PDA

View Full Version : มหากุศลข้ามชาติ ย่างกุ้ง -มันดาเลย์-แฮโฮ-หงสาวดี


นาย
11-01-2011, 11:23
...ขอนำบุญมาฝากพี่ๆน้องๆชาว sos ทุกท่านครับ...
ครั้งหนึ่งในชีวิตทำธุรกิจข้ามชาติ....
.....องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
" มนุสสัตตภาโว ทุลลโภ "แปลว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก"
...ดังนั้น ในชาตินี้เราโชคดีที่ได้มีโอกาสสร้างความดี สะสมบุญบารมี เพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะให้ได้รับผลในภพชาติต่อๆไป...
.....ช่วงปลายปีได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญที่พม่า..เลยนำเรื่องราวและภาพมาฝากพี่น้องชาวsos ครับ

สายชล
11-01-2011, 12:28
อนุโมทนา....สาธุ...สาธุ...สาธุ....


และขอบคุณในบุญที่นำมาฝาก รวมทั้งเรื่องราวและภาพที่นำมาลงให้ชมค่ะ น้องนาย..น้องจุ๋ม...:)


ต้องมีภาพประกอบเรื่องให้ชมอีกแน่นอน....จะรอชมนะคะ...;)

นาย
11-01-2011, 13:02
…..สถานที่แรกที่เราเดินทางไปถึงคือ วัดพระหยกขาว
พระหยกขาว เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนองค์ใหญ่ที่สุดในพม่า สีขาวสะอาดไม่มีตำหนิ สูง ๓๗ ฟุต กว้าง ๒๔ ฟุต หนัก ๖๐๐ ตัน พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสิงคโปร์และศรีลังกา ลักษณะพระหัตถ์ขวานี้ยกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้มีการนำหินที่เหลือมาสลักเป็นพระพุทธบาทซ้าย-ขวา ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหลังพระพุทธรูปด้วย
ไกด์เล่าว่า เมื่อประมาณ ๑๐ ปีที่แล้ว พ่อค้าพม่าอยากจะสร้างพระพุทธรูปหินหยกถวายเป็นพุทธบูชา จึงได้ไปขออนุญาตรัฐบาลเมื่อสร้างพระพุทธรูปเสร็จแล้ว ตั้งชื่อว่าพระลาภมุนี พร้อมกันนั้นรัฐบาลได้สร้างวัดให้ท่านประดิษฐานด้วย จึงเป็นวัดพระหยกขาวอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
พระพุทธรูปหยกขาว นี้ เก็บรักษาไว้ในตู้กระจกใหญ่ ภายในติดเครื่องปรับอากาศ เพื่อรักษาอุณหภูมิ เนื่องจากถ้าปล่อยให้ประดิษฐานไว้ในอากาศตามธรรมชาติ หินหยกที่สร้างเป็นองค์พระจะร่อนแตกได้ ดังนั้น รูปที่ถ่ายมาก็เลยไม่สวย ติดที่มีแสงสะท้อนจากกระจก
…..สถานที่ต่อไปคือ ปางช้างเผือก ที่เป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองของพม่า มีสีขาวเผือกตลอดทั้งตัว จำนวน 3 เชือก ต้องตามคลักษณะของช้างเผือกทุกประการ
ลักษณะสำคัญของช้างเผือก
1.ตาขาว 2.เพดานขาว 3.เล็บขาว 4.ขนขาว 5.พี้นหนังขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ 6.ขนหางยาว7.อัณฑโกศขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่

Udomlert
11-01-2011, 13:39
ตกลงพี่นายทำธุรกิจข้ามชาติแล้วหรือครับ

Kungkings
11-01-2011, 14:51
อิ่มบุญคะ พี่นาย พี่จุ๋มจ๋า...

นาย
12-01-2011, 07:10
...เที่ยง ทานอาหารกลางวันที่ร้าน western park เสร็จแล้วชมเมืองย่างกุ้ง ชมบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวเมือง จากนั้น สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี ซึ่งเป็นพระนอนที่มีความสวยงามที่สุด มีขนตาที่งดงาม ที่พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างจากศิลปของไทย

นาย
12-01-2011, 07:41
....จากนั้นเดินทางไปวัดมิตรภาพ-ไทยพม่า เพื่อถวายบาตร 28 ใบ แก่พระอาจารย์โกณฑัญญะและภิกษุสามเณรทั้งวัด รดน้ำและน้ำนมต้นมหาโพธิ์ และถวายสิ่งของต่างๆ

