กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 01:22:06 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกาะติดชีวิตโลมาอ่าวไทย  (อ่าน 8234 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 12:27:15 AM »


เกาะติดชีวิตโลมาอ่าวไทย แสนรู้เป็นมิตร...ดัชนีชี้วัดทะเลอุดม





 การปรากฏตัวขึ้นของ  โลมาในน่านน้ำอ่าวไทยตอนในอยู่บ่อย ๆ ครั้ง ส่งสัญญาณของความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวไทย บอกกล่าวว่าแนวชายฝั่งทะเลนี้เต็มไปด้วยสัตว์น้ำหลากหลาย
 
ทั่วโลกมีโลมาอยู่ 80 สายพันธุ์มีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม      “โลมา” เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ออกลูกเป็นตัว มีอายุพอ ๆ กับคน เป็นสัตว์ที่อยู่กับอ่าวไทยตอนในมาเนิ่นนานหลายชั่วอายุคน
 
“มีคุณยายท่านหนึ่งที่มหาชัยอายุ 80 ปีแล้วเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนหน้าบ้านมี  ป่าชายเลนเป็นร้อยไร่ และเจอโลมาหลายชนิดมาก ชาวบ้าน เรียกว่าปลาปากหลอด เข้าใจว่าน่าจะเป็นโลมาปากขวด ชาวบ้านเคยเจอโลมาถึงขั้นกินอาหารเพลินจนตัวติดกับเลนตอนน้ำลง ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันขุดร่องน้ำให้ลึกให้โลมากลับลงทะเลได้”
 
สายสุนีย์ จักษุอินทร์ ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทยตอนใน WWF ถ่ายทอดคำบอกเล่าของชาวบ้าน  พื้นที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร  เป็นแหล่งที่พบโลมาอิรวดีในขณะนี้

ที่ผ่านมาการปรากฏตัว ขึ้นของโลมาอิรวดียังมีให้เห็น ตรง ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา พบโลมาอิรวดีนับร้อยตัว
 
รวมถึงชายฝั่งทะเลอ.บ้านแหลม ต.แหลมผักเบี้ย นั้นเพราะฝั่งทะเลดังกล่าวมีอาหารสำคัญของโลมา ไม่ว่าจะเป็นปลากระบอก ปลาดุก ปลาหมึก เป็นต้น



มีการคาดว่าโลมาอิรวดีทั่วโลกเหลือไม่เกิน 2,000 ตัว  ถิ่นอาศัยที่สำคัญคือ ออสเตรเลีย เขมร พม่า อินเดีย
 
สาเหตุที่ปริมาณโลมาลดลง เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยเสื่อมโทรม มีการจับสัตว์น้ำที่เป็นอาหารของโลมาเพิ่มขึ้น โดยใช้เครื่องมือทันสมัย
 
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการสูญหายไปของโลมาหลากหลายสายพันธุ์ในเมืองไทยนั้นมีมาจากเรื่องสายเลือดที่ใกล้ชิดเกินไป อย่าลืมว่าโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อโลมาเหลือน้อยก็ผสมพันธุ์ระหว่างเครือญาติ ทำให้ตัวอ่อนที่เกิดมามีลักษณะด้อย เกิดมาอ่อนแอ ดังนั้นจึงเกิดอัตราการตายสูงในวัยตัวอ่อน
 
ปรากฏการณ์นี้เห็นชัดที่ทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นพื้นที่ ปิด ตอนนี้ประชากรโลมาในทะเลสาบสงขลาลดลงเหลืออยู่ที่ 20-25 ตัวจากเดิมเคยมีอยู่ถึง 50-60 ตัว
 
โครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทยตอนใน คือการเริ่มต้นศึกษาธรรมชาติของโลมาอิรวดีในบริเวณอ่าวไทยครั้งแรกครอบคลุมพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำสำคัญ คือบางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง และเพชรบุรี ซึ่งบริเวณนี้เรียกว่าอ่าวก.ไก่ ตามลักษณะของแผนที่ชายฝั่งทะเล ชายฝั่งที่เป็นรอยหยักเป็น พื้นที่สำคัญของถิ่นที่อยู่อาศัยของโลมาอิรวดี
 
WWF ประเทศไทย ได้ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ อิเลคตริก จำกัด (มหาชน) สนับสนุนให้งบประมาณ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน โครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทยตอนในภายในระยะเวลา 3 ปี (ปลายปี 2549-2552) เพื่อร่วมอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยและแหล่งหากินตามธรรมชาติของโลมาอย่างมีส่วนร่วม พร้อม ๆ กับส่งเสริมกระตุ้นจิตสำนึกไปด้วยกัน
 
โดยเฉพาะโลมาอิรวดี   ถือว่าเป็นสัตว์คุ้มครองที่เสี่ยง  ต่อการสูญพันธุ์ โดยจะประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง


 
สายสุนีย์ บอกเล่าถึงการดำเนินโครงการดังกล่าว ว่า บ้านเราเริ่มต้น ศึกษาชีวิต ของปลาโลมาอย่างจริงจัง เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากก่อตั้งกรมทรัพยา กรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง ตอนนั้นเริ่มจากการสำรวจว่าโลมาเหลืออยู่ในประเทศไทยกี่ชนิด แต่เมื่อมีการเกิดขึ้น ของโครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทยตอนในเกิดขึ้น WWF จะทำงานร่วมกับกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และชายฝั่ง และร่วมกับเครือข่ายชุมชนในแง่ที่ว่าจะเริ่มนับจำนวนประชากรที่แท้จริงของโลมาบริเวณนี้
 
“แต่เดิมเรามีความเชื่อว่าโลมาที่บางปะกงกับอ่าวไทยทั้งหมดเป็นฝูงเดียวกันแล้วว่ายไปว่ายมา แต่ตอนนี้เราเชื่อว่าเป็นคนละฝูง จะค่อนข้างอยู่ประจำถิ่นเดิม ยืนยันได้หลังจากเราลงพื้นที่สำรวจโลมาในเวลาพร้อมกันลงที่บางปะกง ลงที่มหาชัย และแหลมผักเบี้ย ช่วงเวลาที่เราพบมีการโทรศัพท์เช็กใน 3 ทีมพบว่าทุกทีมเจอโลมาพร้อม ๆ กัน อาจจะมีเหลื่อมกันบ้างครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมง แต่คิดว่ามันคงว่ายน้ำไปไม่ทัน” นักวิจัยให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับโลมา
   
วิธีการทำทะเบียนประชากรโลมาจะใช้วิธีการ ทำโฟโต้ไอดี คือ การถ่ายรูปครีบของโลมา โดยการสังเกตจากครีบของแต่ ละตัวที่จะมีลักษณะเว้าแหว่ง ต่างกัน 
 
แม้จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างยากพอสมควรในการจัดทะเบียนประชากรของโลมา  อิรวดี แต่นักวิจัยบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีดีที่สุด เพราะไม่สามารถฝังชิพลงไปในตัวโลมาได้เหมือนสัตว์อื่นเช่นเต่าทะเล หรือสัตว์ป่าอย่างเสือนั้น เพราะผิวหนังของโลมาก็ไม่ต่างจากคน เมื่อมีบาดแผลผิวหนังเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะติดเชื้อ
 
ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทยตอนใน ยังถ่ายทอดพฤติกรรมอันแสนน่ารัก ของโลมาหลังจากลงเรือไปเก็บข้อมูลมาปีกว่า ๆ ว่า โดยใช้วิธีเฝ้าดูพฤติกรรมและถ่ายภาพ  ยังพบว่า โลมาจะคุ้นเคยกับทีม วิจัย จะจำเสียงเรือได้ เจ้าหน้าที่สำรวจหรือแม้กระทั่งชาวบ้านจะต้องใช้เรือลำเดิมเมื่อลงพื้นที่   มีข้อสังเกตว่าถ้าเปลี่ยนเรือโลมาจะไม่ค่อยเข้าใกล้
 
ธรรมชาติของโลมาจะเป็นสัตว์ขี้เล่น กินแล้วเล่น หรือกินแล้วผสมพันธุ์ และมี ท่าทางประจำตัวสุดแสนน่ารัก  ที่มักจะเห็นในเวทีโชว์โลมาทั่วไปคือการโผล่หัวขึ้นมาพ้นน้ำเหมือนโผล่ขึ้นมามอง
 
เพื่อเช็กดูว่าฝูงอยู่ตรงไหน หรือดูตำแหน่งของตัวเอง ดูทิศทางว่าจะว่ายเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เรียกว่า “สปายฮอก” ถือว่าเป็นพฤติกรรมพิเศษของโลมาจะมีเฉพาะในโลมาอิรวดีเท่านั้น
 
พฤติกรรมนี้สร้างความประทับใจให้ชาวประมงอยู่บ่อย ๆ ยืนยันได้จากภาพถ่ายที่มีการเก็บพฤติกรรมของโลมาลักษณะนี้ได้ บางครั้งโลมา แอบไปเล่นกับนกพ่นน้ำใส่ เป็นภาพน่ารักที่ใครเห็นก็หลงรักขึ้นมาทันที
 
ขณะที่ฟากฝั่งบางปะกง ความน่ารักของโลมาปรากฏโฉมต่อนักท่องเที่ยวหลายครั้ง
 
สมจิตร์ พันธุ์สุวรรณ นายกเทศมนตรี ต.ท่าข้าม บอกเล่าพฤติกรรมโลมาที่บางปะกงว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ล่องเรือชมโลมาส่วนใหญ่จะพบ ถ้าอากาศดีไม่มีพายุ น้ำใสโดยช่วงท่องเที่ยวชมโลมาของบางปะกงจะเริ่มต้นตั้งแต่พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ หากดับเครื่องเรือจอดบางครั้งจะมาเล่นอยู่ข้าง ๆ เรือ
 
