Save Our Sea
เมษายน 23, 2024, 07:44:13 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้งดการตั้งหรือตอบกระทู้ ขอเชิญใช้บอร์ดใหม่ที่ http://www.saveoursea.net/forums
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หาดทุ่งวัวแล่น....แผ่นดินของเรา  (อ่าน 18829 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 04:29:02 PM »

    ภูเขา..... ท้องฟ้า....ระลอกคลื่น....สายลม....และสายน้ำ........ที่หาดทุ่งวัวแล่น


* Beach.jpg (46.46 KB, 552x439 - ดู 755 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2009, 06:58:39 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 04:50:34 PM »

“ขบวนเกวียนสามคันคลานต้วมเตี้ยมต่อไป ผ่านที่ราบสูงซึ่งเป็นทุ่งกว้างสุดสายตา ประดับไปด้วยละเมาะป่าและแอ่งน้ำเป็นแห่งๆ เสียงกระดึงจากโคและควายขณะที่เด็กผู้เลี้ยงต้อนกลับเข้าคอกกังวานแว่วมาในท่ามกลางอากาศที่สงบเป็นระยะๆ ขณะนั้น ดวงตะวันลับทิวเขาทางทิศตะวันตกลงไปแล้ว คงทิ้งแต่แสงสว่างสองสามแฉกพุ่งเป็นลำขึ้นมาจับอยู่ตามก้อนเมฆขนาดต่างๆกันในท้องฟ้า ปรากฏเป็นสีต่างๆ ม่วงบ้าง แดงบ้าง บางแห่งเป็นสีชมพูเข้ม บางแห่งก็เหลืองจัด แสงสีเหล่านั้นกระท้อนกลับมาบนท้องทุ่งหญ้า เรื่อเรืองเหมือนเพลาแรกรุ่งอรุณแทนที่เริ่มจะพลบค่ำ แต่ต่อมาไม่ช้าไม่นาน แสงสีต่างๆเหล่านั้นก็จางหายไป พระจันทร์ดวงใหญ่ โตเหมือนขอบกะด้ง สุกปลั่งราวเปลวไฟ โผล่ขึ้นที่เหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ทาบเป็นทางมาตามพื้นน้ำซึ่งเป็นประกายวับอยู่ในอ่าว ผ่านยอดดงมะพร้าวที่เป็นมันระยับ ในที่สุดก็ถึงท้องทุ่งและขบวนเกวียน พอเลยท้ายบ้านพลุกะชิงเข้าสู่ท้ายสวน แลเห็นบริเวณบ้านสองสามหลังตั้งรำไรทาบกับประกายสีเงินในอ่าวข้างหน้า ตะคุ่มๆอยู่ที่เชิงเขาภายใต้เงาของดงมะพร้าวตอนที่หนาแน่นที่สุด เวลาก็มืดลงพอดี”

“แม่อนงค์” หรือ “ครูมาลัย ชูพินิจ” นักหนังสือพิมพ์และนักเขียนชั้นครูระดับอัจฉริยะ จบบทที่ 1 ภาคต้น ของอมตะนิยายเรื่อง “แผ่นดินของเรา” ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนรวมทั้งตัวฉัน ได้อย่างน่าประทับใจยิ่ง


* cottage.jpg (93.38 KB, 552x439 - ดู 763 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2005, 09:33:17 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 06:01:54 PM »

“ท้องทุ่ง” ที่แม่อนงค์ พูดถึงนั้นคือ “ทุ่งวัวแล่น” ที่อยู่ในเขตตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบ้านสวนอันเป็นฉากรักอมตะของคู่พระคู่นางในเรื่องคือ “ธำรงและภัคคินี” ซึ่งเขาและเธอเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า “สวนทุ่งวัวแล่น....แผ่นดินของเรา” เมื่อฉันได้อ่านนิยายรักเรื่องนี้ในราวปี 2511 ฉันบังเกิดความหลงใหลและใฝ่ฝันจะได้ไปเยือนทุ่งวัวแล่นเป็นที่ยิ่ง แต่กว่าฉันจะมีโอกาสได้ไปเยือนท้องทุ่งแห่งนี้จริงๆ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสิบห้าปี ซึ่งสภาพของทุ่งวัวแล่นที่เคยเป็นท้องทุ่งริมทะเลที่ด้านหนึ่งติดเชิงเขาและชายป่าทึบรกชัฏก็เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมที่ “แม่อนงค์” ได้เคยเล่าขานไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2486