นาย
12-01-2011, 14:33
....ช่วงเย็น...ไปสักการะ พระเจดีย์ชเวดากอง พระมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า ..."ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้
................ ประวัติความเป็นมาของมหาเจดีย์องค์สำคัญนี้ ที่มีผู้ค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างน่าอ่านก็คือ ข้อมูลจากหนังสือ "พม่า" ในชุด "หน้าต่างสู่โลกกว้าง"
............... ตามตำนานกว่า 2,500 ปี ของเจดีย์แห่งนี้กล่าวไว้ว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุทั้งแปดเส้นของพระพุทธเจ้า และพระบริโภคเจดีย์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์ องค์สถูปหุ้มด้วยทองคำทั้งหมด 8,688 แท่ง แต่ละแท่งมีค่ามากกว่า 400 ยูเอสดอลลาร์ ปลายยอดสถูปประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม นิล และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ทั้งหมดนี้ประดับอยู่ด้านบนเหนือฉัตรขนาด 10 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นบนไม้หุ้มทองเจ็ดเส้น ประดับด้วยกระดิ่งทองคำ 1,065 ลูก และกระดิ่งเงิน 420 ลูก รอบองค์สถูปรายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างกว่า 100 หลัง มีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ
........... เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพวก บะกัน เรื่องอำนาจ พระเจ้าอโนรธา เคยเสด็จประพาสชเวดากองระหว่างการรบพุ่งทางใต้ในศตวรรษที่ 11 พระเจ้าบญาอู แห่งพะโค ก็ทรงบูรณะเจดีย์แห่งนี้ในปี พ.ศ.1925 และ 50 ปีต่อมา พระเจ้าเบียนยาเกียนก็โปรดให้ยกองค์สถูปให้สูงขึ้นไปถึง 90 เมตร
..........ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจาก พระเจ้าเบียนยาเกียน คือ พระนางฉิ่นซอปู้ หรือ นางพญาตะละเจ้าท้าว ได้ทรงสร้างลานและกำแพงล้อมรอบองค์สถูป และพระราชทานทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เอง 40 กิโลกรัม ให้นำไปตีเป็นแผ่นทองหุ้มสถูป เป็นแบบอย่างให้กษัตริย์รุ่นหลัง ๆ ทรงประพฤติปฏิบัติตาม ทั้งนี้เพราะพายุลมฝนในช่วงมรสุมนั้นโหมแรง จนทำให้แผ่นทองคำชำรุดหลุดร่วงลงมาอยู่บ่อย ๆ พระเจ้าธรรมเซดี ผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระนางก็ได้ทรงบริจาคทองคำหนักเป็นสี่เท่าของน้ำหนักพระองค์เอง เพื่อบูรณะซ่อมแซมพระเจดีย์
.........ในปี พ.ศ.2414 พระเจ้ามินดง แห่งมัณฑะเลย์ ทรงส่งฉัตรฝังเพชรอันใหม่มาถวายเป็นพุทธบูชา มีการจัดงานฉลองและมีชาวพม่ากว่าแสนคนมาเที่ยวชมงาน พระองค์จึงทรงถือโอกาสนี้ปรารถนาเรื่องเอกราชของพม่า สร้างความไม่พอใจให้กับอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
..........เจดีย์ชเวดากองสัญลักษณ์ของประเทศพม่าตั้งแยู่บนเนินเขาเชียงกุตตระ สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง เพราะสูงเด่นเป็นสง่า ข้อสำคัญไม่มีตึกหรืออาคารสูงมาตั้งบดบังได้
............เจดีย์ชเวดากองเปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 04.00-21.00 น. การเปิดให้เข้าชมเป็นช้าวงเวลายาวขนาดนี้ ก็เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้าไปก่อนอรุณรุ่งและกลับออกมาหลังตะวันยอแสง จะได้มีเวลาชมเต็มที่
.........ตามสองข้างทางบันได เต็มไปด้วยร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางวัดให้เข้ามาตั้งแผงขายของให้กับ ผู้คนที่มาสักการะบูชาด้วยความเลื่อมใส สินค้าส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทำบุญและก็มีสินค้าที่ระลึกวางขายด้วย รายรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กองค์น้อย ผู้คนจำนวนมากยังเดินทางมาที่นี่เพื่อกราบไหว้ สักการะ สรงน้ำองค์ปฏิมา และทำทักษิณาวัตร ไม่ใช่เฉพาะคนแก่คนเฒ่า แต่ทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง พากันมาน้อมใจสู่พระรัตนตรัยที่นี่

Super_Srinuanray
12-01-2011, 20:09
สวยมากเลยค่ะพี่นาย พี่จุ๋ม สำหรับเจดีย์ชเวดากอง....

นาย
12-01-2011, 20:55
....ขอบคุณ ทุกๆท่านที่ติดตามชมครับ...ครูติ่ง..ชอบเจดีย์ชเวดากอง...เดี๋ยวเลือกรูปเกี่ยวกับเจดีย์ชเวดากอง และบริเวณโดยรอบให้ชมครับ

-Oo-
12-01-2011, 21:40
สวยจัง แถมได้ความรู้อีกต่างหาก

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะพี่

นาย
13-01-2011, 09:36
....วันที่สองของการเดินทาง....ย่างกุ้ง-แฮโฮ-เปงตะยะกิพะยา-หย่องชเว(อินเล)
...ชมถำ้เปงตะยะกิพะยา(เจดีย์แมงมุม) ห่มผ้าพระเจดีย์ ภายในถำ้แห่งนี้มีพระพุทธรูป ประมาณ 8,000 องค์ และเข้าไปสวดมนต์ในถำ้แมงมุม(ถำ้ของถำ้)......

นาย
14-01-2011, 12:54
วันที่สามของการแสวงบุญ ....นั่งเรือชมทะเลสาบอินเล ..สักการะพระบัวเข็มและถวายฉัตร 4 ทิศ......

นาย
14-01-2011, 13:10
.....สักการะพระบัวเข็มและถวายฉัตร 4 ทิศ.....และถ่ายรูปร่วมกับนาคซึ่งกำลังเข้าพิธีบวชพระ...พระบัวเข็ม(ปกติสำหรับพระบูชาจะเห็นส่วนที่เรียกว่าเข็มเป็นปุ่มนูนขึ้นมา เก้าแห่ง ซึ่งสมัยก่อนทั้งเก้าแห่งนี้จะบรรจุพระอรหันตธาตุและนำไม้ชัยพฤกษ์มาเหลาให้ เล็กตอกปิดพร้อมเสกคาถาอาคมกำกับไว้ด้วย) ที่เรียกกันแบบชาวบ้านเป็นรูปเคารพแทนพระอรหันต์นามว่า อุปคุต ซึ่งเป็นพระอรหันต์หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วประมาณสามร้อยปี ที่ทำลักษณะเป็นพระและบนพระเศียรมีใบบัวเพราะเชื่อกันว่าท่านจะประทับจำศีล เสวยวิมุตติสุขอยู่ที่สะดือทะเล พระมหาอุปคุตเป็นพระอรหันต์ซึ่งมีฤทธิ์ธานุภาพมาก ปรากฎขึ้นเพื่อป้องกันพญามารไม่ให้มาทำลายพิธีสังคายนาพระไตรปิฎกโดยท่าน สามารถนำหมาเน่าผูกคอพญามารจนถึงกับตัวพญามารเอ่ยปากยอมแพ้และพูดเอ่ยอ้าง ว่าแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่เคยลงโทษหนักขนาดนี้
รูปของพระบัวเข็มได้รับอิทธิพลตามประเพณีนิยมของพวกมอญ มีความเชื่อกันว่าในปีใดก็ตามที่มีวันพุธตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ พระมหาอุปคุตจะมารับบาตรและหากผู้ใดได้ใส่บาตรกับท่านปราถนาสิ่งใดจะสำเร็จ ทุกประการ

สายชล
14-01-2011, 13:27
อ่านเรื่องและเห็นภาพแล้ว....เกิดอาการอยากไป ทั้งทำบุญและเที่ยวเมืองพม่ามากๆ โดยเฉพาะที่ทะเลสาบอินเลค่ะ


