View Full Version : ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ภาคที่ 3
.....เลย.....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/Loei_Title.jpg
หลังจากขับรถท่องเที่ยวในลาวกับ Fortuner Club อยู่ 6 วัน....เราเดินทางกลับเข้าไทย และนอนพักค้างคืนที่หนองคายอยู่หนึ่งคืน พอวันรุ่งขึ้น ก็ออกเดินทางแต่เช้าเข้า จังหวัดเลย โดยจะใช้เมืองเชียงคาน เป็นจุดพำนักพักแรม...
เส้นทางที่เราใช้ คือ เส้นทางหลวงหมายเลข 211(เชียงคาน-ปากชม) ซึ่งเป็นเส้นทางสายสวยที่ลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำโขง จากตัวเมืองหนองคาย ไปถึงเมืองเชียงคาน รวมระยะทาง 190 กิโลเมตร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/Loei_Map.jpg
ก่อนจะออกนอกเขตเมืองหนองคาย...เราแวะทำบุญและไหว้ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
พระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ฝีมือช่างฝ่ายเหนือ และล้านช้างผสมกัน นับเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก เป็นพระประธานซึ่งสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เชนติเมตร สูง 4 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง เคารพนับถือมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/10_Wat%20Phra%20Chao%20Ong%20Tue/10_NK_Phra-Chao-Ong-Tue_03.jpg
วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2105 ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองเมืองเวียงจันทร์ มีเรื่องเล่าว่า พระสงฆ์ในวัดศรีชมภูองค์ตื้อได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ลงมติจะหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในบ้านน้ำโมง (เดิมเรียกว่าบ้านน้ำโหม่ง) เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังต่อ ๆ มา ในวันสุดท้ายเป็นวันหล่อตอนพระเกศ ในตอนเช้าได้ยกเบ้าเทแล้วแต่ไม่ติด เมื่อเอาเบ้าเข้าเตาใหม่ ทองยังไม่ละลายดี ก็พอดีเป็นเวลาจวนพระจะฉันเพล พระทั้งหมดจึงทิ้งเบ้าไว้ในเตา แล้วก็ขึ้นไปฉันเพลบนกุฏิ
ฉันเพลเสร็จแล้วลงมาหมายจะเทเบ้าที่ค้างไว้ กลับปรากฏว่ามีผู้เททองติด และตอนพระเกศสวยงามกว่าเดิม เป็นที่น่าอัศจรรย์ เมื่อสืบถาม ได้ความว่า มีชายผู้หนึ่งนุ่งห่มผ้าขาวมายกเบ้านั้นเทจนสำเร็จ แต่ด้วยเหตุที่เบ้านั้นร้อน เมื่อเทเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นจึงวิ่งไปทางเหนือบ้านน้ำโมง มีผู้เห็นยืนโลเลอยู่ริมหนองน้ำแห่งหนึ่ง แล้วหายไป หนองน้ำนั้นภายหลังชาวบ้านเรียกว่าหนองโลเลมาจนถึงปัจจุบันนี้ และชายผู้นั้นก็เข้าใจกันว่าเป็นเทวดามาช่วยสร้าง
เมื่อได้นำพระพุทธรูปที่หล่อแล้วมาประดิษฐานไว้ในวัด มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองเวียงจันทร์ มาเที่ยวบ้านน้ำโมงสองท่านชื่อว่า ท่านหมื่นจันทร์ กับ ท่านหมื่นราม ทั้งสองท่านนี้ได้เห็นพระเจ้าองค์ตื้อ ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสที่จะช่วยเหลือ จึงได้ช่วยกันก่อฐาน และทำราวเป็นการส่งเสริมศรัทธาของผู้สร้าง ครั้นเมื่อขุนนางทั้งสองได้กลับถึงเมืองเวียงจันทร์แล้ว ได้กราบทูลพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งครองเมืองเวียงจันทร์ในเวลานั้น พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เสด็จมาทอดพระเนตรก็ทรงเกิดศรัทธา จึงได้สร้างวิหารประดิษฐาน
ขอบคุณข้อมูลจาก...www.wikipedia.org
ออกจากวัดศรีชมภูฯแล้ว...เราขับรถต่อไปตามถนนหมายเลข 211 ซึ่งเป็นถนนลาดยางสองเลนให้รถวิ่งสวนทางกัน ถนนค่อนข้างจะคดโค้ง ขึ้นๆลงๆ ลัดเลาะไปตามเชิงเขาเตี้ยๆ เลียบไปตามลำน้ำโขง ที่ยามนั้นค่อนข้างจะแห้งขอด เห็นสันทรายและกองหินโผล่ขึ้นมา เป็นเกาะแก่งชัดเจน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/Loei_02.jpg
น่าลงไปเดินเล่นจริงๆค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/Loei_01.jpg
วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน
เราวิ่งผ่านอำเภอปากชม และเข้าเขตอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ในช่วงใกล้เที่ยง ก่อนถึงเมืองเชียงคานราว 6 กิโลเมตร...มีทางแยกซ้ายมือ เข้า บ้านอุมุง วิ่งตรงไปตามทางระยะทางราว 3 กิโลเมตร ก็ถึงทางขึ้นเขาสูงชัน แต่เป็นทางปูนซีเมนต์อย่างดีระยะทางราว 1 กิโลเมตร ลัดเลียบผาสู่ยอดเขา อันเป็นที่ตั้งของวัดดังนาม วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_01.jpg
พอขึ้นไปได้ถึงยอดเขา...เราเห็นลานกว้างให้จอดรถ..มีกระต่ายตัวเล็กตัวน้อย อ้วนกระปุ๊กลุก หลากหลายสีและลาย วิ่งไปวิ่งมา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_13.jpg
ความที่เข่าบวมและยังเจ็บอยู่มาก...สายชลเลยขอนั่งดูกระต่ายอยู่ในรถ ปล่อยให้คุณสายน้ำ ลงไปถ่ายภาพรอบๆบริเวณวัดแต่ผู้เดียว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_12.jpg
เจ้ากระต่ายน้อย กระโดดหยองแหยงมาเยี่ยมทักทาย เจ้า "กระต่ายขาว" รถฟอร์จูนเนอร์ของเรา...น่ารักมากๆค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_05.jpg
มองไปด้านหนึ่ง เห็นปูนปั้นเป็นรูปควายสีดำ ไม่ใช่ควายเงินอย่างชื่อวัด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_02.jpg
จากหลักฐานที่บันทึกประวัติความเป็นมาของวัด ได้ระบุไว้ว่าวัดพระพุทธบาทภูควายเงินสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า….
ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง แต่มักจะมีพระธุดงค์เดินทางมากปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ในบริเวณวัด มีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่ภายใต้ซุ้มอิฐใหญ่ ขนาดพอที่คนจะเข้าไปนั่งได้ 2 คนซึ่งในภาษาถิ่นจะเรียกสิ่งปลูกสร้างในลักษณะนี้ว่า “อุบมุง” ซึ่งต่อมา ได้กลายเป็นชื่อหมู่บ้านทางทิศตะวันออกของวัดคือ บ้านอุมุง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_03.jpg
ที่หมู่บ้านอุมุงแห่งนี้ มีชาวนาผู้หนึ่งที่มักพาควายขึ้นมาหาหญ้ากินบนภูเขาบริเวณวัด และเมื่อมีพระธุดงค์ผ่านมา ชาวนาผู้นี้ก็จะนำเอาอาหาร มาถวายแก่พระธุดงค์เป็นประจำ ซึ่งอานิสงส์แห่งการถวายทานนี้เอง ทำให้ชาวนาทำนาขายข้าวได้เงินมากทุกปี จนร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐี และด้วยสำนึกในบุญคุณของควาย ที่ช่วยไถนาปลูกข้าวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวนาจึงเรียกควายตัวนี้ว่า “ควายเงิน” วัดแห่งนี้จึงตั้งชื่อว่า “วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน” ตามเรื่องเล่านี้เอง
ในวันที่เราเดินทางไปถึง...กำลังมีการก่อสร้างมณฑป ครอบพระพุทธบาทอยู่ เราจึงไม่สามารถเข้าไปกราบตัวพระพุทธบาท และถ่ายภาพได้
ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา สรุปได้ว่าวัดพระพุทธบาทภูควายเงินสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร ถือเป็นโบราณสถานเก่าแก่ทางพระพุทธศาสนาสำคัญ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478
ในอดีตแต่เก่าก่อนเชื่อกันว่า ใครก็ตามที่จะมาถึงวัดพระพุทธบาทภูควายเงินได้ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆเท่านั้น ส่วนคนที่มีบุญหรือมีวาสนาไม่ถึงก็จะมีเหตุและอุปสรรค์ต่างๆ หรือไม่ก็หลงทาง ทำให้มาไม่ได้ทั้งที่ตั้งใจไว้ เหตุเพราะทางไปและทางขึ้นลงเขา ลำบากมาก หาความสดวกสบายไม่ได้ ผิดกับสมัยนี้ ที่การเดินทางสะดวกสบาย ใครใคร่ขึ้นไปไหว้ก็ได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_08.jpg
ส่วนกระต่ายใหญ่น้อยที่เห็นอยู่นั้น ได้ยินมาว่าเป็นกระต่ายป่า ที่เข้ามาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข บริเวณรอบๆวัด (ในขณะที่วัดอื่นมีให้เห็นแต่หมากับแมว)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_06.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_09.jpg
ทุกปีในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 3 ทางวัดจะจัดงานสมโภชประจำปี ถือเป็นงานสำคัญของชาวบ้านในแถบนี้...
กุฏิพระสงฆ์ ที่แสดงถึงความสมถะอย่างแท้จริง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_15.jpg
วิวทิวทัศน์ที่พอจะมองผ่านแมกไม้ ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นบนยอดเขา งามใช้ได้ทีเดียวค่ะ...หมู่บ้านที่เห็นนั้น เข้าใจว่าจะเป็นหมู่บ้านอุมง ที่มีเรื่องเล่าขานในตำนาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/02_Wat%20Phra%20Buddhabart/Loei_Phu-Kwai-Ngern_14.jpg
แก่งคุดคู้
ออกจากทางเข้าวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 211 ตามเส้นทางมุ่งหน้าไปเชียงคาน แต่เราจะยังไม่เข้าเชียงคานกันหรอกค่ะ เพราะยังเพิ่งบ่ายคล้อยเท่านั้นเอง...
วิ่งออกมาได้ราว 3 กิโลเมตร...ขวามือมีทางแยกบอกว่าทางไป "แก่งคุดคู้" แวะเข้าไปชมกันซะหน่อย เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ค่ะ วิ่งทื่อๆตรงไปตามทางที่บอก ไม่นานก็เจอลานจอดรถของแก่งคุดคู้ สัญลักษณ์คือเสาหลักกิโลเมตรอันใหญ่ สูงท่วมหัว ด้านหลังเป็นบันไดสูงชัน ใช้เดินลงสู่แม่น้ำโขง ที่แห้งจนเห็นสันทรายโผล่ขึ้นมา ทิวเขายาวเขียวขจีที่ฝั่งลาว ทำให้ทิวทัศน์ของที่นี่ดูสวยขึ้นมากค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_01.jpg
ด้านหน้า เขียนไว้ว่า "แก่งคุดคู้ กม. 0"...ด้านใต้ ของเสาเขียนบอกระยะทางไว้ว่า "ปากชม 44 หนองคาย 185" ส่วน ด้านเหนือ บอกไว้ว่า "ท่าลี่ 55 หลวงพระบาง 425"....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_02.jpg
ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_03.jpg
เขาบอกว่า หากใครมาเที่ยวเชียงคาน ถ้าไม่ได้ไปเยือนแก่งคุดคู้ ก็ถือว่าไปไม่ถึงเชียงคาน ความสวยงามของแก่งคุดคู้ เกิดจากการทอดตัวของแนวหิน ที่อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสันสวยงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_09.jpg
ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง กระแสน้ำจึงเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งได้ชัดเจน
แต่ตอนที่เราไปนั้น เป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม จึงเห็นความงามของแก่งคุดคู้ได้เท่านี้เองค่ะ มีเรือรับจ้างพานักท่องเที่ยวล่องลำน้ำโขง จอดคอยอยู่ที่ชายน้ำ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_10.jpg
สะพานขึ้นลงบริเวณแก่งคุดคู้ สูงชันเสียจนสายชลได้แต่มองไม่กล้าเดินลงไป เพราะเกรงว่าจะปีนขึ้นไม่ไหว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_05.jpg
มีนิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมาถึงแก่งคุดคู้อยู่เรื่องหนึ่งว่า...
มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ ตาจึ่งขึ่งดั้งแดง ผู้ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ จมูกบานโต ขนาดที่เด็กๆ สามารถเข้าไปวิ่งเล่นในฮูดัง (รูจมูก) ได้ วันหนึ่งแกตามล่าควายเงินมาจากฝั่งลาว และเฝ้ามองจนกระทั่งควายเงินมานอนแช่น้ำ อยู่ที่แก่งคุดคู้ในปัจจุบัน ระหว่างที่ยกหน้าไม้หมายจะยิง บังเอิญมีพ่อค้าส่งเสียงดังถ่อเรือผ่านมาพอดี ทำให้ควายเงินตื่นตกใจวิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขา ภูเขาลูกนั้นจึงได้ชื่อว่า ?ภูควายเงิน? ทำให้พรานป่าแค้นเคืองคนที่นั่งเรือไปมาตามแม่น้ำโขงเป็นอย่างมาก จึงได้แบกเอาก้อนหินมาถมกั้นแม่น้ำไว้ เพื่อไม่ให้เรือแล่นผ่าน จนสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านในละแวกนั้นไปทั่ว
เมื่อพระอินทร์ที่อยู่บนสวรรค์เห็นดังนั้น ก็ทรงแปลงกายลงมาเป็นจั่วน้อย (เณรน้อย) และได้ออกอุบายให้ใช้ไม้ไผ่หรือไม้เฮี้ยะ มาทำเป็นคานแบกก้อนหินแทน และด้วยน้ำหนักของหินที่มากเกินไป เลยทำให้ไม้คานหัก บาดคอตาจึ่งขึ่งดังแดงตายอยู่ในท่าคุดคู้ แก่งแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ?แก่งคุดคู้? ตามนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้นี่เอง..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_24.jpg
เข้าใจว่า....ควายภูเงินในเรื่องแก่งคุดคู้นี้ น่าจะเป็นคนละตัวกับควายภูเงิน ที่ชาวนาได้นำไปเลี้ยงไว้ บนยอดเขาวัดพระพุทธบาทควายภูเงิน เพราะควายภูเงินที่แก่งกระทู้นี้ วิ่งหนีนายพรานจมูกโตไปทางฝั่งลาว และกลายเป็นภูเขา ที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้าเราในวันนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_08.jpg
รอบๆลานจอดรถ และริมชายโขง มีพ่อค้าแม่ขายมาจับจองพื้นที่เปิดซุ้มจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีทั้งปลา กุ้ง หอย ที่ต่างก็มีชื่อแม่น้ำโขงห้อยท้าย ไปจนถึงส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ฯลฯ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_13.jpg
แต่ที่น่าทานมากๆ เห็นจะเป็น "กุ้งทอด" ที่แม่ค้าใช้กุ้งฝอยตัวเล็กๆ มาชุบแป้งทอด เป็นแพใหญ่เท่าจานข้าว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_18.jpg
อดใจไม่ไหว...ต้องซื้อมาชิมเสียหน่อย อืมมมมม....อร่อยถูกปากจริงๆ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มใส่ถั่วลิสงบดและแตงกวา ให้เสียรสชาติเลยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_19.jpg
ที่ต้องซื้ออีกอย่างก็คือ "มะพร้าวแก้ว" แสนอร่อย ที่ทำมาจากมะพร้าวกะทิเนื้อหนานุ่ม หรือมะพร้าวน้ำหอมรสละมุน เคี่ยวกับน้ำตาลสูตรเฉพาะ ที่พี่สาวสั่งซื้อไว้ ตั้งแต่รู้ว่าเราจะมาเชียงคาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_20.jpg
