สองสาย พาตู้ซิ่งไปจนถึงแม่ฮ่องสอนด้วย .... เจ้า

[สายน้ำ]

ก็แปลกดีครับ .... ถ่ายภาพองค์พระเจดีย์ในบรรยากาศแบบนี้  ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แต่เป็นแบบมัวๆซัวๆ เศร้าๆซึมๆ เหมือนจิตใจคนไทยในช่วงนี้ และดูอึมครึมชอบกล เหมือนการเมืองไทยตอนนี้เหมือนกัน

[สายน้ำ]

ขอเอาภาพดอกไม้บนลานระเบียงวัด ที่คุณสายชลถ่ายไว้  มาให้ดู  เพื่อให้เห็นถึงละอองน้ำทั้งจากน้ำค้างและไอหมอกที่จับอยู่ทั้งบนดอกและใบ

หมอกหนาขนาดนี้  น่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าหมอกจะจางจนพอเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนด้านล่าง ..... เราไม่มีเวลาให้เสียไปเปล่าๆมากนัก  จึงตัดสินใจกลับลงไปจัดการกับบุฟเฟ่ท์กันก่อน แล้วค่อยวกกลับขึ้นมาใหม่

[สายน้ำ]

ลงมาถึงตีนดอย เป็นที่ตั้งของ วัดพระนอน ..... เรายังไม่หิวจัด  จึงเลี้ยวรถเข้าวัดพระนอน เพื่อไปสักการะองค์พระนอนเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

[สายน้ำ]

ก่อนอื่น  ลองมาอ่านประวัติของวัดพระนอน กันสักนิดนะครับ จากเว็บ lanna.mju.ac.th ......


วัดพระนอนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนถูกเรียกชื่อตามองค์พระพุทธรูปของวัดซึ่งเป็นพระนอนขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัด โดยตัววัดตั้งอยู่ที่ตำบลจองคำอำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนติดกับเชิงดอยกองมูซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน วัดพระนอนจัดเป็นวัดที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งเนื่องจากเป็นวัดประจำตระกูลของเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนและยังเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนทุกพระองค์อีกด้วย

ผู้ที่สร้างวัดพระนอน คือพระญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืององค์แรกของแม่ฮ่องสอน ( ครองเมืองระหว่างปี พ . ศ . ๒๔๑๗ – ๒๔๒๗ ) โดยพระองค์ทรงสร้างวัดพระนอนขึ้นตามความเชื่อของผู้ที่เกิดวันอังคารว่าควรจะบูชาพระนอน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มีนาคม พ .ศ.๒๔๑๘(ตรงกับสมัยของรัชกาลที่๕)พร้อมกับพระพุทธรูปพระนอนซึ่งมีความยาวถึง ๑๒ เมตร แต่การก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งถึงสมัยของเจ้าแม่นางเมี้ยะ เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนองค์ที่ ๒ ( ครองเมืองระหว่างปี พ . ศ . ๒๔๒๗ – ๒๔๓๔ ) การก่อสร้างจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์   นอกจากนี้ เจ้าแม่นางเมี้ยะยังได้สร้างวิหารขึ้นที่วัดพระนอน   พร้อมกับพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติศิลปะแบบพม่า รวมทั้งสิงห์คู่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือไว้ที่ทางขึ้นเขาเมื่อราวปี พ . ศ . ๒๔๓๐ ครั้นถึงสมัยของพระญาพิทักษ์สยามเขต เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนองค์ที่ ๓ โปรดให้สร้างที่บรรจุอัฐิของเจ้าเมืององค์ที่ ๑ และ ที่ ๒ ขึ้นไว้ที่วัดพระนอน ภายหลังในสมัยของพระญาพิศาลฮ่องสอนเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนองค์ที่ ๔ ( ครองเมืองระหว่างปี พ . ศ . ๒๔๔๘ – ๒๔๘๒ ) พระองค์ได้สร้างอุโบสถหรือโบสถ์หลังแรกของเมืองแม่ฮ่องสอนขึ้นที่วัดพระนอนในปี พ . ศ . ๒๔๖๙ โดยอุโบสถหลังนี้มีความกว้าง ๙ เมตร และสูง ๒๐ เมตร สันนิษฐานว่าพระองค์ต้องการสร้างอนุสรณ์สถาน พร้อมกับทำบุญในโอกาสที่พระองค์ได้ขึ้นครองเมืองในปี พ ศ. .๒๔๔๘   ซึ่งต่อมาอุโบสถหลังนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ดีเด่นของวัดพระนอน

[สายน้ำ]

"ลักษณะโดยละเอียดของโบสถ์หลังนี้คือ ตัวอาคารเป็นแบบจตุรมุข พื้นภายในเป็นคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งทั้งสี่ด้านมีความกว้างเท่ากันและมีประตูทางเข้า ๓ ด้าน คือ ด้านทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันออก พื้นด้านล่างเป็นคอนกรีตแต่ด้านบนตีไม้สลับลายตัด สำหรับเพดานเป็นไม้ที่มีลวดลายประกอบ เสาโบสถ์ทรงกลมซึ่งทาด้วยสีทองและสีแดงนั้นมีลวดลายติดกระจกประดับที่หัวเสา หลังคามุงด้วยสังกะสีส่วนยอดมีฉัตรสีทองคล้ายฉัตรของเจดีย์ทรงไทใหญ่ทั่วไปและมีระฆังห้อยไว้โดยรอบ ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระทธรูปหนึ่งองค์แต่มีที่สำหรับประดิษฐานองค์พระถึง ๓ แห่ง เข้าใจว่าพระพุทธรูปอีก ๒ องค์ได้หายไป อนึ่ง ที่หน้าองค์พระพุทธรูปมี ๙ มีลายทองประดับอยู่ "


