แผ่นดินที่หายไป
สายน้ำ:
ป่าชายเลนไทยเข้าขั้นวิกฤติหนัก ทช.เร่งปล่อยโครงการฟื้นฟูสภาพ
นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยถึงสถานการณ์ป่าชายเลนของไทยว่า ปัจจุบันป่าชายเลนของไทยขึ้นกระจัดกระจายตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินพบว่าในปี2529 ไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 1,227,647 ไร่และลดลงในปีพ.ศ.2539 เหลือเพียง 1,047,390 ไร่ แต่หลังจากที่มีโครงการปลูกป่าในหลายพื้นที่เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนที่สูญเสียไปทำให้ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นเป็น1,525,997.67ไร่
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่าชายเลนของไทยมีพื้นที่ลดลงลงมีหลายปัจจัย อาทิ จากการขยายตัวของชุมชน การก่อสร้างอาคารการตัดถนน นอกจากนี้ยังมีผลจากการระบายน้ำทิ้ง การถมขยะทำให้อิทธิพลของน้ำจืดและน้ำเค็มถูกตัดขาด การเกษตรกรรมใกล้กับป่าชายเลนเนื่องจากน้ำทิ้งถูกระบายพร้อมกับปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืช อีกทั้งน้ำเค็มจากการทำนาเกลือยังทำให้ปริมาณเกลือในพื้นที่ป่าชายเลนสูงขึ้น นอกจากนี้การทำนากุ้งบ่อปลามีส่วนทำให้พื้นทีป่าชายเลนลดลงซึ่งปัจจุบันแม้จะมีพื้นที่หลายแห่งยกเลิกการทำนาเกลือและบ่อกุ้งแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าชายเลน ทช.ได้เตรียมจัดทำแผนการโครงการฟื้นฟูอนุรักษ์ป่าชายเลนขึ้นระยะเวลา 5 ปีเพื่อให้สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้มากขึ้นเป็น 2 ล้านไร่ควบคู่ไปกับการเร่งฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของป่าชายเลน เพราะป่าชายเลนมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โดยเป็นแหล่งอาศัยองสัตว์น้ำช่วยกรองมลภาวะบริเวณชายฝั่งเป็นแหล่งไม้สำหรับใช้ก่อสร้างและยังเป็นกำแพงลดความรุนแรงของคลื่นและพายุได้ โดยพื้นที่ป่าโกงกางความยาวประมาณ 200เมตรช่วยลดความรุนแรงของคลื่นได้ถึงร้อยละ 75
จาก : แนวหน้า วันที่ 21 พฤศจิกายน 2549
สายน้ำ:
ฟื้นชีวิตป่าชายเลน แก้วิกฤติน้ำกัดเซาะฝั่งทะเล
นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าชายเลน กรมฯได้จัดทำโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำจันทบุรีเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งการดำเนินการตามโครงการครั้งนี้เพื่อให้มีการปลูกป่าชายเลน ในลักษณะเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำขนาดใหญ่แทนการมอบกล้าไม้ปลูกเฉพาะพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารจัดการ ดูแลการปลูกป่าได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเคยมีการทำนากุ้งและสร้างความเสียหายให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลงกว่า 90%
ดังนั้น กรมฯจะใช้พื้นที่ดังกล่าวในการนำร่องดำเนินการจัดกิจกรรมการปลูกป่า, การฟื้นฟูพื้นที่ทั้งอ่าว, ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ให้มีรายได้ โดยจัดทำในลักษณะการปลูกป่าชายเลนผสมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำ และการจัดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวโฮมสเตย์ ส่วนพื้นที่นอกป่าชายเลนห่างจากชายฝั่งไป 3,000 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน จะอนุญาตให้ชาวประมงพื้นบ้านเข้าไปทำการประมงได้ แต่จะไม่ให้นำเครื่องทำการประมงขนาดใหญ่เข้าไป พร้อมจัดทำปะการังเทียมเพื่อใช้เป็นแหล่ง ที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ โดยใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งการปลูกป่าชายเลนเป็นการแก้ปัญหาวิกฤติ ในการกัดเซาะชายฝั่งและการอนุรักษ์พื้นที่ป่าให้เพิ่มขึ้น.
