PDA

View Full Version : มีค่าเพียง 700 บาทเท่านั้น เจ้าฉลามน้อย 10 ตัว


-Oo-
31-05-2011, 21:42
ขอเรื่องนี้จากพี่โจ (Prersanee Joe Pramoj) จากใน FB มาแชร์ต่อให้พี่ๆ เพื่อนๆ ค่ะ

-Oo-
31-05-2011, 21:47
พี่โจและครอบครัวไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ภูเก็ต ที่ชายหาดพี่โจพบลูกฉลาม Black Tip ตัวน้อยสิบกว่าตัวนอนพะงาบๆ อยู่ที่ชายหาด เป็นฉลามที่ชาวประมงท้องถิ่นจับได้เพื่อเตรียมนำไปขาย พี่โจจึงขอซื้อทั้งหมดเพื่อนำไปปล่อย เค้าคิดตัวละ 70 บาท ทั้งหมดรวมกันเป็นเงิน 700 บาท เท่านั้น (ชาวประมงบอกอีกว่าเนี่ยถ้าเอาไปขายที่ร้านอาหารได้เงินมากกว่านี้อี้กกกก...เฮ้อ)

Original from P'Joe
"We met local people was catching black tip sharks from the sea on the beach in front of our resort. Pile of about 10 sharks are struggling from death. We bought the 10 sharks from the local people, 70 baht each. He said if he sell to restaurant, he will get more. We hope to save their lives by releasing them back to the sea...."

-Oo-
31-05-2011, 21:58
พี่โจบอกว่าตอนที่เห็นเจ้าฉลามแทบจะร้องไห้ แล้วคิดเลยว่าต้องช่วยพวกมันให้ได้พี่โจรู้เลยว่าถ้าวันนี้ พี่โจไม่ช่วยพวกมัน ถึงพี่โจจะกลับบ้านไปก็ไม่สบายใจ และลืมมันไปได้ และที่สำคัญแค่นี้เองเหรอ 700 บาท กับชีวิตเจ้าฉลามน้อย 10 ตัว

Original from P' Joe

"Almost cried when I saw them shaking. Then got an idea to buy all of them from the local people who catched them. If I left them without doing anything today, I am sure I cannot close my eyes and forget it. The whole lot cost 700 baht = 10 lives of sharks. :( "

-Oo-
31-05-2011, 22:01
พี่โจและครอบครัวช่วยกันปล่อยเจ้าฉลามที่นอนพะงาบๆ อาการไม่ดีแล้ว ให้คืนสู่ผืนน้ำ

-Oo-
31-05-2011, 22:02
อีกภาพใกล้ๆ

-Oo-
31-05-2011, 22:04
น่าเสียดายที่บางตัวก็ไม่มีแรงที่จะว่ายน้ำไปต่อ...อาจเพราะมันถูกจับขึ้นมานานเกินไป :(

-Oo-
31-05-2011, 22:07
พี่โจพบว่าบางตัวก็ไม่รอดจากตอนปล่อยที่ตายไปแล้ว 2 ตัว ในวันรุ่งขึ้นพี่โจพบซากมันอีก 1 ตัวที่ชายหาด โดนปลาเล็กกำลังรุมกินซาก

Original from P' Joe

"Some didn't survive. 1-2 died yesterday and we found another one died this morning. Small fish are eating the poor shark."

Nuu-TaHn
31-05-2011, 22:12
น่าสงสารจัง..แต่ละตัวยังตัวเล็กๆอยู่เลย ทำไมเค้าต้องมาหารายได้กับสัตว์พวกนี้ >.<

-Oo-
31-05-2011, 22:17
ขอขอบคุณพี่โจและครอบครัวที่ช่วยชีวิตเจ้าฉลามครีบดำเหล่านี้ และอนุญาติให้นำรูปและเรื่องราวมาเล่าให้พวกเราฟัง

เราได้แต่หวังว่าเจ้าฉลามที่เหลืออยู่จะรอดชีวิต และอย่าได้ว่ายกลับมาให้ชาวประมงจับอีก

