View Full Version : ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ภาคที่ 1
ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล
หนองคาย...ลาว...เลย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/3600-km_E.jpg
รถขับเคลื่อนสี่ล้อฟอร์จูนเนอร์ นาม "เจ้ากระต่ายขาว" วิ่งราบเรียบออกจากบ้านของสองสายในเมืองกรุง มุ่งหน้าสู่ถนนหลวงสายมิตรภาพ...
จุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้คือ "หนองคาย"...จังหวัดชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ประตูสู่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่เรามีเป้าหมายจะร่วมกับกองคาราวานของ ฟอร์จูนเนอร์คลับ ขับรถลุยเข้าไปท่องเที่ยวกัน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_15.jpg
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯราวแปดโมงเช้า..มุ่งหน้าขึ้นเหนือ โดยใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) เมือถึงสระบุรี เราเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) ผ่านเมืองนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เมืองชายแดนไทยที่ติดกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนธรรมชาติ
เราจะแวะพักผ่อนท่องเที่ยวอยู่ที่หนองคายสักสองวันสามคืน จากนั้น จะลุยเข้าลาว โดยขับรถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ผ่านเวียงจันทน์ มุ่งหน้าไปเมืองเชียงขวาง หลวงพระบาง วังเวียน และกลับเข้าไทยที่หนองคายโดยผ่านทางเวียงจันทน์......
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/Map-From-Bkk2.jpg
ภาคที่ 1....หนองคาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/Nong-Khai_Title.jpg
ถนนมิตรภาพยุคใหม่ แบ่งเป็นช่องทางไปกลับ ข้างละสองเลนบ้าง สามเลนบ้าง การเดินทางจึงค่อนข้างจะคล่องตัว เมื่อผ่านเขื่อนลำตะคอง เขตเมืองโคราช เราถูกตำรวจเรียกปรับไป 200 บาท ข้อหาใช้ความเร็ว 123 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถามว่าจะต้องวิ่งด้วยความเร็วเท่าไร จึงจะไม่ถูกจับ ตำรวจบอกว่าอะลุ่มอล่วยความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง....!!!
อืมมมม...ขับเกินไป 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างที่บอก เท่านั้นเองนะคะ คุณตำรวจ...ที่ขับ 140-150 กลับไม่จับ
ใช้ความเร็วไม่เกินที่ตำรวจบอกไว้...ใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงเศษๆ รถก็เริ่มแล่นเข้าเขตเมืองหนองคาย เราโทรศัพท์หา น้องดื้อ Blue Day...เจ้าถิ่นเมืองหนองคาย เพื่อให้พาไปที่พัก ที่น้องดื้อกรุณาจองไว้ให้ล่วงหน้า โชคดี ที่เราจอดรถคอยอยู่ไม่ไกล จากที่ทำงานของน้องดื้อนัก คอยอยู่ครู่เดียว น้องดื้อก็ขับรถออกมาพบ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_13.jpg
น้องดื้อพาเราเข้าที่พัก “หนองคายโฮเต็ลแอนด์ รีสอร์ท” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/01_Resort/01_Resort_01.jpg
ที่นี่มีห้องพักแบบบังกาโลว์เล็กๆ ปลูกเรียงรายอยู่ข้างอาคารใหญ่ ที่เคยเป็นที่ทำการของเอเยนต์ขายรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ที่ขายกิจการให้นายทุน นำมาดัดแปลงเป็นรีสอร์ตเล็กๆ ซึ่งเงียบสงบ สะอาดสะอ้าน และสะดวกสบาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/01_Resort/01_Resort_02.jpg
เราจะพักอยู่ที่นี่สามคืน เพื่อท่องเที่ยวไปกับน้องดื้อแบบสบายๆ ก่อนที่จะต้องขับรถลุยเข้าลาว ซึ่งคงจะเหนื่อยไม่น้อยเลย....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/01_Resort/01_Resort_03.jpg
วันรุ่งขึ้น...น้องดื้อมาพบเราช่วงใกล้เที่ยง เพื่อพาเราไปทานอาหารเวียตนามเจ้าดัง ของเเมืองหนองคาย.... "ร้านแดงแหนมเนือง"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/09_NK_Daeng-Namnuang_01.jpg
บรรยกากาศสบายๆริมน้ำโขง และอร่อยสมคำร่ำลือ...โดยเฉพาะ แหนมเนือง กระดูกหมูทอด ยำหมูยอ หูหมูตั้ง....
.
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/09_NK_Daeng-Namnuang_02.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/09_NK_Daeng-Namnuang_03.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/09_NK_Daeng-Namnuang_04.jpg
น้องดื้อ Blue Day...เจ้าถิ่น ยืนยันหนักแน่นว่า ของเขาอร่อยจริงๆนะ...จะบอกห้ายยยย...
เสียดายที่ไม่ได้ตบท้ายด้วย "เต้าส่วนใส่ปาท่องโป๋" ของหวานดังของร้านนี้ แต่น้องดื้อบอกว่าจะพาไปทานคืนนี้ อร่อยไม่แพ้กันค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/09_NK_Daeng-Namnuang_06.jpg
ไปไม่ถูก...ดูที่แผนทีนี้ได้ค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/02_Daeng%20Nam%20Nueng/Daeng_Map.jpg
Super_Srinuanray
01-05-2012, 13:47
ว้าวววววววววววววววววว
หิววววววววววววววววววววว
ไหนๆร้านแดงก็อยู่ใกล้ "ท่าเสด็จ" ท่าเรือที่ข้ามไปฝั่งแม่น้ำโขง และแหล่งช๊อปปิ้ง "ตลาดอินโดจีน" นิดเดียว แวะไปเที่ยวกันก่อนนะคะ
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_01.jpg
มีมุมน่ารักให้ถ่ายภาพด้วยค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_03.jpg
ขอถ่ายภาพกับน้องรักของสองสายหน่อยนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_04.jpg
ตึกที่ทำการศุลกากร ที่ตั้งอยู่ที่ท่าเสด็จ ดูเก่าแก่และคลาสสิคมาก หน้าตึกมีป้ายเขียนชื่อตัวอาคารไว้ แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_05.jpg
ตลาดท่าเสด็จ ที่นิยมเรียกกันว่า "ตลาดอินโดจีน" เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้า ที่ได้มาจากประเทศแถบอินโดจีนเป็นส่วนมาก แถมมีสินค้าจากยุโรปตะวันออกมาเสริม ให้ดูน่าซื้อมากขึ้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_06.jpg
ที่นี่...มีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องครัว ฯลฯ ให้เลือกหาซื้อ
ถ้าเป็นวันหยุดราชการที่นี่คงจะคึกคัก แต่ในวันที่เราไปเป็นวันธรรมดา จึงดูเงียบเหงามาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_08.jpg
สามล้อเครื่องที่จอดรอผู้โดยสารมาใช้บริการ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/06_Tha%20Sadej/06_NK_Tha-Sadej_07.jpg
จากท่าเสด็จ...เราจะเริ่มเที่ยวในตัวเมืองหนองคายกัน โดยมีน้องดื้อโดดงาน มาเป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้เราค่ะ...
ที่เที่ยวในเมือง ไม่มีที่เที่ยวมากนัก นอกจากวัด...วัด...และวัด..ซึ่งน้องดื้อบอกว่า "ผมไม่ค่อยจะรู้จักวัด เพราะไม่ค่อยได้เที่ยววัดคร้าบบบ..!!!" สองสายมองหน้ากันแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะคราวนี้ น้องดื้อจะต้องได้เที่ยววัดกับเราแล้ว...
