View Full Version : It's Israel
ทริปตัดอวนที่ชุมพร ไม่ได้ไปด้วยกับชาว sos
เพราะเดินทางไปเที่ยวอิสราเอล
เลยเลือกๆ บางรูปมาฝากกัน
อาจไม่ค่อยปะติดปะต่อนะคะ
อิสราเอล ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เชียวชาญทางด้านกสิกรรมเป็นอันดับ 1 ของโลก คือเก่งในการใช้เทคโนโลยีในการเกษตร
เขาเนรมิตพืชผักบนทะเลทรายได้นานอักโขแล้ว
เพราะฉะนั้นตลอดสองข้างทาง
จะพบเห็นการกสิกรรมได้ตลอดเวลา
เนื่องจากตอนนี้ที่ไปเป็นหน้าร้อน
อุณหภูมิเลยเย็นสบาย 27 องศา แบบร้อนแห้ง
ดอกไม้เลยแข่งกันออกดอกให้พรึบพรั่บ
คนส่วนใหญ่นึกไม่ออกว่าชาวอิสราเอลเป็นยังไง เป็นอย่างไร
อิสราเอลคือชาวยิว ใช้ภาษาฮิบบรู เป็นหลัก
อาหารการกิน ก็เป็นพวกแป้ง Pita มี Humus พวกถั่วบด
มะเขือบด ผักดอง พร้อมเนื้อสเต็กเป็นอาหารหลักๆ
ไปอิสราเอลทั้งที
นักดำน้ำไทย ต้องไปดำน้ำที่ Red Sea
RedSea ที่นักดำน้ำหลายๆคนใฝ่ฝัน
เราออกเดินทางจาก Tel Aviv* เมืองกรุง
ขับรถ**ไปทางตอนใต้สุดของอิสราเอล
เพื่อไปเมืองเอลัต ที่ซึ่งทะเล Red Sea ตั้งอยู่
* หลายคนอาจคิดว่า Tel Aviv คือเมืองหลวงของอิสราเอล
แต่เมืองหลวงที่จดทะเบียนถูกต้องคือ นครเยรูซาเล็ม
Tel Aviv จึงควรเป็นเมืองธุรกิจ สนามบินอยู่ที่นี่
**การเดินทางไป Red Sea มี 2 แบบ
คือขับรถ หรือต่อสายการบินภายในประเทศไป ซึ่งโดยมากนักดำน้ำที่ซื้อกรุ๊ปไปมักใช้วิธีนี้ด้วยระยะเวลาอันจำกัด แต่เราไปเที่ยวกับครอบครัวชาวอิสราเอล เขาเลยพาขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ
ทัศนียภาพสองข้างทางเป็นทะเลทรายล้วนๆ
สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อกะเหรี่ยงไทย
ที่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นทะเลทราย เลยยิงรูปรัวเป็นชุด
(แต่หาดีไม่ค่อยได้)
ออกนอกเมืองมาได้สักชั่วโมง
ก็พบสิ่งปลูกสร้างอันดูแข็งแรง
และเวิ้งว้าง
เจ้าบ้านชีี้แจงว่ามันคือคุก
เลยคิดได้ว่า ใช่ๆ เมืองนอกเมืองนา
เขาเอาคุกไปไว้ไกลๆ ในที่เวิ้งว้าง เกาะบ้าง ทะเลทรายบ้าง
เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
กระทู้นี้คงต้องอ่านกันเป็นมหากาพย์และกว่าจะจบคงหลายวันนะคะ
เพราะไปหลายแห่งและเดินทางเยอะมาก
ระหว่างทางเราแวะเที่ยวฟาร์มลามะ
แห่งเดียวในโลกที่ผลิตขนลามะแบบอุตสาหกรรม
และมีฟาร์มให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
The Alpaca Farm
ตั้งอยู่กลางทะเลทราย...โคตรร้อนนนค่ะ
เจ้าตัวลามะ ก็มีหลากหลายสี
เขาให้มันอยู่ในคอกและให้เราซื้ออาหารไปป้อนมัน
มันก็เหม็นๆ สกปรกใช้ได้
แต่มันก็ดูน่ารักด้วยอ่ะ
หลากหลายอิริยาบถ
อันนี้มันกำลังทำอะไรดูกันเอาเอง
บางตัวโดนตัดขนซะเป็นพุดเดิ้ลเลยค่ะ
ความน่ารักของที่นี่คือเขาคุมโทนของกราฟฟิคต่างๆได้น่ารักมาก
บอร์ดเล่าประวัติฟาร์มและวงจรชีวิตของเจ้าลามะก็เป็นภาพวาดน่ารัก
ไปถึงที่นี่ตกใจมากที่เจอฝาแฝดพี่เบิ๊ด
อันนี้เนี่ยให้เดากันเอาเองนะคะว่าแฝดในเรื่องใด
แต่น้องดีใจ ที่ได้เจอบั๊ดดี้ดำน้ำ เลยรีบถ่ายรูปมาฝาก (อิอิ)
เดินเข้าไปข้างในมีโซนให้บริการขี่ลามะ
เนื่องจากฟาร์มนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเด็กๆซะมากกว่าแก่ๆ อย่างเรา
เขาก็มีศาลาหลบร้อน พร้อมเกมส์ให้เด็กๆ นั่งเล่น
มีให้ฝึกทอผ้า ระบายสี (เสียเงินค่ะ)
และยังมีเจ้าหน้าที่นำเจ้าลามะมาบรรยายให้เด็กน้อยดูด้วย
ที่เห็นหมานอนอยู่ เป็นหมาเฝ้าลามะเหมือนพวกหมาเลี้ยงแกะค่ะ
แต่ละตัวฉลาดและน่ารักมาก
ออกมาจากฟาร์มลามะแวะจุดถ่ายรูป-Canyon
ที่เป็นหุบกระทะลงไป เป็นหุบสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ที่มีภูมิทัศน์แบบนี้)
ออกเดินไปกันต่อ
วิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามแปลกตา
เอาละอีกครึ่งชั่วโมงเราจะถึง Red Sea
สังเกตุได้จากสีของทรายที่เปลี่ยนไป
เรากำลังออกจากเขตทะเลทราย
เข้าเขตหุบเขา Sinai อ่านว่าซีนาย
(หรือถ้าภาษาอังกฤษก็ไซนาย ตามนิยายรัก...ความลับบนแหลมไซนาย ของโสภาค สุวรรณ)
เห็นไหมคะว่าทรายเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจ้าน....!!!!
ด้านบนเรียงลำดับสลับกัน -_-"
ดูสีจากรุปด้านล่างกันดีกว่า
ว่าเป็น 2 สี ตัดกันเลย
อันว่า Red Sea ที่ทุกคนเรียกกัน
ตอนแรกเดาว่าทะเลสีออกแดง เพราะสีทราย
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันมีที่มาจากสีของหุบเขาซีนายนี่แหละค่ะ
สีฟ้าจัดอันสดใสของทะเลเรียบเหมือนกระจก
อยู่ตรงกลางของหุบเขาซีนายที่มีสีแดง
เมือสะท้อนลงบนทะเล ทำให้ทะเลดูเป็นสีแดงตามภูเขาที่รายล้อม
เป็นที่มาของชื่อ Red Sea
พรุ่งนี้ตอนดึกๆ มาต่อกันนะคะ
ไปนอนก่อนล่ะ
ตุ๊กแกผา
14-07-2010, 08:30
คอยชมติดขอบจอจ้านู๋Oo........
