View Full Version : Maldives: Hanifaru... The trip of Mantasssssssss
ในที่สุด ก็ได้มาเยือนมัลดีฟส์ จุดหมายปลายทางอีกแห่งที่ตั้งใจไว้เนิ่นนานมากแล้ว พอบอกใครๆว่าจะไปมัลดีฟส์เดือนสิงหาคม หลายคนก็มองหน้าและถามว่าจะไปทำไม เสียเงินไปตากฝนเล่นเหรอ ก็ทำใจไว้แล้วว่าไปมัลดีฟส์ช่วงหน้าฝนก็ต้องเปียกแน่ แต่หลังจากได้อ่านบทความ ชื่อ The Twister of Mantas โดย Michael Aw แล้วก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องไป แล้วความหวังอันสูงสุดของการเดินทางครั้งนี้ที่จะได้ดูฝูงกระเบนราหูหลายสิบรุมกินโต๊ะแพลงตั้น จะสมหวังหรือแห้ว ไปคอยติดตามกัน.......
(ภาพจากบทความ The Twister of Mantas, by Michael Aw: http://www.scubascuba.com/edit/pdf/worldwide/twisterofmantas.pdf )
เพียงสามชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพ เราก็มาถึงโคลัมโบ และต่อเครื่องต่อไปยังกรุงมาเล่อีกชั่วโมงครึ่ง
มัลดีฟส์สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยที่สุดในโลก พูดง่ายๆว่าเป็นประเทศที่ต่ำที่สุดในโลก ด้วยความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดตามธรรมชาติ ไม่นับตึกรามบ้านช่อง สูงเพียง 2.3 เมตรจากระดับน้ำทะเล ขณะร่อนลงสู่สนามบินของกรุงมาเล่ เห็นได้ชัดว่าพื้นผิวสนามบินอยู่แทบจะเรี่ยไปกับระดับน้ำทะเล
โลกร้อน ส่งผลให้น้ำทะเลสูงขึ้น หลายฝ่ายก็เป็นห่วงกันว่าอีกไม่นาน เกาะแก่งต่างๆของมัลดีฟส์จะจมลง เมื่อสองปีก่อน ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด นาชีดของมัลดีฟส์ประกาศว่า จะหาซื้อที่ดินผืนใหม่ๆไว้รองรับ โดยเล็งไว้ที่อินเดีย ศรีลังกาและออสเตรเลีย เงินที่จะใช้ทุ่มซื้อที่ดินหล่านี้ก็มาจากการท่องเที่ยวนั่นเอง ประธานาธิบดีนาชีดอธิบายเหตุผลว่า “จริงๆแล้วเราไม่อยากละทิ้งมัลดีฟส์ แต่เราก็ไม่อยากเป็น”ผู้ลี้ภัยจากสภาพลมฟ้าอากาศ” ที่ต้องอาศัยพักพิงตามที่อยู่ชั่วคราวไปตลอดกาล” (ข้อมูลจาก The Guardian, 10/11/2008)
ตัวเมืองมาเล่เองดูเผินๆก็ไม่ต่างจากเมืองชายทะเลทั่วไป มีตึกรามหนาแน่นกว่าเกาะอื่น แต่พื้นที่เล็กมาก แค่ 2 ตารางกิโลเมตร แต่มีคนอยู่อาศัย 1 แสนคน ในขณะที่ประชากรของมัลดีฟส์ทั้งหมดราว 3 แสนคน เราใช้เวลาเดินเที่ยวมาเล่เพียงไม่นาน
ที่สุเหร่าเก่าแก่ของเมือง ป้ายหินบนหลุมฝังศพที่นี่ ป้ายของบุรุษจะมียอดแหลมๆ ส่วนของสตรีก็จะป้านๆ ป้ายหลุมศพยังบ่งบอกอายุของผู้วายชนม์ด้วย ใครที่ตายเมื่ออายุมาก ป้ายก็จะสูงใหญ่กว่า
เด็กสาวสวมชุดฮิยาบเดินผ่านมัสยิดกลาง กลางกรุงมาเล่...
ระบบการศึกษาที่นี่ มีถึงแค่ระดับมัธยมปลาย แยกเป็นโรงเรียนชาย และโรงแรมหญิง ใครที่อยากเรียนต่อระดับสูงก็ต้องไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างศรีลังกา อินเดีย....
อิสลามคือศาสนาประจำชาติของคนที่นี่ คนมัลดีฟส์เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด พวกเราถูกสั่งห้ามเอาหมู และเครื่องดื่มแอลกฮอลล์เข้าไป แต่เขาก็ผ่อนปรนให้มีเครื่องดื่มเหล่านี้ได้ตามรีสอร์ทและเรือสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ประมงคืออาชีพหลักอันดับสองรองจากการท่องเที่ยว
ตลาดปลาเป็นอีกจุดสนใจหลักของกรุงมาเล่
มัลดีฟส์ส่งออกปลาทูน่า ในตลาดแห่งนี้จึงมีปลาทูน่าหลากหลายขนาด พร้อมมือชำแหละพันศพประจำการรอรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า
ลูกค้ากำลังเลือกปลา ชอบตัวไหนก็ใช้เท้าชี้บอกคนขาย เพราะจะให้นั่งลงไปเลือกกับพื้น ก็ไม่สะดวก
ใครที่ขี้เกียจเอากลับไปจัดการเองที่บ้าน ก็ส่งไปให้ให้มือชำแหละจัดการ
ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดถ้ามามัลดีฟส์ คือการนั่งเครื่องบินน้ำชมวิวจากมุมมองของนก
เครื่องจุผู้โดยสารได้สิบกว่าคน ช่วงที่เราขึ้นเครื่องคือตอนเที่ยง พอเข้าไปนั่งข้างในก็รู้สึกเหมือนอยู่ในซาวน่า
สังเกตผู้โดยสารหน้ามันเยิ้มไปด้วยเหงื่อเพราะความร้อนอบอ้าว ยังดีที่พอเครื่องทะยานขึ้น ก็ได้ลมจากข้างนอกมาบรรเทาความร้อนรุ่มให้คลายลง
นักบินหลักและนักบินผู้ช่วยประสานมือกันช่วยดันตัวควบคุมอุปกรณ์ให้เครื่องทะยานขึ้นจากผิวน้ำ
จากมุมมองของนก ทำให้เราได้เห็นมัลดีฟส์ในมุมกว้างมากขึ้น และเข้าใจลักษณะภูมิประเทศของประเทศเล็กๆแห่งนี้ได้ดีขึ้น
หมู่เกาะของมัลดีฟส์เกิดจากการทับถมของหินปะการัง ประกอบไปด้วยเกาะปะการัง 1190 เกาะซึ่งเกาะกลุ่มกันเรียกว่า Atoll แต่ละ Atoll มีลักษณะเป็นรูปวง วงแหวนบ้าง วงรีบ้าง วงรูปไข่ และวงแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง มีอยู่ทั้งหมด 26 Atoll
Water Village หะรูหะราของรีสอร์ทต่างๆในมัลดีฟส์ ถ้าอยู่ไกล ก็ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินน้ำ
กรุงมาเล่จากมุมสูง เห็นตึกรามบ้านช่องหนาแน่นกว่าเกาะอื่นๆ
นักบินใช้เท้าเปล่าช่วยบังคับขับเคลื่อนเครื่องยนต์ เท่ห์ซะ
ใช้เวลาบินราวยี่สิบนาที ก็ร่อนลง รู้สึกเสียวนิดๆ แต่ก็ไม่น่ากลัวมาก เพราะรู้ว่า ถ้ามีอะไรขึ้นมา อย่างน้อยก็ไม่โหม่งพื้นดิน แต่โหม่งน้ำแทน ผิวน้ำช่วยให้เครื่องบินชะลอความเร็วได้นิ่มนวลกว่าเบรคบนพื้นดิน
จากนั้นเราก็ไปขึ้นเรือ liveaboard ที่เราจะใช้เป็นพาหนะและที่พักพิงตลอดเจ็ดคืนแปดวันข้างหน้า Maldivian Dream ลำขนาดใหญ่ ทุกห้องนอนก็มีห้องน้ำในตัว มีระบบทำน้ำจืดจากน้ำทะเลได้ จึงไม่ต้องห่วงว่าน้ำอาบจะหมด
ที่เด็ดคือมี อ่าง jaguzzi บนดาดฟ้า
เรือที่เราโดยสารไปตลอดทริปจะมีสองลำ ลำใหญ่เป็นที่นอนหลับพักผ่อนและกินข้าว ส่วนลำเล็กเรียกว่า Dhoniไว้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ดำน้ำทุกอย่าง พอจะออกไปดำน้ำแต่ละครั้ง ก็มาลงเรือลำนี้กัน
กล้วยสองเครือแขวนอยู่ท้ายเรือ liveaboard ทุกลำ ใครหิวก็เด็ดไปกินได้ตลอดเวลา สังเกตว่าเรือลำอื่นกล้วยจะถูกเด็ดหมดในวันท้ายๆ แต่ลำของพวกเรา เหลือบานเบอะ
อาหารการกินบนเรือ ไม่ค่อยถูกปากนักดำน้ำจากไทยนัก เพราะออกรสชาติฝรั่ง จืด ยังดีที่พวกเราพกพาบรรดาน้ำพริกและเครื่องปรุงรสมาเพียบ ..............และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ พวกเรากระเหี้ยนกระหือรือไปตามล่าหาฝูงแมนต้าร่อนถลากินแพลงตั้น จุดหมายปลายทางเพื่อการนี้คือเกาะเล็กเล้ก เน้นว่าเล็กมากชื่อ Hanifaru ซึ่งอยู่ในหมู่ Baa Atoll ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมาเล่ (ภาพประกอบจาก http://travel.newarchaeology.com/map_maldive_islands.php)
ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือจากมาเล่ประมาณแปดชั่วโมง ที่Hanifaru มีแอ่งลากูน โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนซึ่งเป็นหน้าฝน จะเป็นช่วงเวลาที่อิทธิพลจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลง กระแสลม กระแสคลื่น ช่วยดึงดูดให้แพลงตั้นเข้าไปกระจุกตัวกันหนาแน่นในลากูนแห่งนี้ แน่นอนเมื่อมีลาภปากเข้ามาติดกับ ไม่มีวันที่บรรดาแมนต้าหรือกระเบนราหูจะปล่อยให้ผ่านเลยไป พวกเขาแห่กันเข้ามารุมสวาปามแพลงตั้นกันอย่างเมามัน
ระหว่างนั่งเรือไปยังจุดดำน้ำ ก็มีแมนต้าโผล่เหนือผิวน้ำมาเรียกน้ำย่อย
พอถึงจุดถีบตก เอ๊ย จุดดำน้ำ ไม่มีใครอิดออด เพราะเห็นนักดำน้ำของเรือลำอื่นลอยล่องกัน บ้างก็ดำผิวน้ำดูแมนต้า พวกเรารีบถลาพุ่งลงสู่ใต้น้ำ ภาพที่เห็นข้างล่างสุดแสนจะตะลึงงัน แมนต้าหลายสิบตัวบินโฉบผ่านพวกเราไปในระยะประชิด เสียดายที่แสงแดดน้อยมาก และน้ำค่อนข้างขุ่น ภาพที่ออกมาจึงไม่สดใสเท่าที่ควร แต่ลีดเดอร์ก็บอกว่า ต้องทำใจ เพราะถ้าน้ำใส ก็แสดงว่าแพลงตั้นน้อย
ระยะห่างระหว่างเรากับแมนต้าก็เอื้อมมือสัมผัสถึง แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะลีดเดอร์ชาวมัลดีฟส์ย้ำนักย้ำหนาว่า ดูแต่ตามืออย่าต้อง ถ้าเห็นใครสัมผัสแมนต้า ก็จะให้ขึ้นเรือทันที ด้วยเกียรติของลูกเสือ ภาพที่เห็นนี้ไม่ได้ใช้ซูมแต่อย่างใด
นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฎการณ์แมนต้ารุมกินโต๊ะแพลงตั้นว่า Cyclone Feeding ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าพิศวง ได้เห็นของจริงก็ต้องยอมรับว่ามันน่าตะลึงงันจริงๆ แมนต้าร่อนมาดูดกินแพลงตั้นกันอย่างเมามัน
Hanifaru เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อช่วงหน้าฝนปี 2552 นี่เอง ไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็มีนักดำน้ำจากทั่วโลกแห่กันมาชมปรากฎการณ์แมนต้าบ้ากินกันเป็นจำนวนมาก ตอนที่เราลงไปก็มีนักท่องเที่ยวนับร้อย รัฐบาลมัลดีฟส์ก็ประกาศให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่คุ้มครองทางทะเล
นับเป็นการพานพบแมนต้าอย่างใกล้ชิดและเยอะที่สุดในชีวิตของการดำน้ำ ได้เห็นลีลาอันพลิ้วไหวในการเคลื่อนตัว โฉบบินเหมือนนก ร่อนไปมาเหมือนจานบิน ช่างเป็นเพื่อนร่วมโลกที่มีท่วงท่าสวยงามซะจริงๆ
photo credit:ปิ่นใจ วรรณพฤกษ์
8551
พอลงไปข้างล่าง ต่างคนก็ตัวใครตัวมัน คว้ากล้องถ่าย ถ่าย ถ่าย บางคนก็ว่ายน้ำตามแมนต้าอย่างใกล้ชิด มีพี่หมอหญิงจากรพ.วิชัยยุทธใส่ขาสั้นดำน้ำ โดนปีกแมนต้าเฉี่ยวเลือดออกมาซิบๆ ได้แผลเป็นเป็นที่ระลึก
8552
ดูภาพนิ่งอย่างเดียวคงจะไม่ได้บรรยากาศ งั้นมาดูคลิปวิดีโอกันดีกว่า และจะเห็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่แมนต้าพันธุ์ใหม่ปะปนอยู่ด้วย ก็เพียงเพื่อจะให้เจ้าหลานชายตัวแสบได้เห็น เพราะมันมักจะถามตอนดูคลิปวิดีโอว่า แล้วกู๋ก้อยอยู่ตรงไหน
http://www.youtube.com/watch?v=yNEr0co7Ebo
yNEr0co7Ebo
ส่วนคลิปนี้คือแมนต้าสองตัวขณะว่ายวนรอบ cleaning station แห่งหนึ่ง
http://www.youtube.com/watch?v=LUADv89GGj0
LUADv89GGj0
แค่นั้นยังไม่พอ สองวันสุดท้ายก่อนเราจะจบทริปนี้ ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลสองตัวเขื่องก็แวะเวียนมาอวดโฉมที่ Hanifaru ร่วมวงกับฝูงแมนต้ารุมกินโต๊ะแพลงตั้นกันอย่างเมามัน พวกเขาลอยอ้อยอิ่งให้นักดำน้ำได้จ้องมองอย่างใกล้ชิดทั้งจากใต้ทะเล และบนพื้นผิวน้ำ รูปทรงเหมือนเรือดำน้ำ
และนี่คือวิดีโอของพี่ลายจุดขนาดไม่ต่ำกว่า 7 เมตร
http://www.youtube.com/watch?v=OGomXRjxh2E
OGomXRjxh2E
นักดำน้ำว่ายคลอเคลียพี่ลายจุด
http://www.youtube.com/watch?v=mIGovFFaZxY
mIGovFFaZxY
ยังมีภาพและวิดีโออีกเพียบ แต่คงอัพโหลดขึ้นอินเตอร์เน็ตไม่ไหว เืผื่อใครสนใจก็จะเอาไปเปิดให้ดูที่ชุมพรนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลประกอบเรื่องจาก www.wikipedia.org
http://www.scubascuba.com/edit/pdf/worldwide/twisterofmantas.pdf ที่ยั่วยวนล่อลวงให้พวกเราได้ฝันหวาน ก่อนจะไปเยือนสถานที่จริง จนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยากจะพานพบ
Super_Srinuanray
16-08-2010, 22:03
ตระการตาจริง น้องก้อย แบบว่าอิจฉามากกกกกกกก
แต่รู้ไหมว่า แมนต้ามีกี่พันธุ์ อยากรู้ก็เริ่มทำการศึกษาทันที แล้วจะมาบอกวันหลังนะ
หรือถ้าใครทราบมาบอกก็ได้นะคะ อยากทราบเร็วๆๆ
ต่อมอิจฉาแตกดังโพละไปเรียบโร้ยยยย
นั่งอมยิ้มไปเรื่องเท้านี่แหละ.. ขืนทำที่บ้านสงสัยจะโดนแม่ตีขาหัก.. ขอบคุณพี่ก้อยที่เอามาแบ่งปันจ้า.. เด๋วตามไปดูวีดีโอแล้วจะเอามาเม้าท์ต่อ..
Super_Srinuanray
17-08-2010, 00:05
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/ปลากระเบนราหูน้ำเค็ม
"นกยักษ์แห่งท้องทะเล" หรือกระเบนราหู เป็นปลากระดูกอ่อนเช่นเดียวกับฉลาม เป็นกระเบนที่ ใหญ่ที่สุดในโลก อาจมีความกว้างช่วงปีก(ครีบหู) ได้ถึง 6.7 เมตร หรือ 22 ฟุต มีน้ำหนักได้ถึง 1,350 กิโลกรัม หรือ 3,000 ปอนด์ อาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนทั่วโลก โดยเฉพาะรอบๆแนวปะการัง
โดยทั่วไปกระเบนราหูจะมีหลังสีดำและท้องสีขาว แต่อาจพบกระเบนราหูหลังสีฟ้าได้บ้าง ตาของกระเบนราหูอยู่บริเวณข้างหัว และต่างจากกระเบนทั่วไป ปากของกระเบนราหูอยู่ทางด้านหน้าของหัว มีช่องเหงือก 5 คู่ เหมือนกระเบนทั่วไป
ครีบหูพัฒนาเป็น ติ่งลักษณะคล้ายเขา หรือที่เรียกว่าครีบหัว (ลักษณะดังกล่าวทำให้กระเบนชนิดนี้มีอีกชื่อว่ากระเบนปิศาจ-Devil Ray) อยู่บริเวณด้านหน้าของหัวแบนๆ ครีบดังกล่าวเจริญขึ้นในช่วงตัวอ่อน เลื่อนมาอยู่รอบปาก ทำให้เป็นหนึ่งในสัตว์มีกระดูกสันหลังมีขากรรไกร ที่มีรยางค์พิเศษอันเป็นที่รู้จักมากที่สุดชนิดหนึ่ง (อีกชนิดคือ เต่าหก-Manouria emys) เขาที่อ่อนนุ่มมีไว้สำหรับโบกพัดเอาน้ำเข้าปาก เพื่อกินแพลงก์ตอน และเพื่อจะฮุบน้ำจำนวนมากต้องว่ายอ้าปากและพัดอาหารเข้าปากอยู่เสมอ
กระเบนราหูเคยเป็นผู้หาอาหารตามพื้นท้องทะเลมาก่อน ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นผู้กรองกินตามทะเลเปิดในปัจจุบัน ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้จนมีขนาดใหญ่มากกว่ากระเบนอื่นๆ
ลักษณะการกรองกินทำให้ฟันลดขนาดลงเป็นซี่เล็กๆ ส่วนใหญ่แอบอยู่ใต้ผิว คล้ายกับกระเบนทั่วไป กระเบนราหูมีหางเป็นเส้นยาว แต่หากปราศจากเงี่ยงที่ส่วนหาง และเกล็ดแหลมหุ้มลำตัวก็มีขนาดเล็กลง แทนที่ด้วยเมือกหนาหุ้มร่างกาย ส่วน spiracle มีขนาดเล็กและไม่ทำหน้าที่ น้ำทั้งหมดไหลเข้าสู่ปากแทน