เราได้แต่ยืนเก็บภาพอยู่ด้านนอก ไม่ได้เฉียดเข้าไปใกล้ เนื่องจากเห็นว่าประตูหน้าต่างทุกบานยังปิดสนิทอยู่  คงจะเช้าเกินไปนั่นเอง

[สายน้ำ]

รูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ 2 ตัว สร้างโดยพระยาสิงหนาทราชา และพระนางเมี๊ยะ อยู่ระหว่างทางที่จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุกองมู เป็นสิงโตที่มีลักษณะงดงามและสมบูรณ์มาก .... แต่ทางขึ้นดูรกร้าง  คงจะไม่มีผู้คนเดินขึ้นบันไดไปนมัสการพระธาตุนานเต็มทีแล้ว

สังเกตดูเห็นว่า สิงโต 2 ตัวที่เฝ้าบันไดอยู่นี้  มีขนาดไม่เท่ากัน ... ไม่ใช่เพราะมุมกล้องนะครับ ไม่เท่ากันจริงๆ  ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด

[สายน้ำ]

ถึงเวลาเข้าไปกราบพระกันแล้วครับ

[สายน้ำ]

องค์พระนอนมีความยาวถึง 12 เมตร  การจะเก็บภาพให้ได้เต็มองค์  ต้องถอยออกมาพอสมควร แต่ก็จะได้เสามาหลายต้นเหมือนกัน

[สายน้ำ]

เดินเลยเข้าไปด้านในอีกนิด เป็นส่วนที่วัดจัดไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ เก็บของเก่าๆไว้หลายชิ้นแต่ที่สะดุดตาคือ พระพุทธรูปทรงแปลกตาในภาพนี้ .... มีที่มาอย่างไร อ่านกันเอาเองนะครับ

[สายน้ำ]

มองไปที่ดอยกองมู   หมอกยังไม่หมดดี  เราจึงกลับไปจัดการอาหารเช้าที่โรงแรมก่อน .... ความพยายามไม่มีหมด  เราวกกลับขึ้นมาที่วัดพระธาตุดอยกองมูอีกครั้งหนึ่ง

คราวนี้ แดดเป๋ง  ฟ้าใสแล้วครับ .... เริ่มเก็บภาพจากศาลาด้านหน้าวัดก่อนเลย เพราะยังไงต้องเดินผ่านอยู่แล้ว

[สายน้ำ]

วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร

เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย พระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก

ข้อมูลจาก www.siamdaytrip.com ครับ

[สายรุ้ง]

ไปไหนก็ไปครับ .... รู้อย่างเดียว จะไปไหน  สายน้ำขอนั่งหน้าเท่านั้น
พี่สายน้ำคะ  อย่างนี้ทุกคนต้องขอนั่งหน้าหมดแล้วหล่ะค่ะ หุ หุ เพราะว่า  ไม่เช่นนั้น มี อา...... กันหมดแน่ 555

เคยต้องขึ้นไปทำงานที่แม่ฮ่องสอน  เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยที่ไป ......แทบตายเลย  ตัวเองก็เกือบแย่

แต่ช่างภาพหนู  หม่ำอะไรไป รู้กันหมดเลยค่ะ  คุณเพื่อนขนาดนั่งหน้าก็จะเป็นลม  เหลือคนขับรถกับหนูที่ยังพอไหว

เคยคิดไว้ว่า ถ้าต้องไปทำงานอีกจะขอเอาเบี้ยเลี้ยงไปซื้อปี้ขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่ต่อมาดีกว่าเจ้า

ถ้าพี่สายน้ำจะมีทริปนี้ หนูอาจจะขอเกาะหลังคาด้านบนด้านหน้าแล้วกันนะค่ะ ท่าทางจะไม่มีคนจองกัน โล่ง

โปร่งสบาย  ไม่เมา ....แต่ตกรถตายตั้งแต่โค้งแรก  

รูปพระธาตุกองมู จาก ผืนน้ำสวยมากเลยค่ะพี่สายน้ำ

ทำไมรูปพี่สายชลดูเหนื่อยๆหล่ะคะ  หรือมีอาการ วิงเวียนศรีษะจาก สุดยอดโค้งแม่ฮ่องสอนหรือเปล่าค่ะ

คิดเหมือน  Vita  เลย  พี่สายชลบอกใบ้อะไรหรือเปล่าค่ะ  ว่าจะไปลองหาซื้อดู

ถ้าถูกจะพาพี่สายชลไปหม่ำโต๊ะจีนนะค่ะ  หุ หุ

[สายน้ำ]

ตีกันตายแน่ น้องเอ๋ย .... สงสัยต้องหารถที่มีที่นั่งด้านหน้าเป็นขั้นบันได เราจะได้นั่งหน้ากันหมดทุกคนครับ ....


ด้านหน้าของพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ จะหันไปทางทิศตะวันออก ด้านที่เป็นบันไดที่ทอดขึ้นมาจากวัดพระนอนครับ และจะมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ทั้ง 4 ด้านขององค์พระเจดีย์

[สายน้ำ]

ส่วนเจดีย์องค์เล็ก จะประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดอยู่รายรอบ

[สายน้ำ]

ที่อยู่ตรงกลางระหว่างพระเจดีย์ทั้ง 2 องค์ เป็นวิหารทรงไทยใหญ่ที่ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปแบบไทยใหญ่ อยู่ด้านใน