เก็บมาฝากจาก กรุงเทพธุรกิจ ใช่ที่เดียวกันไหมครับ
===================
ทอดน่องท่องเมือง
มิวเซียมสยาม...'พิพิธภัณฑ์' พาเพลิน
: เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา
"เราคือใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วเราเป็นคนไทยหรือเปล่า" หลากคำถามประดังเข้ามาในความคิด
"ถ้าอยากรู้ ตามสายรุ้งนั่นไปซิ" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
รุ้งกินน้ำ แถบแสงเจ็ดสีที่ปรากฏบนท้องฟ้าหลังฝนตก เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเดินทาง รุ้งเส้นนี้เป็นเสมือนไทม์แมชชีนซึ่งจะนำผู้เข้าชม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ร่วมล้วงลึกแดนสุวรรณภูมิ ย้อนรอยสยามประเทศ และค้นหารากเหง้าแห่งความเป็นไทย
ริมฝั่งถนนสนามชัย ตรงข้ามโรงเรียนราชบพิตร แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เคยเป็นที่ตั้งของตึกกระทรวงพาณิชย์ (เดิม) ที่มีอายุหลายสิบปี แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมจนฟื้นคืนชีวิต กลายเป็นตึกสามชั้นสีเหลืองตั้งเด่นตระหง่าน พร้อมบทบาทหน้าที่ใหม่ภายใต้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ" เมื่อมองดูจากภายนอก สถานที่แห่งนี้คงไม่ต่างอะไรจากตึกเก่าที่ได้รับการบูรณะจนมีสภาพใหม่เอี่ยม หากแต่ภายในกลับบรรจุด้วยความสนุกสนานน่าตื่นเต้น รวมถึงความทันสมัย และขุมทรัพย์ทางปัญญาอย่างมหาศาล
ครั้นแล้วสายรุ้งก็นำทางเข้าสู่บานประตูห้องเบิกโรง ซึ่งเป็นห้องแรกในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และเรื่องราวแห่งความรู้ก็เริ่มต้นขึ้น
ณ ห้องเบิกโรง ตัวละครทั้งเจ็ดต่างทยอยขึ้นปรากฏบนหน้าจอภาพยนตร์สายรุ้งบานใหญ่
"ความรู้ต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ จะถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งเจ็ดตัวที่อยู่ตามห้องนิทรรศการแต่ละห้อง" ผศ.พัชรี ชินธรรมมิตร รองผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้และสร้างสรรค์(สรส.) เอ่ยขึ้น
หลังจากทำความรู้จักกับตัวละครทั้งเจ็ดตัวแล้ว สายรุ้งก็ทอดยาวไปยังประตูห้องที่อยู่ติดกัน เมื่อก้าวเข้ามาในห้องไทยแท้ ภาพการไหว้ การรำไทย มวยไทย และสิ่งของหลายอย่างจะปรากฏอยู่เบื้องหน้าผู้ชม พร้อมชวนให้ตั้งคำถามว่า วิถีชีวิตและสิ่งต่างๆ ที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น สิ่งไหนแน่คือความเป็นไทยแท้อันควรภาคภูมิใจ
เมื่อกล่าวถึงจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ รองผู้อำนวยการสถาบันอธิบายว่า นิทรรศการทั้ง 17 ห้องในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อนุญาตให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสและหยิบจับของทุกชิ้นในพิพิธภัณฑ์ได้ โดยเน้นให้ผู้ชมตั้งคำถาม และตอบสนองต่อกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมไว้ ทั้งการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครทั้งเจ็ดตัว เกมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิทรรศการกับผู้ชม ผ่านเทคนิคการนำเสนอที่ก่อให้เกิดความรู้ และการสร้างทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเยี่ยมชมสองห้องแรกแล้ว คำถามมากมายอาจคับคั่งอยู่ในหัว สายรุ้งจึงนำทางผ่านขึ้นไปยังชั้นสาม ซึ่งผู้เข้าชมจะสามารถไขความลับของเรื่องราวทั้งหมดได้จากห้องนิทรรศการอีก 15 ห้อง โดยย้อนไปตั้งแต่เปิดตำนานสุวรรณภูมิ เมื่อครั้งที่กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ใต้มหาสมุทร สุวรรณภูมิ หรือดินแดนแห่งทองนี้เป็นอย่างไร พุทธิปัญญาทิ้งหลักธรรมอะไรไว้ให้เราบ้าง สืบหาเรื่องราวของวีรบุรุษผู้กำเนิดสยามประเทศ ฝึกปรือยุทธศาสตร์ทางการรบของชาวสยามกับสยามยุทธ์ แนวคิดการสร้างชาติสร้างแผนที่ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษอย่างไร กรุงเทพฯภายใต้ฉากอยุธยา มีความคล้ายคลึงกันมากแค่ไหน ชีวิตนอกกรุงเทพฯ ก่อนการแปลงโฉมสยามประเทศ ก่อให้เกิดอะไร กำเนิดของประเทศไทยเริ่มต้นจากตรงไหน สีสันตะวันตกนำพาความมีชีวิตชีวาเข้ามาได้อย่างไร เมืองไทยวันนี้เป็นแบบไหน แล้วหากมองไปข้างหน้า พรุ่งนี้คนไทยจะเป็นอย่างไร เส้นทางสายรุ้งจะนำพาผู้ชมเข้าไปร่วมหาคำตอบของคำถามทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผศ.พัชรี เสริมว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้นำเสนอข้อมูล เพื่อตัดสินหรือตอบคำถามต่างๆ โดยตรง แต่จะหยิบยกข้อมูลและเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงมานำเสนอ แล้วเปิดโอกาสให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินและหาคำตอบด้วยตนเอง นอกจากนี้ เนื้อหาต่างๆ ที่หยิบยกขึ้นมา ยังสามารถทำให้คนไทยเข้าใจความเป็นไทย และรู้จักประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นอีกด้วย
วันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าและแหล่งชอปปิงต่างๆ เป็นสถานที่ดึงดูดใจของผู้คนในเมืองหลวง แต่ใครจะรู้อนาคตของการเปิดหน้าทศวรรษใหม่ ความเพลิดเพลินในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ อาจทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของชาวกรุงก็เป็นได้
*******************************
: พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือมิวเซียมสยาม เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2622-2599,
www.ndmi.co.th