รูปสวยดีจัง....เรื่องราวก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว มาเร็วๆๆๆๆๆๆๆ(อิอิ มีเร่งด้วยสิเรา)อยากเห็นRed sea แล้วววววว
มาตามเพื่อนโอไปเที่ยว เพลินดีจริงๆ รอติดตามต่อนะจ๊ะ ..
สนุกจัง....ภาพก็สวย...น่าไปเที่ยว....:)
ขอบคุณมากจ้ะน้องโอ....
ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะคะ...
ตัวลามะที่เขาเลี้ยงในฟาร์ม วัตถุประสงค์เพื่ออะไรคะ....เอาไว้ขายเนื้อ...ขายนม...ตัดขน...ใช้เป็นพาหนะขนส่ง....หรือ..ฯลฯ
ตอนที่ไปพบลามะในสวนสัตว์ที่นิวซีแลนด์ พี่สองสายเห็นคำเตือนว่า "ระวังลามะพ่นน้ำลาย (เหม็นๆ) ใส่" มีฝรั่งที่อาจจะไม่เห็นป้ายเตือนหรืออยากจะพิสูจน์ความจริงก็ไม่ทราบ เข้าไปดูใกล้ๆตัวลามะ เลยโชคดี ถูกลามะพ่นน้ำลายปรี๊ดใส่หน้าเต็มๆ ฝรั่งคนนั้นทำท่าผะอืดผะอม จะพ่นของเก่าออกมาให้ได้....:p
เห็นน้องโอเข้าไปใกล้ฝาแฝดน้องเบิ้ดมากๆ....คงไม่ถูกพ่นน้ำลายใส่แน่ๆ....ว่าแต่ได้กลิ่นตุ่ยๆจากปากฝาแผดน้องเบิ้ดบ้างไหมคะ....(ถ้าไม่ได้....อาจแสดงว่าลามะของยิว รักษาความสะอาดปากได้ดีกว่าลามะเมืองกีวี)
ขอบใจพี่ติ๋วและหม่องจ๊ะ
ตอบคำถามพี่น้อย
ฟาร์มนี้เขาเลี้ยงลามะไว้ตัดขนขาย
เป็นสถานที่ท่องเที่ยว...มีที่พักด้วยค่ะ
ส่วนลามะพ่นน้ำลาย มันก็มีบ้างค่ะ
แต่มันมีมารยาท เจ้าตัวที่อยู่ไม่โดนขังในคอก
มันชอบวิ่งตามคนค่ะ เพราะมันรู้ว่าจะให้ของกิน
มาถึงทะเล Red Sea แล้ว
เรารีบตรงดิ่งมาร้าน Dive Shop
เพราะว่าเราจะดำ 1 dive ตอนเย็นที่นี่
การดำน้ำที่นี่ต้องมีประกันของ Dans
ไม่งั้นเขาไม่ให้ดำ ขนาดทำแบบเร่งด่วน
บอกแค่หมายเลขสมาชิก เขาให้เปิดอีเมล์และปริ้นท์มาแนบให้ดู
Kungkings
15-07-2010, 09:47
Wow ...อยากรู้จัง ใต้ทะเลที่นี่จะหน้าตาเป้นแบบไหน ...
angel frog
15-07-2010, 10:35
หนูวงกลม หายไปไหน รีบมาต่อ ให้ไวหน่อย รออยู่นะ วัยรุ่นใจร้อน อะ
ลงแดงอยากเห็นใต้ทะเลอิสราเอล >_<
ถึงพี่ๆทั้งสาม
หนูมีรูปใต้ทะเลแสนธรรมดาแค่ 2-3 รูป
และไม่มีอะไรพิศดารค่ะ เพราะ
1. หนูถ่ายรูปใต้น้ำไม่เป็น เพิ่งครั้งที่ 2 เอง
ครั้งแรกถ่ายได้เพราะมันเป็นถ่ายภาพตัวเล็ก
2. มันไม่มีตัวเล็กๆ เลยถ่ายแบบแลนด์สเคปไม่เป็น ถ่ายไปก็เป็นแต่น้ำทะเลสีฟ้าๆหมดเลย
3. มันดำกันเร็วมากไม่มีหยุดให้คนถือกล้องเลย
ขอโทษที่ทำให้พี่ๆต้องผิดหวัง...อดดู
....หนูก็รู้สึกว่าพลาด (พลาดที่ถ่ายไม่เป็น)
แต่จะพยายามเล่าเรื่อง และรูปสถานที่อื่นๆ เป็นการชดเชยนะคะ
เบลูก้าน้อย
15-07-2010, 14:50
สนุกจังเลยพี่โอ
เล่าอีกนะ
รอฟัง รออ่าน ^^
ใช่แล้ว....สนุกจัง....ไม่ต้องมีรูปใต้ทะเลก็ได้จ้ะ...
อย่าช้าๆ....มามะมาเล่าต่อหนูโอที่รัก....
เปลี่ยนชุดปุ๊บก็ไปรับอุปกรณ์
เขาถามว่าปกติใช้ weight กีก้อน
กะเหรียงไทยก็บอกว่า 3 ก้อน ก้อนละ 1 กิโล
ฝรั่งบอก Oh..no..no...no
ทะเล Red Sea นี้แสนเค็ม
หน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะใช้เท่านี้
เอาไป 6 ปอนด์ 2 ก้อน
เพราะก้อนเล็กสุดคือ 6 ปอนด์
Y_Y
เชื่อเจ้าบ้าน
เราลง Shore Dive เหมือนเป็นการ test dive
น้ำอุณหภูมิ 23 เย็นมั่กๆ
แต่จะบอกว่าน้ำทะเลของเขา...สีฟ้าสวยใสมั่กๆ
สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
(แต่โลกทัศน์ในการดำน้ำของข้าพเจ้าก็ยังน้อยอ่ะนะ)
สรุปผล shore dive
ดำเพลิดเพลินมากกกก
มีแต่ปลาตัวใหญ่ๆ
และ weight belt โหลดแป๊กกกกก
พอดำขึ้นมาร้านดำน้ำปิดแล้ว...ซะงั้น
เขาให้เราเอาอุปกรณ์ดำน้ำทั้งหมด
รวมถังอากาศกลับบ้านไปด้วย ....สุดเง็ง
สอบถามได้ความว่าร้านดำน้ำที่นี่ปิดกันรวดเร็ว
บ่าย 3 เขาก็เลิกแล้ว
วันที่ 2 วันนี้เราจะดำ 2 dives
พี่ dive leader ก็ยังคงยืนยันให้ใช้ weight เท่านี้
วันนี้เราจะนั่งเรือไปดำ Japanese Garden
เอาละเชิญคุณประกอบอุปกรณ์และตรวจเช็คให้เรียบร้อย
และเชิญขนของขึ้นรถ
พอขนเสร็จก็ เอาละเชิญคุณตรวจเช็คอุปกรณ์อีกรอบ
แล้วขึ้นรถไปท่าเรือ
พอถึงท่าเรือก็ให้เอาของลงมา...เอาละตรวจเช็คอุปกรณ์อีกรอบ
และจงยกอุปกรณ์ทุกอย่างของคุณเดินไปที่เรือ
เอาล่ะสิ...ปกติก็ถึงไหนถึงกัน
แต่นี้ทุกคนคาด belt ใส่แท๊งค์เดินกันเฉยยยย
belt เค้าหนัก คาดปุ๊บก็ยืนนิ่งๆ
ไปไหนไม่ได้แล้ว ช่วยด้วยยยย
เดินไปก็ไกล น้ำตาตกในนึกถึงคำครู
หนูจงจำไว้เมืองนอกเราต้องทำเองทุกอย่าง
ฮือๆๆ แถม belt 12 ปอนด์ด้วยย
