View Full Version : ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ภาคที่ 2
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เชียงขวาง...หลวงพระบาง..วังเวียง...เวียงจันทน์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/Laos_Title.jpg
หลังจากท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างมีความสุข อยู่ที่หนองคายกับน้องดื้อได้สองวันกับสามคืน (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=2005)... สองสายก็พร้อมจะขับรถลุยเข้าไปในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแล้วค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/map.jpg
เราจะข้ามเข้าลาว ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่หนองคาย มุ่งสู่เวียงจันทน์ จากนั้น จะใช้เส้นทางเอเชียหมายเลข 13 มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านวังเวียง ขึ้นไปที่เมืองกาสี ภูคูน จากนั้นแยกขวา สู่เส้นทางหมายเลข 7 มุ่งสู่เมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง ก่อนจะย้อนกลับทางเดิมมาเข้าทางหลวงหมายเข 13 เพื่อไปหลวงพระบาง
ส่วนขากลับ..ก็จะใช้เส้นทางหมายเข 13 กลับออกมาพักที่วังเวียง ก่อนจะล่องใต้มาเวียงจันทน์ และกลับเข้าไทยที่หนองคาย...
เช้าวันที่สาม...ที่หนองคาย
สองสายต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะวันนี้เรามีนัดกับสมาชิก "ฟอร์จูนเนอร์คลับ" อีกเกือบ 60 คน ที่โรงแรมโรยัลแม่โขง โรงแรมใหญ่ของเมืองหนองคาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_04.jpg
เมื่อไปถึงที่โรงแรม รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ 24 คัน รถกระบะดีเมกซ์และสปอร์ตไรเดอร์อีกรุ่นละคัน จอดคอยอยู่ในลานจอดรถ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_03.jpg
คุณอานนท์ เจ้าของบริษัททัวร์ที่เป็นผู้จัดทริป ตรงเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับนำสติ๊กเกอร์มาติดที่รถของเรา
เจ้ากระต่ายขาว มีเลข 15 ติดทั้งข้างรถและหลังรถอย่างเท่เลยล่ะค่ะ....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_02.jpg
ป้ายที่อยู่ท้ายรถ มีชื่อ "สายน้ำ" เป็นภาษาลาว และมีข้อความกำกับไว้ชัดเจนว่า "ขับชิดขวา" เพื่อเตือนใจให้คนขับรถชาวไทยไม่หลงลืม ไปขับชิดซ้ายในลาวละก็ จะยุ่งกันใหญ่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_11.jpg
มีการแจกวิทยุแดง (Walky-Talky) ให้ใช้ติดต่อกันคนละเครื่อง และสติ๊กเกอร์ประกันภัยรถยนต์ ให้กับเจ้าของรถทุกคัน
จากนั้นก็มีการสรุปเกี่ยวกับกฎระเบียบในการขับรถของกองคาราวาน ซึ่งสรุปคร่าวๆ ได้ความว่า...
..รถยนต์ทุกคันจะต้องวิ่งเป็นแถวเป็นแนว ห้ามแตกแถว เรียงตามลำดับก่อนหลัง
..ต้องขับรถห่างกันพอเบรคได้ไม่ชนท้ายกัน
..ห้ามแซงกันเอง หรือจอดรถโดยไม่มีเหตุผลและไม่บอกไม่กล่าว
..ก่อนจะขับเคลื่อนรถออกไป จะต้องเปิดไฟหน้าตลอดเวลา เพื่อให้รถอื่นรู้ว่าเป็นรถในขบวนคาราวาน
..ถ้ารถถึงสี่แยกไฟแดง ให้เปิดไฟกระพริบ ถ้ารถเจอไฟแดง ให้ขับฝ่าไฟแดงไปจนท้ายขบวนผ่านไฟ เว้นแต่จะมีรถท้องถิ่นคั่นอยู่ข้างหน้า และติดไฟแดงอยู่ ให้หยุดรอจนกว่าจะไฟเขียว และแจ้งหัวขบวนให้ทราบ เพื่อรอด้วย
..ต้องฟังและปฏิบัติตามคำสั่งการของสตีาฟในรถนำขบวนหรือรถปิดท้าย (รถซ่อมบำรุง) ซึ่งจะใช้เบอร์รถ 00 และ 99 ตามลำดับเท่านั้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_09.jpg
จากนั้น..ก็มีการถ่ายภาพหมู่สมาชิกซึ่งต่างหอบพ่อแม่และลูกหลานมาร่วมขบวน รวมๆแล้วราว 60 คน อายุมากสุดก็ราว 70 ปี อ่อนสุดนั้นยังเป็นเบบี้ อายุเพียง 8 เดือนเศษ แต่ทุกคนก็แข็งแรง มีความสุข สนุกสนาน พร้อมสู้กับการนั่งรถนานๆได้อย่างอดทน...
อ้าวววว...ในภาพหายไปไหนตั้งหลายคนล่ะคะเนี่ย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_07.jpg
ถึงเวลาเคลื่อนขบวนแล้วค่ะ...ทุกคนขึ้นรถของตัวเอง คนขับนั่งประจำที่ รถแล่นเข้าต่อแถวเรียงลำดับเป็นระเบียบเรียบร้อย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_11.jpg
เมื่อทุกอย่างพร้อม..รถทั้ง 25 คัน ก็แล่นออกจากโรงแรม ตั้งแถวเพื่อเตรียมแล่นขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_12.jpg
"กระต่ายขาว เบอร์ 15" พร้อมแล้วค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_13.jpg
ขบวนรถเริ่มผ่านด่านศุลกากรและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยประจำหนองคาย และแล่นขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_14.jpg
รถวิ่งชิดซ้าย ฉิวๆขึ้นสะพานข้ามไปฝั่งลาว..เห็นเมฆเป็นริ้วๆเต็มท้องฟ้า วันนี้ถ้าจะไม่เห็นแดดแล้วล่ะค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_15.jpg
แล้วก็ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของลาว โดยเราไม่ต้องลงจากรถให้เสียเวลา เพราะสต๊าฟของคุณอานนท์ได้จัดการให้เราสำเร็จเรียบร้อย..
เย้ๆ...ถึงลาวแล้วค่ะ...เห็นภาษลาวที่เขียนอยู่ไหมคะ แปลได้ความว่า "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยินดีต้อนรับ"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_18.jpg
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงประมาณห้าล้านคน ในขณะที่มีแผ่นดินที่กว้างใหญ่กว่า 236,800 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ
พอเราเข้าไปในอาณาจักร์ของลาวแล้ว ขบวนคาราวานของเราก็มีรถตู้ของตำรวจทางหลวงเปิดไฟแว้บ มาช่วยนำขบวนรถของเราตลอดทางทั้งไปและกลับ มีตำรวจยศร้อยโทของลาวเป็นผู้ควบคุมมา
เราขับรถชิดขวา ไปตามถนนไฮเวย์คอนกรีตชั้นดี รถวิ่งได้นิ่มก้นมาก แต่พักเดียว ถนนไฮเวย์ก็หมดลง รถแล่นปุเลงๆเข้าถนนลาดยางแคบๆ ถนนปุๆปะๆ รถราก็วิ่งกันขวั่กไขว่ แต่พอเห็นรถตู้ติดไฟแว้บ รถทั้งที่วิ่งอยู่ข้างหน้าและที่สวนมา จะหยุดแอบให้ขบวนรถของเราหมด อย่างไรก็ตาม การขับรถก็ไม่สะดวกสบายเหมือนที่วิ่งในบ้านเราเลย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_03.jpg
เมื่อรถเริ่มไต่ขึ้นเขา..การขับรถก็ยิ่งลำบาก เราจะต้องพยายามตามติดรถที่อยู่ข้างหน้าให้ทัน มิฉะนั้น รถอื่นจะไม่หลบให้เรา แม้จะเปิดไฟหน้าแสดงว่าเป็นรถในขบวนก็ตาม..
วิ่งลุยฝุ่นไปได้สักพัก ขบวนก็แวะจอดให้พักเพื่อเข้าห้องน้ำ ที่ปั๊มใหญ่ไม่ไกลจากวังเวียงนัก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_05.jpg
การจะเข้าห้องน้ำ ถ้าไม่เติมน้ำมัน ต้องเสียเงินคนละ 1,000 กีบ หรือ 5 บาท แต่เราเข้าฟรีหมดทุกคน...ห้องส้วมสะอาดดี มีแต่ส้วมนั่งยองๆนะคะ
โอ้..คนแก่ลุกนั่งลำบากมากๆเลยล่ะค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_08.jpg
รถกระบะดีแมกซ์ เบอร์ 00 ทำหน้าที่ทั้งรถซ่อมบำรุง...รถปิดท้ายขบวน...และรถเสบียง พอขบวนรถหยุด ก็จะมีชา กาแฟ ของว่าง เครื่องดื่มชูกำลัง และผ้าเย็น นำมาแจกจ่าย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_07.jpg
ขบวนรถไปจอดทานข้าวเช้าผสมข้าวเที่ยง ที่ปากทางเข้า เมืองวังเวียง..กุ้ยหลินเมืองจีน ที่เราจะมาแวะเที่ยวและค้างคืนตอนขากลับ
ต้องขออภัยนะคะ ที่ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมื้อแรกในลาวมาให้ชม เพราะสองสายหิวจนตาลาย และอาหารก็ช่างอร่อยถูกปากมากๆ โดยเฉพาะตำแตง และผัดผักสลัดน้ำ (Watercress)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_04.jpg
พอพ้นวังเวียน...ถนนหมายเลข 13 ก็ไต่ระดับสูงขึ้นไปๆ ขบวนคาราวานขับขึ้นเขาตามกันเป็นทิวแถว ถนนที่คดเคี้ยวไปมา ผ่านภูเขารูปร่างแปลกๆ และหุบเหวลึก ที่มีหมอกเมฆสวยงาม
อืมมมมม!....เสาไฟที่เมืองลาวอยู่ชิดติดถนน และสายไฟระโยงระยางข้ามถนนไปมา น่าเวียนหัว.....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_01.jpg
แต่สองสายไม่มีเวลาจะชื่นชมความงามกันนัก เพราะคนหนึ่งต้องตั้งสติและสมาธิกับการจับพวงมาลัยขับรถ ส่วนอีกคนต้องคอยเป็นคนนำทาง (Navigator) ตาสอดส่าย 360 องศา คอยดูทั้งถนนข้างหน้า...ซ้าย...ขวา...และหลัง เพื่อบอกให้คนขับเร่ง..เบรค..แซง..หลบ แถมยังต้องคอยรายงานผ่านวิทยุแจ้งเตือนอันตรายให้ทั้งรถข้างหน้า ข้างหลัง และรถบัญชาการ 00 เพื่อทราบ...และตอบคำถามต่างๆของ 00 และรถคันอื่นๆ...
เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ แต่ก็มีความสุขสนุกสนานมากค่ะ...
รถแล่นผ่านเมืองกาสี เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองภูคูน ก่อนจะถึงภูคูนเราแวะที่จุดพักรถ "ภูเพียงฟ้า" เพื่อแวะเข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟและชมวิวที่สวยงามกัน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_05.jpg
เสียดายที่ "ภูเพียงฟ้า" ในวันนั้น มีหมอกเยอะไปหน่อย ทำให้ได้ภาพสลัวมัวซัว แถมลมก็แรงและเย็นมากๆ ทำให้เราไม่กล้าจะเดินออกไปถ่ายภาพกันที่ริมหน้าผา
คงจะต้องมาแก้มือใหม่ ตอนขากลับแล้วล่ะค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_04.jpg
เข้าห้องน้ำ(เสียเงินคนละ 5 บาท)แล้ว..ก็ดื่มกาแฟแก้ง่วงกันหน่อย..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_06.jpg
จากภูเพียงฟ้า...เราผ่านภูคูน ซึ่งเป็นจุดแยกของเส้นทางหมายเลข 13 ที่จะตรงไปเมืองหลวงพระบาง กับเส้นทางหมายเลข 7 ที่จะตรงไปเมืองโพนสะวัน เมืองหลวงของแขวงเชียงขวาง และเลยไปจนถึงพรมแดนติดเวียตนาม
ด้วยระยะทางราว 400 เมตร ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเวียงจันทน์ เราไปถึงโรงแรมเชียงขวางในเมืองโพนสะหวัน ซึ่งเป็นที่พักของเราในวันแรกนี้ ก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว อากาศที่ลดลงเหลือ 6 องศาเซลเซียส ทำให้เราหนาวเข้ากระดูกดำ จนสั่นงั่กๆยามขนของลงจากรถขึ้นห้องนอน หลังทานข้าวเย็นเสร็จก็เกือบสี่ทุ่ม คืนนั้นเราอาบน้ำร้อนๆแล้วก็ขึ้นเตียงหลับเป็นตาย..
เช้าวันใหม่ จึงเห็นหน้าตาโรงแรมที่พักว่ามีสีฟ้าอ๋อยดีแท้..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/02_Hotel/Hotel_01.jpg
หน้าโรงแรมเป็นถนนใหญ่กว้างขวาง บ้านเรือนก็ดูเจริญดี..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/02_Hotel/Hotel_03.jpg
รถตุ๊กๆหน้าตาเหมือนที่หนองคาย ดูจะเป็นพาหนะหลักของที่นี่..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/02_Hotel/Hotel_04.jpg
ทานข้าวเช้าเสร็จ เราต้องนำรถออกไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก..เสร็จแล้วก็ต้องนำไปจอดเตรียมตัวเข้ากองคาราวาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/02_Hotel/Hotel_05.jpg
วันนี้...เราจะไปชมทุ่งไหหิน ที่มีชื่อเสียงของแขวงเชียงขวางกันค่ะ แม้ว่าอากาศจะหนาว 9 องศาเซลเซียส และเมฆหมอกเต็มท้องฟ้าก็ตาม..
เมื่อรถทุกคันพร้อม..ขบวนคาราวานก็เคลื่อนที่ออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปทางตะวันออกของตัวเมืองโพนสะหวัน ที่เป็นที่ตั้งของทุ่งไหหิน ในระหว่างทาง...ไกด์สาวชาวลาว ได้เล่าให้เราฟังเรื่องแขวงเชียงขวางว่า ที่นี่เป็นแขวงที่อยู่ติดกับเวียตนาม ในอดีตเมื่อราวเกือบ 400 ปีมาแล้ว เคยตกเป็นเมืองขึ้นของเวียตนาม และถูกบังคับให้แต่งกาย และใช้ขนบธรรมเนียมประเพณีของเวียตนาม แต่ชาวเชียงขวางได้ต่อสู่จนเป็นอิสระและมารวมอยู่กับลาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_15.jpg
ในปี พ.ศ. 2513...ระหว่างสงครามอินโดจีนหรือสงครามเวียตนาม เชียงขวางกลายเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือด เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ประมาณ 400 กิโลเมตร และจากเมืองโพนสะหวันซึ่งเป็นเมืองหลวงของเชียงขวาง ข้ามเทือกเขาอันสลับซับซ้อนบนทางหลวงหมายเลข 7 ไปสิ้นสุดที่ ด่านน้ำกลั่น ชายแดนทางตอนเหนือของประเทศเวียตนาม ระยะทางเพียงแค่ 130 กิโลเมตร
ในช่วงสงครามอินโดจีนเส้นทางสายนี้เคยใช้เป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุง รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆจากประเทศเวียตนามเหนือ สู่ขบวนการประเทศลาว ซึ่งในขณะนั้นเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน เส้นทางสายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เส้นทางโฮจิมินห์"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_14.jpg
ขบวนการลาวได้ตัดสินใจตั้งกองบัญชาการใหญ่ขึ้นที่นี่ กองทัพอากาศอเมริกัน จึงส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 เข้ามาทิ้งระเบิดปูพรหมหมายทำลายล้างขบวนการลาวอย่างหนัก หมู่บ้านใหญ่น้อยหลายร้อยแห่ง ตลอดจนวัดวาอารามถูกทำลายแทบทั้งหมด ที่หนักหนาสาหัส คือ "ฝนเหลือง" ที่ถูกโปรยลงมาตามแหล่งน้ำ และป่าเขาของเชียงขวาง ส่งผลให้ราษฏรและทหารฝ่ายขบวนการประเทศลาว ต้องอพยพเข้าไปอยู่ตามถ้ำและหุบเขาทั่วไป ในแขวงเชียงขวางและข้างเคียง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_12.jpg
ไกด์สาวบอกเราด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดว่า ชาวเชียงขวางเจ็บช้ำน้ำใจกับเรื่องนี้มาก เธอชี้ให้เราดูว่าสองข้างทางที่เราเห็น เป็นผลพวงของสงครามครั้งนั้น 30 กว่าปีผ่านไป..ระเบิดที่ยังไม่ระเบิด สามารถพบเห็นได้มากมายในดินแดนของแขวงเชียงขวาง บางส่วนได้ถูกกู้ไปแล้ว แต่ผลพวงของ "ฝนเหลือง" ยังส่งผลกระทบ ทำให้ดินแดนแถบนี้รกร้าง ทำไร่นาและสวนไม่ได้ผล
ที่ เมืองคูน เมืองหลวงเก่า ยังคงมีร่องรอยของสงครามให้เห็นอยู่โดยทั่วไป ซากปรักหักพังบางแห่ง ทางรัฐบาลลาวได้อนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น ถึงพิษภัยของสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีต ร่องรอยของหลุมระเบิดขนาดใหญ่จากฝูงบิน บี 52 ของอเมริกันยังคงมีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป ปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงให้เป็นบ่อเลี้ยงปลาในนาข้าว ซากของลูกระเบิดน้ำหนักหลายสิบตัน ถูกดัดแปลงมาเป็นรั้วบ้าน เสาบ้าน รางข้าวหมู ที่นั่งเล่น เตาปิ้งบาร์บีคิวสำหรับนักท่องเที่ยว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_13.jpg
เรานั่งอยู่บนรถ ไม่ได้เห็นภาพอย่างที่ไกด์บอก แต่ก็รู้สึกได้ว่า สองข้างทางดูแห้งแล้ง ต้นไม้ต้นไร่ดูไร้ชีวิตชีวา ดินบางแห่งมีสีผิดปกติจากที่ได้เห็นแถววังเวียง หรือภูเพียงฟ้า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_16.jpg
รถเริ่มวิ่งแยกเข้าสู่ทุ่งไหหินกลุ่มที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองโพนสะหวัน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไปทางเมืองคูนเมืองหลวงเก่า ระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร
เรานำรถเข้าไปจอดในลานจอดรถเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากขบวนรถคาราวานของพวกเราแล้ว มีรถตู้นักท่องเที่ยว ที่ส่วนมากเป็นพวกฝรั่งหัวแดง จอดอยู่แล้วหลายคัน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_02.jpg
ทางเข้า มีป้ายบอกว่าแถวนี้เป็นเขตที่ยังกู้กับระเบิดไม่หมด ให้เดินในเขตสีขาวที่มีการกู้ระเบิดออกแล้วเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายได้
การกู้ระเบิดครั้งนี้ รัฐบาลลาวได้รับการช่วยเหลือ และสนับสนุนเป็นอย่างดี จาก UNESCO
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_03.jpg
ป้ายที่เห็นอยู่คู่กัน เป็นภาพวาดวิธีการที่จะช่วยกันดูแลทุ่งไหหิน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_04.jpg
ทางเดินเข้าทุ่งไหหิน เป็นทางดินลูกรังผ่านเข้าไปในทุ่งหญ้าคา ที่รกเรื้อสองข้างทาง...เดินไปๆ สายชลชักจะเริ่มหอบ เพราะทางเดินเริ่มไต่สูงขึ้นไปบนเนิน ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ คนแก่ชักจะหมดแรง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_05.jpg
พอพ้นยอดเนิน...ก็เห็นผู้คนมากมาย เดินยั้วเยี้ยๆอยู่ตามไหใบใหญ่ ที่ตั้งบ้าง นอนตะแคงบ้างอยู่บนยอดเนิน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_06.jpg
ขอหยุดหายใจหน่อยค่ะ...ตอนนี้ปล่อยให้คนอื่นเขาดูไหกันไปก่อนนะคะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_07.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_01.jpg
ทุ่งไหหิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของแขวงเชียงขวาง ชาวบ้านไปพบเข้าระหว่างไปหาของป่าและล่าสัตว์ ซึ่งภาชนะมีรูปทรงคล้ายไหทำด้วยหินทรายนี้มีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ น้ำหนักมากที่สุดถึง 15 ตันและใบที่เล็กที่สุดหนักประมาณ 40 – 50 กิโลกรัม กระจัดกระจายอยู่ในละแวกของเมืองโพนสะหวัน จึงเรียกที่นี่ว่า "ทุ่งไหหิน" (Plain of Jars)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_09.jpg
จริงๆแล้วยังมีไหหินในทุ่งต่างๆของแขวงเชียงขวาง แต่ที่โพนสะหวันมีมากที่สุด คนจึงนิยมมาเที่ยวที่ทุ่งไหหิน เมืองโพนสะหวันมากกว่าที่อื่นๆ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_11.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_08.jpg
ไหหินส่วนใหญ่สกัดมาจากหินทราย ที่เป็นวัสดุที่หาง่ายในบริเวณนั้น แต่ก็มีอยู่หลายใบ ที่ปรากฏร่องรอยว่าถูกชักลากมาจากที่อื่น บางไหยังสกัดไม่เสร็จก็มีค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_10.jpg
ส่วนที่ไปที่มาของไหหินเหล่านี้ ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าไหหินมีไว้เพื่อทำการใด มีแต่เพียงข้อสันนิษฐาน 3 ประการว่า
ประการที่ 1...อาจจะทำขึ้นเพื่อบรรจุคนตายในสมัยก่อน หลายพันปีมาแล้ว (ก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ 3,000-4,000ปี) ตามความเชื่อของคนในสมัยนั้นที่ว่า สถานที่ฝังศพคนตายต้องรักษาไว้ในที่สูง เพื่อหลีกเว้นการเซาะพังทลายจากน้ำ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ไหหินอยู่ในสถานที่เป็นเนินสูง
ประการที่ 2...อาจจะเป็นไหเหล้าของนักรบโบราณ คือตามตำนานกล่าวไว้ว่าระว่างศตวรรษที่ 8 นักรบผู้กล้าหาญของลาวผู้หนึ่ง ชื่อว่า ท้าวขุนเจือง ได้ยกกำลังพลไปทำสงคราม แล้วก็ได้ชัยชนะอยู่ที่เชียงขวาง หลังจากได้รับชัยชนะแล้ว ก็ได้ทำการฉลองชัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 เดือน ไหที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นไหเหล้าสำหรับเลี้ยงไพร่พลในการฉลองชัยชนะของท้าวขุนเจือง ในคราวนั้น ดังนั้นคนลาวทั่วไปมักเรียกว่า “ไหเหล้าเจือง”
ประการที่ 3...เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติเช่นเดียวกับ Stone Henge ที่คล้ายคลึงกันคือเป็นหินตั้งกลางแจ้ง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_18.jpg
ทุ่งไหหินที่เชียงขวางนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1...อยู่ห่างจากเมืองโพนสะหวัน 7.5 กิโลเมตร มีไหหินกระจัดกระจายอยู่ประมาณ 200 กว่าใบ มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มอื่นๆ และมีไหใบใหญ่ที่สุดอยู่ที่นี่
กลุ่มที่ 2...อยู่ห่างออกไป 25 กิโลเมตร มีไหหินประมาณ 90 กว่าใบ
กลุ่มที่ 3...อยู่ห่างกลุ่มที่ 2 ไปประมาณ 10 กิโลเมตร มีไหหินอยู่ประมาณ 150 ใบ กระจายอยู่บนเนินเขาลูกเล็กๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_12.jpg
ทุ่งไหหินที่เรามาเที่ยวกันนี้...เป็นทุ่งไหหินกลุ่มที่ 1 เพราะอยู่ไม่ไกล ไปมาสะดวก มีจำนวนมาก และไหใบใหญ่กว่ากลุ่มอื่นๆค่ะ
ดูความใหญ่ของไหใบใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ เทียบกับคนตัวใหญ่ๆเหมือนไหอย่างสองสายสิคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_19.jpg
เขาว่าใบใหญ่ที่สุด..มีขนาดสูง 3.25 เมตร และปากกว้าง 3 เมตร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_21.jpg
ไหใบใหญ่ที่สุด...คงไม่ใช่ไหที่อยู่แถวๆนี้นะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_23.jpg
มองลงไปจากเนิน...มีไหหินเกลื่อนกลาด อยู่ในทุ่งข้างล่าง มากกว่าที่บนเนินนี้ ที่มีอยู่เพียง 20 ใบ
เดินลงไปดูดีกว่า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_30.jpg
เราต้องเดินไต่ลงไปตามทางเดินที่เห็นๆอยู่ ไม่แตกแถวไปเดินในบริเวณอื่น เพราะเห็นรอยหลุมขนาดใหญ่อยู่ริมทางเดิน และไกด์บอกว่า นั่นคือหลุมระเบิดเก่า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_27.jpg
มีป้ายปักไว้..ยืนยันว่าเป็นหลุมระเบิดจริงๆนะ จะบอกให้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_28.jpg
ไหหินข้างล่างนี่มีสัก 70 ใบ เห็นจะได้...มากกว่าที่มีอยู่บนเนินที่เราไปดูมาแล้วจริงๆด้วยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_24.jpg
แต่ไหข้างล่างนี่ ใบเล็กกว่าไหที่ได้เห็นข้างบนมาก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_26.jpg
ขนาดของไห น่าจะมีการแบ่งชั้นวรรณะของผู้ใช้ประโยชน์จากไห หรือไม่หนอ...?
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_29.jpg
ไม่ไกลจากลานทุ่งไหหินที่เราเดินดูอยู่นัก มีเขาลูกย่อมๆ ที่มีผู้คนเดินตรงไปที่นั่นกันเป็นทิวแถว ถามไถ่เพื่อนร่วมกองคาราวานว่าผู้คนเดินไปที่นั่นทำไมกัน เขาบอกว่าไปดูถ้ำ
ต้องมีอะไรดีแน่ๆ เดินตามไปดีกว่า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_31.jpg
ระหว่างทาง...เราเจอหลุมระเบิดเป็นระยะๆ ดูที่นี่จะเป็นยุทธภูมิกรำศึก เดิมไหคงมีอยู่มากมาย แต่คงจะแตกไปเยอะเพราะระเบิด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_35.jpg
เมื่อไปใกล้ๆเนินเขา..ก็เห็นปากถ้ำเล็กๆ เดิมทีคงมีไม้ใหญ่ขึ้นบังปากถ้ำอยู่ แต่ถูกตัดไปเหลือไว้ให้เห็นแต่ราก มีผู้คนยืนล้นออกมาที่ปากถ้ำอยู่หลายคน แว่วเสียงไกด์กำลังเล่าเกี่ยวกับถ้ำ จับใจความได้ว่า ถ้ำเล็กๆแห่งนี้ ชาวบ้านใช้เป็นที่หลบลูกระเบิดที่อเมริกันนำมาทิ้งแถวๆนี้ เหมือนมีเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำนี้ ช่วยคุ้มครองป้องกันให้ผู้คนอยู่รอดปลอดภัย ได้มากมายหลายราย เมื่อเสร็จสงครามแล้ว จึงมีการตั้งศาลไว้กราบไหว้บูชาที่หน้าถ้ำ เพื่อแสดงความคารวะและขอบคุณ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_32.jpg
เรารอจนคนออกจากถ้ำไปจนเกือบหมด จึงเข้าไปในถ้ำ โดยไม่ลืมที่จะไหว้ศาลที่ตั้งไว้ด้านซ้ายของปากถ้ำก่อน เพื่อแสดงความคารวะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_33.jpg
ถ้ำที่เราได้เห็นนั้น มีลักษณะเหมือนสุ่มไก่หรือปล่องไฟเตาผิง พื้นเป็นดินราบเรียบ มีหินตกเกลื่อนอยู่เป็นหย่อมๆ เนื้อที่ในถ้ำตกราว 20 ตารางเมตร ลักษณะภายในถ้ำไม่ลึกมากนัก สามารถบรรจุคนได้ 20 –30 คน ถ้ำแห่งนี้เคยใช้เป็นที่หลบภัยสงครามของชาวเมืองเชียงขวางยามเมื่อเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ปากถ้ำโค้งมนเหมือนมีใครมาเจาะและตกแต่งไว้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_34.jpg
ผนังถ้ำหินแดงที่ล้อมเป็นวงกลม สูงตรงขึ้นไปจากพื้นราว 5 เมตร ก่อนที่จะสอบเข้าหากันเหมือนปล่องไฟสูงจากพื้นราว 20 เมตร ที่ปลายบนสุดเยื้องไปทางด้านตะวันตกเล็กน้อย มีช่องทะลุทรงรี กว้างราวครึ่งเมตร เปิดรับแดดและลมอยู่ แสงแดดยามสายส่องทะลุผ่านช่องทะลุเข้ามา เป็นลำสีเงินยวง ให้แสงสว่างแก่ถ้ำนี้ได้เป็นอย่างดี
เรายืนอยู่ในถ้ำนั้น ด้วยความรู้สึกสลดรันทดใจ เมื่อนึกถึงสภาพผู้คนที่คงอกสั่นขวัญหาย เข้ามาอาศัยถ้ำนี้หลบภัยจากลูกระเบิด ที่ถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบินไม่ขาดสาย..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_42.jpg
เดินออกจากถ้ำแล้ว เราเดินกลับรถด้วยความรู้สึกเศร้าซึม ยิ่งผ่านหลุมระเบิดใหญ่ๆมากมายข้างทาง ก็ยิ่งทำให้เราเศร้าใจหนักเข้าไปใหญ่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_36.jpg
ความขัดแย้งทำให้เกิดสงคราม...สงครามก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้ หรือ ผู้ชนะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_37.jpg
สันติภาพภายหลังสงคราม...ไม่ได้ทำให้ความเสียใจ และ ความคับแค้นใจ สูญสลายไปจากใจได้เลย แล้วทำไมเราไม่แสวงหาสันติภาพกันตั้งแต่ต้น ก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้นนะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_38.jpg
แม้ไม่ใช่สีขาว...แต่เราก็ขอมอบดอกหญ้าสีม่วงในหลุมระเบิดนี้ ให้แก่ผู้รักสันติภาพทุกคนค่ะ...และขอภาวนา อย่าให้เรื่องของความคิด ความเชื่อ หรือสี ที่แตกต่าง ทำให้เกิดสงครามขึ้นอีกเลยนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_39.jpg
จากทุ่งไหหิน...ขบวนรถคาราวานย้อนกลับไปเข้าถนนสาย 7 หรือ "เส้นทางโฮจิมินห์" ยิ่งห่างจากเมืองโพนสะหวันเท่าไร ต้นไม้สองข้างทางก็ดูจะหนาแน่นมากขึ้นๆทุกที แสดงให้เห็นว่า ในบริเวณนั้น อาจจะได้รับผลกระทบจาก "ฝนเหลือง" น้อยลงๆ หรืออาจไม่ได้ถูกฝนเหลืองโปรยปรายลงมาทำลาย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/03_Thung%20Hai%20Hin/Thung-Hai-Hin_40.jpg
ตอนขามาเชียงขวางนั้น ระหว่างทางก็มืดซะก่อน เลยทำให้เราไม่ได้เห็นวิวสองข้างทาง พอขากลับออกมา แม้อากาศจะยังหนาวจับใจ แต่ท้องฟ้าก็แจ่มใส ทำให้เราเห็นความงามของสองข้างทาง ที่เต็มไปด้วยป่าสนสองใบและสามใบ (คนลาวเรียกสนว่า "แปก" ซึ่งเป็นชื่อเมืองเก่าของเมืองโพนสะวัน)
เราเห็นมีเด็กๆและสาวๆชาวเขา แต่งชุดชนเผ่ายืนกันอยู่ในดงสน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_05.jpg
คุณอานนท์ หัวหน้ากองคาราวานจากรถเบอร์ 00 สั่งให้เราหยุดรถทันที เพื่อให้เราลงไปถ่ายภาพกัน รถทุกคันจอดชิดขอบถนนด้านขวา...แล้วพวกเราก็ค่อยๆทะยอยลงรถ และเดินตรงไปยังดงสนที่เห็นเด็กชาวเขายืนออกันอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_02.jpg
พอไปถึง...จากเด็กชาวเขา 3-4 คนที่เราเห็น ก็มีเด็กชาวเขาเดินออกมาจากดงสนที่ลึกเข้าไปอีกเป็นโขยง ทุกคนหน้าแฉล้มแช่มช้อย ตกแต่งหน้าตาด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ใส่ชุดชาวเขาหลากเผ่าพันธุ์ แต่ใส่ถุงน่องรองเท้าสวยงามซะด้วยสิคะ ไม่เหมือนชาวเขาบ้านเราเลย...
เอิ้กกกก....โดนนางแบบอาชีพหลอกซะแล้วเรา..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_04.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_08.jpg
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...พวกเราก็รุมขอถ่ายภาพชาวเขานางแบบอาชีพพวกนี้ไว้เป็นที่ระลึก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_06.jpg
คนไทยใจดีเสมอ..ถ่ายภาพกับนางแบบชาวเขาแล้ว ก็มีทั้งขนมและเงินมาแจกนางแบบด้วย..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_07.jpg
ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกซะหน่อย พอเดินเข้าไปด้านหลังหมู่นางแบบชาวเขา (มีหนุ่มนายแบบหน้าดำๆมาสมทบด้วย) สายชลก็ได้ไอร้อนๆ ที่ทำให้เราอุ่นขาขึ้นมาทันทีทันใด ก้มลงไปมอง ก็เห็นเตาไฟอั้งโล่ มีถ่านติดไฟลุกวาบๆเต็มเตา....อืมมม...มืออาชีพจริงๆเลยนะคะเนี่ย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_10.jpg
เราเดินกลับไปขึ้นรถด้วยความขบขัน ที่ถูกหลอกให้ลงไปถ่ายภาพชาวเขา ที่เป็นนางแบบมืออาชีพ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_03.jpg
รถวิ่งต่อไปเรื่อยๆ การจราจรเริ่มสับสนวุ่นวายเมื่อฝ่าเข้าไปกลางเขตชุมชน ถนนที่นี่แคบๆ ไม่มีขอบถนน แต่ทั้งผู้คน รถยนต์ รถวีโก้คอยาว (อีแต๋น) หมู เป็ด ไก่ สุนัข แพะ วัว ฯลฯ อาศัยขอบถนนเป็นที่ดำรงชีวิต วิ่ง หรือเดินเล่น...
รถหมายเลข 15 ของเรา ที่อยู่กลางขบวน มักจะถูกทั้งมีสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตทั้งหลาย ตัดหน้าเป็นประจำ ทำให้รถของเราทิ้งช่วงรถคันหน้าไกลๆเสมอๆ จนกลายเป็นหัวขบวน ของรถคันหลังๆเราไป กว่าจะตามไปเจอท้ายรถคันที่ 14 ได้ ก็เล่นลุ้นกันจนเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_13.jpg
เราหยุดเข้าห้องน้ำที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สังเกตว่ามีบ้านปลูกสร้างใหม่ๆผุดขึ้นมากมาย ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะรัฐบาลลาวมีนโยบายให้ชาวเขาซึ่งปกติปลูกบ้านที่อยู่อาศัยอยู่ในหุบเขาให้ออกมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมถนน เพื่อเป็นยามเฝ้าเส้นทาง และเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่บ้านเรือน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_11.jpg
การไปเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวเขาเช่นนี้ เราไม่แน่ใจว่าชาวเขาพอใจหรือไม่ ดูพวกผู้ชายยังรื่นเริงบันเทิงใจดี เพราะมีทางออก นอกเหนือจากการทำมาหากิน ได้อีกมากมายหลายทาง อย่างเช่น การเตะตะกร้อ เตะบอล ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ฯลฯ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_12.jpg
ส่วนพวกผู้หญิง...คงมีทางออกน้อยกว่า เพราะชีวิตของพวกเธอ คงจะมีเพียงงานบ้าน ดูแลสามี (ที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านในยามอื่น นอกจากยามนอน) และ ลูกๆแล้ว การหาความสำราญด้านอื่นของพวกเธอ คงไม่ค่อยจะมีให้เลือกมากนัก นอกจากการมานั่งคุยกับเพื่อนๆไป เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไป...นี่ละกระมัง ที่ทำให้เราไม่ค่อยจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าพวกเธอ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_15.jpg
แม้แต่เด็กๆก็หารอยยิ้มได้ยาก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_16.jpg
เราอยากเห็นรอยยิ้มของเธอนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_18.jpg
เราอยากเห็นรอยยิ้มของเด็กๆค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/04_Break/Break_20.jpg
เราวิ่งผ่านเมืองภูคูน เข้าสู่ถนนสาย 13 ที่ถนนมีฝุ่นตลบ วกไปวนมาเป็นงูเลื้อย และแล้วชบวนรถก็แวะจอดที่เมือง "กิ่วกะจำ" หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า "หิวประจำ" เพราะที่นี่ เป็นจุดจอดเพื่อให้รับประทานอาหาร ของผู้จะเดินทางเข้าและออกจากหลวงพระบาง ผ่านถนนสาย 13
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_01.jpg
กิ่วกะจำ เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีชาวเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตามนโยบายให้ชาวเขาออกมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมถนน เพื่อเป็นยามเฝ้าเส้นทาง ในช่วงฤดูหนาว อากาศบนกิ่วกระจำจะหนาวเย็น แม้ช่วงสายๆก็สามารถพบสายหมอกที่ปกคลุมเต็มบริเวณหุบเขา เกิดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_08.jpg
ร้านอาหารที่เราใช้บริการชื่อ "ร้านพี่วัน" ที่ลงทุนทำที่ชมวิว เป็นศาลาอย่างดี เปิดโล่งใหญ่โต มีห้องน้ำเป็นสิบห้อง ทั้งแบบนั่งยองๆ และเป็นโถส้วม ที่สะอาด ให้ผู้มาทานอาหารได้ใช้ ที่นี่วิวสวยใช้ได้ทีเดียวค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_07.jpg
คณะทัวร์เกือบทุกคณะ จะมาแวะพักรับประทานอาหารและทำธุรส่วนตัว ณ กิ่วกะจำแห่งนี้เป็นประจำ ทำให้บนที่ราบบนกิ่วกะจำแห่งนี้ มีร้านอาหารเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้...ยังมีชาวลาวนำสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายมากมายหลายชนิด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_04.jpg
ผลไม้พอจะซื้อได้ ทุกอย่างกิโลละ 60 บาทหมด ส่วนของพื้นเมืองอย่าเพิ่งรีบซื้อนะคะ...ไปซื้อที่หลวงพระบาง หรือเวียงจันทน์ดีกว่า เพราะถูกกว่ากันหลายบาท
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_05.jpg
ถ้าอยากจะได้เพลงลาวไปฟังบ้าง...ก็เชิญเลือกซื้อหา ติดไม้ติดมือได้เลยค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/08_Kiew%20Krajum/LPB_Kiew-Krajum_06.jpg
รถมุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง ไปตามถนนหมายเลข 13...ไม่ถึงห้าโมงเย็น เราก็ถึงเมือง หลวงพระบาง
หลวงพระบาง เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่งดงามด้วยศิลปและวัฒนธรรม จนองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/Luang-Phrabang-map2.jpg
ในเมืองหลวงพระบาง...เรากลับมาพบกับความวุ่นวาย ที่มีรถนานาชนิดจำนวนมากมายเป็นต้นเหตุ ผิดกับเมื่อครั้งเรามาเยือนหลวงพระบาง เมื่อยี่สิบปีก่อน ที่เราแทบไม่ได้เห็นรถวิ่งบนถนนของหลวงพระบางเลย..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_01.jpg
กว่าจะไปถึงโรงแรมที่พัก The Grand Luang Prabang ...โรงแรมริมแม่น้ำโขงระดับ 5 ดาวของหลวงพระบาง เราต้องใช้เวลาฝ่าการจราจรจากถนนสาย 13 เกือบชั่วโมง...
แต่พอเห็นโรงแรมแล้วก็หายเหนื่อย...โรงแรมสวยคลาสสิคมากค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_07.jpg
ห้องพักของเราอยู่ชั้นล่างของตึกสองชั้นรูปตัวยู..มองจากระเบียงห้องพักก็เห็นสระบัวและสวนสวย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_02.jpg
โรงแรมแห่งนี้...เมื่อยามได้เข้าไปพักแล้ว ทำให้รู้สึกร่มเย็นและสุขใจอย่างบอกไม่ถูก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_04.jpg
จากประวัติของโรงแรม ทำให้เราได้ทราบว่า เดิมที่นี่เป็นวังของเจ้าเพชราช เจ้าองค์นี้ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิต ถ้านับตามตำแหน่งแบบไทยเค้าจะเรียกว่าพระมหาอุปราช ส่วนเจ้าของที่แท้จริงในปัจจุบันเป็นของคนไทย
ถ้าอยากทราบว่าเป็นใคร ลองเข้าไปอ่านใน Pantip ตามลิงค์นี้ อ่านแล้ว จะจริงเท็จประการใด โปรดใช้วิจารญานของท่านเองนะคะ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/03/E7599920/E7599920.html
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_05.jpg
ความร่มเย็นของที่นี่ น่าจะได้มาจากต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณโรงแรม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_08.jpg
และความเย็นจากลำน้ำโขง ที่ยามนี้มีน้ำล้นเต็มตลิ่ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_09.jpg
เช้าวันใหม่...เราต้องรีบตื่นกันแต่เช้ามืด เพื่อจะไปตักบาตรพระตามที่ได้นัดแนะไว้กับไกด์ ที่จะเป็นผู้จัดเตรียมข้าวเหนียวสำหรับใส่บาตร น้ำสำหรับกรวดน้ำ กระดาษเย็นสำหรับเช็ดมือ และผ้าที่ใช้พาดไหล่ตามธรรมเนียม ไว้ให้กับเรา
ยังไม่ทันสว่างดี...เราก็นั่งรถตุ๊กๆฝ่าลมหนาวยะเยือก ออกไปใส่บาตรกัน พอถึงถนนสายหลักกลางเมืองหลวงพระบาง ก็เห็นผู้คนมากมายบนถนนและริมถนน บ้างถือกล้องหรือตั้งกล้อง เตรียมบันทึกภาพอยู่กลางถนน บ้างนั่งอยู่ริมทางเดินที่มีเสื่อปูไว้ พร้อมกับกระติบข้าวเหนียว ที่มีผ้าพาดบ่าสีขาววางไว้บนกระติบอย่างเรียบร้อย มีแก้วน้ำเล็กๆวางอยู่ข้างๆกระติบ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_13.jpg
เรารีบไปนั่งเรียบร้อยหลังกระติบข้าวบ้าง และใช้ผ้าพาดไหล่สะพายแล่ง ตามวิธีที่ไกด์แนะนำ แล้วนั่งคอยพระสงฆ์ที่ใกล้จะเดินมาถึง..
แห่ะๆ....หน้าตายังไม่ค่อยตื่นดีเลยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_01.jpg
พระเดินมาเป็นขบวนยาวเหยียดแล้วค่ะ...เรารีบยกกระติบข้าวเหนียวขึ้นจบ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_02.jpg
เมื่อพระมาถึง เราปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ ใส่ในบาตรพระที่เปิดฝาบาตรคอยอยู่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_07.jpg
พระและเณรท่านเดินมารับบาตรกันยาวเหยียด และค่อนข้างจะติดกันมาก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_15.jpg
คนใส่บาตร ก็ต้องปั้นข้าวเหนียว มือเป็นระวิง เพื่อพยายามใส่บาตรพระและเณรทุกรูปที่เดินผ่านมา...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_06.jpg
เราจึงใส่บาตรทันบ้างไม่ทันบ้าง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_14.jpg
อิ่มเอิบใจมากค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_05.jpg
พระสงฆ์และเณรแต่ละวัดท่านเดินตามกันมาเป็นแถว จึงมีช่วงว่างระหว่างพระแต่ละวัด ให้เราได้หายใจหายคอ และพักเข่าบ้าง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_16.jpg
พระและเณรท่านยังเดินมาไม่ครบทุกวัด ข้าวเหนียวในกระติ๊บของสายชลก็เหลืออยู่สักสองสามหยิบมือ สายชลจึงปิดกระติ๊บ แล้วก็นั่งพับเพียบ พนมมือไหว้พระและเณรที่เดินผ่านไป...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_10.jpg
ได้สงบจิตสงบใจอยู่ครู่ใหญ่ พระและเณรท่านก็เดินผ่านไปจนหมด..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_11.jpg
เมื่อแน่ใจว่าพระและเณรผ่านไปหมดแล้ว...เราก็ลุกขึ้นยืน แล้วนำข้าวเหนียวที่เหลือในกระติ๊บ มาปั้นเป็นก้อนกลมๆเล็กๆได้ 4-5 ลูก แล้วนำไปวางบนกำแพงวัด เพื่อให้นกกากิน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_19.jpg
นอกจากนี้ ยังเป็นการแบ่งปันให้กับสัพเวสีที่อยู่แถวๆนั้นได้กินด้วย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_20.jpg
จากนั้น...เราได้นำน้ำในแก้ว มากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ให้กับพ่อ แม่ ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/01_Sai%20Bart/LPB_Sai-Bart_22.jpg
ยังไม่สายนัก...เราไปเดินตลาดเช้าของเมืองหลวงพระบาง กันดีกว่าค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_05.jpg
ตลาดเช้า นับเป็นสีสันหนึ่งของเมืองหลวงพระบาง เขาจะติดตลาดกันตั้งแต่ตี 5 และขายไปเรื่อยๆจนกว่าแดดจะจัดตลาดวาย ที่ตั้งนั้นอยู่ในซอยเล็กๆ ติดกับวัดเชียงทอง
สินค้าในตลาดที่วางขายกันริมถนนมีทั้งของสด ของแห้ง อาหารสำเร็จรูป ของฝากประเภทผ้าถุง ผ้านุ่ง กระเป๋า ฯลฯ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_27.jpg
ด่านแรกที่เราเจอที่ทางเข้าตลาด เป็นรถกระบะ บรรทุกผักมาวางขายกันตรงปากทางเลย ดูผักจะสดอละน่ารับประทานมากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_03.jpg
ในตลาดก็มีผักและผลไม้ วางขายอยู่อีกหลายเจ้า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_09.jpg
ส้มสูกลูกไม้ มากมายให้เลือกซื้อ...แต่ขอบอก ส้มที่เห็นนั่น ไม่อร่อยเลยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_07.jpg
ข้าวเหนียว...ข้าวสาร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_04.jpg
อาหารแห้ง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_11.jpg
แป้งจี่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_10.jpg
ในแม่น้ำโขง มีปลาชุกชุมและหลากหลายพันธุ์ ปลาจึงกลายมาเป็นอาหารหลักของที่นี่อีกชนิดหนึ่ง
ที่นี่...มีทั้งปลาตัวใหญ่ๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_14.jpg
ปลาตัวเล็กๆ...ตัวจิ๋วๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_16.jpg
แล่ให้เห็นกันสดๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_13.jpg
ซื้อปลา แล้วก็ซื้อพริกและมะขามไปทำปลาทอด ลาดพริกผัดน้ำมะขามซะเลย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_12.jpg
ผลิดภัณฑ์จาก "ควาย" มารวมตัวอยู่ที่นี่ค่ะ...ดูดีๆ มีอะไรบ้าง...
ที่เป็นเท้า..จมูก...หู...น่าจะเห็นได้ชัดเจน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_20.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_21.jpg
ถ้าเป็นเส้นๆนี่ ถ้าไม่บอกคงไม่ทราบนะคะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_18.jpg
จริงๆแล้ว คือ "หนังควาย" ที่นำขนออก ตัดเป็นเส้นๆ แล้วนำไปนึ่ง หรือตากแห้ง นำมาใช้ย่าง หรือนำไปทำเป็นน้ำพริก ที่เรียกว่า "แจ่วบอง" ซึ่งอยู่ในถุงสีดำที่วางอยู่ข้างๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_19.jpg
แผ่นสาหร่ายที่มีทั้งแบบตากแห้งและที่ทอดกรอบ ทานกับแจ้วบองอร่อยสุดๆเลยล่ะค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_01.jpg
ปูน้อยไม่หนีบมือ เพราะถูกมัดเป็นพวงๆ อย่างสวยงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_22.jpg
ขอถ่ายภาพหน่อยจ้ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_23.jpg
น่าสงสาร...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_25.jpg
เราสังเกตว่า ไม่มีพืชหรือสัตว์ป่ามาขายในตลาด เหมือนที่เคยเห็นเมื่อยี่สิบปีก่อน เข้าใจว่า ทางการคงสั่งห้ามไว้ เพราะไม่เช่นนั้น จะเสียชื่อเมืองมรดกโลกหมด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_08.jpg
เราเดินดูกันจนทั่ว สายชลสนใจไปหมด แต่คุณสายน้ำ ดูจะสนใจไก่ย่าง ขนมปังฝรั่งเศส และกาแฟโบราณ เพราะเริ่มจะหิวอาหารเช้าแล้วล่ะค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/02_Morning%20Market/LPB_Market_28.jpg
นั่งตุ๊กๆ กลับโรงแรมไปทานข้าวเช้าดีกว่านะคะ...ห้องอาหาร บรรยากาศสวยงาม
มีความสุขมากค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_14.jpg
รับประทานไป..ชมวิวแม่น้ำโขงไป...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_11.jpg
หมอกบางๆยังลอยอ้อยอิ่งอยู่หนือลำน้ำโขง....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_15.jpg
สวยจนอยากนั่งอยู่ที่นี่นานๆ แต่ไม่มีเวลาแล้วค่ะ ถูกตามตัวไปเที่ยวแล้ว....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/03_The%20Grand%20Hotel/LPB_Hotel_16.jpg
พระราชวังหลวง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_02.jpg
หลวงพระบางเป็นเมืองหลวงของลาวเมื่อนานเนกาเลมาแล้ว...ตามประวัติชาติลาว ที่เล่าโดยไกด์สาวชาวลาว ได้ความว่า....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_11.jpg
เดิมที่อาณาจักรล้านช้างมีชื่อเรียกว่า “เมืองชวา” อันเนื่องมาจากมีชาวชวาอาศัยอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น เมื่อปี พ.ศ. 1896 – 1916 พระเจ้าฟ้างุ้มได้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆของชนเผ่าไท-ลาวในเขตลุ่มน้ำโขง แม่น้ำคาน แม่น้ำอู แล้วก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง ณ ดินแดนริมน้ำโขง ซึ่งคือที่ตั้งเมืองหลวงพระบาง โดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ขอม ผู้เป็นบิดาของพระมเหสีของเจ้าฟ้างุ้ม พร้อมๆกันนั้น พระองค์ได้รับเอาพุทธศาสนาเข้ามาแทนการนับถือผี ที่ชาวลาวเคยนับถือ
ในปี พ.ศ. 1900 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองเชียงทอง" กระทั่งกษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธรูปองค์หนึ่ง มีชื่อว่า พระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสิงหล เจ้าฟ้างุ้มจึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “หลวงพระบาง"
ปัจจุบัน...พระบาง ได้ประดิษฐานไว้ใน "หอพระบาง" ซึ่งตั้งอย่างสง่างาม อยู่ทางด้านซ้ายทางเข้าพระราชวังหลวง ซึ่งได้เปลี่ยนมาเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ของลาวไปแล้ว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_07.jpg
อาณาจักรล้านช้างแตกออกเป็นสามอาณาจักร คือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง เวียงจันทน์ และ จำปาศักดิ์
ปี พ.ศ. 2088 พระเจ้าโพธิสารราชเจ้า โปรดฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ แม้หลวงพระบางจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงต่อไป แต่เจ้ามหาชีวิตยังคงประทับที่หลวงพระบาง
กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง สืบทอดราชบัลลังก์กระทั่งถึงยุคสิ้นสุดของราชวงศ์ อันมีสาเหตุหลักมาจากตกเป็นเมืองขึ้นของสยาม เวียตนาม และ ฝรั่งเศส กษัตริย์หรือเจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้าย ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนชาวลาว คือ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งมีอนุเสาวรีย์ตั้งอยู่ด้านขวามือของวังหลวง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_10.jpg
เราได้เข้าไปชมในพระตำหนักที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ที่แบ่งออกเป็นห้องต่างๆมากมาย แต่ละห้องได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามน่าชม (ผิดกับที่เราได้เข้ามาชมเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก) ทั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก UNESCO ซึ่งได้ยกย่องให้เมืองหลวงพระบางเป็น เมืองมรดกโลก
น่าเสียดาย...ที่ห้ามถ่ายภาพ ภายในเขตพระตำหนัก โดยเราต้องเก็บกล้องไว้ในตู้ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้ จะได้ไม่เผลอหยิบกล้องมาถ่าย ให้ถูกจับ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_12.jpg
ด้านข้างพระตำหนัก มีรถทรงในพระราชพิธีต่างๆแสดงไว้ด้วยในเต๊นท์ผ้าใบ คาดว่าจะเป็นการตั้งแสดงไว้เป็นการชั่วคราว เพราะเต๊นท์นั้น หาได้คุ้มแดดคุ้มฝนไม่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_13.jpg
ไกด์สาวชาวลาวของเรา บรรยายเรื่องราวของวังหลวงให้เราได้ฟังอย่างสนุกสนาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_03.jpg
ด้านหน้าวังหลวง เป็นที่ตั้งของ พระธาตุพูสี ซึ่งตั้งอยู่บนดอยสูง...ส่วนที่เชิงดอย เป็นที่ขายของพื้นเมืองของชาวบ้าน ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นชาวเขาเผ่าต่างๆของลาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_14.jpg
ไม่ซื้อ...ไม่หา...ไม่ว่าอะไร...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_15.jpg
มือหนึ่งอุ้มลูก...อีกมือวุ่นกับการจัดของเตรียมขาย...
ความรักของแม่.....เห็นที่ไหนก็ประทับใจเสมอ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/04_Palace/LPB_Palace_16.jpg
วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_01.jpg
วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม...เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ พระธาตุรูปร่างโค้งมนเหมือนผลแตงโมผ่าครึ่ง อันเป็นที่มาของชื่อ "วัดหมากโม"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_03.jpg
วัดวิชุนราช ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช เพื่อใช้ประดิษฐาน พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเชียงคำ ภายในวัดวิชุนราชมีปทุมเจดีย์หรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ ซึ่งพระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีของพระเจ้าวิชุนราช โปรดฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2057
หลังจากสร้างวัดแล้ว 11 ปี ด้วยรูปทรงของเจดีย์มีลักษณะคล้ายแตงโมผ่าครึ่งทำให้ชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่า "พระธาตุหมากโม" เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูป ตามแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบน มีเจดีย์ทิศทรงบัวตูมทั่งสี่มุม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_02.jpg
พระธาตุหมากโมนี้มีสีดำเก่าๆ แม้จะเคยผ่านการบูรณะปฎิสังขรมาแล้วสองครั้ง ในปีพ.ศ.2402 รัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ อีก 19 ปีต่อมา ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ มีการปฎิสังขรอีกครั้ง ซึ่งการบูรณะครั้งนี้พบโบราณวัตถุมากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่แกะสลักจากแก้ว ซึ่งคล้ายกับพระแก้วมรกต โบราณวัตถุเหล่านี้ ได้นำถวายเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเก็บรักษาไว้ในพระราชวังหลวงพระบางในปัจจุบัน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_05.jpg
พระอุโบสถ หรือที่ชาวลาวเรียกว่า "สิม" เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบาง ตัวอุโบสถมีรูปทรงอาคารไทลื้อสิบสองปันนา ซึ่งมีจุดเด่นคือส่วนคอชั้นสองจะยกระดับสูงขึ้นไป ส่วนบนหลังคาประดับด้วยโหง่(หรือช่อฟ้าแบบไทย) ตรงกลางหลังคามีช่อฟ้า เป็นรูปปราสาทยอดฉัตรเล็กๆ ลดหลั่นหลายชั้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_08.jpg
หน้าต่างพระอุโบสถประดับด้วยลูกมะหวด บานประตูด้านหน้าทั้งสามช่อง แกะสลักลงรักปิดทอง มีรูปเทพเจ้าของพราหมณ์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม และ พระอินทร์ ซึ่งลักษณะเป็นศิลปะแบบเชียงขวาง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_09.jpg
พระประธาน หรือพระองค์หลวงในพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง ด้านหลังพระประธานมีโบราณวัตถุที่เก็บรวบรวมมาจากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบาง เช่นพระพุทธรูปสำริด พวกไม้จำหลักลวดลายต่างๆ พระพุทธรูปไม้แกะสลักลงรักปิดทองสูงเท่าคนจริงจำนวนมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_10.jpg
ด้านข้างวัด มีวิหารเล็กๆตั้งอยู่ มีเจดีย์สีดำคล้ำ สร้างอยู่หลายองค์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_12.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_13.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_14.jpg
เด็กน้อยวัยเพียงแปดเดือน ที่ไปกับพ่อ แม่ ตา ยาย น้าสาว และน้าเขย....น่ารักน่าเอ็นดู อารมณ์ดี ไม่งอแงเลยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_07.jpg
ใครเห็น...ก็อดไปทักทายไม่ได้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_06.jpg
สองสายก็ได้เพื่อนใหม่มากมายจากการไปทริปครั้งนี้ค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/06_Wat%20Wisun/LPB_Wat-Wisun_16.jpg
วัดเชียงทอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_06.jpg
วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง
วัดเชียงทองสร้างขึ้นก่อนหน้า ที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจะย้ายเมืองหลวงไปยังนครเวียงจันทน์ไม่นานนัก และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_23.jpg
พระอุโบสถ ภาษาลาวเรียกว่า "สิม" เป็นพระอุโบสถหลังไม่ใหญ่โตมากนัก หลังคาพระอุโบสถมีหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น กล่าวกันว่านี่คือศิลปะแห่งหลวงพระบาง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_09.jpg
ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อเป็นข้อสังเกตุว่าวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง จะมีช่อฟ้า 17 ช่อ ส่วนคนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า 1- 7 ช่อเท่านั้น เชื่อว่าบริเวณช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงกลางช่อฟ้าจะมีของมีค่าบรรจุอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_03.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_04.jpg
ส่วนที่ประดับที่ยอดหน้าบันชาวลาวเรียกว่า "โหง่" มีรูปร่างเป็นเศียรนาค และมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_20.jpg
ประตูพระอุโบสถแกะสลักสวยงามเช่นเดียวกับหน้าต่างภายในพระอุโบสถมีภาพสวยงามที่ผนัง มีลักษณะลวดลายปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ ส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติเรื่องพระสุธน – มโนราห์ และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ส่วนผนังด้านหลังของพระอุโบสถ เป็นภาพที่เกิดจากการใช้กระจกสีตัด ติดต่อกันเป็นรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งเคยมีในเมืองหลวงพระบางลักษณะคล้ายต้นโพธิ์ ด้านข้างต้นทองเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดี ยามใดที่แสงแดดสาดส่อง จะส่งแสงดสะท้อนดูงดงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_18.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_08.jpg
วิหารน้อย ด้านข้างและด้านหลังของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของวิหารสองหลัง จุดเด่นของวิหารนี้คือผนังด้านนอกมีการตกแต่งด้วยกระจกสี ตัดเป็นชิ้นเล็กๆและนำมาต่อเป็นรูปต่างๆเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน บนพื้นสีชมพู อะร้าอร่ามยามเมื่อต้องแสงแดด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_14.jpg
หน้าต่างบานเล็กๆ ที่เปิดออกมาชมพระอุโบสถได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_15.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_21.jpg
ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระพุทธรูปนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงที่กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2474 และนำไปประดิษฐานที่นครเวียงจันทน์หลายสิบปี ก่อนจะนำมายังหลวงพระบางในปี พ.ศ.2507 และ ที่ฐานพระไสยาสน์ มีพระพุทธรูปตั้งไว้องค์หนึ่ง ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นพระอะไร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_27.jpg
ผนังด้านหนึ่งตั้งพระพทธรูปเรียงกันสามองค์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_22.jpg
ผนังด้านในของวิหารน้อยทุกด้าน ประดับด้วยพระองค์เล็กๆงามยิ่งนัก บนเพดานเป็นสีแดง วาดลวดลายเทวดาประดับไว้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_28.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_10.jpg
ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่ด้านหลังพระอุโบสถคือ วิหารพระม่าน ผนังวิหารด้านนอกมีลักษณะคล้ายกับวิหารองค์แรก ภายในวิหารนี้ประดิษฐาน พระม่าน ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ จะมีการอันเชิญมาให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้เป็นประจำทุกปี.....เสียดายที่ในวันที่เราไป วิหารหลังนี้ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_11.jpg
หน้าต่างที่มีไม้ลูกมะหวดปิดกั้นไว้ แทนลูกกรง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_17.jpg
ผนังด้านหลังวิหารทาด้วยสีชมพูประดับด้วยกระจกสี แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน สร้างขึ้นใน พ.ศ.2493 เพื่อเฉลิมฉลองที่โลกก้าวสู่ยุคกึ่งพระพุทธกาล
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_13.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_24.jpg
โรงเมี้ยนโกศ หรือโรงเก็บราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ลักษณะเป็นโถงกว้าง ผนังด้านหน้าตั้งแต่หน้าบันลงมาจนถึงพื้น สามารถถอดออกได้ เพื่อให้สามารถเคลื่อนราชรถออกมาได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_25.jpg
จุดเด่นของโรงเมี้ยนโกศยังอยู่ที่ประตูด้านนอก ที่เป็นภาพแกะสลักวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ตอนสำคัญๆ เช่น ตอนพิเภกกำลังบอกความลับ ที่ซ่อนหัวใจของทศกัณฑ์ให้กับพระราม ถัดลงมา เป็นตอนที่ทศกัณฑ์ต้องศรของพระรามเสียบเข้าที่หัวใจ ถัดลงมาเป็นตอนที่พระรามพระลักษณ์ต่อสู้กับทศกัณฑ์ ด้านล่างสุด เป็นตอนที่นางสีดาลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์กับพระราม
เดิมที่ภาพแกะสลักเหล่านี้เป็นการลงรักปิดทอง ต่อมาได้มีการบูรณะใหม่โดยทาสีทองเหลืองอร่าม หากจะไปชมโรงเมี้ยน ควรจะไปถึงในช่วงบ่ายๆ เมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงทางด้านตะวันตก แสงแดดจะตกกระทบหน้าโรงเมี้ยน ทำให้เห็นภาพชัดเจนและงดงามมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_29.jpg
ข้างทางก่อนออกจากประตูด้านข้าง มีซุ้มปูนปั้น รูปสี่เหลี่ยมด้านบนโค้งมน มีรูปปั้นพระฤๅษี คว่ำพังพาบอยู่ด้านบน ไปมองด้านในซุ้ม มีพระพุทธรูปปูนปั้นตั้งอยู่
ไม่ทราบว่ามีความหมายเช่นไร..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_30.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_07.jpg
ภายในวัดยังมีเขตสังฆาวาสและยังมีพระจำพรรษาอยู่เช่นวัดทั่วไป วันนั้น เราได้เห็นพระและเณรช่วยกันเก็บกวาดลานวัด และเก็บขยะไปทิ้ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/07_Wat%20Chiang%20Thong/LPB_Wat-Chiang-Thong_01.jpg
ทางเข้าวัดด้านข้าง อยู่บนถนนเล็กๆชื่อถนนโพธิสารราช ซึ่งอยู่ข้างๆวัด นำไปสู่ริมน้ำโขง และตลาดเช้าของหลวงพระบางก็ตั้งอยู่ในซอยเล็ก ที่เชื่อมต่อกับถนนสายนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_09.jpg
ท่าเรือหลังวัดเชียงทอง...นอกจากมีคนใช้บริการเรือ ทั้งข้ามไปมาระหว่างสองฝั่งแล้ว ยังมีการบริการให้เช่าไปวัดถ้ำติ่ง ไปดูหมู่บ้านต้มเหล้า การร่อนทองในแม่น้ำโขง และการเดินทางล่องแม่น้ำโขงไปจนถึงเมืองเชียงแสน และเมืองเชียงของ ในฝั่งไทยด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_08.jpg
Super_Srinuanray
22-05-2012, 07:46
:d
มาชิม อาหารตา และอาหารใจ จานใหญ่ จากพี่สองสายค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะพี่ น้องรออ่านหนังสือรวมเล่ม นะคะ....เมื่อไรวางแผงเอ่ย ?????
ขอบคุณจ้ะ น้องติ่ง...อาหารจะอร่อย ต้องพิถีพิถัน และใช้เวลาในการปรุงแต่งรสชาติหน่อยนะจ๊ะ...:)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_31-1.jpg
วันรุ่งขึ้น...หลังอาหารเช้าแล้ว เราจะไปเที่ยว "ถ้ำติ่ง" ถ้ำดังของลาวเหนือกัน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สองสายเคยไปเยือนถ้ำติ่งมาแล้ว โดยนั่งเรือจากท่าวัดเชียงทอง ทวนน้ำขึ้นไปทางเหนือ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง ระหว่างนั้นก็แวะชมหมู่บ้านต้มเหล้าริมฝั่งโขง และดูการร่อนทองในแม่น้ำด้วย ส่วนขากลับ เราล่องตามน้ำใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็กลับถึงหลวงพระบาง
แต่ครั้งนี้ เราจะขับรถเป็นกองคาราวาน โดยใช้ถนนลาดยางสาย 13 กันค่ะ ถนนจากหลวงพระบางอยู่ในสภาพที่ดีทีเดียว เมื่อเราวิ่งไปสัก 20 กว่ากิโลเมตร ก็ถึงทางแยกเข้าซ้ายมือ ถนนดีๆก็กลายเป็นถนนลูกรังแคบๆ เป็นหลุมเป็นบ่อ สูงๆต่ำๆ ขบวนคาราวานของเรา ก็กลายเป็นขบวนรถออฟโรด วิ่งกันฝุ่นตลบ ไม่นานก็ถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง วิ่งลัดเลาะไปตามตลิ่งอีกไม่นานก็ถึงหมู่บ้านปากอู รวมระยะทางราว 30 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_10.jpg
เราต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถนอกหมู่บ้าน..จากนั้นก็เดินผ่านหมู่บ้านไปที่ร้านอาหารริมโขง ระหว่างทาง มีร้านขายของพื้นเมืองวางล่อตาล่อใจอยู่ อดใจไว้ก่อน เดี๋ยวขากลับค่อยมาซื้อดีกว่า
ร้านอาหารมื้อกลางวันของเรา ตั้งอยู่บนริมฝั่งโขง วิวดี สะอาด และอาหารอร่อยมากๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_01.jpg
จานที่อร่อยเด็ด และเราอยากรับประทานกันมากคือ สาหร่ายหรือ "ไคแผ่น" โรยงาทอดกรอบ ทานกับน้ำพริกเผาใส่หนังหมูหรือหนังควาย ที่เรียกว่า "แจ่วบอง" ทานเพลินจนต้องขอเพิ่มอีก..
“ไค” เป็นสาหร่ายน้ำจืดในวงศ์ Zygnemataceae รูปร่างเป็นเส้นยาวละเอียดคล้ายเส้นผมสตรี สีเขียวสด ชอบขึ้นเป็นกลุ่มตามห้วยธารที่น้ำไหลตลอดเวลา และใสสะอาด ฤดูหาไคเริ่มประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแม่น้ำลำธารใสสะอาด และยังมีปริมาณน้ำมากอยู่ พอน้ำเริ่มลด หรือมีฝนตกซึ่งทำให้น้ำขุ่น ชาวบ้านก็จะเลิกหา
เมื่อได้ไคมาแล้วก็จะนำมาล้างให้สะอาด เอาเศษดินเศษทรายออกจนหมด จากนั้นนำไคมาชุบน้ำ ละลายส้มมะขามซึ่งผสมด้วยขิง ข่า กระเทียม หอมใหญ่ มะเขือเทศ ผงชูรส และเกลือ แล้วรอให้สะเด็ดน้ำ แผ่ไคบนตับใบหญ้าคาโดยใช้ไม้ตีให้ไคแผ่ออกเป็นแผ่นบางๆ เสร็จแล้วโรยด้วยงา ตากแดดให้แห้ง เวลาเก็บจะม้วนเป็นก้อนกลมทำนองเดียวกับม้วนผ้า
เมื่อจะนำมารับประทานก็ใช้กรรไกรตัดไคเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ทอดในน้ำมันร้อนๆ แต่ไฟต้องอ่อน การทอดต้องรวดเร็วแบบจุ่มแล้วเอาขึ้นทันที มิฉะนั้นไคจะไหม้ และมีรสขม ควรรับประทานขณะที่ไคยังร้อนเพราะหากปล่อยให้เย็นจะเหนียว ไม่อร่อย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_03.jpg
“แจ่วบอง” เป็นน้ำพริกเผาชนิดหนึ่ง ไม่มีน้ำมันมากเหมือนน้ำพริกเผาไทย แต่ไม่แห้งร่วนเหมือนน้ำพริกปลาย่าง ส่วนสำคัญคือต้องใส่หนังหมู หรือหนังควายหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมอยู่ในเนื้อน้ำพริกด้วย (บางตำรับไม่ใส่)เวลากินจะกรุบๆ อร่อยใช้ได้ทีเดียว ไคแผ่นทอด (จื่นไคแผ่น) เป็นอาหารว่าง หรือของแกล้มที่ชาวหลวงพระบางนิยมรับประทานกัน และมักจิ้มกับแจ่วบอง เพื่อเพิ่มรสชาติให้กล่อมกลมมากยิ่งขึ้น
ที่ร้านนี้ เลี้ยงนกฮูกตัวโต ขนฟูฟ่องไว้ด้วย เจ้าของร้าน เขาเลี้ยงนกตัวนี้ด้วยปลาสดๆจากแม่น้ำโขง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_02.jpg
เราทานข้าวเสร็จ ก็เข้าห้องน้ำ เรียบร้อยแล้วก็เดินลงไปที่ชายหาด เพื่อเตรียมลงเรือข้ามไปยังถ้ำติ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ริมฝั่งแม่น้ำโขงอยู่สูงจากชายหาดเกือบยี่สิบเมตร บันไดที่สูงชัน ทำให้ต้องระมัดระวังในการเดินลงมากๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_05.jpg
ชายหาดของแม่น้ำโขงบริเวณนี้ เป็นลานทรายที่ทอดยาวกว่าร้อยเมตร ลงไปถึงชายน้ำโขง พื้นที่ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ให้ไร้ประโยชน์ ชาวบ้านนำพืชสวนครัว และข้าวโพดลงมาปลูกกันเป็นแถวเป็นแนว..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_10.jpg
ถึงริมโขงแล้ว นึกว่าจะได้ลงเรือ กลับต้องเดินลัดเลาะไปตามริมน้ำอีกหลายสิบเมตร เพราะท่าเรือไม่ได้อยู่ตรงหน้าร้านอาหารสักหน่อย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_06.jpg
การเดินไปบนพื้นทรายนี่ ทุลักทุเลมากค่ะ ทรายละเอียดสีขาวสะอ้าน สวยดีนะคะ แต่เดินได้ลำบากมาก ทำให้เท้าจมลงไป แล้วก็พลิกได้ง่ายๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_07.jpg
เห็นเรือที่เราจะเดินไปลงแล้วค่ะ....อ้าวววว...ไม่ใช่ลำนี้ค่ะ....!!!
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_09.jpg
ถึงเรือของเราเสียทีค่ะ...อูยยยย....ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน....!!!
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_11.jpg
เรือไม่ได้จอดที่ท่าเรือใหญ่แต่เป็นแพเล็กๆ การขึ้นเรือจึงลำบากมาก ต้องปีนจากเรือลำหนึ่งไปยังเรืออีกลำหนึ่งที่จอดอยู่ด้านนอก
งานนี้เล่นเอาคนแก่บ่นกันเป็นแถว (รวมทั้งสองสายด้วย)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_08.jpg
ได้นั่งเรือแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย...แดดไม่ร้อน แถมมีลมโชยผ่านมา ทำให้คลายร้อนไปได้มาก
การนั่งเรือข้ามไป-กลับนี่ เขาคิดเงินคนละ 10,000 กีบ (50 บาท) บนเรือมีบริการน้ำชากาแฟไว้ให้ดื่มด้วยค่ะ ส่วนค่าเข้าชมถ้ำติ่งคนละ 20,000 กีบ (100 บาท)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_12.jpg
เห็นเรือหลายลำจอดอยู่หน้าถ้ำติ่ง ก็เดาได้เลยว่า คนในถ้ำคงมีมากมาย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_14.jpg
เรือวิ่งไปไม่ถึงสิบนาที ก็ถึงท่าเรือหน้าถ้ำติ่งซึ่งทำไว้อย่างดี แต่..เงาของภูเขาที่ถ้ำติ่งตั้งอยู่ ทาบลงมาที่ท่าเรือ ทำให้มืดครึ้มและเย็นสบายดีค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_13.jpg
เห็นทางขึ้นตัวถ้ำแล้ว...โอ้...พระเจ้าช่วย ทำไมบันไดถึงชันเช่นนี้ !!!
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_15.jpg
Super_Srinuanray
22-05-2012, 15:55
โอ้ว มีถ้ำของน้องด้วยหรือค่ะ
ครั้งที่แล้วไป ไม่ได้ไปแวะค่ะ เสียดายจัง
อ๊ายยยย...พลาดได้อย่างไรจ๊ะ น้องติ่ง หากไปหลวงพระบาง ต้องไปวัดเชียงทอง วัดหมากโม พระธาตุภูสี และถ้ำติ่งจ้ะ ถึงจะไม่สวยเลิศ....แต่มีคุณค่าทางจิตใจ ที่ได้ไปเยือนจ้ะ..:)
ตอนนี้ดูภาพของพี่สองสายไปก่อน...แล้วค่อยหาเวลาไปเที่ยวลาวอีกสักครั้ง แล้วหาโอกาสไปเยือนให้ได้นะจ๊ะ...;)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_16.jpg
บันไดทางขึ้นไม่สูงเลยค่ะ...แต่บันไดเล็กและชันมากๆ คนตัวใหญ่ๆ (อย่างสองสาย) เดินตรงๆเสี่ยงมากๆ ต้องค่อยๆเดินตะแคงขึ้นไป พอขึ้นไปถึงที่พักชั้นแรก ก็เห็นทางแยกซ้ายขวา ถ้าไปทางขวา จะเป็นที่ตั้งของถ้ำลุ่ม (ถ้ำล่าง) ซึ่งสูงจากพื้นน้ำราว 60 เมตร ถ้าไปทางขวา จะปีนขึ้นไป ถ้ำเทิง (ถ้ำบน) ซึ่งจะต้องปีนบันไดขึ้นไปอีก 218 ขั้น เราตัดสินใจไม่ยาก คือ เดินเลี้ยวขวา ขึ้นไปถ้ำลุ่มดีกว่า
เมื่อขึ้นไปบนถ้ำซึ่งมีสองชั้น เป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปจำนวนมากหลายขนาด ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_17.jpg
ไกด์สาวชาวลาว นามว่า "ไกด์พร" เล่าให้เราฟังว่า ถ้ำติ่ง แปลว่า ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยโผล่ยื่นออกมาเหมือนติ่ง บางทีก็เรียกว่า "ถ้ำปากอู" ตามชื่อหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของถ้ำ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_18.jpg
ในสมัยโบราณ...ชาวลาวเคยนับถือผี ถ้ำติ่งนั้นได้ถูกใช้เป็นสถานที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณผีฟ้า ผีแถน เทวดา ต่อมา พระเจ้าโพธิสารราช ซึ่งทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนาเป็นผู้นำพุทธศาสนาเข้ามา และทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_27-1.jpg[/IMG]
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_22-1.jpg
นับแต่นั้นมาถ้ำติ่งจึงเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เจ้ามหาชีวิตแห่งหลวงพระบางต้องไปสักการบูชาพระพุทธรูปในถ้ำ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ลาว ทั้งเจ้ามหาชีวิต ข้าราชบริพาร พระสงฆ์ ประชาชนทั่วไปจะเดินทางไปสรงน้ำพระพุทธรูป ที่ถ้ำติ่งบนและถ้ำติ่งล่าง จากนั้นจึงไปไปสรงน้ำพระพุทธรูปที่วัดปากอู ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับถ้ำติ่ง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_27-1.jpg
มีการค้นพบพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในคริสศตวรรษที่ 18-19 กว่า 2,500 องค์ ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้ เมื่อตอนค้นพบใหม่มีพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งที่ทำด้วยเงินและทองคำ แต่ถูกลอกออกไปหมด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_28-1.jpg
ส่วนถ้ำติ่งบนนั้น ไกด์พร ซึ่งก็ไม่ยอมปีนขึ้นไปดูเหมือนกับเรา บอกว่า ทางเดินขึ้นไปร่มรื่นด้วยเงาไม้ ลักษณะถ้ำติ่งบนเป็นปากถ้ำไม่ลึกมาก มีพระพุทธรูปอยู่ภายในถ้ำแต่ไม่เยอะเท่าถ้ำติ่งล่าง ถ้าใครจะเข้าไปชม สามารถเช่าไฟฉายไปส่องดูภายในถ้ำได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_26-1.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_29-1.jpg
พระพุทธรูปบางองค์ งดงามและอิ่มเอิบมาก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_24-1.jpg
มีรูปปั้นพระฤๅษีนั่งบำเพ็ญบุญอยู่กลางโถงถ้ำ ผ้าที่คลุมรูปปั้นพระฤๅษีนั้น เป็นผ้าลายเสือดาว ที่ผู้มีศรัทธาได้นำมาคลุมไว้ให้..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_25-1.jpg
รูปปั้นสิงห์ นั่งสง่างามอยู่ไม่ไกลจากรูปปั้นพระฤๅษี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_30-1.jpg
การได้มากราบพระที่่ถ้ำติ่ง เป็นครั้งที่สองในชีวิตนี้ นับเป็นมงคลในชีวิต เพราะเรากราบครั้งเดียว เหมือนได้สักการะพระเป็นพันๆองค์ในครั้งเดียว
หลังจากนั่งเรือจากถ้ำติ่ง กลับไปขึ้นหมู่บ้านปากอูแล้ว ก็ถึงเวลาซื้อของฝากกัน สองสายได้แต่ของกระจุกกระจิก ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เช่น ผ้าพันคอ ผ้านุ่ง แต่เพื่อนของเราหลายคน ได้ซอลาวกลับมาเล่นที่เมืองไทย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/05_Ting%20Cave/LPB_Ting-Cave_04.jpg
หัวขบวนไม่ได้พาเราแวะไปดูหมู่บ้านต้มเหล้า หรือดูการร่อนทอง อย่างที่วางแผนไว้ แต่กลับวิ่งตรงดิ่งกลับเข้าหลวงพระบาง ระหว่างทางเข้าเมือง เราผ่านบ้านเมืองของชาวหลวงพระบางที่เปลี่ยนไปจากที่เราเคยเห็นเมื่อยี่สิบกว่าปีมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_10.jpg
บ้านที่อยู่อาศัย ถูกดัดแปลงเป็นโรงแรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร และ ร้านค้า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_12.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_13.jpg
บ้านสวยๆ ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย พอมีให้เห็น...แต่น้อยมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_14.jpg
เราขับรถกลับถึงกลางเมืองหลวงพระบางกันอย่างกระปลกกระเปลี้ยเพลียแรง รถนำขบวนพาเราไปจอดอยู่เชิง พระธาติภูสี เพื่อให้พวกเราปีนขึ้นไปกราบไหว้พระธาตุ และชมวิวบนยอดดอยที่ประดิษฐานของพระธาตุ แต่สองสายหมดแรง บอกว่าเคยขึ้นไปแล้ว ขอกราบพระธาตุจากข้างล่างดีกว่า...
ว่าแล้วก็เข้าไปนั่งคอยในร้านอาหาร ที่จะเป็นจุดที่เราจะทานอาหารเย็นกัน แล้วก็สั่งส้มตำ และกาแฟเย็นแสนอร่อยของลาว มานั่งกินนั่งดื่มอย่างมีความสุข ไม่นานนัก มีพวกเราจากรถหลายคันมาร่วมวงทานส้มตำกับเราด้วย...
--------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ: ขอบคุณข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพระบาง จาก http://www.louangprabang.net/index.asp และ http://www.oceansmile.com/Lao/lao2.htm
เรานอนอยู่ที่หลวงพระบางสามคืน...มีความสุขสนุกสนานดีค่ะ แต่ก็รู้สึกจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกันมากๆ และเมื่อต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางจากหลวงพระบางในวันรุ่งขึ้น เราจึงไม่ค่อยจะอยากลุกจากเตียงกันนัก แต่ก็จำต้องลุกขึ้น เพราะเกรงจะตกขบวนคาราวาน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_01.jpg
ก่อนจะออกนอกเมือง ล่องใต้ย้อนกลับไปตามถนนหมายเลข 13 เพื่อกลับไปวังเวียง เราต้องเติมน้ำมันกันให้เต็มถัง เพราะระหว่างทาง แทบจะหาปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ ที่พอจะให้รถทั้ง 30 คัน เข้าไปจอดเข้าคิวเติมน้ำมันพร้อมกันไม่ได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_07.jpg
ถนนตอนออกจากเมืองหลวงพระบางใหม่ๆ ผิวถนนค่อนข้างจะดี เป็นถนนมาตรฐานแบบวิ่งสวนกัน แต่ไร้เส้นแบ่งถนน ขอบถนนก็หามีไม่..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_05.jpg
ขบวนรถวิ่งขึ้นเขา ลัดเลาะไปตามถนนหลวงสายสำคัญของลาว ที่เริ่มแคบลง แถมยังขรุขระและปุปะ บางช่วงก็กลายเป็นถนนลูกรังไปซะเฉยๆ...รถหมายเลข 15 ของเรา ยังคงผจญกับหมู หมา กา ไก่ วัว แพะ และวีโก้คอยาว ที่ชอบวิ่งตัดหน้า หรือไม่ก็กระแซะเข้ามาหา ให้เราหวาดเสียวร้องกรี๊ดๆได้เหมือนเดิม..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_03.jpg
รถวิ่งไปตามถนนลัดเลาะขึ้นๆลงๆไปตามไหล่เขา ข้างหนึ่งเป็นผาสูง อีกข้างหนึ่งเป็นเหวลึก รถเจ้าถิ่นที่สวนไปมาทั้งรถเล็กรถใหญ่วิ่งกันไม่ยั้ง แต่พอเห็นขบวนรถเราเปิดไฟแว๊บๆมา ก็จะชลอจอดให้ ผิดกับรถทะเบียนต่างชาติ โดยเฉพาะรถทะเบียนไทยนั้น ไม่ค่อยจะหยุดให้ เราจึงต้องส่งเสียงเตือนผ่านวิทยุกันตลอดทาง
หุบเหวและขุนเขาสวยๆข้างทางมีหลายจุด แต่ถนนที่คับแคบ ทำให้เราหมดโอกาสที่จะหยุดถ่ายภาพ ได้แต่ชะเง้อมอง และถ่ายภาพผ่านกระจกรถเท่านั้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_04.jpg
แผงขายส้มพื้นเมืองข้างทาง หน้าตาน่าซื้อมากค่ะ แต่เราก็ได้แต่มองผ่านเหมือนเดิม..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/02_Luang%20Phra%20Bang/09_Street%20View/LPB_Street-View_02.jpg
รถเทรลเลอร์บรรทุกรถแทร์กเตอร์ขุดดินคันใหญ่มหึมา ที่ตกไปในร่องระบายน้ำข้างถนน ซึ่งเราเห็นตั้งแต่ตอนขาไป ยังคงจอดเอียงกระเท่เร่อยู่ทีเดิม คนขับรถและเด็กรถถึงกับต้องตั้งแคมป์ หุงหาอาหารและนอนอยู่แถวนั้น เพื่อรอความช่วยเหลือ
คุณอนันต์..พี่ชายคุณอานนท์ ที่คุมรถสนับสนุนและรถเสบียงหมายเลข 99 เล่าผ่านวิทยุว่า รถคันนี้ช่วยให้ขึ้นมาตั้งบนถนนได้ง่ายนิดเดียว คือให้รถขุดดินใช้แขนตักดิน ยันกับหน้าผา เพื่อยกตัวเองและรถเทร์ลเลอร์ขึ้นจากร่องน้ำ เพียงแค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_to-Chiang-Kwang_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_15.jpg
เราได้มาหยุดจอดพักรถ เข้าห้องน้ำ และทานอาหารเที่ยง ก็เมื่อถึง "ภูเพียงฟ้า" ที่เราได้จอดพักตอนขาไปเชียงขวาง โชคดีค่ะที่ภูเพียงฟ้า ในวันหลังนี้ ท้องฟ้าดีกว่าวันแรกที่เห็น และลมก็ไม่แรงเท่า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_07.jpg
อาหารที่นี่อร่อย บรรยากาศก็ดี ใช้ได้เลยค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_10.jpg
ก่อนจากลาภูเพียงฟ้า..ก็ต้องถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกันหน่อย ตามธรรมเนียม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/01_Chiang%20Kwang/01_Phu%20Phiang%20Fa/Phu-Phiang-Fa_12.jpg
จากภูเพียงฟ้า...รถค่อยๆไต่จากยอดเขาสูง ต่ำลงไปเรื่อยๆ...จนเข้าสู่ที่ราบสูงใกล้เมือง วังเวียง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_01.jpg
บ้านเรือนผู้คนจากที่อยู่ห่างๆกัน ค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ รถราวิ่งกันขวั่กไขว่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_02.jpg
เขาสูงๆต่ำๆข้างทางถูกตัดล้างถางพง...ต้นไม้ถูกตัดจนเกือบเกลี้ยง..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_03.jpg
ทั้งเพื่อปลูกพืชไร่ และปลูกบ้านเรือน ร้านค้า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_04.jpg
ผลิตผลส้มจีนทั้งผลเล็กผลใหญ่ ที่ปลูกได้แถวๆนี้ ถูกนำมาวางขายข้างทาง...เราได้แต่มองตาระห้อย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_06.jpg
ยิ่งใกล้วังเวียงเท่าไร...ภูเขายอดแหลมๆ เว้าๆแหว่งๆ สูงเสียดฟ้าดูหนาตาขึ้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_07.jpg
ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ บางช่วงยางมะตอยร่อนหายไป กลายเป็นถนนดินลูกรัง ทำให้ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล ยากที่จะมองเห็นรถข้างหน้า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_08.jpg
แล่นรถจากหลวงพระบางได้ราว 200 กิโลเมตร...ก็ถึงเขตเมืองวังเวียงแล้วค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_09.jpg
วังเวียง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_05.jpg
จากถนนสาย 13...ขบวนคาราวานของเราก็เลี้ยวขวาเข้า เมืองวังเวียง ที่ได้ชื่อว่า "กุ้ยหลินเมืองลาว” เมืองที่นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติ พากันหลงใหลในเสน่ห์ของวังเวียง จงหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือน เพื่อจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ทิวเขาสูงสลับซับซ้อน สายหมอก และลำน้ำซองที่น้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี
บ้านเรือนและร้านค้าทั้งเก่าและใหม่ ตั้งหนาแน่นอยู่ข้างถนนลาดยางมะตอยสภาพดีกว่าถนนหลวง พอออกไปชานเมือง มีโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่งตั้งอยู่ด้านขวามือของเรา เราจึงเดาได้ทันทีว่า "แม่น้ำซอง" แห่งวังเวียง ต้องตั้งอยู่หลังโรงแรมและรีสอร์ตนั้นแน่ๆ
ถึงโรงแรมที่พักของเราแล้วค่ะ...ชื่อเก๋ไก๋มาก "โรงแรมทะวีสุก" จะสุขหรือจะสุก หน้าตาของโรงแรมใหม่เอี่ยม ท่าทางใช้ได้ทีเดียวค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_01.jpg
ตัวตึกแบ่งเป็นสองตึก ต่อกันเป็นรูปตัว L หน้าตึกทั้งสอง เป็นสระว่ายน้ำที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ทำให้รกรุงรังไม่น่าดูเลยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_02.jpg
ด้านหลังโรงแรม เป็นลานกว้าง มีบังกาโลหลายหลังปลูกเรียงรายอยู่ด้านข้าง มีต้นไม้และสนามหญ้าเขียวขจี ทำให้ดูสบายตาขึ้นได้บ้าง...
บังกาโลด้านหนึ่ง ดูเก่าๆ แต่ต้นไม้ที่ปลูกประดับไว้ ทำให้ร่มรื่น น่าพัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_03.jpg
บังกาโลอีกด้านหนึ่งใหม่เอี่ยม น่าพักมาก แต่เรากลับไม่ได้พักที่บังกาโลทั้งเก่าหรือใหม่ แต่ได้ไปพักบนตึกของโรงแรม ที่ไม่ค่อยน่าพักเท่าไร
ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราจะนอนที่นี่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็เช็คเอาท์ เพื่อกลับไปเวียงจันทน์แล้ว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_04.jpg
เราไปจอดรถไว้ริมถนนของโรงแรม แล้วก็ขนของเข้าห้องพัก ซึ่งแสนโบราณ อารมณ์ตัดกับห้องพักที่โรงแรมหลวงพระบางอย่างแรง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_05.jpg
จับของโยนเข้าห้องพักแล้ว เราต้องรีบวิ่งเร็วจี๋ลงไปริมฝั่งแม่น้ำซอง ซึ่งอยู่ด้านหลัง หรือ จะเรียกด้านหน้าโรงแรมก็ได้ (ถ้ามองจากริมฝั่งตรงข้าม) เพื่อเตรียมตัวล่องเรือในลำน้ำซอง ก่อนที่แสงอาทิตย์จะลับหาย เพราะใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว...
น้ำในลำน้ำซองใสสะอาด และตื้นเขินจนเห็นกรวดที่อยู่ในท้องน้ำได้..ทิวทัศน์ที่เห็นก็สวยดีค่ะ ถ้าจะไม่มีสะพาน และบ้านเรือนที่ปลูกรุกล้ำลำน้ำ (รวมทั้งร้านอาหารของโรงแรมด้วย) มาบดทังความงามตามธรรมชาติของภูเขาและสายน้ำแห่งนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_01.jpg
เราทยอยนั่งเรือหางยาวลำเล็กๆแคบๆ ที่นั่งได้เพียงสองคน ที่นั่งดูน่าสบายดี แต่เรือเล็กอย่างนี้จะรับน้ำหนักสองสายไหวไหมนะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_04.jpg
ทุลักทุเลมาก...กว่าจะลงเรือกันได้ พอลงเรือได้แล้ว ก็ต้องนั่งกลางๆลำเรือ และไม่ขยับตัวให้เรือโยก มิฉะนั้นคงได้เปียกปอนกันแน่ๆ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_02.jpg
อะฮ้า!...ลงเรือได้สำเร็จแล้วค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_06.jpg
เรือหางยาวแล่นเตร็ดๆแต๊ดๆ ออกไปในร่องน้ำเล็กๆ ที่สองฟากเป็นเนินกรวดหินที่โผล่พ้นน้ำซองขึ้นมา...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_03.jpg
สะพานไม้ข้ามลำน้ำซองบดบังวิวงามๆข้างหน้า...ต้องลอดสะพานไปก่อนค่ะ น่าจะได้ภาพสวยๆ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_49.jpg
ลอดใต้สะพานแล้ว ทิวทัศน์สวยงามขึ้นมาทันตาเห็น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_50.jpg
เรือแล่นทวนน้ำซองขึ้นไปทางเหนือ...ที่นี้ เราจะได้ชื่นชมความงามของลำน้ำซองแห่งเมืองวังเวียง ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พอๆกับลำน้ำปายของไทย
เขาสูงที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้านี้ คือ "ผาตั้ง" ภูผาที่อยู่ติดลำน้ำซอง ในมุมมองที่ไม่ค่อยจะคุ้นชินจากที่เคยเห็นตามภาพถ่ายทั่วไปนัก เพราะขณะนี้ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นสูง บดบังทุ่งนาที่อยู่ด้านหน้าผาตั้งจนหมดสิ้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_08.jpg
ข้างบนนั้นเป็นภาพงามๆตามธรรมชาติของวังเวียง ที่สองสายเก็บไว้ได้ ในวันแรกที่ไปถึงวังเวียง นอกนั้นเป็นภาพการใช้ธรรมชาติ เพื่อความสุขและประโยชน์ส่วนตน ของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆค่ะ
ดังเช่น....รีสอร์ตที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ทั้งสองฝั่งลำน้ำซอง..ซึ่งมีทั้งน่าดู
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_12.jpg
สวย แต่แห้งแล้ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_13.jpg
รีสอร์ตที่ไม่ค่อยจะน่าดู....ซึ่งมีทั้งบ้านพัก หอที่ใช้กระโดดน้ำ และบาร์ที่รุกล้ำเข้าไปในลำน้ำซอง และเปิดเพลงฝรั่งดังลั่นไปทั้งคุ้งน้ำ เป็นมลพิษทางเสียงอย่างยิ่ง..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_22.jpg
รีสอร์ตบันเทิง ที่มีทั้งสลิงและรอกให้ลูกค้ากระโดดน้ำเล่น รุกล้ำลำน้ำอย่างชัดเจน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_23.jpg
รีสอร์ตที่มีลานไม้ลื่นยักษ์ หอสลิงกระโดดน้ำ และร้านอาหารรุกล้ำลงไปในลำน้ำซอง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_24.jpg
แพร้านอาหารและให้บริการห่วงยาง..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_25.jpg
ร้านให้บริการกระโดดน้ำ ห่วงยาง และเครื่องดื่ม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_31.jpg
สถานที่บริการด้านบันเทิงแก่ผู้ต้องการเล่นน้ำในลำน้ำซอง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_32.jpg
การหาความสุขจากลำน้ำซองของมนุษย์ ก็มีหลากหลายรูปแบบ
ทั้งการล่องห่วงยาง ไหลไปตามลำน้ำที่เย็นยะเยือก (แต่บางคนไม่หนาว เพราะดื่มเบียร์ไปด้วย)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_18.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_21.jpg
การพายเรือคะยัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_26.jpg
การกระโดดน้ำ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_33.jpg
นั่งเรือหางยาวชมทิวทัศน์...ในวันนั้น กิจกรรมนี้เห็นจะมีแต่พวกเราทั้งนั้นค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_28.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_29.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_30.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_34.jpg
พอเรือสวนกัน ก็โบกมือทักทายกันสนุกสนาน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_36.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_37.jpg
กิจกรรมทางน้ำนี้ รวมๆกันอยู่ในลำน้ำซองเล็กๆ ไม่มีการแบ่งเขต (Zoning) ว่ากิจกรรมแต่ละชนิด ต้องเล่นกันอยู่ในบริเวณใด เราจึงได้เห็นว่า เรือหางยาวและเรือคะยัก เฉียดเข้าไปใกล้ชิดติดพวกที่เล่นห่วงยาง จนน่ากลัวจะเกิดอันตรายกับพวกเล่นห่วงยาง หรือ เรือยางยาววิ่งคลื่นกระจาย ไปกระแทกเรือคะยัก จนเรือคะยักเกือบล่ม แถมเสียงเรือหางยาว ยังดังลั่นรบกวนคนในกลุ่มอื่นๆทั้งที่อยู่ในน้ำ และอยู่ริมฝั่งน้ำ เป็นต้น
นอกจากกิจการทางน้ำแล้ว...เรายังได้เห็น "กิจกรรมทางอากาศ" ด้วยค่ะ นั่นคือ "การขึ้นบอลลูนชมวิว"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_38.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_40.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_45.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_46.jpg
สวยดีค่ะ...แถมยังไม่รบกวนลำน้ำซอง และ ผู้คน แต่ก็รบกวนสายตา ผู้ที่ต้องการจะถ่ายภาพทิวทัศน์ ที่สวยงามตามธรรมชาติ อยู่เหมือนกันนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_39.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_42.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_47.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_43.jpg
ยามย่ำสนธยา...ฝูงค้างคาว ที่อาศัยอยู่ในถ้ำมากมายหลายแห่ง ตามขุนเขาต่างๆของวังเวียง พากันบินออกจากถ้ำมาหากิน ช่างเป็นภาพที่สวยงามและน่ามหัศจรรย์ นับเป็นโชคดีของเราที่ได้เห็น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_51.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_52.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/01_River/Wang-Wieng_River_53.jpg
เย็นวันนั้น...เราทานข้าวเย็นส่งท้ายการเดินทางในลาวกัน ที่ห้องอาหารของโรงแรมทะวีสุก บรรยากาศเป็นไปด้วยความรื่นเริง คุณอานนท์ได้ให้เราพูดความในใจของการมาทริปคาราวานในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนก็พูดในทำนองเดียวกันว่ามีความสุข สนุกสนานกันมาก และอยากจะร่วมทริปดีๆอย่างนี้อีกในครั้งต่อไป..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_08.jpg
หลังทานข้าวแล้ว...มีการทำ "พิธีสู่ขวัญ" โดยทีมงานได้เชิญผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ชำนาญในการทำพิธีการ มาทำพิธีสู่ขวัญให้กับเรา
ประทับใจกับงานนี้มากค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/02_Hotel/Wang-Wieng_Hotel_11.jpg
ถึงห้องจะไม่สะดวกสบายนัก แต่ก็หลับสนิทไปได้ตลอดคืน
เช้าขึ้นมา อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนคุณสายชล ผมจึงออกไปเดินสูดอากาศผสมฝุ่น ชมวิวแถวๆหน้าโรงแรม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_13.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_14.jpg
มีบอลลูนขึ้นชมทิวทัศน์กันแต่เช้าตรู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_15.jpg
ตั้งใจว่าจะเดินเลยไปอีกนิด เพื่อไปถ่ายภาพบนสะพานข้ามลำน้ำซอง ... ได้ผ่านรีสอร์ทอีกแห่งที่อยู่ติดๆกับโรงแรมทะวีสุก ดูบรรยากาศแล้ว น่าพักชะมัด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_22.jpg
เดินเลยไปอีกนิดก็ถึงทางแยกไปขึ้นสะพาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_04.jpg
มีป้าย "กรุณา จ่ายเงินก่อน จึงผ่าน" ...