จาก : ไทยรัฐ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2549
สายน้ำ:
ชายฝั่งวิกฤติถูกกัดเซาะยาว375กม.
นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผว่า สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยในปัจจุบันสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้น โดยภาพรวมพื้นที่ชายฝั่งของไทยมีความยาวประมาณ 2,637 กม. เป็นฝั่งอ่าวไทยครอบคลุม 17 จังหวัด ยาว 1,700 กม. ฝั่งทะเลอันดามันครอบคลุม 6 จังหวัด ยาวประมาณ 937 กม. ซึ่งกรมฯได้ทำการศึกษาและจัดทำโครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2540 พบว่าพื้นที่ชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะทั้งประเทศมีความยาวกว่า 375 กม. คิดเป็นร้อยละ 14.22ของพื้นที่ชายฝั่งทั้งประเทศ
ทั้งนี้เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามินักธรณีวิทยาได้ทำการศึกษาชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะ โดยใช้วิธีการสำรวจในหลายๆ วิธี เช่น การแปลภาพถ่ายทางอากาศ การสำรวจโดยใช้หมุดหลักฐาน การสำรวจโดยใช้ DGPS ซึ่งผลการสำรวจบริเวณชายฝั่งอันดามันพบว่าบริเวณจังหวัดระนอง พังงาและภูเก็ต มีพื้นที่ถูกกัดเซาะประมาณ 67.7 กม. หรือร้อยละ 12.63 ของพื้นที่ทั้งหมด และจังหวัดกระบี่ ตรังและสตูล มีพื้นที่ถูกกัดเซาะร้อยละ 11.25 ของพื้นที่ทั้งหมด ยาวประมาณ 53.8 กม.
นายสมศักดิ์ วัฒนปฤดา นักธรณีวิทยา เผยว่า ในปี 2550 กรมฯจะดำเนินการศึกษาปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยมี 3 โครงการ ได้แก่ การกัดเซาะชายฝั่งทะเล จ.สมุทรปราการ กทม. และสมุทรสาคร การติดตามการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งและการสะสมตัวของตะกอนชายฝั่งจากอิทธิพลของลมพายุ จ.สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา และการสำรวจการฟื้นตัวของชายฝั่งและจัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากคลื่นสึนามิ บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ระนอง พังงา ภูเก็ตและกระบี่
จาก : แนวหน้า วันที่ 25 ธันวาคม 2549
สายน้ำ:
ชายฝั่งวิกฤติ แสนไร่สบาย
ตะลึงพบชายฝั่งทั่วประเทศถูกทะเลกลืนกว่า 1 แสนไร่ นักวิชาการเผย 30 แห่งที่เป็นจุดวิกฤติ ชี้อ่าวไทยตอนบนโดยเฉพาะสมุทรปราการรุนแรงสุด 30 ปีกัดเซาะลึกกว่า 35 เมตรต่อปี ขณะที่แหลมตะลุมพุกเข้าขั้นวิกฤติ ระบุถ้าไม่ปรับปรุงพื้นที่ตลอดชายฝั่งทะเล อีก 50 ปีไม่มีแหลมนี้อยู่ในแผนที่ ซัดภาครัฐไม่ดูดำดูดี
ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ได้มีการแถลงข่าวในเรื่องปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน โดย รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยศึกษารูปแบบการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ได้กล่าวถึงสถานการณ์ว่า ประเทศไทยมีแนวชายฝั่งทะเลประมาณ 2,667 ก.ม. มีจังหวัดชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด พบว่าปัญหากัดเซาะเกิดขึ้นในทุกจังหวัดทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามัน โดยด้านอ่าวไทยหนักสุด ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกจาก จ.ตราด จนถึงแนวชายฝั่งของนราธิวาส ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาพบการกัดเซาะขั้นรุนแรงด้วยอัตรากัดเซาะมากกว่า 20 เมตร/ปี ทั้งสิ้น 180 ก.ม. จาก 1,653 ก.ม. คิดเป็นพื้นที่ถูกทะเลกลืนประมาณ 56,531 ไร่ กัดเซาะปานกลางมากกว่า 5 เมตร/ปี ทั้งสิ้น 90.5 ก.ม. คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 11,312 ไร่ ถ้าสรุปพื้นที่ชายฝั่งทั่วประเทศถูกกัดเซาะหายไป 113,042 ไร่ ครอบคลุมชายฝั่งทะเลยาวเกือบ 600 ก.ม. หรือ 21% ของชายฝั่งทะเลของประเทศทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 แสนล้านบาท ที่ประเมินเป็นแค่มูลค่าที่ดิน ยังไม่ได้วิเคราะห์ความสูญเสียทางจิตใจ ขณะนี้มี 800 ตำบลเผชิญปัญหาการกัดเซาะ
"พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกงจนถึงปากแม่น้ำแม่กลองเป็นพื้นที่อ่อนไหว พบว่ามีการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงที่สุดของประเทศประมาณ 35 เมตร/ปี ผืนดินหายไปแล้ว 18,594 ไร่ บางแห่งถูกกัดเซาะลึกกว่า 1 ก.ม. จนชาวบ้านอพยพย้ายบ้านหนีไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้ง ปัญหาแผ่นดินทรุดจากเดิมอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ย้ายมาทรุดใกล้ชายฝั่ง บวกกับปัญหาน้ำทะเลสูงขึ้นในอนาคต จะทำให้อัตราการกัดเซาะสูงถึง 65 เมตร/ปี
ในอีก 20 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีพื้นที่หายไปอีก 47,875 ไร่ สมุทรปราการโดนหนักสุด หายไป 11,000 ไร่ แล้วไม่มีงอกเพิ่มด้วย ที่บ้านขุนสมุทรจีน หมู่ 9 พื้นที่ถูกกัดเซาะหายไป 1 ก.ม. อัตรากัดเซาะมากกว่า 25 เมตร/ปี นอกจากนี้แนวชายฝั่งบ้านแหลมตะลุมพุก-บ้านบางบ่อ อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช วิกฤติหนัก พบว่าการกัดเซาะชายฝั่งเกิดขึ้นตลอดแนวประมาณ 8 เมตร/ปี สาเหตุจากคลื่นลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่กัดเซาะในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.ทุกปี และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการสร้างรอดักตะกอน ตามด้วยเขื่อนกันตะกอนร่องน้ำ เร่งให้เกิดกัดเซาะรุนแรงในบริเวณใกล้เคียง ถ้าไม่มีการปรับปรุงพื้นที่ตลอดชายฝั่ง อาจไม่มีแหลมตะลุมพุกในแผนที่ บริเวณนี้กัดเซาะ 20 เมตร/ปี อีก 50 ปีจะไม่เห็นแหลมตะลุมพุกสวยงามเหมือนในปัจจุบัน" รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าว
นักวิชาการคนเดียวกันกล่าวด้วยว่า ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นภัยเงียบ แต่รุนแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหวหรือสึนามิ 30 ปีที่ผ่านมาทั้งประเทศเผชิญปัญหานี้ ไม่มีใครรู้ว่าแผ่นดินหายไป ขณะที่ภาครัฐรู้ แต่กลับไม่ให้ความสนใจ อาจเพราะผลกระทบไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเหมือนภัยพิบัติอื่นๆ เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ภาครัฐต้องตระหนักถึงภัยดังกล่าวและร่วมกันหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้เดือดร้อนจะเพิ่มขึ้น มีการร้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัญหาขยายวงกว้าง
ส่วนสาเหตุสำคัญของการกัดเซาะมีหลายปัจจัย ตั้งแต่คลื่นลมทะเลเปลี่ยนแปลง การลดลงของป่าชายเลน การลดลงของตะกอนแม่น้ำ ทั้งมาจากแผ่นดินทรุด การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งและการก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ ตามแนวชายฝั่ง เช่น กรณีการสร้างท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรม และอีกประการสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอนาคต ซึ่งในอีก 100 ปี อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศา น้ำแข็งขั้วโลกละลายลงสู่ทะเล ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นอีก 30-100 ซ.ม. ประเทศต่างๆ ริมชายฝั่งทะเลประสบปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ
สำหรับชายฝั่งทะเลของไทย จำนวน 30 แห่งที่เป็นจุดวิกฤติ ประสบปัญหากัดเซาะรุนแรงที่สุดของประเทศ มีชายฝั่งทะเลเกาะแมว-แหลมหญ้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง บ้านคลองเจริญไว-บ้านคลองสีล้ง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของคลองสีล้ง-บ้านบางสำราญ จ.สมุทรปราการ บ้านแหลมสิงห์-ปากคลองขุนราชพินิตใจ จ.สมุทรปราการ ปากคลองราชพินิจใจ-บ้านท่าตะโก เขตบางขุนเทียน กทม. บ้านดอนมะขาม-บ้านทำเนียบ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี บ้านบางเกตุ จ.เพชรบุรี บ้านหนองเก่า-บ้านหนองเสือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกบริเวณหนึ่งที่มีการกัดเซาะขั้นรุนแรงคือ บ้านพอด-บ้านปากคลองคราม อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี บ้านเคียนดำ-บ้านบ่อนนท์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช บ้านแหลมตะลุมพุก-บ้านบางบ่อ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกาะทัง-บ้านหน้าศาล จ.นครศรีธรรมราช บ้านอู่ตะเภา-บ้านปากแตระ อ.ระโนด จ.สงขลา บ้านบะอิง-บ้านบางตาวา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี บ้านตะโละสะมิแล อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
และชายฝั่งทะเลบ้านท่ากุน-บ้านท่าด่าน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี บริเวณสันดอนจะงอยแหลมตาซี จ.ปัตตานี บ้านบาเกะ อ.เมือง จ.นราธิวาส บ้านลาฆอปาละ อ.เมืองนราธิวาส บ้านคลองตัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส บ้านทะเลนอก อ.กะเปอร์ จ.ระนอง หาดเลพัง บ้านบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บ้านคลองทราย อ.เมือง จ.กระบี่ ชายฝั่งทะเลคลองสมประสงค์-แหลมขาม อ.เมือง จ.กระบี่ ชายหาดปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง บ้านทุ่งสะโบ๊ะ-บ้านราไวใต้ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล บ้านปากละงู จ.สตูล บ้านบากันเกย-บ้านกลาง อ.เมือง จ.สตูล
ทั้ง 30 แห่ง มี 3 พื้นที่ที่ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน ใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่งทะเลในการป้องกันเต็มรูปแบบ อีก 6 พื้นที่วิกฤติ แต่ไม่เร่งด่วนมากนัก การแก้ปัญหาเหมาะกับสภาพแต่ละพื้นที่และความรุนแรงของปัญหา ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ติดตามเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ควงแก้ปัญหาระยะยาว เช่น สร้างเสถียรภาพชายหาดเติมทรายและบูรณะหาด ปลูกป่าชายเลน มีการกำหนดแผนแม่บทแก้ปัญหากัดเซาะในแต่ละบริเวณ.
จาก : X-cite ไทยโพสต์ วันที่ 28 ธันวาคม 2549
สายน้ำ:
30 ปี ชายฝั่งไทยหายแสนไร่ ทะเลเซาะ-คลองด่านหนักสุด
วันเดียวกัน รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาภัยพิบัติ และข้อสนเทศเชิงพื้นที่ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับทุนวิจัยจากกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อหาทางแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เปิดเผยว่า ได้ศึกษาเปรียบเทียบ เก็บข้อมูล เรื่องการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2533 พบว่า ประเทศไทยมีแนวชายฝั่งทะเลประมาณ 2,667 กิโลเมตร และทุกพื้นที่ล้วนมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทั้งสิ้น
รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าวว่า ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่ภาคตะวันออก จาก จ.ตราด ถึงชายฝั่งภาคใต้ จ.นราธิวาส ระยะทางรวม 1,653 กิโลเมตร ถูกน้ำทะเลกัดเซาะขั้นรุนแรง คือ เฉลี่ยมากกว่า 20 เมตรต่อปี รวมทั้งสิ้น 180.9 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ดินที่หายไปในทะเลประมาณ 56,531 ไร่ ส่วนชายฝั่งอันดามัน มีการกัดเซาะชายฝั่งขั้นรุนแรง 23 กิโลเมตร พื้นที่หายไปในทะเล 7,187 ไร่