ต้องขน 2 รอบ เพราะหนูต้องยกแท๊งค์ของ dive 2 เองด้วยย
ไปที่โน่นกลายเป็นตัวเล็กสุด
ต้องให้พี่ฝรั่งช่วยตลอดเวลา ((ช่วยแบกของอ่ะ))
สรุปว่าถึงเรือปุ๊บ...โอก็หมดแรงแล้ว
เพราะหิ้วของหนัก Y_Y
นั่งเรือไป 5 นาที ถึงจุดดำน้ำแระ
Dive Leader ก็ briefing
สุดโหด บอกว่า
Highlight ที่นี่คือทุ่งปะการังอ่อนสีเหลือง
อันกว้างใหญ่ และเป็นบริเวณอนุรักษ์
เราต้องดำสูงกว่าปะการัง 2 เมตร
และห้ามดำต่ำกว่า dive leader
(แล้วตรู จะถ่ายรูปยังไงอ่ะ)
ที่นี่เขาดำน้ำกันแบบติดจรวด
ไม่รู้ว่าพี่จะรีบไปตามอะไรกันคะ
น้องมาไกล...อยากดื่มด่ำกับความสวยงาม
ถ่ายรูปบ้างไรบ้าง
ดำช้ารั้งท้าย..สุดแสนเกรงใจ
แต่น้ำใสสุดๆ ไม่ต้องกลัวหลง
ถ่ายอะไรก็ไม่ได้...แปลว่าถ่ายไม่เป็นเพราะไม่ให้หนูหยุด
เพราะฉะนั้นได้มาเท่านี้
นอกนั้นหนูเลยอัดวีดีโอซะเลย
ทัศนียภาพใต้น้ำ เป็นดงปะการังอ่อนสีเหลือง สะพรั่งเป็นทุ่งกว้างงง
ดำเพลินๆค่ะ ปลาตัวใหญ่ แต่กะเหรี่ยงไทยไม่ตื่นเต้น
ดูรูปที่ไม่สวยๆกันต่อนะคะ
dive แรกของวันนี้ดำไป 40 นาที เขาเรียกขึ้นแล้ว
พร้อมตกใจกะเหรี่ยงไทยใช้อากาศน้อยนิด
และดำน้ำ พอเป็นที่ชื่นชมได้
dive ต่อไปพาไปด้านตะวันออก
ก็พาดำแบบติดจรวดอีก 40 นาทีกว่าๆ
เฮ้อออ หนูอยากอยู่นานๆ
ไม่ได้ไปเรือจม ที่สวยมั่กๆทางฝั่งอิสราเอล
เขาบอกว่าจะพาไปพรุ่งนี้ ซึ่งแปลว่าอด
เพราะต้องกลับเย็นนี้แล้ว
......................................................................
เบ็ดเสร็จ 3dives รวมเช่าอุปกรณ์
เป็นเงิน 3,000 กว่าบาท
ตุ๊กแกผา
16-07-2010, 09:06
โอ๊ะโออออออออออ๋.....สวยอ๊ะ ชอบมั่กๆภาพที่สะท้อน(จะเป็นสะท้อนจากน้ำด้านบนก็คงแปลกๆ) บริเวณใกล้ผิวน้ำอ๊ะ........
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ มาเล่าต่อเร็วๆน๊าาาาาาา................รออยู่ อิอิ
หนุกสมกับเป็นโอโอ...^^
พ่ีชอบรูปท่ีโอถ่ายฟินตัวเองอ่ะ...เห็นชัดว่าน้ำสีสวยและใสจริงจริง
รูปอ่ืนก็ชอบนะ...เอาน่ามือใหม่มีใจถ่ายมาฝาก...แค่น้ีก็ซ้ึงแล้ว(((น้ำตาซึม)))
รอชมตอนต่อไปนิ...^^
อยากไปอยากไปดูตัวหยายๆๆๆๆๆ
เห็นไหม...เห็นไหม....ครูบอกอะไรต้องจำไว้ แล้วจะได้ดีเอง....:)
รับทราบคร้าบบบ...คุณครูคร้าบ ^^
เบ็ดเสร็จเที่ยวครบทุกรสเลยแฮะ...ดีจัง...ขอบคุณจ้า
ฟินใครอ่ะจ๊าบมาก...สีเหลืองกะชมพูเกือบแดง...
น้ำทะเลที่นี่ใสมากๆ
และปลาก็ไม่กลัวคนเอามากๆ
เขามีป้ายบอกชัดเจน
ห้ามจับปลา
ห้ามเอาขนมปังให้ปลากิน
รูปนี้แถมให้...
คนที่นี่เขาสบายๆ เอาเก้าอี้นั่งชิลๆ ในน้ำ
Red Sea คงเหมือนสามเหลี่ยมชายแดนพม่า
หากแต่นี่เป็นดินแดนที่ล้อมรอบด้วย อิสราเอล จอร์แดน และอียิปต์
จอรืแดนที่แม่หอยของเราตอนนี้ไปขยายพันธ์ุหอยมือเสืออยู่ที่นั่น
เราอำลา RedSea ด้วยความจ๋อย
อดดำเรือจม และ ถ่ายภาพไม่ได้เรื่อง
แต่เราก็ยังคงสุดแสนจะประทับใจกับ สีฟ้าของน้ำและสีแดงของหุบเขา
เราบอกตัวเองว่า...ไม่ต้องเสียดาย
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ
เราแค่มาชิมลาง และเราจะกลับมาใหม่แน่นอน
ทะเลทรายที่นี่
นอกจากเป็นคุกแล้ว
ยังเป็นที่ซ้อมรบ
มีทั้งบังเกอร์ รถถัง
และบ้านไว้ซ้อมยิง...อย่างจริงจัง!!!!
เราขับรถกลับเข้าเมืองตอนค่ำๆ
เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
จากใต้สุด RedSea
เราจะไปเหนือสุดที่ Golan Height
Golan Heights
อยู่ตอนเหนือของ Israel ติดกับเลบานอน
ที่แรกที่แวะเป็น Small Village ของญาติครอบครัวที่ไปอาศัยอยู่
เขามีอาชีพทำเนย
เราแวะไปทานกลางวันที่ร้านอาหารของหมู่บ้าน
ที่ทุกคนเอาผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาขาย
ทีอาหาร ไวน์ แยม เนย
น่ารักมากๆ
......................................................................................................
ร้านเล็กๆ แต่ใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆน่ารัก
ด้านในมีโซนขายของเก่า
ของคนในหมู่บ้านเนี่ยแหละ
หลังจากอิ่มหนำ
เราร่ำลากับคุณแพะ
อย่างอาลัยอาวรณ์
ออกเดินทางต่อสู่ที่พักซึ่งเป็น Vintage Village
สุดแสนน่ารัก
แต่ตอนนี้ง่วงแล้ว
ไว้มาต่อใหม่นะคะ
อู๊ยยย.....เจ้าฝูงแพะในร้านขายของที่ระลึกนั่น น่ารักมากๆเลยค่ะน้องโอ เขาไม่มีตัวเล็กๆจิ๋วๆจำหน่ายบ้างหรือคะ น่าจะจับเอามาเลี้ยงสักฝูง....