ทางเกวียนหายไป กลับกลายเป็นถนนลาดยางสองช่องเดินรถที่วกวนลัดเลาะไปตามเชิงเขาและชายฝั่งทะเล ทุ่งหญ้าบนที่ราบสูงและป่ารกชัฏที่เคยเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ใหญ่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเสือ หมี หมูป่า เม่น กวาง นกยูง และอื่นๆอีกมากมายนั้น บัดนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

ป่าที่อยู่บนภูเขาและพื้นที่ราบของท้องทุ่งถูกหักล้างถางพงด้วยฝีมือมนุษย์เพื่อปลูกสวนยาง สวนผลไม้ และสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รวมทั้งร้านค้าและร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมทางและรุกลามระเรื่อยไปจนจรดชายทะเล ยังโชคดีที่ด้านใต้ของชายหาดอ่าวทุ่งวัวแล่นที่อยู่ตรงเชิงเขาโพธิ์แบะ ยังพอมีต้นมะพร้าว พืชสวนทั้งไม้ใบและไม้ดอกยืนต้นขึ้นอยู่หนาแน่น ช่วยซ่อนเร้นอาคารที่พักอาศัยแบบบังกะโล เรือนพัก ห้องสัมมนา และห้องอาหาร ของรีสอร์ตนาม “ชุมพรคาบาน่า” ไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงแม้อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะตั้งประชิดติดชายทะเล ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าของรีสอร์ตยึดมั่นในแนวทางการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่คู่รีสอร์ต นับตั้งแต่เริ่มต้นสร้างรีสอร์ตแห่งนี้ สืบเนื่องยาวนานมากว่ายี่สิบปีจวบจนถึงปัจจุบัน


* Beach-1.jpg (41.86 KB, 552x440 - ดู 737 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2005, 09:35:22 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 06:03:54 PM »

ภูมิประเทศเปลี่ยนไปแล้ว  แต่....ตะวัน  จันทรา  น้ำ และ ฟ้า ที่อ่าวทุ่งวัวแล่นยังคงความสวยงามอยู่เช่นเดิม

ตะวันดวงกลมโตยังคงขึ้นลงตามเวลาบนท้องฟ้าที่เมื่ออากาศดีจะมีสีฟ้าสดใส ยามเช้าและยามเย็น ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีฉูดฉาดหลากสีสันเหมือนดั่งที่ “แม่อนงค์” ได้บรรยายไว้ไม่ผิดเพี้ยน

ในยามข้างขึ้น...ดวงจันทรายังคงสาดส่องเหนือหาดทุ่งวัวแล่น เมื่อถึงคืนเดือนเพ็ญในช่วงฤดูแล้ง จันทร์กระจ่างฟ้าสาดส่องแสงสีเงินยวงเป็นประกายแพรวพราวระยิบระยับไปทั่วทั้งท้องน้ำ พื้นทราย และแผ่นดิน 