วัดแรกที่เราไปคือ "วัดโพธิ์ชัย" ซึ่งเป็นพระอารามหลวง...เดิมชื่อ วัดผีผิว วัดนี้ใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และมีผีดุ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นวัดโพธิ์ชัย ใน สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/03_Wat%20Pho%20Chai/03_NK_Phra-Chao-Ong-Tue_01.jpg
หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลัง หล่อด้วยทองสุก (ทองคำ ที่มีเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ประมาณ 92 เปอร์เซนต์ สีทองคำจะมีสีเหลืองเข้ม เรียกว่า สีทองสุก) มีพระพุทธลักษณะงดงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูงจากเบื้องล่างพระชงฆ์ ถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว มีห่วงกลมขนาด หัวแม่มือจำนวน 3 ห่วง ติดกับพระแท่นซึ่งหล่อติดกับองค์พระใส สำหรับผูกเชือกติดกับยานเวลาที่อัญเชิญลงมาแห่รอบเมืองให้ประชาชน ได้สรงน้ำในช่วงวันสงกรานต์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/03_Wat%20Pho%20Chai/03_NK_Phra-Chao-Ong-Tue_03.jpg
หลวงพ่อพระใส จัดสร้างขึ้นโดย พระราชธิดาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้าง ทั้ง 3 พระองค์ คือ พระสุก พระเสริม และพระใส ซึ่งได้ทรงขอพรจากพระราชบิดา โดยให้ช่างหล่อ พระพุทธรูปประจำพระองค์ และตั้งชื่อตามพระนามของพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ ตามลำดับ คือ พระสุก พระเสริม และพระใส ประดิษฐานไว้ที่ วัดโพนชัย แขวงเมือง เวียงจันทน์
พระรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระ บวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ ยกกองทัพไปปราบกบฎ เจ้าอนุวงศ์ ณ นครเวียงจันทน์ จนสงบแล้วจึงได้อัญเชิญ พระสุก พระเสริม พระใส มาจากถ้ำที่ภูเขาควาย เนื่องจาก ชาวเมืองได้นำเอาไปซ่อนไว้ขณะที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในเมืองหลวง โดยอัญเชิญ ลงในแพไม้ไผ่ผูกติดกันอย่างมั่งคง ทั้ง 3 ลำ ล่องลอยมาตามน้ำงึม แล้วมาขึ้นฝั่งแม่น้ำโขงที่ เมืองหนองคาย ที่ วัดหอก่อง หรือ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ จังหวัดหนองคาย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งจอมเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานี และเจ้าเหม็น (ข้าหลวง)อัญเชิญพระใส ขึ้นเกวียนไปไว้ที่กรุงเทพ ฯ แต่เกวียนที่ใช้อัญเชิญพระใสมาถึงวัดโพธิ์ชัย เกวียนก็หักลง ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อพระใส ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัยจนถึงบัดนี้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/03_Wat%20Pho%20Chai/03_NK_Phra-Chao-Ong-Tue_05.jpg
เมื่อปี พุทธศักราช 2481 พระเศียรของหลวงพ่อพระใส ถูกขโมยตัดเอาไปขาย จึงต้องประกอบพิธีหล่อพระเศียรขึ้นมาใหม่ และกล่าวกันว่าผู้ที่มาขโมยนั้น เกิดวิบัติฉิบหายทั้งครอบครัว
พระสุก นั้น ได้จมลงที่แม่น้ำโขงขณะอัญเชิญลงมายังกรุงเทพ บริเวณที่พระสุกจมลงชาวบ้านจึงเรียกว่า เวินพระสุก ยังปรากฏมาจนปัจจุบันนี้
พระเสริม นั้น ได้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพฯ ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ที่ วัดปทุมวนาราม
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://th.wikipedia.org และ http://www.intaram.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=538788983&Ntype=777
ไม่อยากจะพูดคำว่าอิจฉา เพราะมันบาป 555
มาปูเสื่อดูภาพแจ่มๆและเก็บข้อมูล อยากไปมานานแล้วครับ
เข้ามาชม แต่ภาพขึ้นเฉพาะความเห็นแรกครับ ..
ไม่ทราบพี่ๆเพื่อนๆมีอาการแบบเดียวกันหรือเปล่า อยากชมรูปงามๆของพี่สองสายมากๆเลยครับ
น้องโป๋จ๋า...อย่าอิจฉาพี่เล้ย วันหน้าพี่จะพาไปด้วยกันนะจ๊ะ...:)
น้องก้อยจ๋า....ทริปนี้ยาววววว...นะจ๊ะ หาเบาะรองนั่งดีๆ เดี๋ยวเจ็บก้น...ฮี่ๆๆ...:p
น้องปี๊บจ๋า...คุณสายน้ำนำภาพไปเก็บที่ Photobucket จ้ะ จะได้จัดภาพหร้อมคำบรรยายได้ง่ายจ้ะ
เอ..คนอื่นมีปัญหาไหมจ๊ะ :confused:... ถ้าภาพมีปัญหา พี่จะได้ใส่ภาพให้ใหม่จ้ะ..
ยังไม่ลงเรื่องต่อนะคะ..รอว่า นอกจากน้องปี๊บแล้ว มีใครดูภาพไม่ได้อีกบ้างค่ะ
ช่วยตอบกันด้วยนะคะ...ไม่อย่างนั้นจะเหนื่อยตอนแก้ไขภาพ และเนื้อเรื่องค่ะ..
Super_Srinuanray
01-05-2012, 22:24
ของน้องไม่มีปัญหาค่ะ ดูได้สบายค่ะ
ปูเสื่อ รอกินขนุน (ด้วยความตะกระ (ตะกละ) ดูด้วยค่ะ)
เด็กน้อย
02-05-2012, 09:10
แอบมาดู ก็เห็นภาพได้สวยงามชัดเจนครับ
:d
เกาะขอบโต๊ะ เฝ้าหน้าจอ เรื่องราวสนุก+สาระ ภาพสีสัน สวยงามค่ะ :d
สวัสดีครับพี่สองสาย .. อาการนี้สงสัยจะเป็นผมคนเดียว
อาจจะเป็นคอมที่ออฟฟิศ ยังไงจะลองหาทางแก้ไขดูครับ ขอบคุณครับผม
เข้ามาชม แต่ภาพขึ้นเฉพาะความเห็นแรกครับ ..
ไม่ทราบพี่ๆเพื่อนๆมีอาการแบบเดียวกันหรือเปล่า อยากชมรูปงามๆของพี่สองสายมากๆเลยครับ
เข้าไปเช็คใน Photobucket ผมก็เปิดแชร์ให้ Public แล้ว ลองใช้ 3G ใน iphone และ Ipad ดู ก็เห็นภาพได้ครบ
และมีน้องๆหลายคนมายืนยันว่า เปิดภาพได้เป็นปกติ ก็แสดงว่า อาจจะเป็นที่เครื่องของน้องดอกปีบ หรือสัญญาณที่ใช้มันอาจจะอ่อนจนโหลดภาพไม่ขึ้นหรือเปล่าครับ
ช่วงหลังๆนี่ ภาพที่สองสายโพสต์ จะใช้ลิ๊งค์จาก Photobucket ตลอด เพราะไม่อยากโพสต์รูปตรงๆซึ่งจะไปทำให้พื้นที่ในโฮสต์มันเพิ่มมากขึ้นน่ะครับ อย่างตารางน้ำที่เพิ่งโพสต์เมื่อเช้า ก็ลิ๊งค์ไปจากที่เดียวกันครับ
Super_Srinuanray
02-05-2012, 10:30
เป็นเพราะ ทางบริษัท ควบคุมการใช้งานงาน
มาเปิดที่ทำงานก็ไม่เห็นภาพ หากต้องแชร์จากที่อื่น
ดังนั้น ต้องเปิดดูที่บ้าน ที่เค้าไม่ได้ควบคุม ขอรับ พี่น้องงงง
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบค่ะ...
ถ้าเป็นอย่างนี้...น้องดอกปีบลองแก้ไขคอมฯ ที่ที่ทำงานก่อนนะจ๊ะ พี่จะลงเรื่องและภาพไปพลางๆก่อนจ้ะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ไปอ่านที่บ้านพี่สองสายก็ได้นะจ๊ะ.. ;)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/03_Wat%20Pho%20Chai/03_NK_Phra-Chao-Ong-Tue_06.jpg
คงจะเป็นเพราะวัดโพธิ์ชัยเป็นพระอารามหลวง และเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในเมืองหนองคาย จังหวัดใกล้เคียง และแม้แต่คนในเมืองลาว...เราจึงเห็นผู้คนมากมาย นั่งรถบัสใหญ่ๆ แล่นเข้ามาจอดในลานวัดแน่นขนัด ผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆในเครื่องแบบนักเรียน เดินกันขวักไขว่วุ่นวาย จนยากที่จะหามุมถ่ายภาพ ทั้งภายนอกและภายในโบสถ์ได้...
เรื่องของศรัทธาที่มนุษย์มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น...เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ และน่าทึ่งเสมอค่ะ แต่นักเรียนมากมายที่มาวัดโพธิ์ชัยในวันนี้ จะมาด้วยศรัทธา หรือโรงเรียนส่งมาทำกิจกรรมสัญจรกันแน่นะ...
ออกจากวัดโพธิ์ชัย...น้องดื้อบอกว่า "ต้องไปศาลาแก้วกู่ครับ"....สองสายสงสัยว่า "ศาลาแก้วกู่" คืออะไร น้องดื้อก็บอกว่า "ที่นั่นไม่ใช่วัด แต่มีรูปปั้นพระและเทวรูปสูงใหญ่อยู่มากมาย แปลกดีครับ" อย่างนี้ต้องไปดูให้รู้ว่าแปลกอย่างไร แล้วล่ะค่ะ
เราขับรถออกจากตัวเมืองหนองคาย ไปทางอำเภอโพนพิสัยไม่ถึงสามกิโลเมตร ก็เห็นยอดแหลมๆ รูปทรงประหลาดๆ สูงชลูด โผล่สลอนขึ้นมาต่อหน้าต่อตา จนเราถึงกับอึ้ง..ทึ่ง...
จอดรถที่ลานจอด ซึ่งมีสแลนบังแดดไว้ให้อย่างดี ก่อนเข้าประตู ผ่านร้านค้าขายของพื้นเมือง ที่เน้นหนักหมวกและร่ม ก็รู้ว่าเราคิดถูก ที่เห็นแดดแผดจ้า ก็คว้าหมวกและร่มติดมือไปด้วย เสียเงินค่าผ่านประตูคนละ 20 บาท ก็เดินผ่านประตูปร๋อเข้าไปข้างในได้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_01.jpg
ผ่านประตูเข้าไป...อุแม่เจ้า...ช่างอลังการงานสร้างอะไรเช่นนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_06.jpg
งานปูนปั้นแต่ละชิ้นล้วนใหญ่โตมโหฬาร รูปทรงแปลกตา ล้วนเกี่ยวพันกับปรัชญา ศาสนา และความเชื่อ ที่ผู้สร้าง คือ “ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” หรือ “ปู่เหลือ” มีศรัทธา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_02.jpg
“ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” หรือ “ปู่เหลือ” (พ.ศ. ๒๔๗๖ – ๒๕๓๙) มีประวัติชีวิตและผลงานอัศจรรย์ มีเรื่องที่เล่าขานกันว่า
“ นางคำปลิว สุรีรัตน์ ชาวหนองคาย เป็นบุตรสาวคนโตของครอบครัว เมื่อแต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝันว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้ แต่บอกว่าอีก ๗ เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตน
ต่อมาแม่ของนางคำปลิว ได้ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ด ในวัยที่สูงอายุและหมดประจำเดือนแล้ว เมื่อคลอดบุตรชายออกมา เมื่ออายุครรภ์ได้เพียง ๗ เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝัน นางคำปลิวและสามีจึงได้รับน้องชาย คือ ดช.บุญเหลือ สุรีรัตน์ มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_11.jpg
ด.ช.บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้หกขวบนางคำปลิวเสียชีวิตลง สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช.บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่มักขัดขวางห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง ครั้นอายุ ๑๒ ปี ทนความกดดันรอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรมไปจนพบ สำนักอาศรมแก้วกู่ ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรม อยู่กับพระมุนีที่นั่น จนอายุครบ ๒๐ ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนัก ไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล
เมื่ออายุ ๓๐ ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ ก่อนแม่สิ้นบุญในปี ๒๕๐๗ ได้มอบที่ดิน ๘ ไร่ ณ บ้านเชียงควาน เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์ ไว้เป็นมรดก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_12.jpg
ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น “ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา” พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรปและเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น “พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย” โดยกรมการศาสนารับรองให้ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๙
ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว ๔๑ ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน
ต้นปี พ.ศ.๒๕๒๗ ปู่เหลือถูกใส่ความและมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้) ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปี ๒๕๒๙ เมื่อออกมาแล้ว ก็สร้างเทวรูปอีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และทั้งขนาดที่สูงถึง ๓๓ เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง ๒๐๙ ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม่โดยรื้อหลังเก่า ( พ.ศ.๒๕๒๓ – ๒๕๓๘) ที่ทรุดโทรมลง ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วย และต่อมาได้เสียชีวิตลง ในเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ สานุศิษย์ได้นำผอบแก้วใส่ร่างของท่านไว้ ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต”
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_19.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://sala-saeoku.blogspot.com/ และ http://www.muangboranjournal.com
บริเวณที่ตั้งของศาลาแก้วกู่ จัดเป็น “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง” มีสิ่งที่เรียกว่า “ปูชนียวัตถุ และพุทธปูชนียสถานเทวาลัย” คือรูปปั้นพิสดารพิลึกพิลั่นมากมาย อาทิ รูปปั้นปางพระอิศวร – พระอุมาเสวยสุข ปางพระพุทธเจ้าเสด็จหนีออกบรรพชา ปางทรงศึกษาที่ธรรมะกับพระฤาษี ปางกามเทพ (คิวปิต) ปางฤาษีแก้วกู่อะธามา ปางพระขันทกุมาร ฯลฯ เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก็จะทำพิธีอัญเชิญเทพเทวามาสถิต
มาชื่นชมผลงานของปู่บุญเหลือกันนะคะ...
เข้าไปก็พบกับเทวาลัยพระราหูครึ่งตัว นอนหนุนแขนจ้องมองอยู่ พระราหูเหลืออยู่ครึ่งตัว เพราะพระนารายณ์ทรงขว้างจักรตัด ถูกกลางตัวพระราหูขาด กลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยน้ำอำมฤตที่พระราหูได้ขโมยดื่ม ตอนทำพิธีกวนเกษียรสมุทร ได้ไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งล่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่ 9 แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือ พระเกตุ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_03.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://th.wikipedia.org
พระพุทธรูป ในลักษณะต่างๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_04.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_07.jpg
พระกัจจายนะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_08.jpg
รวมมิตร..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_05.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_17.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_10.jpg
ปริศนาธรรม มีข้อคิดดีๆค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_14.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_15.jpg
เราเดินออกจากศาลาแก้วกู่ ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าตอนก่อนเดินเข้าไปมาก เราได้ประจักษ์แก่ใจตัวเองว่า ความอลังการทั้งหลายที่เราได้เห็นนั้น เกิดจากความศรัทธาในศาสนาของคนๆหนึ่ง ที่หวังจะให้ศาสนาคงอยู่ และเป็นเครื่องเตือนจิตใจ สอนสั่งให้คนหมั่นสร้างสมความดีตลอดชั่วชีวิตแห่งตน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/04_Sala%20Kaew%20Koo/04_NK_Sala-Kaew-Koo_18.jpg
บ่ายคล้อย...ถึงเวลาที่น้องดื้อจะต้องไปดำน้ำทำงาน ในถังน้ำใหญ่ท่ามกลางฝูงปลาของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย
เราย้อนกลับไปส่งน้องดื้อขึ้นรถที่จอดไว้ที่รีสอร์ต และนัดหมายทานข้าวเย็นกันให้อร่อย ก่อนที่น้องดื้อจะขับรถไปทำงานที่แสนสนุก...ร้อนๆอย่างนี้น่าอิจฉาน้องดื้อจริงๆนะคะ...
ยังพอมีเวลาเหลือก่อนจะมืด...สองสายบึ่งรถ ออกไปทางเมืองอุดรธานี แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสายเล็กๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ "วัดพระธาตุบังพวน"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_03.jpg
พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของจังหวัดหนองคาย และเป็นพระธาตุที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน ประดิษฐานอยู่ ณ บ้านพระธาตุบังพวน ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_01.jpg
ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหาน สกลนคร พระยาคำแดง เจ้าเมืองหนองหารน้อย อุดรธานี พระยาจุลณี พรหมทัต เจ้าเมืองจุลณี (ลาวเหนือ) พระยาอินทปัตนคร เจ้าเมืองอินทปัตนนนคร (เขมร) และ พระยานันทเสน เจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์หลวง (ตรงข้ามนครพนม) ได้ร่วมกันอุปถัมภ์ พระมหากัสสเถระ พร้อมด้วยพระอรหันต์ อีก 500 องค์ ทำการก่อสร้างพระธาตุพนม แล้วเสร็จ และได้บรรลุพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_06.jpg
ต่อมาได้เดินทางไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อไปอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ นำมาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ 4 แห่งคือ บริเวณเมืองหนองคาย และเมืองเวียงจันทน์ หนึ่งในสี่แห่งนั้น คือพระธาตุบังพวน ซึ่งได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาพักที่ร่มไม้ปาแป้ง (ไม้โพธิ) ณ ภูเขาหลวง อันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ พระธาตุบังพวนปัจจุบัน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_07.jpg
จากการสำรวจทางโบราณคดีพบว่า พระธาตุบังพวนได้มีการก่อสร้างสืบเนื่องกันมาสามสมัย คือ ฐานเดิมสร้างด้วยศิลาแลง ชั้นที่สองสร้างด้วยอิฐครอบชั้นแรก และต่อมาได้มีการก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้น จากจารึกที่ฐานพระพุทธรูปที่ขุดได้ 4 องค์ ในจำนวนทั้งหมด 6 องค์ ระบุศักราชที่สร้างไว้ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2118 พ.ศ. 2150 พ.ศ. 2158 และ พ.ศ. 2167 และข้อความในจารึกเมื่อ พ.ศ. 2167 มีประวัติในการสร้าง โดยได้กล่าวถึงพระเจ้าโพธิสาลราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง มีราชธานีอยู่ที่นครเชียงทอง ซึ่งก็ตรงกับรูปแบบการก่อสร้างโบราณสถาน ในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ที่แสดงถึงอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_08.jpg
พระธาตุบังพวน ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง และ ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยต่อมา แต่ไม่ต่อเนื่องนัก ในระยะหลังจึงทรุดโทรมมาก และได้พังทะลายลงมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2513 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการบูรณขึ้นใหม่ โดยก่อคอนกรีตเสริมฐานเดิม ซึ่งที่ฐานล่างเป็นศิลาแลง ต่อมาเป็นฐานทักษิณ 3 ชั้น บัวคว่ำ 2 ชั้น ต่อด้วยปรางค์สี่เหลี่ยมบัวปากระฆัง บัวสายรัด 3 ชั้น รับดวงปลีบัวตูม แล้วตั้งฉัตร 5 ชั้น ฐานล่างรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละประมาณสิบเจ็ดเมตร สูงถึงยอดฉัตรประมาณสามสิบสี่เมตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้ง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน และร่วมยกฉัตรสู่ยอดพระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www1.mod.go.th/heritage/religion/pratat/bung.htm
ซากโบราณสถานที่อยู่ภายในบริเวณวัด ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นซาก "สัตตสถาน" ที่ยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_19.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_11.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_20.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_21.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_15.jpg
โบสถ์ใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ...พระพุทธรูป จึงอยู่บริเวณซากโบสถ์เดิม มีหลังคามุงกันแดดกันฝนไว้..มีศาสนิกชนครอบครัวหนึ่ง นั่งสนทนาธรรมกับพระสงฆ์อยู่นาน ไม่มีท่าทีจะลากลับ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_14.jpg
พระพุทธรูป..รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และเทพเจ้าจีน ที่แตกหักเสียหาย ถูกนำมาวางไว้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_18.jpg
เราจากวัดพระธาตุบังพวนมา เมื่อใกล้ยามย่ำสนธยาเต็มทีแล้ว...วันนี้ นับเป็นวันที่สุขใจวันหนึ่งของเราค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/05_Wat%20Phra%20That%20Bangpuan/05_NK_Phra-That-Bang-Puan_09.jpg
ออกจากวัดพระธาตุบังพวน..น้องดื้อก็โทรมาบอกว่า จองเรือล่องแม่น้ำโขงให้แล้ว แต่ไม่ทานข้าวเย็นบนเรือ เพราะอาหารไม่อร่อยเลย
เรารีบบึงรถไปที่ท่าเรือ แต่กว่าจะถึงก็ช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง..โชคดีที่เรือยังจอดคอยที่เรือนแพซึ่งเป็นร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม พอลงเรือได้ พนักงานเรือก็พยายามคะยั้นคะยอ ให้เรารับประทานอาหารเย็นในเรือนแพ หลังจากเรือที่พาล่องแม่น้ำโขงเข้าเทียบท่า ซึ่งเราก็ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่เมฆฝนที่มืดครึ้มทะมึนเต็มท้องฟ้านั้น ทำให้สลัวมัวซัว เห็นเพียงแสงจางๆ ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเวียงจันทร์ หรือเวียนเทียน ของลาว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/02_View/02_NK_View_01.jpg
เมฆท้องแก่ซะขนาดนี้ แถมยังมีลมพัดมาฉิวๆ....แล้วนี่ฝนจะตกไหมหนอ...:confused:
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/02_View/02_NK_View_02.jpg
ท้องฟ้าครึ้มๆ...ไม่ทำให้เราสะทกสะท้าน เรานั่งเรือชมวิวเมืองหนองคายและเมืองเวียงจันทน์กันต่อไป อย่างไม่สะทกสะท้าน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/02_View/02_NK_View_05.jpg
จู่ๆเมฆฝนก็ถูกลมพัดไปทางเหนือซะไกล เรือแล่นต้านน้ำล่องใต้ไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว...แล้วก็วนกลับมา ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึงแพริมน้ำใหม่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/02_View/02_NK_View_09.jpg
น้องดื้อบอกว่า จริงๆเรือควรจะวิ่งเลยไปถึงพระธาตุกลางน้ำ แล้วค่อยวนกลับมาที่แพ เข้าใจว่าเป็นเพราะเราทำให้เรือออกช้า ก็เลยทำให้กัปตันแก้เผ็ด ด้วยการไม่ยอมล่องเรือต่อ
เราก็เลยแก้เผ็ดบ้าง...โดยเดินลงจากเรือได้ ก็เดินดิ่งขึ้นฝั่ง ไปหาอาหารอร่อยๆบนฝั่งทานแทน เสียดายค่ะ อาหารอร่อยมาก และเราก็หิวมาก จึงทานอาหารเพลินซะจนลืมถ่ายภาพ... :p
อิ่มหนำสำราญจากอาหารเย็นแล้ว...ที่นี้ก็ถึงราบการของหวาน ที่น้องดื้อติดไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยง "เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋"
ร้านขนมเด็ดของน้องดื้อ อยู่หน้า โรงเรียนจีน ฮั่วเคียวกงฮัก ถนนประจักษ์ศิลปาคม ที่ทั้งถนนในยามค่ำคืนสว่างไสวด้วยไฟ จากร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่วางขายยาวเหยียด..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/03_Bua%20Loy%20-%20Tao%20Suan/09_NK_Bua-Loy--Tao-Suan_03.jpg
ขนมเด็ดไม่ใช่มีแต่เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ แต่มี บัวลอยไข่หวาน รสเลิศด้วยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/03_Bua%20Loy%20-%20Tao%20Suan/09_NK_Bua-Loy--Tao-Suan_01.jpg
รักพี่เสียดายน้อง...ว่าแล้วก็สั่งทั้งสองอย่างเลยค่ะ
เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/03_Bua%20Loy%20-%20Tao%20Suan/09_NK_Bua-Loy--Tao-Suan_05.jpg
บัวลอยไข่หวาน...จริงๆเขาขายบัวลอยไข่เค็มด้วย แต่ไม่กล้าลองค่ะ...
กว่าจะได้ถ่ายภาพ...บัวลอยเหลือติดก้นถ้วยซะแล้ว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/03_Bua%20Loy%20-%20Tao%20Suan/09_NK_Bua-Loy--Tao-Suan_04.jpg
Super_Srinuanray
02-05-2012, 20:22
อยากไปถล่มน้องดื้อที่หนองคาย
:)
ที่หนองคายในวันรุ่งขึ้น...น้องดื้อมารับแต่เช้า เพื่อพาไปทาน "ไข่กระทะ" อาหารเช้าของเวียตนาม ซึ่งเป็นที่นิยมของคนหนองคายมาก
ร้านไข่กระทะรสเด็ดของที่นี่ ต้องยกให้ร้าน "ทานตะวัน" ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม สายเดียวกับร้านขายเต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ และ บัวลอยไข่หวาน ที่เราไปทานมาเมื่อคืนนี้ แต่ขึ้นไปทางด้านเหนือ กลางย่านธุรกิจ..ร้านดูออกจะทันสมัยใหญ่โตทีเดียวค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/04_Than%20Tawan%20Kai%20Krata/09_NK_Kai-Kratha_01.jpg
ไข่กระทะร้อนๆ ยกมาแล้วค่ะ ขอบอก อย่าจับหูหรือตัวกะทะเชียว มือจะพอง ปวดแสบปวดร้อนเหมือนสายชล
...น่าทานมากๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/04_Than%20Tawan%20Kai%20Krata/09_NK_Kai-Kratha_03.jpg
ยังค่ะ...ยังทานไม่ได้ เพราะร้านทานตะวัน ไม่ใช่มีดีแต่ไข่กระทะ แต่ขนมปังฝรั่งเศส ที่ผ่ากลางยัดไส้หมูยอและกุนเชียงชิ้นหนา เคี้ยวกรอบนอกนุ่มใน ที่เรียกกันว่า "แซนวิช เวียตนาม" ก็อร่อยล้ำเลิศ และควรทานควบคู่กับไข่กระทะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/04_Than%20Tawan%20Kai%20Krata/09_NK_Kai-Kratha_04.jpg
เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องล้างปากด้วยกาแฟโบราณ ที่หอมหวานกลมกล่อม อร่อยมาก จนอยากย้ายไปอยู่หนองคาย
ครบแล้ว...ลงมือทานได้เลยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/04_Than%20Tawan%20Kai%20Krata/09_NK_Kai-Kratha_05.jpg
อิ่มหนำสำราญแล้ว...เพิ่งทราบว่าที่นี่ เขามีเฝอขายเป็นอาหารเช้าด้วย แถมช่วงเที่ยง ยังขายข้าวแกง โดยใช้ชื่อ "ข้าวสวยแกงไก่" ที่รสชาติอร่อยถูกปากชาวเมืองอีกด้วย
กลับจากลาว..ต้องหาโอกาสมาทานที่นี่อีกสักมื้อสองมื้อ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/09_Dining%20Place/04_Than%20Tawan%20Kai%20Krata/09_NK_Kai-Kratha_02.jpg
หลังอาหารเช้าแสนอร่อย..น้องดื้อพาเราไปที่ถนนริมน้ำโขง เพื่อชม "พระธาตุกลางน้ำ" หรือ "พระธาตุหล้าหนอง"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_10.jpg
ประวัติของพระธาตุ อ่านได้จากป้ายที่ติดไว้ตรงท่าเรือ มีใจความดังนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_01.jpg
องค์พระธาตุจำลอง ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และบรรจุชิ้นส่วนองค์พระธาตุจากองค์เดิมไว้ภายใน ขนาดพระธาตุ องค์จำลอง มีฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกัน การกัดเซาะตลิ่ง ตลอดความยาว 194 เมตร นอกจากนี้ยังมีการจัดสภาพภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงามด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_02.jpg
มีเรือยนต์และเรืองหางยาว รับจ้างส่งผู้คนที่ศรัทธา ไปไหว้พระธาตุกลางน้ำ ในอัตราคนละ 20 บาท...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_07.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.paiduaykan.com/province/Northeast/nongkhai/pratardnongkhai.html
สิ่งที่น่าห่วงว่า พระธาตุกลางน้ำ หรือแม้แต่องค์พระธาตุจำลองจะล่มสลายไป มิใช่เกิดจากธรรมชาติ แต่น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์เห็นแก่ได้ ที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดทรายในแม่น้ำโขง ไม่ห่างจากองค์พระธาตุกลางน้ำ ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อนำขึ้นมาขายให้กับทั้งคนลาวและคนไทย...เห็นแล้วสลดใจจริงๆค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_08.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_11.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_12.jpg
เราได้แต่ภาวนา ขอให้คุณพระคุณเจ้า ช่วยปกปักรักษาองค์พระธาตุทั้งสอง ให้อยู่รอดปลอดภัยจากอันตราย อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยเถิด...
ริมตลิ่งแม่น้ำโขงฝั่งลาวดูตื้นเขิน หาดทรายยื่นยาวออกจากฝั่งเกือบถึงกลางแม่น้ำ และมีกิจการขุดทรายกันเป็นพืด
ส่วนฝั่งไทย มองหาหาดทรายไม่เห็น แถมตลิ่งยังลาดชัน ชาวบ้านได้อาศัยที่ชายน้ำริมตลิ่งที่ราบเรียบ และมีอยู่เพียงเล็กน้อย เป็นที่ปลูกผัก ประเภท ต้นหอม ผักชี คะน้า ผักกาด ฯ เพื่อยังชีพ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_05.jpg
น่าดูกว่าการหาเลี้ยงชีพ ด้วยการดูดทรายมากมายนัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_06.jpg
ขอถ่ายภาพกับองค์พระธาตุจำลอง ไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/07_Phra%20That%20Klang%20Nam/07_NK_Phra-That-Klang-Nam_03.jpg
จากพระธาตุกลางน้ำ...เราจะเดินทางไกลไปถึง เมืองบึงกาฬ ซึ่งเพิ่งถูกแยกจากหนองคาย ไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ล่าสุดของประเทศไทย เพื่อไปเยี่ยมเยือน "ภูทอกน้อย" กัน
ภูทอก อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองหนองคาย 163 กม.การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข212 ผ่านอำเภอโพธ์ชัย ปากคาด เข้าเมืองบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จะมีทางแยกซ้ายเพื่อไปภูทอก เราจะขับรถผ่านหมู่บ้านต่างๆ เช่น บ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม บ้านนาคำแคน ระยะทางราว 25 กิดลเมตร ก็ถึงภูทอกค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_04.jpg
ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จ.บึงกาฬ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_58.jpg
ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย
ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวไปชมได้ตามปกติ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_251.jpg
ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมา พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
แม้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าใส แสงแดดแผดจ้า..แต่เมื่อรถแล่นเข้าบริเวณพุทธสถานแห่งนี้ เราสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ร่มรื่นด้วยแมกไม้ และบึงน้ำใหญ่ที่อยู่โดยรอบ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_50.jpg
ยอดเยี่ยมมากครับ พี่ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยครับ
ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ได้เล็งเห็นการณ์ไกลที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแถวนี้ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและถาวร เป็นการตอบแทนบุญคุณญาติโยมที่มีอุปการะ จึงได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก นักท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์จากการเที่ยวชมธรรมชาติคือขุนเขาลำเนาไพรและได้ศึกษาพุทธศาสนา ส่วนชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าและธุรกิจร้านอาหาร...
อย่างไรก็ตาม...ก่อนจะเข้าสู่ทางขึ้นภูทอกได้ มีประตูเหล็กบานใหญ่กั้นทางเดินเข้าไว้..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_02.jpg
แม้ประตูจะเปิดกว้าง เหมือนรอต้อนรับผู้มาเยือน ข้อความที่อยู่เหนือประตู...ก็ทำให้เราต้องชะงัก สงบและสำรวมกายใจมากขึ้น..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_03.jpg
เมื่อผ่านประตูเข้าไป..ถือได้ว่า เราเข้ามาถึงชั้นที่ 1 ของภูทอกน้อย ในจำนวนชั้นทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองภูทอกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร (ราวๆตึก 60 – 70 ชั้น) มีบันไดไม้สูงชัน ทอดสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ จากชั้นที่ 1 ที่เรายืนอยู่ ไปสู่ชั้นที่ 2..3..4..5...6 โดยมีระเบียงไม้ลัดเลาะตามหน้าผาไปรอบๆเขา ที่เรียกกันว่า " “สะพานนรก – สวรรค์” ตั้งแต่ชั้นที่ 4-6 ที่หากได้ไปเดินแล้ว คงจะน่าหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก ส่วนชั้นที่ 7 นั้น เป็นยอดเขาที่ร่มครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์...
เห็นแล้วก็อึ้งทึ่ง...จะไว้ไหมเนี่ย...!!!
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_51.jpg
บันไดทำไมถึงตั้งชันอย่างนี้ แถมยังสูงมากๆอีกด้วย...
อืมมมมม...จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดีนะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_07.jpg
เอ้อออ...!!! ไหนๆก็หลงมาแล้ว ไม่ขึ้นก็ขายหน้าแย่สิคะ...
ว่าแล้ว...สายชลก็ก้าวขึ้นบันได จากชั้นที่ 1 สู่ชั้นที่ 2 ทันที ด้วยความอาจหาญ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_06.jpg
ก้าว..ก้าว..ก้าว..
อูยยยยย...บันไดแต่ละขั้น ทำไมถึงได้ห่างกันอย่างนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_08.jpg
เห็นป้ายข้างทาง...ต้องคุมสติไว้ให้กล้า ปัญญาจะได้เกิด ก้าวไปจะได้ไม่พลาด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_09.jpg
แฮ่กๆ...ขึ้นบันไดไป พักไป พอถึงชั้นที่สอง ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเป็นที่ราบ มีสถานีวิทยุชุมชนของวัดอยู่ด้านขวามือ พอจะขึ้นชั้น 3 ต้องปีนบันไดอีกแล้วค่ กัดฟันทนจนถึงชั้นที่ 3 จะเห็นทางแยกซ้ายขวา ถ้าไปทางซ้ายก็ลัดไปถึงชั้น 5 เลย ถ้าไปทางขวาก็จะไปสู่ชั้น 4 ซึ่งจะต้องเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ เลาะไปตามเหว เราเลยใช้สติ เกิดปัญญา เลือกไปทางด้านซ้ายเพื่อขึ้นสู่ชั้นที่ 5 เพื่อขึ้นไปเดินบนสะพานชั้นที่ 6 ที่สวยงามและหวาดเสียวที่สุดแทน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_11.jpg
ปีนขึ้นไปชั้น 5 ที่แสนชัน เล่นเอาเหนื่อยแฮ่ก...ไม่เชื่อ ถามคุณสายน้ำดูสิคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_12.jpg
ทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามขอบเหวด้านหนึ่ง และผาสูงอีกข้างหนึ่ง ดีจริง...ได้เห็นต้นไม่สูงลิบลิ่วพุ่งยอดจากหุบเหหว ขึ้นสู่ท้องฟ้า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_13.jpg
ปีนขึ้นไปได้ไม่นาน ก็มาถึงทางแยกอีกแล้วค่ะ ทางหนึ่ง เป็นทางเดินแคบๆลัดเลาะไปตามขอบผา สงบและสวยงาม นำไปสู่ชั้นที่ 5 ได้ แบบไม่ลำบากมากนัก แต่ค่อนข้างจะอ้อมม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_14.jpg
กับอีกทางหนึ่ง เป็นทางลัดตัดตรงผ่านโพรงถ้ำ ขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 ทางสั้นกว่า แต่มืดและบันไดชันเหลือเกิน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_15.jpg
สายชลเลือกไปทางเดินธรรมดา แม้จะอ้อม...ก็สามารถไปนั่งคอยคุณสายน้ำและน้องดื้อ ที่ปีนขึ้นทางลัด..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_142.jpg
น้องดื้อโผล่ออกมาจากโพรงถ้ำแล้วค่ะ...อุ๊ยยย..หล่อจริง...แม้เหงื่อจะพร่างพราวทั่วหน้า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_16.jpg
ploybabe
03-05-2012, 11:56
ศาลาแก้วกู่ สวย อลังการมากค่ะ สุดยอดมากก
แต่ดูสีฟ้าแล้ว ท่าทางจะร้อน ><
น้องติ่ง SNR จ๋า..อย่าไปล้มทับน้องดื้อนะ เดี๋ยวน้องดื้อล้มทับน้องกลับ น้องจะแบนแต๋ดแต๋ นะจะบอกให้...:p
น้องโบ้ mmb คร้าบบบบ...ขอบคุณนะคร้าบบบ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวลาวต่อ ติดตามไปเรื่อยๆนะคร้าบบบ...:)
น้องพลอย คนงาม...ศาลาแก้วกู่ น่ะ ทำเอาลุงกับป้าอึ้งทึ่ง ตะลึงลาน ในความใหญ่โต พิลึกพิลั่นมาก เข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นคนแคระ เพราะรูปปั้นใหญ่โตมโหฬารมากจ้ะ แถมตอนไป แดดยังแผดเปรี้ยงรอดเมฆลงมา ร้อนมากๆจ้ะ..:p
พอขึ้นถึงชั้นที่ 5...ร่มไม้ที่ชายเขาและที่ยอดเขาก็หนาแน่นขึ้น เราสัมผัสลมเย็นๆ ที่โชยพัดผ่านมาสัมผัสกาย ความร้อนที่มีอยู่ก็บรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_18.jpg
มองรอดผ่านหมู่แมกไม้ มองเห็นหน้าผาของภูทอกใหญ่ได้กระจ่างตา..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_19.jpg
มองไปทางด้านขวา...เห็นศาลาหลังคาสังกะสี ด้านหน้าเปิดโล่ง ด้านหลังพิงหน้าผา พื้นปูไม้กระดานขึ้นเงามันแผล่บ แสดงถึงการได้รับความดูแลทำความสะอาดอย่างดี..
สิ่งที่ทำให้คนกลัวผีสะดุ้งได้ เห็นจะเป็นโครงกระดูกคน ที่แขวนไว้ในตู้ที่ด้านทางเข้าศาลา เข้าใจว่า คงมีไว้ให้พระท่านปลงอาบัติ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_201.jpg
มีพระพุทธรูป และรูปปั้นของพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ตั้งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
บริเวณหน้าผามีหลืบถ้ำ ที่เขียนไว้ว่า "ถ้ำพระวิหาร" จะห้ามเข้าหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างไร เราก็คงไม่เข้าไปแน่
สังเกตเห็นสีขาวๆเป็นคราบและหินที่เป็นคลื่นริ้วๆติดอยู่ที่บริเวณหน้าผา ไหมคะ ?.. เราไปอ่านพบที่หลัง จึงทราบว่า มีผู้คนเชื่อว่า นั่นคือรอยเลื้อยของพญานาคราชที่เคยอาศัยในบริเวณนี้..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_202.jpg
ไหว้พระและนั่งเล่นให้เย็นใจสักครู่ เราก็เริ่มเดินต่อไปทางด้านเหนือ มีประตูไม้กั้นทางเดินซึ่งปิดสนิท เหมือนห้ามผ่าน เราเลี้ยวขวา ก็ถึงบันไดที่จะพาขึ้นไปชั้นที่ 6 ซึ่งจะเป็นชั้นที่เราจะเริ่มต้นเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ชั้นที่สูงที่สุด และน่าหวาดเสียวที่สุด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_221.jpg
เราเดินตามสะพานไม้ ที่ทอดยาวเลาะหน้าผา และข้ามเหวกว้างไปทางด้านเหนือ โดยด้านขวาของเราชิดหน้าผา เหมือนเดินเวียนเทียน หรือทักษิณาวรรต เพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_204.jpg
ปลายสะพานไม้ ใต้ชะโงกผา รูปร่างโค้งเหมือนใบเรือที่ต้านลม มีแคร่ตั้งพระพุทธรูปสามองค์ ซึ่งงดงาม และมีพุทธลักษณะแตกต่างกันไป...มีความเชื่อว่า ปากทางเข้าเมืองพญานาคอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตุคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน.. !
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_20.jpg
จากชะโงกผาโค้งเหมือนภาพใบเรือต้านลม เราผ่านหน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนหินก้อนยาวใหญ่ยักษ์หักพับลงมา และมีรอยสะพานไม้ที่พาดผ่านหักพังพาดอยู่...
สงสัยจริงว่าเกิดอะไรขึ้น... ??
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_21.jpg
เดินต่อไป ตามทางเดินที่เป็นหินแข็ง ริมหน้าผา..มีดอกไม้หรือผลไม้แห้งหน้าตาประหลาดชูช่อไสว อดใจไม่ไหว ขอถ่ายภาพเก็บไว้เชยชมหน่อยนะคะ..
ดอกหรือผลอะไรนะ...ใครรู้ชื่อบ้างคะ.. ?? ช่วยบอกที..มีรางวัลให้ค่ะ....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_23.jpg
Super_Srinuanray
03-05-2012, 19:33
ดอกหญ้า ค่ะ คริ คริ
มองออกไปด้านล่างซ้ายมือ มองเห็นบึงน้ำใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยสวนยางพารา ถ้าไปอ่านบทความหรือสารคดีเก่าๆ มักจะบอกว่า ด้านนี้ของภูทอกน้อย จะเป็นป่าหนาทึบ มีสิงสาราสัตว์อาศัยอยู่มากมาย..แต่ขณะนี้..มองๆไป ไม่เห็นภาพเช่นนั้นอีกแล้วค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_24.jpg
ที่ยังพอจะมองเห็นได้ เห็นจะเป็นภูทอกใหญ่ ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่ไม่ไกลนัก หน้าผาที่ทอดยาวออกไป ทำให้เห็นภูทอกใหญ่ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_25.jpg
หน้าผาด้านตะวันออกของภูทอกใหญ่ มีลักษณะคล้ายๆหน้าผาของภูทอกน้อย...แต่สูงชัน และใหญ่กว่ามาก ภูเขาที่เห็นเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ เห็นว่าเป็นภูเขาในเขตลาว...
เท็จจริงเป็นประการใด ไม่ยืนยันนะคะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_251.jpg
พ้นจากหน้าผาที่ยื่นยาวออกไป เป็นทางเดินที่ราบเรียบ พอเลี้ยวผ่านมุมหินไป ก็มองเห็นสะพานไม้ขนาดกว้างราว 2 เมตร ยื่นยาวออกมาจากริมผา ลัดเลาะยาวเหยียดออกไป จนสุดเหลี่ยมผา...
เบื้องล่าง..เป็นหุบเหวที่ลึกลงไปกว่าสามร้อยเมตร...อู้ววววว.....หวาดเสียว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_39.jpg
ด้วยน้ำหนักตัวขนาดน้องๆช้างของสองสายและน้องดื้อ เราก้าวเดินขึ้นสะพานห่างๆกัน ด้วยเกรงว่าสะพานจะถล่ม หากเราสามคนจะเดินไปพร้อมหน้าพร้อมตากัน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_33.jpg
เราเดินกันไปช้าๆ..เบาๆ...พยายามชิดหน้าผา..และไม่จับหรือพิงรั้วริมระเบียง ที่ดูแบบบาง
เมื่อมองย้อนกลับไปทางที่เดินผ่านมา ก็เห็นภาพภูทอกใหญ่ดูสวยงาม และดูเหมือนจะอยู่ใกล้ชิด ติดกับภูทอกน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_31.jpg
เดินต่อไปอีกหน่อย และมองลงไปอีกนิด...เราได้เห็นภาพ "พุทธวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ หินที่เทินซ้อนอยู่บนหน้าผา ดูคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ความจริงหินก้อนนี้แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่แล้ว แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี
พุทธวิหารนี้ ตั้งอยู่บนชั้นที่ 5 ที่เราเดินไปไม่ถึง แต่การมองจากชั้น 6 ลงไป จะให้มุมมองที่สวยงามกว่า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_32.jpg
มีเรื่องเล่าว่า...ในอดีต ก่อนที่จะมีการสร้างสะพานไม้เชื่อมต่อ บุคคลธรรมดาไม่อาจข้ามมาที่พุทธวิหารได้ เพราะมีหุบเหวขวางกั้น แต่มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่ง ที่สามารถปรากฎตัวที่พุทธวิหารได้ คือพระอรหันต์และท่านผู้ทรงอภิญญา ท่านเหล่านี้จะมาพักผ่อนที่พุทธวิหารเอง โดยการเดินบนอากาศหรือเหาะข้ามมา เพราะต้องการปลีกวิเวกและไม่ให้ใครมารบกวนได้ ดังนั้น หินประหลาดก้อนนี้จึงถูกเรียกว่า พุทธวิหาร ซึ่งแปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้บรรลุแล้ว
ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหารแล้วก็ตาม แต่นักแสวงบุญทั่วไปก็ไม่อาจเข้าไปสัมผัสพุทธวิหารใกล้ชิดกว่านี้ได้ เพราะทางวัดปิดประตูไว้ เนื่องจากเทวดาที่รักษาพระบรมสารีริกธาตุทนเหม็นกลิ่นสาบมนุษย์ไม่ไหว ทางวัดจึงอนุญาตให้นักแสวงบุญมาได้แค่ปากประตูเท่านั้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_57.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.intaram.org/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=22&Id=538979488[/COLOR]
เขาบอกว่า..ถ้ามาเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ไม่ควรจะมองลงไปข้างล่าง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กลัวความสูง เพราะจะทำให้ขาสั่น ใจสั่น เดินต่อไปไม่ได้
แหมมม...คนไม่กลัวความสูงอย่างเรา อดใจไม่ไหวหรอกค่ะ แม้จะหาป่าธรรมชาติไม่ได้แล้ว ความเขียวขจีของสวนยางพารา และบึงน้ำข้างล่าง ดึงดูดสายตาให้สายชลต้องก้มลงไปมอง ด้วยความสุขใจ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_39.jpg
บางช่วงของสะพาน...มีหลังคาสังกะสีกันแดดกันฝน และม้านั่งไม้ให้ผู้มาเยือนได้นั่งกินลมชมวิว หรือให้พระภิกษุสงฆ์ได้นั่งวิปัสนากรรมฐาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_40.jpg
ธรรมชาติที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ช่างสวยงามเหลือเกินค่ะ...