เห็นเนยวางเรียงรายแล้ว....น้ำลายสอ....:p
น้ำที่ทะเลแดงดูมีเสน่ห์...ใส...สีสวยจริงๆค่ะ...หวังว่าจะได้ไปดำน้ำแบบจริงๆจังๆที่นั่นสักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้...
ตุ๊กแกผา
19-07-2010, 17:51
ยกมือเห็นด้วย(และอยากไปด้วย)ค่ะ.......แต่เท่าที่เคยคุยกะหนูโอ.....ขอวีซ่ายากมากกกกกก
แต่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากไป(จะมีวาสนามั๊ยน๊า.........)
โห....พี่น้อยกับพี่จ๋อมต้องมาค่ะ
แต่เท่าที่หนูทราบ ฝั่งอียิปต์สวยกว่า และมีตัวใหญ่
แต่น้ำก็หนาววววววว กว่า...อิอิ
พี่จ๋อมไม่ชอบแน่ๆ
พี่ติ๋ว..ถ้าไปดำกับบริษัททัวร์ เรื่องวีซ่าอาจจะง่ายขึ้น
สองข้างทางของการเดินทางเป็นภูเขา
ช่างแตกต่างกับวันที่ผ่านมา
ที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย
เราเดินทางมาถึงที่พักอันแสนน่ารัก
เขาเรียกว่าอะไรล่ะ Home Stay
Original Vintage ของแท้
ห้องนอนของบ้านแต่ละหลังล้วนน่ารัก
ของต่างๆเป็นของ Handmade และดูมีอายุมากๆ
จานชาม ถ้วยกาแฟ ถังขยะ
น่ารักไปหมด
ด้านนอกก็ร่มรื่น
ปลุกต้นไม้ดอกไม้น่ารักถูกใจ
ต้นนี้คือต้นอะไรใครรู้บ้างคะ
ไม่ใช่ต้นงิ้วแน่ๆ
แต่มีหนามแหลมสั้นทั้งต้น
เขาแยกบ้านพักกับห้องอาหารไว้ต่างหาก
ห้องอาหารแปลว่า
ครัวและที่ทำอาหาร
เป็นที่ส่วนกลางที่ให้ทุกคนมาทำกับข้าวและนั่งทานข้าวกันเอง
เราต้องซื้ออาหารสดมาทำกินกันเอง
แช่ตู้เย็นส่วนกลางทำเสร็จก็ล้างเดี๋ยวมีคนมาใช้ต่อ
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคะ
วันละกระจิ๊ดกระจ้อย มันคงยาวเป็นมหากาพย์ -_-!
แถมอีกรุป..สนามเด็กเล่นหน้าหมู่บ้าน
ทุกที่เขาใส่ใจมีสนามเด็กเล่นในทุกๆหมู่บ้าน
แถมออกแบบกันสวยงาม
อยากให้เรามีที่ให้เด็กๆได้วิ่งเล่นมากมายแบบนี้บ้าง
กิจกรรมที่มาทำที่นี่คือมาพายเรือคายัคค่ะ
เนื่องจากพายเรือคายัคหาดูได้ง่ายที่เมืองไทย
เลยให้ดูรูปคนต่างชาติต่างศาสนา พายเรือคายัคกันดีกว่า
วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่ก็สนุกได้เหมือนกัน
เราค้างที่นี่ 2 คืน
วันกลับเราไปเที่ยวสวนสาธารณะ
ที่มีสระน้ำธรรมชาติจากน้ำแข็งที่ละลายจากเทือกเขา
ขอบอกว่าชอบจังที่เขาออกแบบให้ธรรมชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว
น้ำสะอาดและเย็นมาก
แต่แดดดีๆแบบนี้ เขาก็พาลูกหลานออกมาเล่นกันใหญ่
มีสระเด็กพร้อมสไลด์เดอร์แยกต่างหาก
ถูกใจมากๆ เด็กๆลงไปเล่นกันอย่างสนุกสนาน
สไลด์เดอร์ใหญ่เหมือนสวนสยามแต่เป็นน้ำธรรมชาติก็มี
เราอำลา Golan Heights ด้วยความประทับใจเมืองเล็กๆน่ารัก
เพื่อขับรถกลับมาที่ภาคกลาง พักผ่อนเพื่อเตรียมตัวไป Dead Sea!!!!!
วันนี้เราออกเดินทางแต่เช้า
เตรียมชุดไปเล่นน้ำ
ตื่นเต้นมากกกกก
เพราะอยากรู้จังว่า Dead Sea ที่ว่าเค็มที่สุดในโลกเป็นอย่างไร
ที่ชื่อ Dead Sea เป็นเพราะว่าน้ำทะเลมันเค็มมากกกก
มากกกกซะจนไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
วันนี้วิวสองข้างทางเป็นทะเลทราย
เก็บรูปที่อยู่อาศัยของชาวเบดูอิน(คนเร่ร่อน)มาฝาก
...............................................................................................
เราแวะจุดพักรถข้างทาง
มีพี่อูฐมายืนรอ
ประหนึ่งอยากโบกรถไปด้วย
อูฐเขามีไว้บริการนักท่องเที่ยว
ค่าเสียก้นไปนั่งบนหลังอูฐก็คนละ 800 บาท
พาเดิินวน 2 รอบ...แพงจังค่ะ
ขี่หลังพี่อูฐมากๆ
พี่อูฐก็คอแห้งกระหายน้ำเป็นเหมือนกัน
ณ จุดนี้อีก 8 กิโลจะถึง
เป็นจุดที่ต่ำสุดของโลก
ตอนนั่งรถมาหูอื้อมาก....เคลียร์หูๆ
เนื่องจากแถบนี้พี่อูฐเป็นเจ้าถื่นเลยมีของที่ระลึกเป็นอูฐซะเยอะ
แถมให้ดูกล่องใส่ทิชชูที่ตั้งในร้านขายน้ำในนี้
ไอเดียดีๆ น้ำดื่มกระป๋องเป็นสปอนเซอร์
รูปสวยมากๆ เลยค่ะ น้องโอ
โห.. ใกล้กันแค่คืบ แต่ทำไมจอร์แดนเราไม่สวยอย่างนี้นะ..
หรือมันมีสวยๆ แต่ไม่ได้ไปดูเพราะมัวแต่งมโข่งเลี้ยงลูกหอยอยู่แต่ในโรงเพาะ
.. แหะ แหะ
รอชมภาพ Dead Sea อยู่นะค้า..
ระหว่างนี้ขอแปะรูปคุณกัญจนีและคุณชายตั้วไปแช่น้ำ พอกโคลน Dead Sea ที่ Movenpick Resort and Spa รีสอร์ทหรู 5 ดาว แจมหน่อยนะคะ
ตั้วและโอ่งน้ำจอร์แดน
มีโคลนเป็นหย่อมๆ เซ็กซี่จริง...
ฮ่าๆๆๆๆ
อยากอ่านเรื่องและชมภาพต่อแล้วค่ะ....หนูโอ
เหมือนเรื่องอียิปต์ของน้องติ๋ว....อยากอ่านและชมภาพมาก จนป่านนี้ผ่านไปเกือบปีแล้วยังไม่มาลงต่อสักที....:p
ผมคงจะขออนุญาตพื้นที่สำหรับภาพจากมัลดีฟส์นะครับ พี่น้อย ราวๆหลังกลางเดือนสิงหาครับ
ด้วยความยินดีค่ะ....น้องก้อย....
ขอให้คลื่นลมสงบ...แดดเปรี้ยงๆที่ Maldives ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้นะคะ....
ด้วยความยินดีค่ะ....น้องก้อย....
ขอให้คลื่นลมสงบ...แดดเปรี้ยงๆที่ Maldives ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้นะคะ....
ขอบคุณครับพี่น้อย ทำใจไว้เหมือนกันว่าจะต้องไปเจอฝน เพราะเป็นช่วงมรสุม แต่ก็ตัดสินใจไป เพราะก็เป็นช่วงที่แมนต้ามารุมกินโต๊ะแพลงตั้นกันที่ Hanifaru
กลับจากมัลดีฟส์ได้สี่วัน ก็ไปชุมพรกันต่อ สงสัยช่วงนั้นคงต้องหายใจด้วยเหงือกแหงๆ
อืมมม....น่าสน ไปกับใครคะน้องก้อย...
อยากอ่านเรื่องและชมภาพต่อแล้วค่ะ....หนูโอ
เพิ่งเสร็จงาน Event เดี๋ยวลงต่อ
ให้ค่ะ
ระหว่างนี้ขออนุญาต แจ้งเพื่อนๆ พี่น้อง SOS
แวะไปรับ ชุดประดิษฐ์การ์ดวันแม่ จาก TMB
ออกแบบโดยพี่เบิ๊ด ของเราได้ ที่ TMB ทุกสาขา
ฟรี..ค่ะ ตั้งแต่วันนี้ หรือจนกว่าของหมด
ไม่มี commercial แบบว่าคืนกำไรให้ลูกค้า รู้สึกดีๆ กับ TMB
เป็นชุดการ์ดวันแม่ พร้อมสติ๊กเกอร์ ให้ไปตกแต่งกันเอง
การ์ดทำไดคัท เจาะตรงกลาง
เอารูปถ่ายเรากับคุณแม่ไปติดก็น่ารักดี หรือจะเขียนคำอวยพรก็ได้
จัดงานแถลงข่าวไปแล้ว
เลยเอามาบอกต่อพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ได้แล้ว
ไม่สามารถเอาของออกมาแจกให้กันได้...เพราะมันจะเยอะเกินไป
(ยกเว้นของครู..หนูมีให้ค่ะ)
เลยมาบอกไว้ในหน้านี้ ใครอยากเก็บงานน่ารัๆ ของพี่เบิ๊ด
ก็ไปรับได้ที่สาขาทั่วประเทศค่ะ
น่ารักจังเลยจ้า.....:)
น้องเบิ้ดของเราเก่งจริงๆเลย ส่วนหนูโอก็เก่งมากๆที่สามารถดึงความสามารถของน้องเบิ้ดออกมาให้เราได้ชื่นชมกัน....
ขอบคุณมากๆจ้ะทั้งสองคน.......น่ารักสุดๆ...;)
กิจกรรมแบบนี้น่ารักดีนะครับ ..
ปกติ ความรักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ ..
เอารูปคู่กับแม่ หรือรูปครอบครัวมาใส่กรอบนี้แล้ว ..
นั่งดู ..
รับรองจะมองเห็น "ความรัก"
:rolleyes:
ขอบคุณค่ะพี่น้อย และดอกปีบ
เป็นกำลังใจให้คนทำจังเลยยย
เราออกเดินทางข้ามทะเลทรายไปสักพัก ก็ถึงจุดหมายปลายทาง
ด้านนอกก็เป็นทะเลทรายร้อนและแห้งแล้ง
สงสัยจังว่าเจ้า dead sea จะเป็นอย่างไร
จริงๆ concept ที่นี่ก็คล้ายริมทะเล
คือเป็นสัมปทานกันไป
คุณจะมาอยู่โรงแรมหรูๆ
หรือจะมาใช้บริการแบบ Public แบบนี้ก็ได้
สนนราคาที่ใช้ที่นี่คนละ 1,200 บาท
รวมอาหาร 1 มื้อ
ซื้อตั๋วเสร็จก็เข้าไปกันได้เลย
เข้ามาก็พบนักท่องเที่ยวมากมาย
สังเกตุจะพบผู้สูงอายุ จำนวนมาก
เพราะทางการแพทย์เชื่อว่าความเค็ม และแร่ธาตุของ dead sea ช่วยรักษาโรคหลายอย่าง อาทิ โรคผิวหนัง โรคไขข้อ เป็นต้น
ส่วนข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจดดยสังเขป ตามประสาคนขี้เกียจเขียน
เลยขอให้ทุกท่านตามไปอ่านในลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลย
https://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=44471
ตัวตึกนี้มีให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
เราต้องเดินออกไปต่อรถพ่วงเพื่อเข้าสู่เขต Dead Sea
เนื่องจากอากาศร้อนแผดเผาด้านนอก
ความเค็มของเกลือ เขาไม่ให้เดินเท้าเปล่า เพราะอาจพุพองได้
สองข้างทางก็ห้ามลงไปวิ่งเล่น
เพราะเป็นทรายดูด
...วุ้ยยย รู้สึกอย่างกะมาผจญภัย
รถพามาส่งสุดทาง แล้วเราก็ต้องเดินตากแดดร้อนๆ เข้าไปอีก
และขอย้ำอีกครั้ง...อย่าเดินเท้าเปล่านะจ๊ะ
เวิ้งว้างดีแท้กับหอดูความเรียบร้อย
พร้อมที่บอกทิษทางลม ดีไซน์อารมณ์ดี
เขาทำแบบง่ายๆ
มีซุ้มบังแดด พร้อมเก้าอี้พลาสติค ให้เรานั่ง
เอาล่ะกฎสำคัญของการลงแช่น้ำ
1. ห้ามปัสสาวะลงน้ำทะเล เพราะมันเค็มมาก ปัสสาวะของเราอาจทำปฏิกิริยากับน้ำและ กัดขาและน้องหนูของคุณให้แสบและไหม้
2. หากเนื้อตัวเป็นแผลแม้เพียงเล็บข่วน เตรียมตัวรับความเจ็บปวด ให้อารมณ์แบบเอาเกลือโรยแผลสดให้มันกัด....แต่นี่กัดทั้งตัว มันจะแสบตอนแรกแต่จะรักษา ฆ่าเชื้อ และทำให้แผลหายเร็ว