ขอบคุณน้องนายและน้องจุ๋มนะคะ...:)

นาย
14-01-2011, 14:07
ขอบคุณครับพี่น้อย...ทะเลสาบอินเลสวยมากๆๆๆๆ...ถ้ามาเที่ยวพม่าควรหาโอกาสมาที่นี่ให้ได้นะครับ...ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบอินเล..ครับ
ทะเลสาบอินเล (Inle Lake)
• ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สวยงามของรัฐฉาน อยู่ห่างจากเมืองตองยีประมาณ 25 กิโลเมตร เหมาะแก่การมาเที่ยวชมเพื่อการศึกษาถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าที่เรียก ได้ว่ากลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอินทา (Intha) ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบอินเลมานานนับร้อยปีแล้ว โดยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการทำการเกษตรบนเกาะวัชพืชที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกลาง ลำน้ำในทะเลสาบ
• การทำประมง ในทะเลสาบเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะวิธีการหาปลานั้น เรียกได้ว่าไม่มีชาวประมงที่ใดในโลกสามารถเลียนแบบได้ นี่คือหนึ่งในสถานที่มหัศจรรย์ที่ควรไปเยี่ยมเยือน ส่วนในเรื่องของที่พักนั้น จัดได้ว่ามีอยู่หลากหลายมาก
• เนื่องมาจากบรรยากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายและทัศนียภาพทะเลสาบที่สวยงามมาก ทำให้มีบรรดารีสอร์ตต่างๆก่อสร้างขึ้นมากมายบริเวณโดยรอบ
การพายเรือด้วยเท้า เป็นลักษณะอันโดดเด่นเฉพาะตัวของชาวอินตา สาเหตุของการพายเรือด้วยเท้าของชาวอินตา เป็นเพราะว่าปรับการดำรงค์ชีวิตและเพิ่มความสะดวก ให้เข้ากับหลักทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาปอินเล การไปดูชาวอินตาพายเรือด้วยเท้าอาจเป็นเหตุผลต้นๆของการไปเที่ยวทะเลสาบอินเล แต่วิถีชีวิตและธรรมชาติแบบโรแมนติกที่นักท่องเที่ยวเก็บความประทับใจมาครับ
ทะเลสาบอินเล มีพื้นที่ประมาณ 116 ตร.ก.ม. มีความลึกประมาณ 2 - 8 เมตร ( พื้นที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดู ) มีความสวยงามตามธรรมชาติ เป็นแรงดึงดูดที่สำคัญดึงให้นักท่องเที่ยวมาเยือน ผืนน้ำกว้างใหญ่และวิวทิวเขาอันสวยงาม รวมทั้งเสน่ห์วิถีชีวิตของชาวอินตาที่เรียบง่าย
ทะเลสาปอินเล มหัศจรรย์ของการเกษตรกรรมลอยน้ำ เป็นภูมิปัญญาของชาวอินตาที่รู้จักดึงเอาธรรมชาติรอบตัว มาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างอย่างสูงสุดและเหมาะสม แปลงผักในทะเลสาบเกิดจากการตัดเอาหญ้าวัชพืชและสาหร่ายในทะเลสาปที่เอามา ดัดแปลงทำเป็นแปลงเกษตรลอยน้ำ
• ทะเลสาบอินเล เป็นที่ตั้งของชุมชนกลางน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกรรมทั้งเพาะปลูกและประมง และมีสินค้าหัตถกรรม ขนาดเล็ก เช่นการทอผ้า ตีเหล็ก บุหรี่ และอีกส่วนหนึ่งก็มีรายได้จากการบริการท่องเที่ยว บ้านเรือนของชาวอินตา ก็ล้วนแต่ปลูกหลักปักเสาลงในทะเลสาบ และอยู่ใกล้กับแปลงเกษตรลอยน้ำของพวกเขา

นาย
14-01-2011, 14:24
สภาพโดยทั่วไปของทะเลสาบอินเลและการทำผ้าทอใยบัว อินเล.....

สายชล
14-01-2011, 15:08
ทะเลสาบอินเลสวย มหัศจรรย์ โรแมนติก...น่าเที่ยวจริงๆค่ะ...


เห็นนกบินว่อนเหนือทะเลสาบอินเล....ดูเหมือนจะเป็นนกนางนวล ใช่ไหมคะ


ไม่คิดเลยว่าผ้าใยบัว เขาใช้ใยบัวมาทอจริงๆ น่าทึ่งจริงๆค่ะ...

ตุ๊กแกผา
14-01-2011, 16:13
ต่อมอยากเที่ยวเริ่มทำงานอีกแล้ว.....

.....อนุโมทนาบุญด้วยอีกคนค่ะ....สาธุๆ

สายชล
14-01-2011, 16:23
รวมตัวได้สัก 6-8 คน....ไปทำบุญไหว้พระและเที่ยวพม่ากันดีกว่านิ....

แมลงปอ
14-01-2011, 17:02
ดีจังค่ะ ได้ทำบุญและได้เที่ยวทีเดียวเลย...ขอบคุณค่ะสำหรับภาพและเรื่องราวน่าประทับใจค่ะ..

นาย
14-01-2011, 17:48
ทะเลสาบอินเลสวย มหัศจรรย์ โรแมนติก...น่าเที่ยวจริงๆค่ะ...


เห็นนกบินว่อนเหนือทะเลสาบอินเล....ดูเหมือนจะเป็นนกนางนวล ใช่ไหมคะ


ไม่คิดเลยว่าผ้าใยบัว เขาใช้ใยบัวมาทอจริงๆ น่าทึ่งจริงๆค่ะ...


....เป็นนกนางนวลครับพี่น้อย...ก่อนลงเรือเขาจะแจกอาหารถุงให้พวกเรา..เขาบอกว่าเอาให้นกเมื่อถึงช่วงประมาณกลางทะเลสาบ...ตอนแรกก็ไม่ทราบว่านกอะไร...เห็นเรือลำแรกโยนอาหารขึ้นให้นกบนอากาศ..ฝูงนกนางนวลโฉบอาหารบนอากาศและส่วนมากอาหารจะไม่ถึงพื้นน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากครับ(เรือแล่นเร็วเลยถ่ายรูปไม่ทัน)....เขาใช้ใยบัวมาทอจริงๆครับตอนแรกก็งง..แต่ราคาก็แพงกว่าผ้าไหมมาก อยู่ที่ 500 - 1,000 us$ ขึ้นอยู่กับลวดลาย

สายชล
14-01-2011, 18:01
อู้วววว....ทะเลสาบกลางหุบเขา มีนกนางนวลเหมือนๆแถวชายทะเลด้วย

น้องนายเล่าว่านกนางนวลมากินอาหาร ที่โยนขึ้นไปกลางอากาศแล้ว ทำให้คิดถึงนกนางนวลที่อ่าว San Francisco, California และที่ Galveston , Texas ที่นกนางนวลก็น่ารักอย่างนี้เหมือนกันค่ะ

Super_Srinuanray
14-01-2011, 19:57
ขอบพระคุณพี่นายค่ะ สวยจริงๆๆ ค่ะ

พี่น้อยขา เลือกช่วงที่หนูมีวันหยุดยาวหน่อย และขอติดไปสักคนได้ไหมค่ะพี่น้อย

นาย
15-01-2011, 13:29
...วันที่ 4 ของการเดินทาง....จาก แฮโฮสู่ มันดาเลย์ -ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 2,500 รูป
....เวลา 0430 เดินทางสู่ วัดยักไข่ ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมล้างหน้า พระพักตร์พระมหามัยมุนี ( 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า)
.....ตำนาน พระมหามัยมุนี มัณฑเลย์

......“พระมหามัยมุนี” หรือ “พระมหาเมี๊ยะมู่นี่” อันมีความหมายว่า “พระผู้เป็นที่เคารพสูงสุด” หรือ “ผู้รู้อันประเสริฐสุด” ซึ่งนับเป็นหนึ่งในห้าแห่ง “เบญจมหาบูชาสถาน” อันมีความสำคัญสูงสุดของประเทศพม่า ตำนานได้กล่าวไว้ว่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์ สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว ก่อนสร้าง พระกษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้ เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาไปในภายหน้า โดยในอดีต แม้เมืองยะไข่จะถูกโจมตีโดยกษัตริย์ผู้ทรงแสนยานุภาพอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนย้ายองค์พระมหามัยมุนีนี้ออกจากเมืองได้ ต้องมีเหตุให้ขัดข้องทุกครั้งไป

......จนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าปดุง ยกทัพมาตีเมืองยะไข่ได้ และคราวนี้ สามารถอัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากยะไข่ได้ โดยล่องมาตามแม่น้ำอิระวดีมายังเมืองมัณฑเลย์ได้สำเร็จ พระมหามัยมุนีอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑเลย์เป็นการถาวรนับแต่นั้นเป็นต้นมา

.....และด้วยความเชื่อว่า พระพุทธมหามัยมุนีนี้ มีชีวิต เพราะด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร(บางตำนานก็ว่าเป็น “ลมหายใจ”จากพระพุทธองค์) จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้า เวลาประมาณตี 4 พระมหาเถระและสัปบุรุษก็จะมากระทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมแป้งทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดีเสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่จริงๆก็ปานกันเลยทีเดียว....

......อนึ่ง องค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไป ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพันๆหมื่นๆชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า “พระเนื้อนิ่ม” แต่น่าแปลกที่ว่า แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ไม่ได้มีการปิดทองที่องค์พระเลยแม้แต่น้อย

นาย
15-01-2011, 13:58
...ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 160 รูป และหลังจากนั้นร่วมกันถวายจีวรและคอมพิวเตอร์แก่พระภิษุสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฎก

นาย
15-01-2011, 14:18
เดินทางมาที่ วัดมาโซหยิ่น..... ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 2,500 รูป (รอบละ 900 รูป )

นาย
15-01-2011, 16:34
วันที่ 5 ของการเดินทาง ....กลับสู่ย่างกุ้ง..พระธาตุมุเตา...พระธาตุอินทร์แขวน

มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) เจดีย์สูงที่สุดในพม่า สูงถึง 114 เมตร หรือ 374 ฟุต
• มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นอกจากนี้มหาเจดีย์ชเวมอดอ ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ว่าด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้ พวกเขาได้ทำการสร้างเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน
สำหรับความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์ชเวมอดอก็คือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญอย่างเด่นชัด คือมีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า(อย่างชัดเจน)
• ส่วนบริเวณรอบๆองค์เจดีย์ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ให้กราบไหว้ มีอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมตะวันตกให้เดิน นอกจากนี้ที่ด้านหนึ่งของเจดีย์ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆเก็บโบราณวัตถุต่างๆให้ ชม