เพื่อการว่ายน้ำที่ดี กระเบนราหูวิวัฒนาการรูปร่างร่างกายให้เป็นรูปเพชร และมีการพัฒนาครีบให้คล้ายปีกสำหรับโบยบินในท้องทะเล ขนาดตัวยักษ์ใหญ่และความเร็วชนิดใกล้เคียงจรวด ทำให้กระเบนราหูมีศัตรูตามธรรมชาติน้อย ศัตรูในทะเลไทยกลุ่มเดียว คือวาฬเพชรฆาตและวาฬเพชรฆาตเทียม แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่นอน
โดยปกติกระเบนราหูกินแพลงก์ตอน ตัวอ่อนปลา และสิ่งมีชีวิตเล็กๆทั่วไปโดยการกรองน้ำที่ไหลเข้าสู่ปากโดยใช้ซี่เหงือก เรียกการกรองกินแบบนี้ว่า ram-jet
ในเชิงอนุกรมวิธาน กระเบนราหูยังมีการจัดจำแนกที่ไม่ชัดเจน โดยมีกระเบนราหูถึง 3 ชนิดที่มีการจัดนำแนกไว้ ได้แก่ Manta birostris, Manta ehrenbergii และ Manta raya โดยชนิดแรกสุดมีขนาดเล็กกว่า และสองชนิดหลังนั้นอาจเป็นเพียงประชากรที่แยกตัวกันมานานแสนนาน เดิมทีแล้ว สกุลของกระเบนราหูถูกจัดอยู่ในวงศ์ Mobulidae แต่ในปัจจุบันอาจมีการจัดไว้ในวงศ์ Myliobatidae ซึ่งมีกระเบนอินทรีย์เป็นเพื่อนร่วมวงศ์
สามารถถูกพบเห็นได้บ่อยตามแนวปะการังของมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะหมู่เกาะมัลดีฟส์ หมู่เกาะสุรินทร์ รวมไปถึงหมู่เกาะสิมิลันของ ไทย โดยเฉพาะ หินแดง เกาะบอน เกาะตอรินลา และเกาะตาชัย พบได้บ่อยในทางด้านอ่าวไทยเช่นกัน เช่น หินใบ เกาะพงัน และกองหินโลซินอันห่างไกล
กระเบนราหูเป็นปลาอีกชนิดที่นักดำน้ำต้องการที่จะพบเห็นมากที่สุด ซึ่งมักจะถูกพูดถึงร่วมกับฉลามวาฬเสมอ
นอกจากนี้ กระเบนราหูเป็นปลากระเบนเพียงชนิดเดียว ที่ไม่มีเงี่ยงพิษเหมือนปลากระเบนชนิดอื่นๆ
พี่ติ่งครับ
ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งทำให้รู้จักกับเพื่อนร่วมโลกชนิดนี้ดียิ่งขึ้นคร้าบ
angel frog
17-08-2010, 08:58
WOW!!!! Feel so good!!!!!