“ชาวประมงออกเรืออวนดำขนาดใหญ่ เขาจะมาเลาะเล็มปลาอยู่ข้างเรือเพื่อรอกินปลา บางครั้งกินเยอะจนต้องไล่ออกไปห่าง ๆ นั้นเป็นที่สังเกตว่าเขาไม่กลัวคนคุ้นเคยเพราะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัย”
 
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่บ่ง บอกว่าท้องทะเลอ่าวไทยตอนในปลอดภัยสุด ๆ นักวิจัยคนเดิม บอกอีกว่า จากคำบอกเล่าของชาวประมงในมหาชัย มีการเจอโลมาลูกอ่อน 1 ตัวมากับแม่ เมื่อปี 2549 แต่ปลายปี 2550 พบโลมาลูกอ่อนถึง 4 ตัว แสดงให้เห็นว่ามีอัตราการเกิดมากขึ้น
 
“การคลอดลูกเห็นได้ชัด ว่าถิ่นที่อยู่เขาปลอดภัย ถ้าไม่ปลอดภัยเขาจะพาตัวอ่อนหนี หรือการเห็นโลมาผสมพันธุ์  นั้นเป็นสิ่งพิสูจน์เพิ่มด้วยว่าตรงนี้มีอาหารสมบูรณ์ บางทีสถานที่ปลอดภัยของโลมาจะไปหลบตามหลักหอย เพราะในนั้นมีปลากระบอกเยอะ และเขารู้ว่าไม่มีใครเข้าไปทำอันตรายได้”
 
ปัจจุบันพื้นที่อาศัยของโลมาคือบริเวณอ่าวไทยตอน   ในนับเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยอันปลอดภัย
 
เปรียบได้กับบ้านอันแสนอบอุ่นนั้นเพราะชุมชน เริ่มตระหนักและมีความรู้ว่าสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์คุ้มครอง
 
ตรงนี้คือผลจากการเก็บข้อมูลและการจัดกิจกรรมอนุรักษ์โลมาของ WWF ประเทศไทย โดยลงไปในชุมชนและโรงเรียนจัดกิจกรรมนิทรรศการ สอดแทรกความสำคัญของโลมาลงไป


 
ด้านตัวแทนของภาคประชาชนที่ออกมาสะท้อนภาพ อย่าง วรพล ล้อมจันทร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแกนนำกลุ่มประมงแถบโกรกกราก พันท้ายนรสิงห์ และโคกขาม บอกว่าเดิมทีสัตว์น้ำที่ชาวประมงพื้นบ้านเคยหาเลี้ยงชีพหายไป บ้านหลายคนหายไปกับทะเลเพราะปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
 
บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อฟื้นฟู เช่นกัน พื้นที่ชายฝั่งสำหรับเรือประมงขนาดเล็ก ปักไม้ไผ่เลี้ยงหอย ซึ่งมีส่วนช่วยการชะลอคลื่นและช่วยสะสมตะกอน ยอมเสียสละที่ดินเพื่อปลูกป่าชายเลน
 
จากความเข้มแข็งของชุมชนตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี มหาชัยวันนี้จึงมีกุ้ง หอย ปู ปลา และที่สำคัญพบโลมาอิรวดี และวาฬบรูด้าเข้ามาหากินชาย    ฝั่ง สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
 
แม้สายพันธุ์อื่นของโลมาจะสูญหายไป แต่กับสิ่งที่เหลือทุกคนต่างเอาใจช่วยให้โลมา  อิรวดีสายพันธุ์เกือบสุดท้ายในอ่าวไทยตอนในอยู่รอดปลอดภัยไปอีกหลายชั่วอายุคน.

 


จาก                :                เดลินิวส์    วันที่ 20 มีนาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
kungkings
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 791



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 01:29:22 AM »

มาเอาใจช่วยคะ....
บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ และวันหน้าให้ดีที่สุด...
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 02:06:45 AM »


ผู้ใหญ่วรพล ล้อมจันทร์ แห่งโกรกกราก พันท้ายนรสิงห์  เมืองมหาชัย คงจะยิ้มออก หากลูกโลมาเกิดขึ้นใหม่อีก 4 ตัวนั้นไปเกิดแถวๆอ่าวหน้าบ้านผู้ใหญ่ ทดแทนเจ้าลูกโลมาตัวที่ติดอวนตายไปเมื่อปีที่แล้วนะคะ
บันทึกการเข้า

Saaychol
conundrum
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 454


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 02:33:33 AM »

ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีครับ ที่บ่งบอกว่าสภาพชายฝั่งเริ่มมีการฟื้นฟู 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.021 วินาที กับ 19 คำสั่ง