นาย
15-01-2011, 17:22
....บ่าย...เดินทางต่อไปยัง ..พระธาตุอินทร์แขวน

"พระธาตุอินทร์แขวน" หรือในภาษามอญใช้คำว่า "ไจ้ก์ทิโย" หมายถึง หินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่เมืองไจก์โถ่ อ.สะเทิม เขตรัฐมอญ ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวน คือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง ๕.๕ เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่น และท้าทายแรงดึงดูดของโลก โดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ
......ตามตำนานเล่าว่า มีฤาษี ๒ ตน เป็นพี่น้องกัน บำเพ็ญเพียรและมีบุญได้ครอบครองพระเกษาขององค์พระพุทธเจ้า ๒ เส้น จึงแบ่งกันองค์ละเส้น ฤาษี ๒ พี่น้องได้แยกกันไปบำเพ็ญเพียรบนยอดเขา ๒ ลูกที่ติดกัน โดยมีกฎที่ว่า เมื่อถึงตอนค่ำของทุกวัน ฤาษีทั้งสองตนต้องส่งสัญญาณไฟจากยอดเขาของตนมายังยอดเขาอีกลูก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่
....... จนมาวันหนึ่ง ฤาษีผู้พี่ไม่เห็นสัญญาณไฟจากฤาษีผู้น้อง จึงเป็นห่วงและออกเดินทางไปยังยอดเขาที่ฤาษีผู้น้องอยู่
เวลาผ่านไปหลายวัน กว่าจะเดินทางไปถึง และก็พบว่าฤาษีผู้น้องเสียชีวิตแล้ว จึงได้นำพระเกษาของพระพุทธเจ้าเส้นที่อยู่กับน้องมาซ่อนไว้ที่มวยผมของตนเอง และเดินทางกลับไปยังยอดเขาที่ตนเองได้บำเพ็ญเพียร
....... วันหนึ่ง เกิดคิดขึ้นมาได้ว่า ตนเองก็คงจะต้องตายจากไปในวันใดวันหนึ่ง จึงเป็นกังวลว่า จะทำอย่างไรดีกับพระเกษาของพระพุทธเจ้าทั้งสองเส้น ที่อยู่กับตน จึงบำเพ็ญจิตภาวนาไปถึงพระอินทร์ ขอให้พระอินทร์ทรงช่วยหาสถานที่ที่ซึ่งจะสามารถบรรจุพระเกษาของพระพุทธเจ้าไว้ในที่ที่สูงที่สุดเทียบเท่ากับสวรรค์
........ พระอินทร์จึงได้หาก้อนหินจากทะเลลึก และนำมาแขวนไว้บนเขา และดลใจให้ฤาษีได้มาพบเข้า จึงได้นำเอาพระเกษาของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่ก้อนหินนี้ และชาวบ้านก็เรียกต่อกันมาว่า พระธาตุอินทร์แขวน
........ บางตำรากล่าวว่า มีฤาษีติสสะผู้หนึ่งได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้ไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ว่าฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม
........ พอเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร โดยมีความตั้งใจจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตน จึงให้พระอินทร์ช่วยหาก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนกับศีรษะ ซึ่งได้มาจากใต้ท้องมหาสมุทร และก็ให้พระอินทร์นำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน จึงเป็นที่มาของชื่อ พระธาตุอินทร์แขวน
......... เล่ากันว่า ในสมัยก่อน ช่วงสร้างพระธาตุอินแขวนเสร็จใหม่ๆ หินดังกล่าวลอยอยู่กลางอากาศ ขนาดที่ว่า ไก่สามารถเดินลอดใต้ก้อนหินได้ แต่เนื่องจากคนทำบาปกันมาก ก้อนหินจึงหนักลง หนักลง เหลือเพียงนกพิราบที่สามารถลอดได้
......... จากนั้นคนก็ทำบาปมากขึ้นเรื่อยๆ เหลือเพียงนกกระจอกลอดได้ และเส้นด้าย ก่อนที่จะติดพื้นในที่สุด ซึ่งแสดงเป็นภาพไว้ในห้องด้านขวาของทางขึ้น โดยในห้องดังกล่าวมีรูปปั้นเทพต่างๆ ของพม่าไว้ให้ไหว้กัน
......... ส่วนด้านซ้าย จะเห็นรูปปูนปั้นหญิงสาวนอนอยู่ ตามตำนานเล่ากันว่า มีมเหสีของเมืองเมืองหนึ่งในพม่าต้องคำสาปป่วยใกล้ตาย และหนีการถูกจับ ก่อนตายได้ตั้งใจมาไหว้พระธาตุ แต่เมื่อเดินเข้ามาไหว้ปรากฏว่า อาการป่วยใกล้ตายหายอย่างปาฏิหาริย์
......... และได้อธิษฐานต่อว่า หากตนเองมีบุญที่ได้มาสักการะองค์พระธาตุ ขอให้ร่างของนางอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ สิ้นคำอธิษฐานเธอก็กลายเป็นหิน
........ ปัจจุบันนี้ชาวพม่า ชาวมอญ รวมทั้งผู้แสวงบูญชาวไทยเชื่อกันว่า สามารถอธิษฐานฝากโรคที่ตนเองมีความเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ให้นำเงินไปวาง และลูบศีรษะของนาง จากนั้นนำมาลูบศีรษะตนเอง แล้วอาการปวดหัวจะหายไป

นาย
15-01-2011, 17:33
บริเวณพระธาตุอินทร์แขวน.....

แมลงปอ
16-01-2011, 10:43
สวยอลังการจังค่ะ ต่อคิวรอชมต่อค่ะ

นาย
17-01-2011, 07:56
สวยอลังการจังค่ะ ต่อคิวรอชมต่อค่ะ

ขอบคุณน้องแมลงปอครับ...ดำน้ำทุกวันนี้ยังคิดถึง ลุงMILO15 อยู่เลย..เห็นน้องแมลงปอpostเข้ามาทำให้คิดถึง ลุงMILO15 และกลุ่มของเราที่ช่วยกันย้ายลอบร่วมกันกับลุง MILO15 ในครั้งนั้นที่เกาะเต่า...กำลังเลือกรูปให้ชมต่อไปแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวทำบุญซึ่งต่างจากทัวร์ทั่วๆไป

ดอกปีบ
17-01-2011, 08:52
เข้ามาชมและขอบคุณพี่นายพี่จุ๋มเช่นกันครับ ได้ไปสักการะพุทธะและปูชนียสถานสำคัญในพม่ามากมายหลายแห่ง ..

พุทธศรัทธาในพม่าแรงมากๆ มีโอกาสก็อยากไปสัมผัสด้วยตาตัวเองซักครั้ง

นาย
18-01-2011, 09:57
สวดมนต์เช้าและเตรียมเดินทางกลับ...สู่ย่างกุ้ง

นาย
19-01-2011, 13:32
..วันที่ 6 ของการเดินทาง .... หงสาวดี - วัดชเวตาละยองพะยา - ไจ้ปุนพะยา ..
.....เดินทางไป วัดชเวตาละยองพะยา นมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าและเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า...

.....พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน
• ด้านหลังพระองค์มีภาพวาดเล่าขานตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ
• หลังจากที่พระเจ้าอลองพญาทรงปราบมอญราบคาบ เมืองหงสาวดีก็ถูกทิ้งร้าง พระพุทธไสยาสน์ไม่ได้รับการดูแลจนกลายเป็นกองอิฐจมอยู่ในโคกดิน จนถึงปี พ.ศ.2424 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า จึงขุดพบพระนอนองค์นี้ จากนั้นปี พ.ศ.2491 หลังจากพม่าได้รับเอกราช ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างจริงจัง และได้ทาสีและปิดทองลงชาดใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

นาย
19-01-2011, 14:04
....หลังจากนั้นเดินทางไปยัง...เจดีย์ไจ๊ปุ่น (พระสี่ทิศ)
เจดีย์ไจ๊ปุ่น (พระสี่ทิศ)
ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4 ดังนั้น พระเจดีย์ปุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ โดยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ
ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ในที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น
จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก

angel frog
19-01-2011, 14:20
ขออนุโมทนาบุญ กับพี่นายและพี่จุ๋มด้วยค่ะ
เห็นรอยยิ้ม และ สายตา ก็รู้ได้ถึงความปิติสุข ที่ได้รับ นะค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ

นาย
19-01-2011, 16:44
ขออนุโมทนาบุญ กับพี่นายและพี่จุ๋มด้วยค่ะ
เห็นรอยยิ้ม และ สายตา ก็รู้ได้ถึงความปิติสุข ที่ได้รับ นะค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
....ขอบคุณพี่angel frog ครับ...ยังไม่หมดครับ...วันต่อไปจะได้บุญมากเลย.....โปรดติดตามตอนต่อไป....:):):)

นาย
20-01-2011, 07:59
...ระหว่างเดินทางจาก ย่างกุ้งไปหงสาวดี..ได้ข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งมีชื่อว่า แม่น้ำสะโตง...ทำให้ นึกถึงประวัติศาสตร์สมัย..สมเด็จพระนเรศวรมหาราช...ขอนำประวัติศาสตร์..มาเล่าสู่การฟัง..ครับ

...ปี พ.ศ.๒๑๒๖ พระเจ้าอังวะคิดแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นต่อหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรงได้ สั่งให้ประเทศราช (เมืองแปร ตองอู เชียงใหม่ ลาว และกรุงศรีฯ)ยกทัพไปปราบ สมเด็จพระนเรศวรทรง รอโอกาสที่จะแข็งเมืองอยู่เช่นกัน จึงทรงเดินทัพช้าๆเพื่อรอ ฟังผลการรบ ถ้าทางหงสาวดีชนะก็จะทรงกวาดต้อนคนไทยกลับกรุงศรีอยุธยา แต่ถ้าทางหงสาวดีแพ้ก็จะทรงยกทัพไปตีซ้ำ แต่ว่าทางหงสาวดีก็ไม่ไว้ใจสมเด็จพระนเรศวรอยู่แล้วจึงคิดจะกำจัด โดยสั่งให้พระยาเกียรติและพระยารามซึ่งเป็นมอญไปรับเสด็จพระนเรศวรที่เมืองแครง รอตีขนาบหลังจากที่ทัพพระมหาอุปราชเข้าโจมตี

.........ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวรทำให้พระยาเกียรติและพระยารามนำความ เข้ามาปรึกษามหาเถรคันฉ่องพระ อาจารย์ พระมหาเถรคันฉ่องจึงนำเรื่องกราบทูล สมเด็จพระนเรศวรและเล่าความจริงทั้งหมดที่ทางหงสาวดีคิดไม่ซื่อ สมเด็จพระนเรศวรทรงเรียกประชุมแม่ทัพนายกอง นิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องพร้อมด้วยพระยาทั้งสองเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงกัน แล้วทรงเล่าเรื่องที่พระเจ้านันทบุเรงคิดไม่ซื่อจะหลอกฆ่าพระองค์

.........เวลาในการประกาศอิสรภาพได้มาถึงแล้ว สมเด็จพระนเรศวรทรงหลั่งน้ำลงเหนือแผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร(น้ำเต้าทอง) ทรงประกาศแก่เทพยดาต่อหน้าที่ประชุมว่า " ตั้งแต่วันนี้ กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรต่อกันดังแต่ก่อนสืบไป " พระราชพิธีนี้เกิดขึ้นในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๑๒๗ ณ.เมืองแครง จากนั้นพระองค์ ทรงมีดำรัสถามชาวมอญที่อยู่ในเมืองแครงว่าจะอยู่ข้างไทยหรือพม่า ส่วนมากจะอยู่ข้างไทยแล้วทรงรับสั่งให้จัดทัพเพื่อไปตีเมืองหงสาวดี

.........สมเด็จพระนเรศวรทรงยกกองทัพข้ามแม่น้ำสะโตง จวนจะถึงหงสาวดีก็ทราบข่าวว่าพระเจ้าหงสาวดีรบชนะพระเจ้า อังวะ และกำลังยกทัพกลับกรุงหงสาวดี สมเด็จพระนเรศวรทรงคิดพิจารณาแล้วว่า การจะตีหงสาวดีครั้งนี้คงไม่สำเร็จ จึงให้ทหารเที่ยวไปกระจายข่าวบอกชาวไทยที่ถูกพม่ากวาดต้อนมาให้เดินทาง กลับเมืองไทยได้จำนวนหมื่นเศษ สมเด็จพระนเรศวรทรงให้ชาวบ้านข้ามแม่น้ำ สะโตงไปจนหมด แล้วพระองค์ทรงอยู่คุมกองหลังข้ามแม่น้ำสะโตงเป็นชุดสุดท้าย(แสดงถึงความ เป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมและกล้าหาญมาก) ขณะนั้นพระมหาอุปราช(มังสามเกียด)ได้จัดทัพติดตามมาให้สุรกรรมาเป็นกองหน้า แล้วมาทันกันที่แม่น้ำสะโตงซึ่งมีความกว้างประมาณ ๔๐๐ เมตร ทางพม่าก็ยิงปืนข้ามมาแต่ไม่ถูก สมเด็จ พระนเรศวรทรงประทับอยู่บนคอช้างริมแม่น้ำทรงประทับพระแสงปืนยาว ๙ คืบหรือ ๒ เมตร ๒๕ เซ็นติเมตร (แล้วทรงอธิฐานถ้าการ กู้ชาติสำเร็จขอให้ยิงถูกข้าศึก) ทรงยิงไปถูกสุรกรรมาตายอยู่บนคอช้าง ทำให้พม่าเกรงกลัวและถอยทัพกลับไป พระแสงปืนต้นนี้มีนามว่า “ พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง ” หลังจากนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา

........พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฎต่อมา ว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง" นับเป็น พระแสงอัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้

นาย
20-01-2011, 09:42
.....ช่วงเย็นจัดเตรียมเครื่องอัฏบริขารและบาตรจำนวน 200 ชุด ไว้ถวายพระในวันรุ่งขึ้น ( บาตรที่นำมาถวายแต่ละคนสะสมเงินวันละ 3 บาท เป็นเวลาประมาณ 1 ปี จะมากน้อยแล้วแต่ศรัทธา..บาตรจำนวน 200 ชุดนี้ ได้จัดส่งไปล่วงหน้าทางเครื่องบิน..โดยอาจารย์เกยูร อัสสกุล เป็นผู้บริจาคค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง..ขออนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ.....)