ชายหาดที่เคยมีพื้นทรายละเอียดขาวลออค่อยๆลาดลงสู่น้ำทะเลที่เย็นเฉียบ ใสแจ๋ว และเขียวขจี ตามคำบอกเล่าของ “แม่อนงค์” นั้น บัดนี้...มีต้นผักบุ้งทะเลที่ทอดยอดยาวระเรื่อยเลื้อยออกไปไกลจากตลิ่งที่เป็นดินลูกรัง พื้นทรายบริเวณชายหาดยังคงขาวละเอียด แม้จะไม่ราบเรียบนวลเนียนเหมือนสมัยก่อนเหตุเพราะฤทธิ์คลื่นลมที่เกิดจากพายุเกย์เมื่อหลายปีก่อน เนินทรายสูงๆต่ำๆค่อยๆลาดเทลงสู่ชายน้ำที่เมื่อยามน้ำลง...ริ้วในรอยทรายที่ค่อยๆไล่จากสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลแก่หยักเป็นรอนขนานไปกับแนวชายหาดที่โค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน


* Beach-2.jpg (30.39 KB, 552x401 - ดู 1598 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 06:05:07 PM »

ในช่วงลมมรสุมมาเยี่ยมเยือนซึ่งมักเริ่มตั้งแต่หลังเทศกาลลอยกระทงไปจนถึงช่วงก่อนสงกรานต์ คลื่นสูงยอดขาวเป็นฟองทยอยซัดซาดเข้าหาฝั่งเสียงดังโครมครามๆ จนยากที่เรือเล็กจะฝ่าคลื่นสูงออกไปได้ แต่ในยามคลื่นลมสงบซึ่งมักจะเป็นช่วงตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์ไปจนถึงช่วงก่อนลอยกระทง น้ำทะเลสีเขียวมรกตจะค่อยๆทยอยเคลื่อนตัวกระเพื่อมกระทบฝั่งอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน เหมือนดังกระซิบกระซาบเชิญชวนให้ฉันสาวเท้าก้าวลงไปเยี่ยมเยือนความงามแห่งท้องทะเล 

ฉันไม่อาจปฏิเสธคำเชิญชวนของสายน้ำหน้าชายหาดทุ่งวัวแล่นได้แม้แต่ครั้งเดียว จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อยามใดก็ตามที่ได้ไปเยือนทุ่งวัวแล่น ฉันมักจะลงเล่นน้ำทะเลหน้าชายหาดในยามเย็นที่ยังพอมีแรงและมีเวลา ส่วนในยามเช้า ฉันไม่พลาดที่จะสาวเท้าก้าวขึ้นเรือบดลำเล็กๆที่ใช้กำลังคนพาย ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้รับการพัฒนาเปลี่ยนจากเรือบดมาเป็นเรือยางติดเครื่องท้ายทันสมัย เพื่อแล่นออกจากฝั่งหน้าอ่าวทุ่งวัวแล่น และไปขึ้นเรือใหญ่ที่ทั้งอุปกรณ์ดำน้ำ ถังอากาศ น้ำจืดและอาหารถูกขนขึ้นไปรอท่าไว้แล้ว และในไม่ช้าไม่นานฉันจะลงไปสัมผัสกับความงามของโลกใต้ผิวน้ำสีเขียวมรกต


* boat.jpg (69.11 KB, 552x439 - ดู 741 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:11:51 PM »

แหลมโพธิ์แบะ

บริเวณเชิงเขาโพธิ์แบะซึ่งด้านหนึ่งเป็นแหลมด้านเหนือสุดของอ่าวพนังตัก อีกด้านเป็นเป็นหัวแหลมด้านใต้สุดของหาดทุ่งวัวแล่นนั้น เป็นที่รู้กันดีว่ามีแนวหินใต้น้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ทะเล ฟองน้ำ สาหร่าย ปลาและสัตว์น้ำนานาชนิด ผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำแบบสนอร์เกิ้ลเคยบอกฉันว่า ทีนี่เป็นจุดที่สวยมาก แต่บัดนี้ ที่นี่ถูกเมินไปเสียแล้ว เพราะน้ำทะเลบริเวณนี้ไม่ค่อยใสนัก แถมมีผู้คนมาก่อสร้างบ้านพักและร้านอาหาร บดบังภูมิทัศน์ที่เคยสวยงามไว้จนเกือบหมดสิ้น