3. เชิดเข้าไว้ คอหน้าอย่าตก เพราะมันเค็มจนแสบ แสบตามาก
เอิ่มอยากรู้ต้องลอง...ลองแล้วแสบจ๊ากกกกกก
ที่เห็นไกลๆ คือซุ้มบังแดด
เพราะมันร้อนมาก เราก็ไปแช่น้ำ ลอยตัวเล่นในร่มกันดีกว่า
แล้วไอ้โครงสร้างเหล็กก็ฝักบัว ดึงห่วงลงก็จะมีน้ำจืดให้เราล้างตัว
มีทั้งในน้ำ และแบบที่อยู่บนฝั่ง
(แต่ไม่มีส้วมแถวนี้เลยอ่ะ)
อันว่า Dead Sea นี้
พอลงไปแช่ก็แสบๆคันๆ
เด็กบางคนซุกซนแผลเยอะ ร้องไห้จ้าขึ้นทันทีเพราะแสบมาก
แสบจนไม่ลงอีกเลย เห็นหลายคนมาก ทั้งขำทั้งสงสาร
ถ้าถามโอว่าลงไปแช่แล้วรู้สึกยังไง
รู้สึกเหมือนลงไปแช่น้ำมัน...มันเค็มจนตัวเป็นมันๆ
แล้วก็เอามือลูบไปทั่วตัว ลูบนะคะ อย่าถู ก็เหมือนขัดตัวเลย
คือพอขึ้นมาเนี่ยตัวลื่นเนียนเลยอ่ะ
พอมองลงไปในน้ำ
จะเห็นเกลือเป็นชั้นๆ
แต่ไม่กล้าเอาหัวจุ่มลงไป เพราะลองเอาน้ำเข้าตา (เพราะอยากรู้) ถึงกับแสบจ๊ากกก
หันซ้ายขวา...กรี๊ด ลืมไปว่าลอยตัวได้
เห็นเขานอนลอยตัวถ่ายรูปกันใหญ่
เลยรีบวิ่งไปเอากล้องมาถ่ายบ้าง
เอามาถ่ายแบบลังเลใจ กลัวกล้องเค็ม -_-"
(แต่ก็ไม่เค็มนะคะ ยังใช้ได้อยู่ ฮ่าๆๆๆ)
ให้ดูได้แค่ภาพนอนคว่ำ
เพราะถ้านอนหงายคนดูอาจตัดสินเป็นหนึ่งในภาพอุจาดทัศน์
เอาไปดูเท่านี้ เป็นการยืนยันแน่
ว่าที่หนูเอามาลงคือ dead sea มิใช่ทะเลเทียม (ฮ่าๆๆๆๆๆ)
เล่นสักครึ่งชั่วโมงก็...พอเหอะ
ร้อนแล้ว
น้ำก็ไม่มีขาย
กลับกันเหอะ
ลืมบอกไปฝั่งตรงข้ามของ Dead Sea ก็จอร์แดนแล้วค่ะ
แล้วเราก็อำลา Dead Sea
กลับเข้าข้างใน
ข้างทางเขามีกันเป็นโซนหมักโคลน
สำหรับผู้ที่ขี้เกียจเดินไปแช่น้ำ Dead Sea ไกลๆ
ยังค่ะ..ยังไม่จบ
เรากลับเข้ามาในอาคาร
แทนที่จะอาบน้ำ
เราก็มาแช่บ่อน้ำร้อนกันดีกว่า
ต้องลองให้ครบ
มันก็เหมือนบ่อน้ำพุร้อนที่เมืองไทยแหละ
ร้อนๆ น้ำมีกลิ่นกำมะถัน
มีป้ายแสดงแร่ธาตุ และสิ่งต้องห้ามม
ห้ามใส่เครื่องเงินลงไปแช่ เพราะมันจะร้อนตัวคุณ และมันจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
....................................................................
ก่อนกลับบ้านก็ต้อง shopping ซื้อโคลนไปเป็นของฝาก
แต่โอมั่นใจมากกก ว่าจะไปซื้อ โคลน AHAVA ที่แอร์พอร์ต
เพราะมันจะซื้อ 2 แถม 1
แต่พอไปถึงแอร์พอร์ต เข้าแถวยาวมาก
รอจนเขาเรียกขึ้นเครื่องยังไม่ได้จ่ายเงิน
สรุป...ไปอิสราเอลเที่ยวนี้ ไม่ได้ซื้อของที่ดีที่สุดมาคือโคลน
รู้สึกเสร่อเล็กน้อย...เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครได้ของฝากอันนี้นะคะ
ส่วนโอไม่ค่อยเสียดาย เพราะยังมีใช้อยู่มากมาย จากของงฝากบ้านเจ้าภาพ
จากลา Dead Sea ด้วยความอาลัย
สัญญากับตัวเอง มาใหม่แน่ๆ อิอิ
บางท่านอาจอ่านในนิตยสารท่องเที่ยว
เห็นรูปการเที่ยว Dead Sea แบบสวยงาม
แบบนั้นก็สามารถทำได้นะคะ
มานอนค้างพวกโรงแรมเครือ Marriot แบบนี้
ก็ได้ใช้สปาและชายหาดสวยงาม
แต่ก็งบบานปลาย..ไฮโซอ่ะ
อันนี้เนี่ย เที่ยวแบบเหมือนเราขับรถไปนั่งเก้าอี้ริมชายหาดพัทยา...ยังไงอย่างงั้น
ตามข้อมูลจากเจ้าบ้านและ confirm จากในลิ้งค์
ตอนนี้ระดับน้ำใน Dead Sea ลดลงเรื่อยๆ 1 เมตร/ปี
เพราะฉะนั้นจะเห็นชายฝั่งทอดลึกลงทะเลไปไกลมากๆ
(เหมือนตอนที่เดินลงไปใน dead sea ไกลมากๆ)
.............................................................................................
ระหว่างทางขากลับ ด้านซ้ายมือเป็นพรมแดนของอิสราเอลและปาเลสไตน์
เราคงทราบเรื่องปัญหาต่างๆระหว่างสองเมืองนี้กันมาบ้าง
ในที่นี้คงละไว้ในเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมืองและสงคราม
แต่อยากให้ดูรุปกำแพงที่กำลังสร้างเพื่อตัดขาดซืึ่งกันและกัน
กำแพงที่แบ่งแยกดินแดนกันแบบเด็ดขาด
จะไม่เหมือนฝั่งอียิปต์ กับจอร์แดน ที่เพียงแค่เป็นเส้นแบ่งเขตหรือรั้วลวดนาม
อันนี้เป็นกำแพงสูงและยาว ให้อารมณ์เหมือนกำแพงเมืองจีน
ที่กำลังก่อสร้างอย่างไม่มีสิ้นสุด
ในบางเขต ก็ต้องแบ่งแยกถนนเป็นสองฝั่ง ประมาณพ่อแม่อยู่ฝั่งอิสราเอล
แต่ลูกโดนตัดไปอยู่ฝั่งโน้น
เห็นแล้วก้ได้แต่จดจำและบันทึกไว้ในความทรงจำ
....ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
...................................................................................................
นอกจาก Red Sea สวรรค์ของนักดำน้ำ
Dead Sea สวรรค์แห่งการรักษาโรคและความงาม
อิสราเอล ยังมีอีกที่หนึ่งที่ทุกคนต้องไปค่ะ
เยรูซาเล็ม...เมืองหลวงของอิสราเอล
และถือว่าเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของสามศาสนา
เพราะพระเยซูเป็นศาสดาของทั้งชาวยิว ชาวมุสลิม และชาวคริสต์
เดี๋ยวโอจะพาไปดูความสวยงามของ Old City นครเยรูซาเล็มกันนะคะ
แต่ก็อยากให้ก่อนที่ทุกคนจะมาติดตามดูความสวยงามของเยรูซาเล็ม
แวะไปอ่านประวัติศาสตร์กันก่อนเล็กน้อย เพื่อเป็นความรู้ค่ะ
http://followthestepsofjesus.110mb.com/s31/step31.html
เลยรีบวิ่งไปเอากล้องมาถ่ายบ้าง
เอามาถ่ายแบบลังเลใจ กลัวกล้องเค็ม -_-"
(แต่ก็ไม่เค็มนะคะ ยังใช้ได้อยู่ ฮ่าๆๆๆ)
ให้ดูได้แค่ภาพนอนคว่ำ
เพราะถ้านอนหงายคนดูอาจตัดสินเป็นหนึ่งในภาพอุจาดทัศน์
เอาไปดูเท่านี้ เป็นการยืนยันแน่
ว่าที่หนูเอามาลงคือ dead sea มิใช่ทะเลเทียม (ฮ่าๆๆๆๆๆ)
ต้องรีบแจ้ง cites ว่าเจอพะยูนพันธุ์ใหม่ที่เดดซี
ต้องรีบแจ้ง cites ว่าเจอพะยูนพันธุ์ใหม่ที่เดดซี
ไปว่าน้องได้ น้องก้อยเนี่ย
แต่ว่า .... มันต้องเค็มจัด ความหนาแน่นมากจริงๆนะ น้อง Oo ถึงลอยได้
ไปว่าน้องได้ น้องก้อยเนี่ย
แต่ว่า .... มันต้องเค็มจัด ความหนาแน่นมากจริงๆนะ น้อง oo ถึงลอยได้
ขอโทษคร้าบที่จาบจ้วงน้องโอ
แต่ก็จริงอย่างที่พี่จ๋อมว่า ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่น้ำในเดดซีเค็มที่สุดนับแต่มีการจดบันทึกมา จึงทำให้คนอย่างน้องโอลอยได้นะครับ
ฮึ่มมมม...ได้ที เอากันใหญ่เลยนะพี่ๆ
ตุ๊กแกผา
06-08-2010, 09:54
ยิ่งอ่าน ยิ่งดูแล้ว....ยิ่งอยากไป
โอจ๋า.....ไม่เป็นไรน้อง ใครว่าไงก็ว่าไป สาวมั่นซ๊ะอย่าง อิอิ.....สู้ๆ (เหมือนยุยังไงไม่รู้เนอะ555)
Super_Srinuanray
06-08-2010, 12:46
น่าสนใจ อิสราเอล นะคะ อยากไป อยากไป Red Sea ด้วย..
ดำน้ำ ดำน้ำ ดำน้ำ ขอบคุณน้องโอจ้า...
อยากไปแสบๆคันๆในทะเลแดงมั่งจ้ะ น้องโอ....:p
กำแพงที่กั้นยิวและปาเลสไตน์ออกจากกันนั้น เห็นแล้วเศร้าใจค่ะ....:(
โลกนี้เปิดกว้าง.....แต่มนุษย์ชอบสร้างกำแพงขวางโลก ทั้งกำแพงที่เป็นวัตถุและกำแพงใจ....
คิดแล้ว....อยากรื้อกำแพงบ้านตัวเองจัง แต่คนข้างบ้านเขาต้องไม่ยอมแน่ๆ....
พอเรารื้อ....เขาก็ต้องสร้างกำแพงใหม่อีก...:p
เยรูซาเล็ม มีความหมายว่า มรดกแห่งสันติภาพ มาจากภาษาฮิบรู โดยประกอบด้วยคำว่า เยรูซา ที่แปลว่า มรดก และ ซาเล็ม ที่แปลว่า สันติภาพ ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เดวิด กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรยิว 1 พันปีก่อนคริสตกาล โดชาวยิวตั้งรกรากในดินแดนแห่งนี้มาเกือบ 2 พันปีก่อนคริสตกาล
ด้วยเหตุที่เยรูซาเล็มผ่านการปกครองหลายเชื้อชาติตั้งแต่กรีก โรมัน เปอร์เชีย อาหรับและเติร์ก ก่อนจะตกถึงมืออิสราเอล หลังสงคราม 6 วันในปี 1967 ทำให้ดินแดนนี้รับเอาอารยธรรมจากหลายชาติข้างต้นเอาไว้แบบเต็มๆ ถึงขั้นที่อวดได้ว่า แทบจะไม่มีเมืองใดในโลกที่เพียบพร้อมไปด้วยการผสมผสานประวัติศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรม และศาสนา เช่นเยรูซาเล็มอีกแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ทั้งยิว คริสต์ และอิสลาม จะอ้างว่า เยรูซาเล็มเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของตน แต่ความสำคัญของเยรูซาเล็มสำหรับทั้ง 3 ศาสนานี้กลับต่างกัน
สำหรับยิวแล้ว เยรูซาเล็มทั้งหมดถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โอบล้อมด้วยภูเขา “เทมเพิล เมาต์” และล้อมด้วยกำแพง 4 ด้าน โดยเรียกพื้นที่ส่วนนี้ว่า “เมืองเก่า” (Old City) แม้ว่ากำแพงทั้ง 4 ด้านจะถูกแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบตามความเชื่อ คือ อาร์เมเนีย คริสต์ ยิว และมุสลิม ก็ตาม
ส่วนความเชื่อของชาวคริสต์ เยรูซาเล็ม คือ สถานที่ประสูติ เผยแพร่ศาสนา สวรรคต และฟื้นคืนชีพ ของพระเยซู
ขณะที่ความสำคัญของเยรูซาเล็มต่อมุสลิม อยู่ที่เพียง “โดมแห่งศิลา” หรือ “มัสยิดโอมาร์” (Dome of the Rock) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 ทับพื้นที่ “เมืองเก่า” ของยิว โดยใช้ศิลปะมุสลิมทั้งหมด มีหินก้อนใหญ่เด่นเป็นสง่า ซึ่งเชื่อว่า เป็นจุดที่ท่านนะบี มูฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม เดินทางขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อไปพบพระอัลเลาะห์ โดยโดมแห่งศิลาสีทองอร่ามจัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของชาวมุสลิม รองจากนครเมกกะและเมดินา
ย้อนกลับไปที่ความสำคัญของเยรูซาเล็มต่อชาวยิว ส่วนที่เป็นกำแพงล้อมเมืองเก่า โดยชาวยิวเชื่อว่า กำแพงทางทิศตะวันตก ซึ่งถูกขนานนามว่า “กำแพงร้องไห้” (Wailing Wall) เมื่อครั้งที่ชาวยิวต่างเดินทางมาร่ำไห้ แสดงความโศกเศร้าเสียใจที่วัดแห่งโซโลมอน สถานที่สำคัญของเมืองเก่า ถูกทำลายเป็นครั้งที่ 2 จากน้ำมือของจักรวรรดิโรมันในคริสตศักราช 70
ยิ่งไปกว่านั้น ชาวยิวยังหมั่นไปสวดมนต์ที่กำแพงร้องไห้นี้ตลอด 2 พันปี เฉลี่ยวันละ 3 ครั้ง เนื่องจากเชื่อว่า เป็นกำแพงที่ได้ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากสุดและเป็นกำแพงวัดกำแพงเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยมักเขียนข้อความขอพรใส่กระดาษสอดเข้าไปตามรูกำแพง
นอกจากถูกเชื่อว่าเป็นดินแดนแสวงบุญแล้ว เยรูซาเล็มยังเป็นเมืองแห่งสมรภูมิการสู้รบมากสุดเมืองหนึ่งของโลก โดยถูกล้อมกว่า 50 ครั้ง ถูกยึดครองถึง 36 ครั้ง และถูกทำลายมากกว่า 10 ครั้ง จากความกระหายของชาติตะวันออกกลาง
เราเดินทางมาถึง Old City โดยเข้าทางประตูยัฟฟา (Jaffa Gate) เป็นประตูหลักที่เข้าสู่เมืองเก่าจากเยรูซาเล็มตะวันตก
ตื่นตาตื่นใจมาก...
คงเหมือนฝรั่งที่ชอบอยุธยา อย่างไรอย่างนั้น
เข้ามาหลังประตูปุ๊บบบบ
เอิ่มไม่ได้เงียบสงบเวิ้งว้างเช่นด้านนอก
อย่างที่ประวัติบอกว่าเยรูซาเล็มเป็นนครเก่าของ หลายชนชาติ
เบื้องหลังก็เป็นที่อยู่อาศัย...และปัจจุบันก็เป็นแหล่งช้อปปิ้ง
ตระการตามากค่ะ
^^*
ของที่ขึ้นชื่อก็เป็นพวกจานกระเบื้องเพ้นต์ลาย และแก้วเป่าสีต่างๆ
สวยงามมากกกกกกกก ละลานตา
น่ารักน่าชมไปหมด
ราคาก็...แหะๆ สวยสมราคา
สองข้างทางเป็นร้านรวงขายของพื้นเมือง
โดยมีบ้านเรือนที่ก่อด้วยหินเก่า ตลอดสองข้างทาง
สวยดีค่ะ
เหมือนช้อปปิ้งในบรรยากาศลึกลับ
เราเดินบนถนนที่ผ่านการรบพุ่งมานับไม่ถ้วน
ผ่านหินที่มีเรื่องราว
.............................................................................................
ร้านอาหารก็ตกแต่งเข้ากับบรรยากาศของเมืองไปด้วย
...............................................................................................
เราเดินไปเรื่อยๆ
โดยมีจุดมุ่งหมายที่ Wailing Wall
กำแพงตะวันตก (Western Wall) หรือเรียกว่า กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall)
เป็นสักการสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวยิว พวกเขาถือว่าเป็นพระธาตุของพระวิหารหลังสุดท้าย กำแพงตะวันตกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงที่กษัตริย์เฮโรดได้สร้างรอบๆ พระวิหารหลังที่สอง ในปีที่ 20 ก่อนคริสตกาล
ใน ค.ศ.70 จักรพรรดิติตัสไม่ได้ทำลายส่วนของกำแพงนี้ซึ่งสร้างด้วยก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่ชนรุ่นหลังถึงอานุภาพของทหารโรมันที่สามารถทำลายส่วนอื่นๆ ของพระวิหาร ในยุคปกครองของชาวโรมัน ชาวยิวไม่ได้รับอนุญาตที่จะมาที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่สมัยไบเซนไทน์พวกเขามาได้ปีละครั้งในวันระลึกถึงการทำลายพระวิหาร เพื่อแสดงความทุกข์ต่อการกระจัดกระจายของชาวยิว และร่ำไห้เหนือซากของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ส่วนนี้ของกำแพงจึงได้ชื่อว่า "กำแพงร้องไห้" ธรรมเนียมที่จะมาภาวนาข้างกำแพงนี้ได้ถือปฏิบัติต่อๆ กันมาหลายศตวรรษ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1948-67 ชาวยิวไม่สามารถเข้าเยี่มสถานที่แห่งนี้เพราะอยู่ในส่วนของกรุงเยรูซาเล็มที่อยู่ภายใต้การปกครองของจอร์แดน
หลังจากสงคราม 6 วัน กำแพงร้องไห้นี้ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อแสดงความชื่นชมยินดีระดับชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่เพื่อนมัสการและภาวนา มีการสร้างลานกว้างขนาดใหญ่เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้าร่วมภาวนาครั้งละเป็นจำนวนพันจำนวนหมื่นคน
ชำระล้างความสกปรกก่อนเข้าสู่เขตกำแพง
พื้นที่ถูกแบ่งแยกเป็น 2 ฝั่ง หญิง-ชาย
ห้ามปะปนกัน -*-
มีเด็กน้อยมาอ่านคัมภีร์ด้วย
ต่อหน้ากำแพงอันศักดิ์สิทธิ์
กำแพงสุดท้ายที่เหลือไว้
กำแพงแห่งความศรัทธาที่ผู้คนหลั่งไหลมาอ้อนวอน มาสวดมนต์ มาขอพร
เราใช้ใจสัมผัส
เราเขียนคำอธิษฐานบนกระดาษแล้วฝากไว้กับกำแพงแห่งนี้
อธิษฐานเสร็จ เราเดินถอยหลังออกมา
อย่าหันหลังให้กำแพง
เพราะเราไม่หันหลังให้พระเจ้า
เขาโศกเศร้าอะไรหนอ
หรือเขากำลังอ้อนวอนอะไรต่อพระเจ้า
ตอนอธิษฐานแอบเอาหน้าผากไปชนกำแพงบ้าง
อยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
ตัวเรารู้สึกขนลุกและปิติในใจอย่างบอกไม่ถูก
เราเดินจากความยิ่งใหญ่
ด้วยความตื้นตัน
ลาก่อน Wailing Wall...Old City....และ เยรูซาเล็ม
แล้วเราจะกลับมาใหม่แน่ๆ เราบอกตัวเองอย่างนั้น
เก็บตกให้กิ้วก้าวววว
รูปทหารชาวอิสราเอล
ชาวอิสราเอลเมื่ออายุครบเกณฑ์ทุกคนต้องเป็นทหาร
ทั้งชาย-หญิง
เหล่าไหนก้แบ่งไปตามสีเสื้อ และ Accessories
เวลาเราเจอทหารเดินริมถนน
ถ้าเขาโบกรถ
และรถเราว่าง เราต้องรับเขาขึ้น
เพราะถือว่าเขาเป็นทหารรับใช้ชาติ เราต้องช่วยเหลือเขา
ทหารหญิง
กับที่เก็บก้นบุหรี่
มหากาพย์ใกล้จบแล้วค่ะ
ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยว Friday market เป็นถนนคนเดินนะคะ
ภาพสวย เรื่องน่าสนใจและได้ความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้นเยอะ ..... ขอบคุณน้อง Oo มากเลยครับ
ขอบคุณค่ะพี่จ๋อม
(ถึงแม้ว่ากว่าจะ Update จะนานไป นิ้ดส์นุง)
angel frog
10-08-2010, 10:47
ปรบมือให้ น้อง
เล่าเรื่อง สะท้อนถึงความมีจิตใจที่ดี รักษาความดีไว้ นะเค้อะ
ตอนอธิษฐานแอบเอาหน้าผากไปชนกำแพงบ้าง
อยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
ตัวเรารู้สึกขนลุกและปิติในใจอย่างบอกไม่ถูก
เราเดินจากความยิ่งใหญ่
ด้วยความตื้นตัน
อยากไปสัมผัสความรู้สึกแบบน้องโอบ้าง....
ดินแดนที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ นับเป็นบุญที่ได้ไปเยือนค่ะ....
เปิดโลกทัศน์ อีกมุมหนึ่งของโลกที่หลากหลายวิถีชีวิต ขอบคุณจ้า..
ภาพสดใส สดสวย เหมือนคนถ่ายเลยเนอะ....คริ คริ คริ
จ๋วย แจ่ม ทุกมุมมองเลยจ้า Oo ...
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.