จากการค้นข้อมูลเพิ่มเติม ภาพภูเขาเทือกยาวที่เห็นในภาพ คือ "ภูลังกา" ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ และ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ภูลังกามีสภาพเป็นภูเขาเรียงซ้อนกันสามลูก ตามแนวเหนือใต้ ขนานกับแม่น้ำโขง สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขา ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าแดงที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกามาอาศัยอยู่มาก จึงเรียกกันว่า "ภูรังกา" แล้วเพี้ยนมาเป็น "ภูลังกา" ในที่สุด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_38.jpg
ลมโชยพัดผ่านมา...น่านั่งเล่นนอนเล่นจริงๆนะคะ..ขอบอก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_36.jpg
เห็นข้อความ "แดนสวรรค์" ที่หน้าผาข้างหลังน้องดื้อไหมคะ ฝีมือใครนะ น่าตีมือจริงๆค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_37.jpg
เราพักชมวิวอยู่ที่นี่กันครู่ใหญ่ที่เดียวค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_34.jpg
ลมเย็นๆ....เงียบสงบ....อยากจะนั่งอยู่ที่นี่นานๆ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_42.jpg
สะพานทางเดินด้านตะวันออกเฉียงใต้ของภูทอกน้อย ดูจะง่อนแง่นโงนเงน ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_43.jpg
เห็นแล้วต้องค่อยๆเดิน แล้วก็ไม่พยายามไปจับรั้วไม้ริมสะพาน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_45.jpg
มองลงไปข้างล่าง...เห็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เล็กนิดเดียว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_47.jpg
โล่งใจค่ะ...สะพานหมดไป กลายเป็นทางเดินเลาะริมผาไปเรื่อยๆ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_46.jpg
ถึงเวลาลงจากภูทอกแล้วค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_48.jpg
การจราจรติดขัดที่ทางลงหน้าปากถ้ำจากชั้น 5 ลงชั้น 4...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_49.jpg
ลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง และเดินผ่านประตูออกมาแล้ว เราแวะไปกราบคารวะพระพุทธรูป ที่ตั้งเป็นสง่าอยู่บนลานหน้าประตูทางเข้าภูทอก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_53.jpg
เมื่อจะออกจากบริเวณวัด..เราได้แวะชม เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร....สูงตระหง่าน และสวยงาม อยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่ร่มรื่น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_54.jpg
ใต้ฐานเจดีย์ ใช้เป็นที่แสดงประวัติ ที่บรรจุอัฐบริขารในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม รวมทั้งอัฐิธาตุ และรูปปั้นขนาดเท่าองค์จริงของท่านผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_56.jpg
สำหรับประวัติของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ มีโดยสังเขปดังนี้..
วัดเจติยาศีรีวิหาร (ภูทอก) สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยการนำพาของ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรมอยู่ที่ภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้น พระอาจารย์จวน จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิต และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจและปักกรดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอก กับ พระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาศรัทธาญาติโยมชาวบ้านคำแคน เห็นว่าพระอาจารย์จวนธุดงค์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอกแห่งนี้
ในปีพุทธศักราช 2512 ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงแล้วเสร็จ ภายในสองปีถัดมา ท่านได้ชักชวนชาวบ้านสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น 2 แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก
การก่อสร้างทางเดินรอบภูทอก เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็ง 2 ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วงๆ ละประมาณ 1 เมตรเศษ ระหว่างคานจะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง
และเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2523 พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตก ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 59 ปี 9 เดือน 18 วัน พรรษา 38
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_55.jpg
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19892
การท่องเที่ยวที่ภูทอกน้อย จบลงด้วยความสุขใจของพวกเราทั้งสามคน และเป็นการสิ้นสุดการท่องเที่ยวในหนองคายและบึงกาฬ ของสองสายในครั้งนี้ด้วย...
ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจในหนองคายและบึงกาฬ อีกมากมายหลายที่ สองสายจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้กลับมาเยือนดินแดนแถบถิ่นนี้อีกหลายๆครั้ง จนจุใจ
ขอขอบคุณน้องดื้อผู้น่ารัก ที่ยอมโดดงานมาพาสองสายเที่ยว และพาเราไปทานของอร่อยๆมากมายในครั้งนี้ และครั้งต่อๆไปในอนาคตนะคะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_22.jpg
เชิญอ่านเรื่องตะลุยเข้าเมืองลาวของสองสายต่อ ได้ที่.....
http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?p=31073#post31073
ครบรสจริงๆ คะ ภาพสวยๆ ฟ้าใสๆ พร้อมกับศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่พี่สองสายช่วยนำมาลงประกอบภาพทำให้เหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วยจริงๆ ... ^^
เมื่อผ่านประตูเข้าไป..ถือได้ว่า เราเข้ามาถึงชั้นที่ 1 ของภูทอกน้อย ในจำนวนชั้นทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองภูทอกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร (ราวๆตึก 60 70 ชั้น) มีบันไดไม้สูงชัน ทอดสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ จากชั้นที่ 1 ที่เรายืนอยู่ ไปสู่ชั้นที่ 2..3..4..5...6 โดยมีระเบียงไม้ลัดเลาะตามหน้าผาไปรอบๆเขา ที่เรียกกันว่า " สะพานนรก สวรรค์ ตั้งแต่ชั้นที่ 4-6 ที่หากได้ไปเดินแล้ว คงจะน่าหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก ส่วนชั้นที่ 7 นั้น เป็นยอดเขาที่ร่มครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์...
เห็นแล้วก็อึ้งทึ่ง...จะไว้ไหมเนี่ย...!!!
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_51.jpg
บันไดทำไมถึงตั้งชันอย่างนี้ แถมยังสูงมากๆอีกด้วย...
อืมมมมม...จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดีนะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_07.jpg
เอ้อออ...!!! ไหนๆก็หลงมาแล้ว ไม่ขึ้นก็ขายหน้าแย่สิคะ...
ว่าแล้ว...สายชลก็ก้าวขึ้นบันได จากชั้นที่ 1 สู่ชั้นที่ 2 ทันที ด้วยความอาจหาญ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_06.jpg
ก้าว..ก้าว..ก้าว..
อูยยยยย...บันไดแต่ละขั้น ทำไมถึงได้ห่างกันอย่างนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/08_Phu%20Thok%20Noi/08_NK_Phu-Thok-Noi_08.jpg
เทียบกับขึ้น Waynapicchu อันไหนโหดกว่ากันครับพี่น้อย
ครบรสจริงๆ คะ ภาพสวยๆ ฟ้าใสๆ พร้อมกับศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่พี่สองสายช่วยนำม าลงประกอบภาพทำให้เหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วยจริงๆ ... ^^
ขอบคุณจ้ะน้องอั๊ง...วันหน้าจะไปทางอิสานใต้บ้าง รอให้อากาศเย็นๆก่อนจ้ะ
เทียบกับขึ้น Waynapicchu อันไหนโหดกว่ากันครับพี่น้อย
Wayna Picchu โหดกว่าเยอะจ้ะ น้องก้อย...แต่ผลจากการไปขึ้นภูทอกน้อย ทำให้ได้ฝึกขา และฝึกจิต ทำให้มีกำลังและแรงใจ ที่จะปีนขึ้น Wayna Picchu ให้สำเร็จอย่างที่ฝันไว้จ้ะ...
blue day
08-05-2012, 09:44
ภาพสวยฟ้าใส เหมือนได้ไปด้วยเลยครับ ฮ่าาาาาาาาาาาาาา:d:D
ฮ่าๆๆ...เนาะๆ น้องดื้อ เหมือนได้ไปด้วยกันเลย...:)
ขอขยับที่ไปใกล้ๆภาค 2 หน่อยนะคะ...:p
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.