เบลูก้าน้อย
17-08-2010, 09:51
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่ก้อย ทริปนี้สุดยอดมากๆเลยเน้อ ไม่ได้ไป คงเสียดายแย่เลยเนอะ
แบบว่า มันครบทุกรส ดูน่าประทับใจในทุกสิ่งที่พบเจอเลยทีเดียว
และ ไม่ว่าพี่ก้อยจะตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ หรือ ยั่วยวน ก็ตาม
... ขอบอกว่า พี่ทำมันสำเร็จแล้ว
ตอนนี้ต่อมอยากไปมัลดีฟของน้องสองคน กำลังเต้นปุดๆ และเราเริ่มวางแผนจะเก็บเงินเพื่อไปทริปนี้กันแล้ว ... กรี๊ดดดดด แมนต้าจ๋า ฉลามวาฬจ๋า รอเ้ค้าก่อนน๊า :D
ปล. ขอแซวหน่อย
รูปบน Sea Plane น่ะ น้องไม่เห็นว่าพี่หน้ามันย่องเลย เห็นแต่หน้าขาวๆ ที่โบะครีมกันแดดไปซะเต็มที่เลย ฮ่าๆๆ
อ้อ ถามอีกนิด .... แล้วนอกจากไดฟ์ไซต์จุดนี้ ที่จุดอื่นๆ มีอะไรเด็ดๆบ้างไหม
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่ก้อย ทริปนี้สุดยอดมากๆเลยเน้อ ไม่ได้ไป คงเสียดายแย่เลยเนอะ
แบบว่า มันครบทุกรส ดูน่าประทับใจในทุกสิ่งที่พบเจอเลยทีเดียว
และ ไม่ว่าพี่ก้อยจะตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ หรือ ยั่วยวน ก็ตาม
... ขอบอกว่า พี่ทำมันสำเร็จแล้ว
ตอนนี้ต่อมอยากไปมัลดีฟของน้องสองคน กำลังเต้นปุดๆ และเราเริ่มวางแผนจะเก็บเงินเพื่อไปทริปนี้กันแล้ว ... กรี๊ดดดดด แมนต้าจ๋า ฉลามวาฬจ๋า รอเ้ค้าก่อนน๊า :d
ปล. ขอแซวหน่อย
รูปบน sea plane น่ะ น้องไม่เห็นว่าพี่หน้ามันย่องเลย เห็นแต่หน้าขาวๆ ที่โบะครีมกันแดดไปซะเต็มที่เลย ฮ่าๆๆ
อ้อ ถามอีกนิด .... แล้วนอกจากไดฟ์ไซต์จุดนี้ ที่จุดอื่นๆ มีอะไรเด็ดๆบ้างไหม
555 ย้งตาแหลมจริงๆ ที่เห็นครีมกันแดดบนหน้าพี่ แต่ถ้าดูให้ดี ตรงคอพี่มันเยิ้มเชียว (พอๆกับคอหมูย่าง)
ไดฟ์ไซต์อื่นๆก็พอมี แต่ถ้าเทียบแล้ว ปะการังบ้านเราสวยกว่าของเขาหลายเท่า
ปีหน้าถ้าไป พี่ก็ยังสนใจอยากไปอยู่อีกนะ
Scubalism
17-08-2010, 11:01
wow...............................
อิจฉาตาร้อนๆๆๆๆๆ เก็บเงินๆๆๆๆๆ
chickykai
17-08-2010, 17:38
โอ้ โอ อยากไปมากๆ เก็บตัง เก็บตัง ปีหน้าไม่ไปไหนเลย เก็บตังไปมัลดีฟอย่างเดียวดีมั้ยเนี่ย อิอิ
แมนต้ามากันเพียบบเลยยย ปีนี้ขอยกให้พี่ก้อยเป็นหนุ่มที่น่าอิจฉาที่สุดแห่งปี กรี๊ดๆ อ่ะ
blue day
17-08-2010, 20:58
เชอะๆๆๆๆ ก้อแค่แมนต้ากะหลามวาฬ ฮื่อออออ อิจฉาาาาาาาาาhttp://image.ohozaa.com/iy/36i29.gif (http://image.ohozaa.com/show.php?id=f37d04771a5e2bb7e6994e643f31d880)
สุดยอดไปเลยน้องก้อย.....ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันจ้ะ...:)
ไปประชุมวันนี้ได้พบน้องหนุ่มที่ไปร่วมทริปกับน้องด้วย บอกว่าสนุกสนานหรรษากับแมนต้าและฉลามวาฬมาก
ช่วยนำภาพ vdo มาใส่ในบ้านนี้ให้แล้วนะคะ จะไ้ด้เปิดดูได้เลยค่ะ
พี่น้อยครับ ขอบคุณมากครับที่ช่วยเอาภาพ screenshot มาขึ้นที่ลิงค์วิดีโอ
ไม่ทราบว่าทำยังไงครับ เพราะพยายามทำด้วยการก็อปปี้ Embed จาก youtube มาใส่ในหน้าเว็บฯเรา แต่ไม่ได้
ผมยังมีภาพและวิดีโออีกเยอะที่ไฟล์ใหญ่ จนโหลดขึ้นเน็ตไม่ไหว และของเพื่อนคนอื่นๆที่แลกเปลี่ยนภาพมาให้ รวมทั้งวิีดีโอฝีมือขั้นเทพของน้องหนุ่ม รวมแล้ว 45 GB! ไว้จะเอาไปทีุ่ชุมพรด้วยครับ
ด้วยความยินดีค่ะน้องก้อย....