"รอบ 30 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ดินชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะรวมทั้งสิ้น 113,042 ไร่ ครอบคลุมชายฝั่งทะเล 599 กิโลเมตร หรือร้อยละ 21 ของพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งหมด ที่หนักที่สุดคือ คลองด่าน จ.สมุทรปราการ พื้นดินหายไป 1.1 หมื่นไร่ รองลงมา คือ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ถูกกัดเซาะ 14-16 เมตรต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 1 เมตรเศษ คาดว่า หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ อีก 50-100 ปี แหลมตะลุมพุกจะหายไปจากแผนที่ประเทศไทยแน่นอน" รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าว
รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้มีชายฝั่งทะเลที่ถูกกัดเซาะเข้าขั้นวิกฤตรวม 30 แห่ง เช่น ชายฝั่งทะเลเกาะแมว-แหลมหญ้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ชายฝั่งทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง ชายฝั่งทะเลปากคลองราชพินิจใจ บ้านท่าตะโก เขตบางขุนเทียน กทม. ชายฝั่งทะเลดอนมะขาม จ.เพชรบุรี ชายฝั่งทะเลหนองเสือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชายฝั่งทะเลบ้านพอด จ.สุราษฎร์ธานี ชายฝั่งทะเลบ้านอู่ตะเภา จ.สงขลา เป็นต้น
รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าวว่า สาเหตุการกัดเซาะที่รุนแรงเกิดจาก 6 สาเหตุ คือ 1.ปริมาณตะกอนบริเวณปากแม่น้ำลดลง เพราะการสร้างเขื่อนและเขื่อนดักตะกอน เช่น ที่แหลมตะลุมพุก พบว่า กรมชลประทานสร้างเขื่อนดักตะกอน ทำให้ปริมาณการกัดเซาะเพิ่มเป็นทวีคูณ โดยก่อนสร้างมีอัตราการกัดเซาะตามธรรมชาติ 5-6 เมตรต่อปี แต่หลังสร้าง อัตราการกัดเซาะเพิ่มมากขึ้นเป็น 16 เมตรต่อปี 2.การทำนากุ้งและการก่อสร้างริมฝั่ง 3.การทรุดตัวของแผ่นดิน 4.การพัฒนาชายฝั่งไม่เป็นระบบแต่ทำเป็นจุดๆ 5.คลื่นลมทะเลและมรสุมที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งพบว่า ประมาณร้อยละ 45 ของปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมาจากคลื่นลมในทะเล และ 6.อุณหภูมิเปลี่ยนไป อากาศร้อนมากขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
"จากการตรวจสอบลักษณะและปรากฏการณ์การเกิดคลื่นลมในทะเล พบว่า ในปีหน้า อากาศจะแปรปรวนมากขึ้น คลื่นลมจะมีความรุนแรง ฤดูร้อนจะร้อนอบอ้าวยาวนาน ขณะที่ฤดูหนาวก็จะหนาวรุนแรงผิดปกติ ลมมรสุมค่อนข้างผันผวน อาจจะเกิดปรากฏการ์ฟ้าผ่ามากขึ้น" รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าว และว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากเกิดจากธรรมชาติแล้ว ยังเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลทางวิชาการ ที่ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกรมทรัพยากรธรณีรับรู้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาขั้นเด็ดขาดได้ เพราะการแก้ต้องทำอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับที่ดินมีมูลค่าไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท
นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่า ป่าชายเลนปัจจุบันมีพื้นที่ประมาณ 1.5 ล้านไร่ และ ทช.ได้ทำโครงการปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ในพื้นที่ 7.2 แสนไร่ ต่อเนื่องถึงปี 2551 ขณะนี้ได้รับการฟื้นฟูแล้วร้อยละ 70-80
"หลัง ทช.ได้มีมาตรการคุ้มครองป้องกันทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าการบุกรุกทำลายมีแนวโน้มลดลง โดยปี 2547 ป่าชายเลนถูกบุกรุก 1,617 ไร่ ดำเนินคดีได้ 133 คดี ผู้ต้องหา 57 คน ปี 2548 ลดลงเหลือ 120 คดี ผู้ต้องหา 43 คน พื้นที่ถูกบุกรุก 1,251 ไร่ ส่วนปี 2549 มีการบุกรุก 78 คดี ผู้ต้องหา 35 คน พื้นที่ป่าเสียหาย 554 ไร่" นางนิศากรกล่าว
จาก : มติชน วันที่ 28 ธันวาคม 2549
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว