Save Our Sea
เมษายน 18, 2024, 10:44:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้งดการตั้งหรือตอบกระทู้ ขอเชิญใช้บอร์ดใหม่ที่ http://www.saveoursea.net/forums
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร  (อ่าน 18194 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3501


เรารักในหลวง


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2006, 02:07:48 PM »

ปลาหมึกยักษ์ อสูรร้ายใต้สมุทร   : คอลัมน์ โลกสามมิติ

ในยุคไดโนเสาร์ครองโลก ญาติของมันคือ "พลีซีโอซอร์" (plesiosaur) มังกรแห่งทะเลสาบล้อช เนสส์ ซึ่งมีช่วงคอยาวถึง 20 ฟุต หรือ 6 เมตร และ "อิชธิโอซอร์" (ichthyosaurs) สัตว์เลื้อยคลานคล้ายปลาโลมาซึ่งมีขนาด 75 ฟุต หรือ 23 เมตรเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร

สิ้นยุคไดโนเสาร์ ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ว่ามีสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ใต้สมุทรอีกต่อไป นอกจากตำนานหลายตำนาน อาทิ ตำนานกรีกโบราณที่เล่าขานถึงเรื่องราวของ ปลาหมึกยักษ์ใต้สมุทร และตำนาน "Kraken" ที่เล่าขานถึงเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวของปลาหมึกยักษ์ที่ขึ้นมาทำลายเรือและกินลูกเรือกลางมหาสมุทรแอตแลนติก

บางทีจินตนาการปลาหมึกยักษ์ในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง "ใต้ทะเล 20,000 โยชน์" (20,000 Leagues Under the Sea) ของ จูลส์ เวิร์น (Jules Verne) อาจมีที่มาจากตำนานเหล่านี้ก็ได้

ใน ตำนาน Kraken ปลาหมึกยักษ์คือ "อสูรร้ายใต้สมุทร" มันมีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนเหลือเชื่อ คือยาวเกือบ 1 ไมล์ กว้างครึ่งไมล์และมีหนวดหลายเส้น เหยื่อของมันคือ วาฬสเปิร์ม หลายครั้งที่มันโจมตีเรือที่แล่นอยู่ในมหาสมุทรเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นวาฬสเปิร์ม

เรื่องราวของปลาหมึกยักษ์จากตำนานกลายเป็นความจริงในเดือนพฤศจิกายน ปี 1861 ขณะที่เรือ "อะเลคตัน" ของฝรั่งเศสกำลังแล่นอยู่นอกชายฝั่งหมู่เกาะคานารี ลูกเรือเห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีหางยาวและมีหนวดหลายเส้นที่ผิวน้ำ ปืนเรือได้ระดมยิงไปยังเป้าหมายทันทีและแล่นติดตามไปจนกระทั่งสามารถใช้ฉมวกแทงและใช้เชือกคล้องมันไว้ได้

สัตว์ประหลาดดังกล่าวคือปลาหมึกยักษ์ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน กัปตันสั่งให้ลูกเรือยกมันขึ้นมาบนเรือ ทว่าไม่สามารถยกได้จึงตัดสินใจตัดหนวดของมัน ซึ่งต่อมาชิ้นส่วนหนวดดังกล่าวถูกส่งไปยัง French Academy of Sciences ทว่านักวิทยาศาสตร์ที่นั่นต่างพากันหัวเราะเยาะเพราะไม่เชื่อว่าเป็นปลาหมึกยักษ์จริงๆ

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามีปลาหมึกยักษ์ใต้ทะเลลึกอยู่จริงสองชนิด แต่ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างที่ตำนานว่าไว้ ชนิดแรกคือ "Giant Squid" หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Architeuthis dux" อีกชนิดหนึ่งคือ "colossal squid" หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Mesonychoteuthis hamiltoni"

ไจแอนต์ สควิด เป็นสิ่งมีชีวิตในไฟลัมมอลลัสกา (Phylum Mollusca) หรือมอลลัส (Mollusks) ที่กินเนื้อเป็นอาหาร รูปร่างของมันคล้ายตอร์ปิโด เคลื่อนที่โดยกระบวนการปล่อยน้ำออกจากท่อคล้ายเครื่องบินเจ็ต มีหนวด 5 คู่ คู่หนึ่งเล็กและยาวกว่าคู่อื่นๆใช้สำหรับจับเหยื่อและนำเข้าไปในปาก ดวงตามีขนาด 18 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ชนิดต่างๆ

ไจแอนต์ สควิด อาศัยอยู่ใต้ทะเลในระดับความลึก 200-1,000 เมตร หรือ 650-3,300 ฟุต มีน้ำหนักตัวมากกว่า 1,000 กิโลกรัม ตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดพบที่ทะเลของนิวซีแลนด์เมื่อ ปี 1880 ยาวถึง 18.5 เมตร

ล่าสุดไจแอนต์ สควิด ขนาด 8.62 เมตรซึ่งเพิ่งติดอวนของชาวประมงนอกฝั่งเกาะฟอล์คแลนด์กำลังถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอนให้ผู้สนใจได้ชมกัน

ส่วน โคลอสแซล สควิด เป็นปลาหมึกยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ไจแอนต์ สควิด นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันมีขนาดยาวกว่า 18 เมตร แต่ปลาหมึกยักษ์ชนิดนี้ยังเป็นที่รู้จักกันน้อยกว่าไจแอนต์ สควิด