* Anemonefish.jpg (69.33 KB, 552x417 - ดู 729 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:14:01 PM »

เกาะจระเข้

เรือผ่านเกาะเล็กๆไร้หาดทรายและร้างผู้คนที่มีรูปทรงสัณฐานเหมือนจระเข้ลอยตัวอยู่เหนือน้ำ ที่นี่จึงได้ชื่อว่าเกาะจระเข้  บริเวณรอบๆเกาะจระเข้เป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เสียดายที่ที่นี่น้ำไม่ใสนัก ผู้คนจึงมักจะนั่งเรือเลยผ่านเกาะนี้ไป เช่นเดียวกับฉันที่ได้แต่นั่งมองเกาะรูปทรงคล้ายสัตว์เลื้อยคลานตัวโตไปพลางก็นึกจินตนาการไปว่าจระเข้ตัวนี้ทำผิดอะไรหนอจึงถูกสาปให้กลายเป็นหินนอนแช่น้ำทะเลอยู่อย่างเดียวดาย.....ช่างน่าสงสารแท้ๆ


* CupCoral.jpg (97.39 KB, 552x440 - ดู 726 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:16:14 PM »

เกาะง่ามใหญ่ และง่ามน้อย

เรือแล่นตัดระลอกคลื่นมุ่งตรงไปสู่ทะเลลึก เบื้องหน้าคือเกาะหินปูนสูงชันเว้าๆแหว่งๆสองเกาะที่ตั้งอยู่คู่กัน โดยช่องแคบที่คั่นกลางระหว่างเกาะนั้นมีระยะทางห่างกันเพียงร้อยเมตรกว่าๆ จุดเด่นของเกาะทั้งสองก็คือกระต๊อบไม้ไผ่ขัดแตะหลังคามุงจากที่ตั้งอยู่บนเสาไม้เล็กเรียวสูงตระหง่านอยู่ตามยอดหินและเชิงผาสูง มองแล้วดูน่ากลัวว่ายามต้องลมแรง จะพากันหักโค่นล้มพังพาบลงมา แต่คนงานเก็บและเฝ้ารังนกนางแอ่นที่แสนแพงผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับกล่าวว่า บ้านเหล่านี้แข็งแรงดี ไม่มีทรุดหรือโค่นล้มแม้ยามพายุฝนกระหน่ำ


* Ngarm_Noi-Sunset.jpg (33.86 KB, 552x400 - ดู 732 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:17:21 PM »

เกาะใหญ่ด้านเหนือนั้นมีนามว่า เกาะง่ามใหญ่  เมื่อมองจากด้านตะวันออกของเกาะ จะเห็นแนวผาที่สูงตระหง่านง้ำสีออกน้ำตาลแดงนั้นดูเหมือนหน้าคนแก่ที่กำลังก้มหน้าจ้องมองน้ำทะเลที่อยู่เบื้องล่างอย่างอารมณ์ดี ปลายแหลมด้านใต้ที่ติดกับช่องแคบคั่นระหว่างเกาะ มีหินรูปทรงที่บางคนบอกว่าเหมือนเจดีย์คู่ แต่ฉันดูไปดูมาพาลมองเห็นเป็นนอแรดคู่ ซึ่งตั้งชูชันตั้งฉากกับผิวน้ำ


* Ngarm_Yai.jpg (60.68 KB, 552x401 - ดู 714 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:19:30 PM »

บริเวณรอบๆเกาะง่ามใหญ่ เป็นแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังแข็ง ปะการังอ่อน โดยเฉพาะที่เรียกกันว่า ปะการังหนัง และปะการังดอกไม้ (พันธุ์  Sarcophyton, Sinularia, Lobophytum เป็นต้น) พรมทะเล ปะการังดำ ปะการังแส้ ดอกไม้ทะเล ปลาและสัตว์น้ำนานาชนิด