ทำได้ง่ายมาก ตามวิธีที่น้องโป๋ให้ไว้ คือเพียงนำ code หลัง = มาใส่ตรงกลางระหว่างคำสั่ง youtube กับ /youtube (ให้ใส่วงเล็บ [...] ไว้ที่ youtube กับ /youtube ด้วย)
เช่น http://www.youtube.com/watch?v=mIGovFFaZxY
ให้นำ mIGovFFaZxY มาใส่ตรงกลาง youtube กับ /youtube เท่านี้ก็สำเร็จแล้วค่ะ...:)
สองสายไป Maldives ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2005....
ถ้าท่านใดอยากอ่านเรื่องและชมภาพเสริมจากน้องก้อย ขอเชิญเปิดไปที่
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?topic=85.msg1192#msg1192
หากจะชมภาพใหญ่...ให้คลิ๊กซ้ายที่ภาพนะคะ...
เป็นข่าวดียิ่งยวด Baa Atoll ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Hanifaru Bay แหล่งสวาปามแพลงตั้นของบรรดากระเบนราหู ได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ให้เป็นเขตสงวนชีวมณฑล (biosphere reserve) ไปแล้ว เมื่อปลายเดือนมิถุนานี้เองครับ
http://www.maldivestraveller.mv/index.php?section=details&page=Eco+Tourism+2bplus+Conservation&id=baa-atoll-listed-as-a-biosphere-reserve-by-the-un
ขอบคุณสำหรับข้อมูลจ้ะน้องก้อย...
เป็นเขตสงวนชีวมณฑล (biosphere reserve) ไปแล้วอย่างนี้....จะมีการจำกัดนักดำน้ำเข้าในเขตอะตอลนี้ไหมคะ...
ด้วยเวลาจำกัด ลองหาอ่านคร่าวๆ จาก http://www.nrdc.org/land/wilderness/fbios.asp
In order to be designated a biosphere reserve, a candidate ecosystem must be nominated by a national government and approved by the UNESCO's Man and Biosphere Programme. In order to satisfy UNESCO's program requirements, each biosphere reserve must contain three elements:
Core Areas: These areas are securely protected sites for conserving biological diversity, monitoring minimally disturbed ecosystems, and undertaking non-destructive research and other low-impact uses (such as education).
Buffer Zones: These areas must be clearly identified, and usually surround or adjoin the Core Areas. Buffer Zones may be used for cooperative activities compatible with sound ecological practices, including environmental education, recreation, ecotourism and applied and basic research.
Transition, or Cooperation, Zones: These areas may contain towns, farms, fisheries, and other human activities and are the areas where local communities, management agencies, scientists, non-governmental organizations, cultural groups, economic interests, and other stakeholders work together to manage and sustainably develop the area's resources.
ไม่แน่ใจว่า Hanifaru Bay จะถูกจัดให้เป็นพื้นที่ (zone) ไหน
ถ้าเป็น core area ผมว่าโอกาสที่จะจำกัดจำนวนนักดำน้ำมีความเป็นไปได้สูงแน่นอนครับ
ข่าวล่าสุด ตั้งแต่ต้นปีหน้า เขาให้ดำ snorkel ท่ีhanifaru ได้แค่45นาที และต้องขออนุญาตก่อน แถมห้ามถ่ายภาพด้วยครับ
ขอบคุณมากค่ะน้องปี๊บ....น้องก้อย...
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็หมดสนุกกันเลยนะคะ แต่เพื่อสิ่งแวดล้อม เก็บกระเบนไว้ดูกันนานๆ ก็ต้องทนยอมกันหน่อย
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.