โคลอสแซล สควิด ถูกพบครั้งแรกในปี 1925 จากซากหนวดของมันในกระเพาะของวาฬสเปิร์ม โคลอสแซล สควิดเคยติดอวนที่ระดับความลึก 2,000 - 2,200 เมตร

ทั้งไจแอนต์ สควิด และโคลอสแซล สควิด ต่างก็เป็นเหยื่อของวาฬสเปิร์ม แต่ในปี 2003 นักชีววิทยาทางทะเลชาวฝรั่งเศสพบว่า ในกระเพาะของปลาฉลามสลีปเปอร์ (Sleeper Shark) ที่ติดอวนนอกชายฝั่งแอนตาร์กติกาจำนวน 36 ตัว มีซากปลาหมึกยักษ์โคลอสแซล 49 ตัวและไจแอนต์ สควิด 8 ตัว

หลักฐานนี้บอกกับนักชีววิทยาทางทะเลว่า ฉลามสลีปเปอร์กินปลาหมึกยักษ์เช่นเดียวกับวาฬสเปิร์มและอาศัยอยู่ในระดับน้ำลึกเดียวกันปลาหมึกยักษ์ด้วย

ปัจจุบันปลาหมึกยักษ์ทั้งสองชนิดเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์อย่างมาก สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่สุดในโลกทั้งสองชนิดนี้อยู่ในฐานะสัตว์ลึกลับ เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นมันในสภาพแวดล้อมที่มันอาศัยอยู่เลย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2004 ไจแอนต์ สควิด ถูกบันทึกภาพได้เป็นครั้งแรกโดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นสองคน คือ สึเนมิ คูโบเดรา จากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น และ เคียวอิจิ โมริ จากสมาคมชมวาฬแห่งโอกาซาวารา

นักวิทยาศาสตร์ใช้เบ็ดเกี่ยวกุ้งเป็นเหยื่อล่อไจแอนต์ สควิด ใต้ทะเลลึก 1 กิโลเมตร นอกชายฝั่งเกาะโอกาซาวารา ไม่นานนักไจแอนต์ สควิด ยาว 8 เมตรก็เข้ากินเหยื่อ โดยมันใช้หนวดคู่ยาวจับเหยื่อ และใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการดิ้นรนเพื่อหลุดออกจากเบ็ดและต้องแลกกับการสูญเสียหนวดเส้นหนึ่งให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษา

นักวิทยาศาสตร์สรุปว่าพฤติกรรมของไจแอนต์ สควิดแสดงว่ามันเป็นสัตว์นักล่า ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่สนับสนุนว่าไจแอนต์ สควิด มีความดุร้าย

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อทศวรรษ 1930 ไจแอนต์ สควิดโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ "บรุนส์วิคก์" ของกองทัพเรือนอร์เวย์ถึง 3 ครั้ง โดยพยายามใช้หนวดจับลำตัวเรือ

ปี 1965 ลูกเรือกองเรือล่าปลาวาฬของอดีตสหภาพโซเวียตเห็นการต่อสู้ของไจแอนต์สควิดกับวาฬสเปิร์มหนัก 40 ตัน ผลการต่อสู้จบลงโดยไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ

ปี 2003 ไจแอนต์ สควิดขนาด 7-8 เมตร โจมตีเรือของนักเดินทางรอบโลกชาวฝรั่งเศสในทะเลของโปรตุเกส มันใช้หนวดจับลำตัวเรือและโยกอย่างรุนแรง

นักวิทยาศาสตร์บางคนจึงเชื่อว่า ไจแอนต์ สควิดขนาดใหญ่จะเป็นฝ่ายโจมตีวาฬสเปิร์มก่อน และการโจมตีเรือของมันคือการเข้าใจผิดว่าเป็นวาฬสเปิร์ม หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ก็คือ ซากของไจแอนต์ สควิด ที่พบในกระเพาะของวาฬสเปิร์มล้วนแล้วแต่เป็นไจแอนต์ สควิดขนาดเล็กและขนาดกลาง

ถ้าทฤษฎีนี้ถูกต้อง ไจแอนต์ สควิด ขนาดมหึมาก็คู่ควรกับการเรียกขานว่า "อสูรร้ายใต้สมุทร"



* from-news.jpg (94.81 KB, 500x500 - ดู 1219 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

"ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีทรัพยากรพร้อมมูล ทั้ง ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล ซึ่งสามารถนำมา ใช้เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์และเสถียรภาพอัน ถาวรของบ้าน เมืองได้เป็นอย่างดี ข้อสำคัญจะต้องรู้จักใช้ทรัพยากรนั้นอย่างฉลาด โดยมุ่งถึงประโยชน์แท้จริงที่จะเกิดแก่ประเทศชาติ" ..... พระราชดำรัส
ป้านิด
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 126


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2006, 09:45:29 PM »

ที่ดำน้ำลึกไม่ได้ไม่ใช่เพราะสังขารอย่างเดียวแต่เพราะประสาทเสื่อมด้วยน่ะค่ะ เห็นเงาอะไรไนน้ำก็ตกใจแทบแย่ ถ้าเห็นฉลามหรือปลาหมึกยักษ์เข้าคงหัวใจวายใต้ทะเลเป็นแน่
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 21 คำสั่ง