* Ran_Kai-Flower_Coral.jpg (91.2 KB, 552x440 - ดู 711 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:20:36 PM »

ในสมัยเมื่อกว่าสามสิบปีก่อน บริเวณนี้ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีฉลามชุกชุม ตัวฉันเองโชคดีที่ได้เคยเห็นฉลามครีบดำ และฉลามวาฬแหวกว่ายอยู่ในบริเวณนี้ เช่นกัน

สิ่งที่ทำให้ดีใจมากเมื่อได้มาดำน้ำที่นี่ก็คือ บริเวณหัวเกาะด้านตะวันตกของหินเจดีย์นั้นถูกกำหนดให้เป็นที่พักพิงของหอยมือเสือพันธุ์ Tridacna squamosa จำนวนนับพันตัว ที่ตัวฉันและเหล่าสมาชิกของ www.SaveOurSea.net ได้ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ดำเนินการ เพาะเลี้ยงหอยพันธุ์นี้สำเร็จ ได้นำหอยมือเสือมาปล่อยคืนสู่ทะเล เพื่อให้หอยมือเสือสามารถแพร่พันธุ์ได้ในธรรมชาติ


* Ngarm_Yai-Jedi.jpg (45.19 KB, 552x401 - ดู 707 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:27:47 PM »

ถ้าหอยมือเสือพูดได้ พวกเขาคงอยากจะบอกฉันว่า “เรามีความสุขมากที่ได้มาอยู่ในทะเล” แต่หอยมือเสือพูดไม่ได้ พวกเขาจึงได้แต่นอนแย้มยิ้มอยู่ใต้ท้องทะเล......และฉันอดไม่ได้สักครั้งที่จะยิ้มตอบ


* clam.jpg (76.26 KB, 552x440 - ดู 714 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:36:09 PM »

เกาะเล็กๆที่อยู่เคียงคู่กับเกาะง่ามใหญ่ คล้ายชาตินี้เราจะไม่มีวันพรากจากกันนั้น มีชื่อว่า เกาะง่ามน้อย ซึ่งสภาพใต้น้ำเป็นแนวหินและโพรงถ้ำที่สามารถว่ายลอดเล่นได้ ส่วนสรรพชีวิตที่อยู่รอบๆเกาะนั้นจะคล้ายๆกับเกาะง่ามใหญ่ ที่โดดเด่นออกมาก็เห็นจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆเช่นทากทะเล กุ้งตัวยาว หอยเบี้ย และเต่ากระที่แสนเชื่องผู้ชอบทำตัวเหมือนเจ้าถิ่นที่หากินเป็นประจำอยู่ด้านตะวันออกของเกาะ และที่ปลายเกาะด้านเหนือก็เป็นที่อยู่ของหอยมือเสือที่ฉันและเพื่อนๆได้นำไปปล่อยไว้เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันกับที่เกาะง่ามใหญ่


* Ngarm_Noi-Sawblade_Shrimp-1.jpg (24.22 KB, 552x440 - ดู 727 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:37:32 PM »

ความลึกของน้ำที่สูงสุดเพียง 20 เมตร ประกอบกับกระแสน้ำที่ไม่แรงมาก และสภาพรอบๆเกาะง่ามใหญ่ และง่ามน้อยที่มีความสวยงาม ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่นิยมจะใช้เป็นที่ฝึกนักดำน้ำมือใหม่   


* Ngarm_Noi-Imperial_Shrimp.jpg (66.65 KB, 552x440 - ดู 714 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:39:16 PM »

หินแพ

ปลายเกาะง่ามใหญ่ด้านเหนือ เป็นที่ตั้งของกองหินใต้น้ำที่โผล่เพียงยอดแหลมคมระเกะระกะขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพียงเล็กน้อย ที่นี่เป็นจุดดำน้ำยอดนิยมที่ฉันชื่นชอบมากแห่งหนึ่ง 


* Hin_Phae.jpg (38.83 KB, 552x401 - ดู 692 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:40:14 PM »

ปะการังดำที่โพลิปยื่นยาวออกมามีสีขาว เหลือง และเขียวอ่อน ตัดกับสีแดงสดของปะการังแส้ที่ขึ้นอยู่ตามยอดหินใต้น้ำนั้นดูสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อมีฝูงปลาใหญ่น้อยว่ายวนเวียนอยู่เต็มไปหมด เมื่อหลายปีก่อน ฉันได้เห็นฉลามวาฬและกระเบนนกตัวใหญ่ว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ผิวน้ำที่หินแพ แต่ระยะหลังนี้มีผู้พบเห็นแต่ฉลามวาฬมาวนเวียนอยู่เป็นประจำ ส่วนกระเบนนกไม่หวนคืนมาที่นี่อีกเลย


* Hin_Phae-Black Coral.jpg (63.45 KB, 552x440 - ดู 699 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2005, 08:12:17 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:41:24 PM »

รอบๆกองหินแพจะเป็นพื้นทรายขาวสะอาด มีแนวหินทอดออกไปเป็นหย่อมๆ ความลึกสูงสุดของจุดดำน้ำนี้ราวๆ 25 เมตร กระแสน้ำและความใสของน้ำเอาแน่เอานอนไม่ได้  และในยามที่คลื่นลมแรง ที่นี่ไม่เหมาะที่จะลงดำน้ำเลย


* Hin_Phae-Lionfish-1.jpg (76.02 KB, 552x440 - ดู 684 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:43:28 PM »

หินหลักง่าม

ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะง่ามน้อยเพียงสองร้อยกว่าเมตร เป็นที่ตั้งของกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ที่โผล่เพียงยอดแหลมสองยอดอยู่เหนือผิวน้ำ ดูเสมือนง่ามใหญ่ยักษ์ ชาวเรือจึงเรียกที่นี่ว่า หินหลักง่าม


* Lak_Ngarm.jpg (39.47 KB, 552x401 - ดู 676 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:45:09 PM »

ลักษณะที่ใหญ่โตของกองหิน น่าจะเรียกว่า “ภูเขาใต้น้ำ” มากกว่า “หิน” ที่นี่มีลักษณะคล้ายๆกับหินแพ คือมีโขดหินที่เต็มไปด้วยดงปะการังดำ ดอกไม้ทะเล แส้ทะเล ปลาและหอยนานาชนิด ที่โดดเด่นมากเห็นจะเป็นหอยเบี้ยสารพัดสีหลากลาย และทากปุ่มสีสันสดใสที่อยู่กันเป็นกลุ่มๆตามเชิงผาและโพรงถ้ำ ที่นี่มักจะมีฝูงปลาใหญ่ๆเข้ามาหากินอยู่เป็นประจำ เช่นฝูงปลาสาก ปลาโมง ปลากะพง และปลากล้วยข้างเหลือง เป็นต้น


* Lak_Ngarm-cowries.jpg (73.66 KB, 558x444 - ดู 689 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 4098



ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: กันยายน 26, 2005, 07:46:52 PM »

กระแสน้ำบริเวณปลายแหลมด้านตะวันออกและตะวันตกมักจะแรงในช่วงต่อของน้ำขึ้นและน้ำลง ความลึกของน้ำที่บางช่วงสูงกว่า 25 เมตร และความสวยงามของโลกใต้ทะเลของหินหลักง่าม ทำให้นักดำน้ำต้องใช้ความระมัดระวังในการดำน้ำเพิ่มขึ้นเพราะอาจจะเผลอเรอดำน้ำอย่างเพลิดเพลินเกินเวลาที่ควรจะเป็น และอากาศอาจจะหมดได้โดยไม่รู้ตัว


* Lak_Ngarm-Scorpion.jpg (76.17 KB, 552x440 - ดู 666 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 05, 2006, 02:08:49 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.039 วินาที กับ 21 คำสั่ง