นึกว่าจะฟรี ... หนอย เจ้าคนเฝ้ามันก็ตื่นมาคอยเก็บเงินแต่เช้าเหมือนกัน ต้องยอมจ่ายไป ถ้าจำไม่ผิดก็ 20 บาทครับ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_05.jpg
และแล้วก็ได้มายืนเก็บภาพอยู่บนสะพานอย่างที่ตั้งใจ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_06.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_09.jpg
มองไปทางซ้าย ทางด้านห้องอาหารของโรงแรมทะวีสุก หมอกยังลงหนาอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_08.jpg
หันไปด้านขวาของสะพาน จะเป็นวิวของผาตั้งที่ถูกแสงสีทองสาดทับ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_20.jpg
ชีวิตยามเช้าของผู้คนริมลำน้ำซองเริ่มต้นขึ้นแล้ว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_11.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_18.jpg
พอหันหลังเพื่อจะเดินกลับโรงแรม แสงสีส้มของอาทิตย์ที่โผล่พ้นทิวเขา ทำให้ฉากหน้าเป็นเงาดำ โดยมีบอลลูนที่ล่องลอยอยู่บนฟ้าเป็นตัวประกอบ ช่างสวยงามยิ่งนัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_13.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_14.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_15.jpg
เมื่อกลับไปถึงห้องอาหารของโรงแรม จึงหันกลับมาเก็บภาพของสะพานอีก 3 ช๊อต
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_02.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_01.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/03_Bridge%20View/Wang-Wieng_Bridge_03.jpg
ทานอาหารเช้าเสร็จ ขนของขึ้นรถเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางออกจากวังเวียง
ตามธรรมเนียม ต้องเรียงลำดับเลข จึงต้องออกไปตั้งแถวกันบนถนนหน้าโรงแรม เพื่อรอความพร้อม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_17.jpg
ออกพ้นวังเวียงไปได้อีกสักพัก ก็ต้องจอดอีกครั้ง ซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่ก็ทำให้ได้ลงมาเก็บภาพขบวนคาราวานอีกครั้งหนึ่ง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_11.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_12.jpg
แต่ฉากข้างถนน เป็นแนวต้นไม้ ไม่แน่ใจว่า เป็นต้นแคชนิดหนึ่งหรือเปล่า ... จะเป็นต้นอะไรก็ช่าง แต่ก็เล่นกับแสงด้านหลังได้สวยงามทีเดียว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_18.jpg
หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางกันต่อ ลุยฝุ่นกันไปตลอดทางเพื่อเข้าเวียงจันทร์
รถจากสีขาวมุก เปลี่ยนเป็นสีเทา แล้วปิดท้ายด้วยการกลายเป็นสีส้ม ซึ่งเป็นสีที่ตัวแทนจำหน่าย (น้องน้ำผึ้ง) โปรดปรานเป็นพิเศษ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_19.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_23.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_25.jpg
คุณสายชล แหวกฝุ่นเปิดหน้าต่างออกมาโชว์สติ๊กเกอร์ และหิ่งห้อยของ Fortuner Club ที่เพิ่งได้รับแจกมาสดๆร้อนๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/03_Wang%20Vieng/04_Street%20View/Wang-Vieng_Street-View_24.jpg
และที่ยังเป็นปัญหาชีวิต ขบคิดไม่ตกตั้งแต่วันที่ขับรถเข้าเขตประเทศลาว มาจนถึงทุกวันนี้ ก็คือเรื่อง...หมู หมา กา ไก่ และวัว ของลาว มันพิศวาสอะไรกันนักหนากับรถ Fortuner Minor Change สีขาวมุก ติดหมายเลข 15 .....
คันอื่นๆข้างหน้าไม่เห็นเค้าจะมีปัญหาอะไร แต่พอมาถึงหมายเลข 15 เจ้าสัตว์ที่เอ่ยถึงไว้นั้น มีอันต้องพุ่งออกมาตัดหน้า ให้ต้องกระทืบเบรคพรืดตลอดทุกเส้นทางที่ผ่านไป ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ..... บางตัวพุ่งเข้ามาใต้ล้อ บางตัวก็ตัดสินใจเดินเอ้อระเหยออกมาจากข้างทางทันที คันที่ตามหลัง ถ้ามองเห็นและเบรคทันก็ดีไป แต่เท่าที่ได้ยินผ่าน ว. แดง ขบวนด้านหลังช่วยกันผลิต "ไก่แผ่น-เป็ดแผ่น และหมูแผ่น" กันไปหลายครั้ง แต่หมายเลข 15 ไม่ได้ร่วมกระบวนการผลิตด้วย แต่กลายเป็นตัวต้นเหตุ ที่ทำให้ขบวนขาดตอนเป็นระยะไกลๆหลายครั้งด้วยกัน
ขนาดจะเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์อยู่แล้ว ก่อนจะเข้าปั๊มน้ำมัน ก็มีขบวนของท่านรองอธิบดีกรมทางหลวง ยืนเก้ๆกังๆกันอยู่ข้างถนน แต่พอพ้นรถหมายเลข 14 เท่านั้น พวกท่านก็ตัดสินใจเดินผ่านหน้ารถหมายเลข 15 ทันที โชคดีที่ชะลอความเร็วๆไว้แล้ว เพื่อจะเข้าปั๊มน้ำมัน ไม่อย่างนั้น คงได้เบรคกันฝุ่นตลบอีกเป็นแน่ ..... ดังที่เห็นในภาพด้านล่าง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/Vianthian_Street_01.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/Vianthian_Street_02.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/Vianthian_Street_03.jpg
อิๆ..เล่าได้สนุกมากๆค่ะ...อีกนิดเดียวจะจบแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ ช่วยเล่าต่อให้จบเลยนะคะ คุณสายน้ำที่รัก...:p
กว่าจะเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ได้ก็เที่ยงๆแล้ว หัวหน้าทัวร์เลยนำทางไปยังร้านอาหารริมโขงเลย
เมื่ออิ่มหนำสำราญ ก็ลงมาทำพิธีปิดทริปกันที่ลานจอดรถ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_01.jpg
คุณณัฐ ผู้ดูแลเว็บ Fortuner-Club.com เป็นตัวแทนสมาชิกกล่าวคำขอบคุณ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_02.jpg
ท่าน สจ.เป็นตัวแทนมอบสินน้ำใจให้กับทีมงานผู้จัดทริปและไกด์ โดยมีคุณอานนท์ จาก Indochinatour เป็นผู้รับมอบ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_03.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_04.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_05.jpg
หลังจากนั้น ขบวนคาราวานก็แวะไปเยี่ยมชมไฮไลท์ของเวียงจันทน์ ก่อนที่จะผ่านแดนกลับเข้าหนองคาย
จุดแรก ... คือ ประตูชัย หรือ Pratuxay ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิต ในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_03.jpg
ประตูชัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเมืองเวียงจันทน์ บนถนนล้านช้างไปสิ้นสุดที่บริเวณประตูชัย สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิต ในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์
ประตูชัยแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้ ใช้ปูนที่อเมริกาซื้อเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่าง สงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันได้สร้างเพราะอเมริกาแพ้สงครามในอินโดจีนเสียก่อน จึงนำปูนซีเมนต์มาสร้างประตูชัยแทน ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_05.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_06.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_02.jpg
ลักษณะสถาปัตยกรรมก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย บันไดเวียนให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์ บนยอดของประตูชัยอีกด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_10.jpg
เรายืนรวมตัวกันฟังไกด์พรบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของประตูชัย โดยอาศัยร่มเงาของประตูชัยเป็นตัวบังความร้อนจากแสงอาทิตย์ยามบ่าย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_07.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_08.jpg
แล้วแยกย้ายกันไปหามุมเก็บภาพกันตามอัธยาศัย ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังจุดต่อไป
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/01_Patuxay/Vianthian_Patuxay_11.jpg
จุดท่องเที่ยวต่อไป ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายทีึ่ขบวนคาราวานของ Fortuner Club จะแวะชม คือ พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_04.jpg
พระธาตุหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย พระธาตุหลวงแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญญาลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย พระธาตุนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 พระธาตุองค์นี้มีรูปทรงที่ไม่เหมือนกับองค์อื่นๆ เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_02.jpg
ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุองค์นี้ได้สร้างในสมัยพุทธศักราชที่ 236 โดยมีพระภิกษุลาวจำนวน 5 รูปเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย และได้อันเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามายังนครเวียงจันทน์ด้วย ตามคำกราบทูลพระยาจันทบุรีประสิทธิ์ศักดิ์ เจ้านครเวียงจันทน์ในสมัยนั้น ให้สร้างพระธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุ เพื่อให้ชาวลาวได้กราบไหว้
กล่าวกันว่า พระธาตุองค์เดิมนั้นสร้างด้วยหินเป็นทรงโอคว่ำ มีการก่อกำแพงล้อมรอบเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีความกว้าง 10 เมตร หนา 4 เมตร และสูง 9 เมตร เชื่อกันว่าพระธาตุที่เห็นในปัจจุบันสร้างครอบองค์เดิม ซึ่งต่อมาสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้าง จากหลวงพระบางมาอยู่ที่เวียงจันทน์ ตามดำริของพระราชบิดา คือพระเจ้าโพธิสาร จากนั้นทรงมีพระบัญชา ให้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ณ บริเวณที่เคยเป็นเทวสถานเก่าของขอมโดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2109 และหลังจากสร้างพระธาตุหลวงได้โปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นล้อมรอบพระธาตุไว้ทั้งสี่ทิศด้วย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองแห่งด้วยกันคือ วัดพระธาตุหลวงเหนือและวัดพระธาตุหลวงใต้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_05.jpg
ในปัจจุบัน พระธาตุหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เพราะมีการสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมรอบองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆเอาไว้โดยตลอด สำหรับประตูทางเข้านั้น เป็นประตูไม้บานใหญ่ ลงรักสีแดงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้รอบๆองค์พระธาตุใหญ่ ยังมีเจดีย์บริวารล้อมรอบอยู่โดยรอบอีกหลายองค์ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์หนึ่งแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแห่งนี้ปรากฏอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักพญานาค พระพุทธรูปปิดทองลายกลีบบัวประดับอยู่บนฐานปักษ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_06.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_07.jpg
ถัดจากประตูทางเข้าใหญ่ประมาณ 100 เมตร จะแลเห็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่บนฐานสูง พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบวางพาดไว้บนพระเพลา เล่ากันว่า พระแสงดาบเล่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องพระธาตุหลวง ซึ่งได้ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวลาวทุกคน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_03.jpg
เนวิเกเตอร์ของผม เธอเห็นแดดเปรี้ยง และความร้อนที่ระอุอยู่บนลานคอนกรีตเบื้องหน้า ประกอบกับหัวเข่าได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่ตอนไปเที่ยวถ้ำติ่ง จึงตัดสินใจขอนั่งจิบกาแฟ แช่แอร์เย็นๆ เห็นจะดีกว่า และบอกว่า "พ่อไปเถอะ แม่จะรออยู่แถวนี้นะ"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/02_Wat%20Phra%20That%20Luang/Vienthian_Wat-Phra-That_01.jpg
ก่อนที่จะออกเดินทางต่อ เพื่อไปผ่านด่านข้ามแดนกลับฝั่งไทย และต้องแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคัน ... ตามธรรมเนียม จึงต้องมีการถ่ายภาพหมู่ทั้งรถและคนไว้เป็นที่ระลึก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/04_Vientiane/03_Farewell/Vienthian_Farewell_09.jpg
และแล้ว การเดินทางของขบวนคาราวานท่องลาวเหนือของสมาชิก Fortuner Club ก็สิ้นสุดลง แต่ก็ทำให้เรา 2 คนพบวิถีของการท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่ถูกกับรสนิยมและอัธยาศัยของเราเข้าให้แล้ว จนทำให้เราถึงกับเปรยให้กันว่า เราอาจจะต้องลดการท่องเที่ยวดำน้ำลง และเปลี่ยนมาเป็นการขับรถท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และขับรถเที่ยวแบบคาราวานในต่างประเทศแทน เพราะมันเพิ่มรสชาติให้กับชีวิตในวัยเกษียณดีนักแล
ถึงการขับรถเที่ยวกับคาราวานของ Fortuner Club สิ้นสุดลง สำหรับเรา 2 คน ยังไม่สิ้นสุด เช้าของวันถัดไป เรายังมีแแผนที่จะขับรถไปท่องเที่ยวต่อที่ จ. เลย โดยใช้เชียงคานเป็นที่พักอีกสัก 3 - 4 วัน จึงจะกลับ กทม. ... อย่างไรก็ติดตามอ่านและชมภาพกันต่อได้นะครับ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_20.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_21.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_22.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Laos/05_Nong%20Khai/06_Nong-Khai_24.jpg
เย้ๆ...ทริปลาวจบแล้ว เดี๋ยวจะไปเที่ยวเมืองเลยต่อค่ะ...:)
ขอขยับเข้าไปอยู่ใกล้ๆกับภาค 3 หน่อยนะคะ...:p
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.