น่าใจหาย....ที่เจ้าฉลามมีค่าแค่เพียงตัวละ 70 บาท
น่าใจหาย....ที่ชาวประมงไม่รู้คุณค่าของเจ้าฉลาม ปลิดชีวิตมันเพียงเพื่อเงิน 700 บาท
น่าใจหาย....ยิ่งกว่าถ้าเขาทำเพื่อปากท้อง โดยเขาไม่รู้ว่าชีวิตเหล่านี้มีคุณค่าต่อผืนน้ำมากกว่านี้ยิ่งนัก

น่าใจหาย....เมื่อนึกว่าเขาอาจไม่มีความรู้ หรืออาจจะไม่ตระหนักถึงผลเสียของมันเลยเพราะความไม่รู้

ได้แต่หวังว่า....หน่วยงานราชการ หรือระบบการศึกษาเมืองไทยจะให้ความรู้พวกเขาให้มากขึ้น
ได้แต่หวังว่า....ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร จะเลิกสนับสนุนเมนูอาหารพิเศษเหล่านี้

ได้แต่หวังว่ามันจะดีขึ้น....สักวัน

สายชล
01-06-2011, 00:20
ขอบคุณน้องโจและน้องโอ...สำหรับเรื่องเศร้าของเจ้าฉลามตัวน้อยเหล่านี้ค่ะ


ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเศร้า..เราก็คงเศร้ากันมานานแล้วล่ะค่ะ เพราะเรื่องแบบนี้ เราได้เห็นได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มามากมายหลายครั้ง


เราจะได้เห็นภาพฉลามทั้งเป็นและตาย ทั้งเล็กและใหญ่ ถูกวางขายมากมายอยู่ตามท่าเรือ ตลาดสด และร้านอาหารทะเล ในหัวเมืองชายทะเลของไทยเกือบทุกแห่ง


การซื้อการขายฉลาม ทำได้อย่างอิสระเสรี ใครใคร่ค้า..ค้า ใครใคร่ขาย...ขาย เพราะเมืองไทย ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ไม่ให้ค้าขายฉลาม..


ด้วยเหตุนี้...การซื้อการขายฉลามก็ยังดำเนินต่อไป เพราะ...


คนจับและคนขาย...ปู่ย่าตายายเขาทำมาหากินทางประมง ได้ฉลาม และขายฉลาม มาอย่างนี้ตั้งแต่โบราณนานเน เขายังจับฉลามได้ และขายฉลามได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาไม่เคยรู้ว่าฉลามกำลังจะหมดทะเล หรือถึงจะรู้ เขาก็คงไม่สนใจ เพราะจับได้ขายได้ เขาก็มีเงินไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียและตัวเอง ไม่ให้อดตาย


คนซื้อ...มีความอยาก คืออยากลองกิน หรืออยากกินอีก (เพราะอร่อยดี) ทำให้มีการซื้อฉลามมาทำกินหรือให้ร้านอาหารทำให้กิน เขาไม่สนใจหรอกค่ะว่า ฉลามจะหมดทะเลหรือไม่ หรือไม่ก็คิดว่า กินตัวเดียวหรือนิดเดียวมันคงไม่ทำให้ฉลามหมดทะเลไปได้หรอกน่า..


หรือ คนซื้ออาจเป็นอย่างน้องโจหรือคนอื่นๆอีกหลายคน คือเห็นฉลามถูกขังไว้ขายแล้ว เกิดความสงสาร ก็เลยซื้อฉลามไปปล่อยลงทะเล ซึ่งก็มีทั้งรอดชีวิตไป มีทั้งตาย หรือถูกจับมาขายใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น


เมื่อมีคนซื้อ ก็ต้องมีคนขาย....เมื่อมีคนขาย ก็มีวิธีการล่อใจให้มีคนซื้อ จะด้วยการขายในราคาที่ (ดูเหมือน) ถูก หรือซื้อสองแถมหนึ่ง หรือ ฯลฯ


ในต่างประเทศหลายแห่ง....เขาเริ่มออกกฎหมายห้ามล่า ห้ามฆ่า ห้ามซื้อขายฉลาม หรือครอบครองฉลาม ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งนี้เพราะเขาห่วงใยในเรื่องที่ฉลามจะสูญพันธุ์ แล้วทำให้ระบบห่วงโซ่อาหารปั่นป่วน (เช่น ปลาหมึกกล้วยยักษ์ซึ่งเป็นอาหารโปรดของฉลาม มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จนเป็นอันตรายกับสัตว์ทะเลอื่นๆ รวมทั้งชาวประมง และ นักดำน้ำด้วย) อีกทั้งยังส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวดำน้ำดูฉลามในบางประเทศ (เช่น Palau เป็นต้น)


ส่วนในประเทศไทย....ความพยายามในการหยุดการค้าขายฉลามนั้น มีมานานหลายปีแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่สำเร็จเสียที ทั้งนี้เป็นเพราะ ดูเหมือนว่าทางการบ้านเมืองของเรา จะห่วงใยปากท้องของชาวประมง พ่อค้าขายหูฉลาม และร้านอาหารที่ขายฉลามผัดฉ่า มากกว่าตัวฉลามเป็นๆในทะเล


การรณรงค์ต้านการล่าฉลามมาทำหูฉลามในเมืองไทย ที่เคยทำๆกันมาก็ดูจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง (เช่น WWF เคยรณรงค์เรื่องนี้มาก่อน) ทั้งนี้เพราะทางการไม่สนใจและไม่ใส่ใจ จะเห็นได้จากเวลาที่นักการเมืองจะสังสรรค์กันที ก็มักจะมีซุปหูฉลามขึ้นโต๊ะกินเลี้ยงกันทุกครั้งไป


ฉลามในทะเลจึงลดน้อยลงไปทุกทีๆ....ซึ่งมันน่าเศร้าและน่าใจหายจริงๆค่ะ...


แล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไร ให้ความเศร้าและเรื่องน่าใจหายนี้หมดไปได้...??


ถ้าคิดจะทำการใหญ่...เราก็คงต้องทำการรณรงค์อย่างหนัก และหาวิถีทางและช่องทาง ให้หน่วยงานราชการสนับสนุนด้วยการออกกฎหมายห้ามการล่า การฆ่า และการครอบครองฉลามทุกชนิด ทั้งที่มีชีวิตและซากโดยสิ้นเชิง (วิธีการนี้ต้องใช้ทุนทรัพย์ในการรณรงค์มาก และทางผู้รู้เรื่องการประมงเอง ก็เคยบอกว่ามันยากที่จะให้ชาวประมงลากอวนโดยไม่ติดฉลามมาด้วย การออกกฎหมายให้ฉลามเป็นสัตว์สงวน จะทำให้ชาวประมงเดือดร้อนมากมาย)


ถ้าเรายังทำการใหญ่คือแก้ที่ต้นเหตุไม่ได้..เราก็คงต้องเปลี่ยนมาแก้ที่ปลายเหตุ โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน คือ เลิกกินหูฉลาม...เลิกกินฉลามผัดฉ่า...เลิกซื้อฉลามไปปล่อย (ถ้าเห็นฉลามถูกจับขังไว้ขาย ก็เมินๆไปซะบ้างนะคะ เพราะในแต่วันยังมีฉลามอีกมากมายหลายพันตัว คอยท่านอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลทั่วไป ถ้าขืนใจอ่อนตามไปปล่อยฉลามทุกที่ ก็อาจจะหมดตัวได้นะคะ) และเมื่อตัวเองหยุดการบริโภคฉลามได้แล้ว ก็กระจายต่อไปยังญาติสนิทมิตรสหาย ที่ใกล้ชิดสนิทสนม...


ถ้าคนกินและคนซื้อฉลามน้อยลง...ชาวประมงและคนขายปลา ก็คงส่งฉลามมาขายให้เราเห็นน้อยลงได้....


