเป็นปลาปักเป้าทรงป้อม ๆ เหลี่ยม ๆ รูปทรงและการเคลื่อนไหวน่าจะมีความคล่องแคล่วกว่าปลาปักเป้าชนิดอื่น ๆ และมักจะมีขนาดเล็ก มีสีสันลวดลายสวยงาม เช่น ปลาปักเป้ากล่องสีเหลืองลายจุดดำ ชนิดที่สองคือ ปลาปักเป้าธรรมดา (Pufferfishes) ปลาปักเป้าชนิดนี้มีขนาดใหญ่กว่าชนิดอื่น ๆ มีหนังหนายืดหยุ่น ผิวลายสีเทา บางตัวมีจุดดำ หรืออาจมีลายคาดตามลำตัว ปักเป้าชนิดนี้มีความสามารถในการพองตัว เพื่อขู่ หรือป้องกันศัตรูที่จะจู่โจมได้
      
       ส่วนปลาปักเป้าชนิดที่สาม คือ ปลาปักเป้าหนามทุเรียน (Porcupinefishes) ซึ่งเป็นปลาปักเป้าชนิดที่มีหนามแหลมแข็งรอบตัวไว้เป็นอาวุธป้องกันศัตรู ในยามปรกติที่มันว่ายน้ำก็จะหดตัวลู่หนามไว้ข้างลำตัว เมื่อมีศัตรูโจมตีมันก็จะพองตัวกลมเป็นลูกบอล หนามแหลมแข็งที่ข้างลำตัวก็จะตั้งขึ้นทุกทิศทาง ทำให้ปลาใหญ่ที่ฮุบเจ้าปักเป้าหนามทุเรียน ต้องตกอยู่ในอาการ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะคายให้ออก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งหนักหนาสาหัส
      
       นอกจากเคล็ดวิชาในการป้องกันตัว รักษาตัวรอดในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ใครที่พยายามที่จะเป็นศัตรูหรืองับเอาเจ้าปลาปักเป้ามาเป็นเหยื่ออันโอชะนั้น ก็อย่าหวังจะได้แอ้ม และยังอาจต้องเสียใจที่คิดผิด เพราะเจ้าปลาปักเป้าบางชนิดยังมีพิษร้ายภายในตัว ที่สัตว์อื่นแม้กระทั่งมนุษย์ก็ยังต้องเกรงกลัวซึ่งมันมีพิษไว้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อไประรานใคร นั่นจึงทำให้ปักเป้าเป็นปลาที่ไม่ค่อยมีศัตรูกับเขา ก็ไม่รู้ว่าบรรดาบรรพบุรุษปลาทั้งหลายได้สั่งสอนสืบต่อกันมาหรือเปล่าว่าเจ้าหน้าตาอ้วนๆ กลมๆ พวกนี้ไม่ควรบริโภค เพราะหากฝ่าฝืนอาจถึงตายได้ง่าย ๆ ปลาแต่ละชนิดจึงมักหลีกเลี่ยงที่จะบริโภคปักเป้าเป็นอาหาร
      
       แต่แม้นปลาอื่นไม่กล้ากิน ก็ไม่ใช่เจ้าปักเป้าตัวอ้วนกลมจะสามารถทำกร่างไปกร่างมาเหมือนผู้กว้างขวางในแนวปะการัง เพราะแต่ละซอกหลืบของแนวหินปะการังก็มักมีเจ้าของอยู่อาศัย หรือเจ้าถิ่นคุมอยู่ อาการหวงถิ่นที่อยู่ที่ทำกิน ก็ทำให้เจ้าปลาอื่น ๆ ที่แม้นจะมีขนาดเล็กกว่าไล่กัดเอาได้ ประเภทที่ไม่ได้กัดหรือกินทั้งตัว แต่ไล่ตอดครีบ ตอดหางจนเจ้าตัวอ้วนต้องเผ่นหนี
      
       แม้เจ้าปักเป้าตัวกลมจะมีกลไกป้องกันตัวเองมากมาย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาและไม่เป็นอันตรายกับนักดำน้ำ เมื่อพบเห็นเจ้าตัวอ้วนกลมว่ายน้ำอย่างอุ้ยอ้ายเชื่องช้า จึงมักจะเข้าไปชมสังเกตพฤติกรรมมันได้อย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้าเป็นเจ้าปักเป้าหนามทุเรียนด้วยแล้ว เมื่อนักดำน้ำมือซนเอามือไปแตะตัว มันก็จะปั๊มน้ำเข้าไปในถุงภายในตัว ทำให้ตัวพองอ้วนกลมหนามแหลมตั้งชันเป็นลูกทุเรียน เพื่อป้องกันตัวและพยายามว่ายน้ำหนี แต่เมื่อยิ่งพองตัวกลมมันก็ยิ่งว่ายน้ำได้อย่างเชื่องช้า แม้มันจะกระพือครีบข้างลำตัวแบบถี่ยิบก็ตาม นั่นยิ่งทำให้นักดำน้ำชอบอกชอบใจในอาการตื่นตกใจของมัน
      
       อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ก็อย่าไปแตะเนื้อต้องตัวมันเลยครับ สงสารเจ้าตัวอ้วนมัน หากวัน ๆ ต้องยุบหนอพองหนอบ่อย ๆ ครั้ง อาจจะซูบผอมจนเสียทรงไป
       สำหรับอาหารการกินของเจ้าปักเป้าทั้งหลายนั้น ก็คือพวกฟองน้ำ กุ้ง ปู ขนาดเล็ก ดาวเปราะ หอยเม่น และบรรดาหอยอื่น ๆ รวมทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก ๆ ตามพื้นและซอกหลืบปะการัง
      
       เห็นไหมครับว่าปลาปักเป้านั้นเป็นปลาที่สวยงามน่ารักยิ่งใต้ท้องทะเล หากมันติดอวนขึ้นมาก็จับมันโยนกลับลงทะเลไปเหมือนในสมัยก่อนๆที่ชาวประมงบ้านเราถือปฏิบัติกันดีกว่าครับ อย่าเห็นแก่ได้เล็กๆน้อยๆเลย เพราะการนำขึ้นมาจำหน่ายในราคาที่แสนถูกนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นการทำร้ายเพื่อนมนุษย์ผู้บริสุทธิ์อย่างเลือดเย็น อย่าทำเลยครับ



จาก         :             ผู้จัดการออนไลน์     วันที่  12  กันยายน  2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 04:40:25 PM »

เป็นเพราะ ความโลภและความเห็นแก่ได้ของคนเนี่ยแหละ..ทำให้สิ่งแวดล้อมเราเสื่อมโทรมแบบเนี่ย..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง