แกนมุกขนากใหญ่ก็จะให้มุกเม็ดใหญ่แหละค่ะ.. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่ใหญ่เกินกว่าที่หอยจะทนแบกรับไว้ได้.. คิดดูสิคะ ถ้าหอยมุกตัวนิดเดียว ต้องอมลูกกอล์ฟไว้ภายใน มีหวังไม่รอดแน่ๆ..
..จำเขามาเล่าต่อนะคะ ข้อมูลจากการที่ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญการฝังมุก(ในหอย) ชาวญี่ปุ่น ชื่ออาจารย์อิชิมูระ.. การเลี้ยงมุกกลมในหอยมุกจาน (ซึ่งเป็นหอยมุกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โตเต็มที่ขนาดเปลือกกว้างเกือบๆ ฟุต) เมื่อเริ่มต้นเลี้ยงในหอยอายุน้อยที่ขนาดยังเล็ก (ตัวขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อย) เขาจะใส่แกนมุกเม็ดเล็กๆ เข้าไปก่อน (เช่นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-6 มม.) ทิ้งไว้สักปีก็เก็บออกแล้วใส่แกนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเข้าไป (เช่นแกน 8 หรือ 10 มม.) ยังไม่เคยได้ยินว่าเขาทำแกนขนาดมโหฬารกว่านั้นนะคะ.. ปกติการเลี้ยงมุกจานจะใช้เวลาประมาณ 1.5 - 2 ปีเพื่อให้ชั้นมุกเคลือบหนาสวยแวววาว แกนแรกใส่แค่ให้หอยเด็กๆ เริ่มหัดสร้างมุกประมาณนั้น เม็ดแรกจะไม่งามเท่าไร แต่พอใส่ครั้งที่สองจะได้มุกน้ำงาม .. หอยมุกจานตัวหนึ่งถ้าได้เลี้ยงตั้งแต่หอยเด็กๆ อาจใส่แกนได้ 2-3 ครั้ง
สำหรับแกนมุก เพื่อให้ผู้หลงไหลควักเงินซื้อได้สบายใจว่าเหมือนเป็นผลิตผลจากธรรมชาติแท้จริงล้วนๆ แกนก็ต้องมีคุณสมบัติความหนาแน่น ความถ่วงจำเพาะ น้ำหนัก และอะไรๆ ก็ตามเหมือนผลิตผลจากธรรมชาติด้วย .. สุดยอดแกนมุกก็ต้องผลิตจากเปลือกหอยสิคะ และเปลือกหอยที่นำมาทำแกนมุกได้ดีเยี่ยมก็คือ เปลือกหอยกาบน้ำจืดชนิดหนึ่งจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้โน่น.. เรียกว่า Pig toe clam ที่คงจะต้องแปลว่าหอยหัวแม่เท้าหมู แม่หอยเคยเห็นของจริงและประวัติความเป็นมาเรื่องราวการทำแกนมุกจากพิพิธภัณฑ์ที่บริษัทมุกแห่งหนึ่งที่เกาะ Ishigaki โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น หน้าตาเหมือนเล็บหมู .. ว่าแล้วก็หิวคากิขาหมู..
นี่พูดเฉพาะแกนมุกกลมนะคะ เพราะมุกกลมนั้นเมื่อเลี้ยงแล้ว ได้ผลผลิตแล้ว แกนก็จะอยู่ในเม็ดมุก แกนมุกที่ดีก็จะต้องเสมือนประสานเป็นเนื้อเดียวกับมุก เวลาเจาะ (เพื่อร้อยเป็นสร้อยหรือขึ้นตัวเรือนเครื่องประดับต่างๆ) จะต้องไม่แตกร่าวร่วนทำให้มุกมีตำหนิ อะไรประมาณนั้น .. หากใช้ลูกตะกั่วใส่ถ่วงคงหนักคอพิลึก..ฮิๆ..
ค่ามาตรฐานน้ำหนักมุกมีค่ะ แต่ลืมซะแล้ว ต้องไปค้นหา.. ถ้าเจอและไม่ลืมจะมาเล่าต่อนะคะ
ส่วนเรื่องโกงน่ะ มีแหงล่ะค่ะ ..