Stop Eating and Buying, then, Stop Killing too.

สายชล
01-06-2011, 00:37
อ่านกระทู้ใน Pantip กระทู้นี้ ประกอบด้วนะคะ..หลากหลายความคิดเห็นดีค่ะ


http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/02/E10251358/E10251358.html

ดอกปีบ
01-06-2011, 09:11
เรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนใจแน่นอนครับ ในมุมมองของนักดำน้ำและคนที่มีหัวใจอนุรักษ์ทุกคน ..
ผมเชื่อว่า อย่างน้อย พี่น้องเรามองสิ่งมีชีิวิตใต้ทะเล ตั้งแต่ปะการัง จนถึงฉลามวาฬ เป็นเหมือน "เพื่อน" ไม่ใช่ "สัตว์" ที่คุณค่าของชีวิตนั้นต่ำต้่อยด้อยค่าไปกว่าเรา

แต่ในขณะเดียวกัน ..
กับบางคน อาจมอง "ปะการัง" เป็นแค่ก้อนหินไม่มีชีวิต อาจมอง "ฉลาม" เป็นแค่ "อาหาร"
ชาวประมงบางคนอาจมองว่า "ฉลาม" เหล่านี้เป็นแค่ "สินค้า" จากทะเล ที่ทุกคนตักตวงได้และนำมาซึ่งรายได้ซึ่งทำให้ท้องอิ่ม ไม่มีคุณค่าอะไรมากมายนัก

เป็นเรื่องยากมากๆครับ แต่ละฝ่ายต่างมีเหตุผลของตน และการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก ที่จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันและเห็นพ้องกันว่า เรื่องบางเรื่อง เป็นเรื่องที่ถูก หรือผิด ..

ผมเห็นด้วยครับ ว่าอย่างแรกเลยคือ ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน และค่อยๆให้ความร่วมมือขยายวงกว้างออกไป ..

อยากให้เข้าไปชมเว็บนี้ครับ เป็นสารคดีรวมรวมเรื่องราวต่างๆที่คนกระทำต่อ "สัตว์" มีให้โหลดดูได้ทั้งแบบสั้น และแบบยาวเต็มเรื่อง ..

ดูแล้วคุณจะไม่มีวันรู้สึกเหมือนเดิมกับสัตว์เหล่านี้อีกต่อไป

http://www.earthlings.com/

koy
01-06-2011, 09:37
รันทดหดหู่จริงๆ

ขอบคุณโอที่เอาภาพมาแชร์ต่อ ขอบคุณโจและแฟนที่มีส่วนช่วยฉลามตัวน้อยๆเหล่านี้

angel frog
01-06-2011, 09:58
ขอบคุณโอ ที่นำเรื่องราวของโจมาแชร์จ้า และ ขอบคุณโจ ที่เสียสละ เพื่อชีวิต ที่อยู่ตรงหน้า......

พี่ก็เคย เจอ ลูกฉลาม ที่ติดอวนลากขึ้นมา นอนกองๆรวมๆกันอยู่ที่แพปลา พวกเราเลย ขอ ชาวประมง เขา รีบเอาไปปล่อยลงน้ำ ตัวนิดเดียว แต่แข็งแรงมาก ว่ายปร๋อออกไปเลย

.... ความรู้สึก ที่ได้ช่วยเขา มันสุดยอด จริงๆ

conundrum
01-06-2011, 11:24
รันทดอะ >_<

NAMPUENG
01-06-2011, 12:20
เรื่องราวโหดร้ายที่นักดำน้ำอย่างเราๆต้องรับรู้ (ทั้งที่ไม่อยากรู้) ><

เรื่องราวของพี่โจที่พี่โอนำมาแชร์ นั้นสอดคล้องกับการปลูกจิตสำนึก "สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักษ์" จึงควรเผยแพร่ออกไปให้ได้มากที่สุดนะคะ

ง่ายนิดเดียว .. เริ่มต้นที่ตัวเรา ..