นาย
20-01-2011, 11:45
....วันที่ 7 ของการเดินทางสร้างกุศล....ถวายบาตร..- เดินทางไปพระเจดีย์กะบาเล...

....0530 เดินทางถึงวัด Mahavisuddhayong Pali University ถวายบาตร 200 ชุด และเครื่องอัฏบริขารที่เตรียมไว้ จากนั้นพระภิกษุสามเณร 200 รูป จะสะพายบาตรที่ร่วมกันถวายมารับภัตตาหาร.....

นาย
20-01-2011, 12:04
...ร่วมกันถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์และรับประทานอาหารเช้า มื้อพิเศษซึ่งทางวัดจัดให้ซึ่งอาหารเช้านี้พระสงฆ์ได้ร่วมกันสวดพระพุทธมนต์ให้เมื่อตอนตี 3...

นาย
20-01-2011, 13:14
...หลังจากนั้น ร่วมถวายจีวร เครื่องไทยธรรมและหนังสือพระไตรปิฎก ...แก่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฏก และห่มจีวรแก่พระพุทธรูปในวัด

นาย
21-01-2011, 09:27
ห่มจีวรแก่พระพุทธรูปในวัด

นาย
22-01-2011, 08:34
...หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง..พระเจดีย์กะบาเล ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ที่เข้าสอบท่องพระไตรปิฎก..

นาย
22-01-2011, 09:17
อรหันต์แห่งพม่า

.... ไกด์บอกว่า ในพม่ามีวัดประมาณ ๕๐,๐๐๐ วัด พระภิกษุสามเณรรวมกัน ๕๐๐,๐๐๐ รูป แม่ชี ๓๐๐,๐๐๐ คน พุทธศาสนิกชนชาวพม่าจะให้การนับถือ พระไตรปิฎกธร (พระที่สามารถท่องพระไตรปิกฎได้ทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ทั้งบาลีและคำแปลโดยปากเปล่า) เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเดิมที่มีเพียง ๑๒ รูปแต่ได้มรณภาพไปแล้ว ๔ รูป

.....การสอบผ่านเป็นพระทรงพระไตรปิฎกยากมาก ตรงที่ต้องท่องจำพระไตรปิฎกได้ทั้งหมด ยากยิ่งกว่าการท่องพระปาติโมกข์เป็น ๑๐๐ เท่า ผู้จะสอบคัดเลือกต้องเตรียมตัวสอบเป็นอย่างดี ไม่ต่ำกว่า ๔ ปี ถ้าสอบผ่านแล้ว รัฐบาลจะประกาศเกียรติยศ และถวายค่านิตยภัตพอสมควร พร้อมทั้งอุปถัมภ์ค่าพาหนะ เช่น ขึ้นเครื่องบินขึ้นรถฟรี และสวัสดิการอื่นๆ

....... สำหรับพระไตรปิฎกธรที่มีชื่อเสียง คือ พระอาจารย์ ภัททันตะ วิจิตตะ สาราภิวังสะ เมืองสะแคง ท่านสามารถจำได้ทุกหน้าทุกบรรทัด ราวกับเปิดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ถึงขนาดที่ว่า หนังสือกินเนสส์บุ๊ก พ.ศ.๒๕๒๘ ตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ได้บันทึกความทรงจำที่น่ามหัศจรรย์ของท่านไว้ว่า

....... "พระอาจารย์มิกุนสีอาดอ ประเทศพม่า มีความทรงจำท่องพระไตรปิฎก ๑๖,๐๐๐ หน้าได้ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๗ (ค.ศ.๑๙๕๔) ซึ่งเป็นตัวอย่างของความทรงจำมนุษย์ที่หาได้ยากมาก”

...... นอกจากนี้แล้ว ยังมีพระอีกรูปหนึ่งที่ พุทธศาสนิกชนพม่าเชื่อว่า เป็นพระที่สำเร็จอรหันต์แล้ว คือ พระอาจารย์ไจย์ทีซาด์ว ซึ่งมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์มากมาย เช่น มีลูกศิษย์เห็นท่านปรากฏตัว ๒ แห่ง พร้อมๆ กันในเวลาเดียวกัน หากฝนตกบริเวณที่ท่านอยู่จะไม่เปียกฝน
...... รวมทั้งครั้งหนึ่ง เมื่ออายุได้ ๘๐ ปี ท่านอาพาธโดยส่งมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยโรคหัวใจ แพทย์ลงความเห็นว่า รักษาอย่างไรก็ไม่หาย
ในครั้งนั้น มีลูกศิษย์ถวายชีวิตให้ท่านเพื่อสร้างบุญแก่ชาวพม่าต่อ เมื่อท่านรับปากปรากฏว่า อาการอาพาธของท่านหายอย่างปาฏิหาริย์

...... ทุกวันนี้ เวลาท่านเดินทางไปไหน ชาวพม่าจะห้อมล้อมเพื่อแย่งธนบัตรเพื่อเป็นเงินขวัญถุง และแย่งลูกอมที่ท่านโปรยทาน เพื่อความเป็นสิริมงคล

.....คณะของเราได้ชมการสอบท่องพระไตรปิฎก...ท่านพระอาจารย์พยอม บอกว่า"ในห้องสอบนี้มีเหล่าเทวดาเขามาฟังด้วยจำนวนมาก".....และ คณะของเราร่วมถวายปัจจัยเพื่อใช้ในการไปซื้อฉัตร สำหรับใช้ประจำห้องสอบซึ่งยังขาดอยู่จำนวน 13 อัน....อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ.....

สายชล
22-01-2011, 13:19
เป็นการทำบุญแบบ "มหากุศล" จริงๆ จึงจะทำเช่นนี้ได้....

อนุโมทนาสาธุ....ด้วยอีกสองคนค่ะ...

นาย
24-01-2011, 08:30
...ขอบคุณครับพี่น้อย...ก็ขอนำบุญกุศลฝากสำหรับพี่น้องชาว SOS ทุกๆท่านครับ..

........วันที่ 8 ของการเดินทางสร้างกุศล...เจดีย์โบทาวน์ - Scott Market - กลับกรุงเทพ.....

