Save Our Sea
พฤษภาคม 25, 2024, 04:50:36 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้งดการตั้งหรือตอบกระทู้ ขอเชิญใช้บอร์ดใหม่ที่ http://www.saveoursea.net/forums
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องรักบนรถไฟ  (อ่าน 2764 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ป้านิด
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 126


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2006, 05:55:27 AM »

กลับบ้านคราวนี้เราจัดรายการท่องเที่ยวเหนือจดใต้ ขึ้นเขาและลงทะเลหนึ่งเดือนเต็ม

8 เมษายน

นั่งรถไฟตู้นอนแอร์ชั้นสองด่วนนครพิงค์ไปเชียงใหม่เพื่อต่อรถตู้ไปปาย เห็นเขาว่าสวยนักสวยหนาเลยต้องไปดูให้เห็นกับตา ในโบกี้มีคนนั่งกันเต็ม บรรยากาศกันเองแบบไทยๆแต่ที่ไม่ไทยด้วยก็เห็นจะเป็นสาวไทยกับหนุ่มต่างแดนชาวยุโรปคู่หนึ่งที่ดูจะรักกันจี๋จ๋า สมัยนี้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ว่ากัน แต่ที่เห็นแปลกคือเขาไม่นั่งคุยแต่นอนคุยหยอกล้อกัน ไม่มีใครขึ้นไปนอนเตียงชั้นบนแต่นอนเตียงล่างด้วยกัน หนุ่มก็ลูบแก้มลูบผมสาว นอนกอดกันสบตากันหวานชื่นม่านเมิ่นไม่ยอมปิด ใครอยากมองก็มองไม่สนใจ นึกว่าเดี๋ยวดึกๆเขาคงรูดม่านกันประเจิดประเจ้อ แต่ดึกก็แล้วดื่นก็แล้วจนสาวหลับไปแล้วหนุ่มก็ยังนอนกอดก่ายสาวอยู่อย่างนั้น เลยคิดว่าสมัยนี้เขาไม่เคารพขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแล้วหรือ ช่างน่าเสียดายจริงๆ

สามทุ่มกว่าอ่านหนังสือสวดมนต์เสร็จก็พยายามหลับ ความที่เป็นโรคจิตกลัวการเดินทางด้วยรถทัวร์และกลัวคำเล่าขานถึงเส้นทางแสนงามนับพันโค้งก็ให้หวาดกลัวจนสติแทบแตก หลังจากนอนแก่งไกวไปมาและฟังเสียงรถไฟแล่นกึงกังโครมครามได้พักใหญ่ก็เข้าสู่นิทรารมย์และเกิดนิมิตประหลาดไปว่า ได้ขึ้นไปยังหอชมวิวกับหนุ่มสาวคู่รักคู่หนึ่ง หอชมวิวนี้ทำด้วยไม้ไผ่ในลักษณะเดียวกับห้างส่องสัตว์สูงไม่ต่ำกว่าตึกสิบชั้น ฝ่ายหนุ่มแกล้งโยกหอให้แกว่งเพื่อให้สาวเจ้าวี๊ดว๊ายเล่น นึกในใจว่าเดี๋ยวเถอะเป็นเกิดเรื่องแน่ คิดไม่ทันขาดคำ หนุ่มก็แกว่งห้างอีกแต่คราวนี้ห้างเกิดโอนไปเอนมาแล้วก็พลิกคว่ำลง เราทั้งสามคนจึงลอยละลิ่วลงสู่พื้นพสุธา ความรู้สึกอันหวิววาบนั้นปะปนกับความกลัวจนแทบขาดใจ คิดว่าความตายคงมาถึงในนาทีข้างหน้านี้ แต่น่าอัศจรรย์นัก เมื่อตกต้องถึงพื้นธรณีเราทั้งสามกลับลุกขึ้นมายืนโดยไม่มีแม้แต่รอยแผล จากนั้นก็ลุกเดินแยกย้ายจากกัน ตกใจตื่นขึ้นมาก็ให้หวาดหวั่นใจนัก หรือจะเป็นลางบอกเหตุว่ารถอาจจะตกเหวแต่ไม่มีใครได้รับอันตราย นอนข่มสติอารมณ์อยู่เป็นครู่จึงหลับลงอีกครั้งหนึ่ง

ถึงสถานีเชียงใหม่ก็นั่งแทกซี่ไปอาเขต กินข้าวต้มแล้วตามด้วยยาแก้เมารถสองเม็ดก่อนจะเดินหวั่นหวาดไปขึ้นรถตู้ ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวปาย จึงมีผู้โดยสารท้องถิ่นเต็มรถ นั่งคุยกับผู้ร่วมชะตากรรมในการเดินทางได้ 5 นาทีก็สวดมนต์ภาวนาขอให้พระคุ้มครอง ขอฝากชีวิตไว้กับคนขับรถแล้วก็สิ้นสติสมปฤดีไปในบัดดล ถึงครึ่งทางถูกปลุกเข้าห้องน้ำ คนขับและผู้โดยสารบางคนลงไปกินข้าว ขึ้นรถอีกทีก็หลับลึกจนถึงปาย เขาลงกันไปจนหมดยังนั่งหลับอยู่ คนขับถามว่าจะไปพักที่ไหนจะไปส่งให้ เลยมีวาสนามีคนไปส่งถึงที่พัก เก็บของแล้วเดินงัวเงียไปหาข้าวกิน เสร็จแล้วก็เดินสะเปะสะปะไปจนรอบเมืองพลางนึกไปว่า นี่หรือคือปายเมืองที่เขาว่ากันว่ามีเสน่ห์ยิ่งนัก


8-11 เมษายน

ตกค่ำเดินชมถนนคนเดินอีกครั้ง กลางคืนตัวเมืองปายมีแสงสี ฝรั่งวัยคะนองเดินกันพลุกพล่าน บางคนก็นั่งบาร์ดื่มเบียร์มองดูแล้วไม่ผิดกับถนนข้าวสาร เดินไปเรื่อยๆเห็นร้านขายโพสการ์ด คนขายช่างหน้าตากระด้างแห้งแล้งแววตาไร้แววเสียนี่กระไร เดินต่อไปอีกร้านเพื่อซื้อเสื้อยืดเตรียมตัวไปลงทะเลอาทิตย์ต่อไป ราคาเสื้อแพงกว่ากรุงเทพไม่น้อย คนขายบอกหน้าตาบอกบุญไม่รับว่าเป็นค่าขนส่ง ตกลงซื้อไปหนึ่งตัวและคิดว่าครั้งนี้ครั้งเดียวพอ หลังจากเดินรอบเมืองอีกหนึ่งรอบก็เข้านอน บอกตัวเองว่า นี่หรือปาย...ไม่เห็นมีอะไรเลย

วันรุ่งขึ้นเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ออกนอกเมือง ที่ถูกคือนั่งซ้อนท้ายฝ่าแดด 40 องศาไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดูแผนที่แล้วแวะจอดตามใจชอบ จึงได้เห็นว่าเสน่ห์ของปายนั้นมิได้อยู่ในตัวเมือง หากอยู่ตามหุบผาและสายธารอันงดงาม อยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า ทุ่งนาและมวลสัตว์ผู้มีคุณที่ไถนาให้เราได้ยังชีพ อยู่ที่ผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ห่างไกลตัวเมืองและรอยยิ้มอันเป็นมิตร และอยู่ที่ตัวเราเองที่จะเลือกสถานที่เพื่อจะไปให้ได้เห็น ให้ได้รับรู้และชื่นชม

ที่สวยที่สุดในปายนั้นคือกองแลนหรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษให้โก้เก๋ว่า Pai Canyon เป็นภูเขาที่ถูกกัดกร่อนด้วยสายน้ำและสายลม เกิดเป็นหุบเหวที่มีทางเดินระหว่างหุบเขาที่คงไว้ตามธรรมชาติโดยไม่มีราวกั้นหรือสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม  บางช่วงเป็นทางเดินเล็กๆเดินได้แค่คนเดียว หากลมพัดพามาแรงน่ากลัวว่าจะตกไปยิ่งนัก  อีกทั้งยังมีหน้าผาเล็กๆแบบบนภูกระดึงที่ยื่นไปเหนือหุบเหว เคยเห็นมีคนใจกล้าไปนั่งถ่ายรูปเห็นวิวสวยแบบหวาดเสียว ถ่ายรูปธรรมชาติแสนงามมาได้หลายรูปแต่เศร้าใจนักด้วยว่าคนร่วมทางได้ลบรูปไปหมดทั้งกล้องโดยไม่ตั้งใจ

แต่ปายก็ยังอยู่ในความทรงจำ อยู่ในความคิดคำนึงถึงเมืองเล็กๆแสนสงบที่ทอดตัวอยู่ในหุบเขาและสายธารเพื่อรอการกลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
 
 

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.159 วินาที กับ 20 คำสั่ง