.....พระเจดีย์โบตะตอง หรือ บางคนเรียกว่า เจดีย์โบดาทาวน์ (Botatauang Paya) หรือ วัดเทพทันใจ ที่เรารู้จักกัน เป็นสถานที่เดียวที่สามารถมองเห็นพระเกศาธาตุด้วยสายตาของเราเอง

..............เป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจ ดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์ แห่งนี้ก่อน องค์พระเจดีย์ได้ถูกทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่ง ให้คนเดินเข้าไปภายในได้ ด้านฝาผนังใต้ฐานพระเจดีย์ได้นำทองคำและของมีค่าต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายองค์พระเจดีย์มาจัดแสดงไว้

..........เจดีย์โบดาทาวน์ แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1000นาย ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 2000ปีก่อนพระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศาธาตุ ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบตะทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งแบ่งพระพุทธเกศา 1 เส้น มาบรรจุไว้ ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เจดีย์โบดาทาวน์จึงเป็นหนึ่งในมหาบูชาสถานของชาวมอญและพม่าเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มย่างกุ้ง ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ แต่ในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรม สารีริกธาตุ

......... ครั้นเมื่อเจดีย์โบ ดาทาวน์องค์ใหม่ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2496 จึงนำพระเกศธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์ และทำช่องทางให้พุทธศาสนิกชนเดินเข้าไปดูและสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด

.........นอกจากนี้ยังมีสิ่ง ที่นาชมในอาณาบริเวณเจดีย์โบดาทาวน์คือ พระพุทธรูปทองคำ ประดิษฐานในวิหารด้านขวา ซึ่งเป็นพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก ตามประวัติว่าเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ ครั้นเมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 ถูกเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลกัตตาในอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถล่มวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี 2488 พระพุทธรูปองค์นี้ถูกจัดไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและแอลเบิร์ต นอกจากพระพุทธรูปทองคำแล้ว ยังมี พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเก็บรักษาไว้ในตู้กระจก อยู่ใกล้ๆกับวิหารพระทองคำ และด้านซ้ายมื้อจะมีรูปปั้น นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งชาวมอญและพม่านิยมมากราบไหว้บูชา ด้วยเชื่อว่าอธิษฐานขอสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ

......วิธีขอพรจากเทพทันใจ (นัตโบโบยี)
เตรียมเครื่องถวายสักการะเช่น มะพร้าม กล้วย ดอกไม้ มีขายในวัดประมาณ 3,000-4,000 จัตต์ จากนั้นให้เตรียมเงินธนบัตรไว้ 2 ใบใช้ได้ทั้งเงินพม่า เงินเหรียญดอลล่า เงินไทย โดยม้วนเป็นรูปกรวยซ้อนกัน จากนั้นนำไปใส่ไว้ที่มือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา พร้อมกันนั้นให้เราอธิษฐานสิ่งที่ต้องการขอพรเพียงแค่ 1 อย่างเท่านั้นจากนั้นให้เดินวน 3 รอบ ไหว้ท่านอีกสักรอบหน้าผากแตะไว้ที่นิ้่วชี้ของเทพทันใจ และหยิบเงินที่ซ้อนในกรวยในมือท่านออก 1 ใบนำมาเก็บรักษาไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี

ดอกปีบ
24-01-2011, 09:28
ยิ่งพี่นายเล่าให้ฟัง ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ พทุธศรัทธาในพม่านี่แรงสุดๆจริงๆ

ขออนุโทนาบุญด้วยเช่นกันครับ

นาย
24-01-2011, 10:32
ยิ่งพี่นายเล่าให้ฟัง ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ พทุธศรัทธาในพม่านี่แรงสุดๆจริงๆ

ขออนุโทนาบุญด้วยเช่นกันครับ

....อยากดูรูปน้องหม่องและน้องเหม่งตอน honey moon จัง...หรือจะไปเที่ยวทำบุญที่พม่าก็ดีนะ...ขอให้มีความสุขมากๆๆๆครับ

นาย
24-01-2011, 10:54
....หลังจากนั้นร่วมกันขอขมาพระอาจารย์....ตักบาตรและถวายภัตตาหารเพล..ก่อนกลับเมืองไทย...

นาย
24-01-2011, 12:59
....เดินทางสู่สนามบินมิงกาลาดง.....กราบลาท่านพระอาจารย์....และเดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ....
.....ขอบุญกุศลที่พวกเราได้ร่วมกันทำในครั้งนี้ขอมอบให้แก่ทุกๆท่าน ณ ทุกแห่งหนตำบลใดจงได้รับแห่งบุญกุศลนี้...
.....ขออำนาจแห่งบุญกุศลที่พวกเราและทุกๆท่านที่ช่วยกันทำในครั้งนี้ จงเป็นพลวปัจจัยเป็นนิสัยตามส่ง ให้เกิดปัญญาญาณทั้งชาตินี้และชาติหน้า ตลอดชาติอย่างยิ่งจนถึงความพ้นทุกข์คือพระนิพพานเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ...

แมลงปอ
04-02-2011, 14:29
อิ่มบุญอิ่มสุขค่ะ...ขออนุโมทนาค่ะ

นาย
04-02-2011, 16:51
....คิดวันละนิด..ทำจิตแจ่มใส
............." ทำจิตให้เป็นกุศล...ดลใจให้เป็นโยนิโสมนสิการ...ทำงานด้วยสติสัมปชัญญะ...ขอให้ธรรมะฝ่ายดี...จงมีแก่พี่น้องชาว sos ทุกๆท่าน"

angel frog
04-02-2011, 17:51
อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ สาธุ สาธุุุ

Equal1
07-05-2012, 11:40
ขอร่วมอนุโมทนา สาธุ กับบุญใหญ่ ที่ทำให้ได้รับความอิ่มเอม การน้อมรับเอาพระธรรมมาประพฤติปฏิบัติ ไม่ว่าจะกับชนชาติใดก็ตาม ...

ชาวพม่าที่ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนา มาวันนี้ถือได้ว่าเป็นผู้รักษา และปฏิบัติตามพระธรรมของพระพุทธองค์ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ...

ขอบคุณพี่นายพี่จุ่มที่แบ่งปันความรู้สึกดีๆ และคำแนะนำดีๆ เสมอมาคะ ^^