มะพร้าวที่นำมาใช้ทำมะพร้าวแก้ว ที่ต้องไปสั่งซื้อมาจากที่ไกลๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_22.jpg
มะพร้าวแก้วมีหลายเกรด หลายราคา หลายคนทำ เลือกซื้อหาได้ตามอัธยาสัยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_23.jpg
แต่สายชลเลือกเจ้านี้ เพราะดูสะอาด และน้ำใจไมตรีดูดีกว่าเจ้าอื่นๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_21.jpg
แถวๆนั้นยังมี "อุ" เหล้าพื้นเมืองของท้องถิ่นนี้ ที่ไหใส่ไว้ในชะลอมน่ารัก ให้ซื้อมาฝากคอเหล้า...เสียดายไม่ได้ถถ่ายภาพไว้ค่ะ
เกือบเย็นแล้ว....ชักหิวแล้วล่ะค่ะ...เราเลือกร้านของกลุ่มแม่บ้านแก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นเรือนไม้ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง บรรยากาศดีใช้ได้ทีเดียวค่ะ
อาหารที่เราสั่ง ประกอบด้วย ต้มยำปลาแม่น้ำโขงหม้อไฟ รสชาติแซ่บซ่าน สะท้านไปถึงทรวง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_15.jpg
จานที่สอง เป็น ปลาเนื้ออ่อนแม่น้ำโขง ทอดกระเทียมพริกไทย ทั้งกรอบ หอมหวล ชวนรับประทานยิ่งนัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_16.jpg
จานที่สามเป็น "กุ้งฝอยทอดกรอบ" ที่สั่งเพิ่มมาอีกแพหนึ่ง คราวนี้มีน้ำจิ้มมาเสริมแก้เลี่ยนด้วย กับ จานสุดท้าย "ส้มตำไทย" รสชาติกลมกล่อม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_14.jpg
ข้าวสวยร้อนๆ กับอาหารพื้นบ้านเพียงสี่อย่างนี้ กว่าเราจะทานหมด ก็เล่นเอาเหนื่อยเลยล่ะค่ะ...
วัดท่าแขก
ระหว่างทางจากแก่งคุดคู้ จะออกไปสู่ถนนหลวงหมายเลข 211 เราเห็นภาพแสงที่ลอดผ่านแมกไม้สูงใหญ่ข้างทาง ทำให้อดที่จะจอดรถถ่ายภาพไม่ได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_03.jpg
เราเห็นทางลูกรังแล่นฝ่่าดงไม้ใหญ่ จึงเลี้ยวรถไปตามทางเหมือนต้องมนต์...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_01.jpg
ผ่านม่านหมอกเข้าไป...เราเห็นโบสถ์เล็กๆตั้งอยู่เบื้องหน้าอย่างสง่างาม..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_04.jpg
ป้ายที่เห็นอยู่ในบริเวณหน้าโบสถ์ ทำให้เราทราบว่า วัดนี้คือ "วัดท่าแขก" ซึ่งตามประวัติจัดเป็นวัดเก่าแก่ ปรากฎบนหลักศิลาจารึกที่พบในวัด กล่าวว่า วัดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ พ.ศ.2209 ตรงกับ จุลศักราช 1028 วันเสาร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเมีย ตัวหนังสือ กล่าวว่า ท้าวสุวรรณแผ้วพ่าย พระโอรสของกษัตริย์ลานช้าง แห่งเมืองหลวงพระบาง เป็นผู้ก่อสร้าง
วัดนี้ถูกทิ้งร้างมานานจนกระทั่งปี พ.ศ.2469 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต...พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล...พระอาจาจย์ฝั้น อาจาโร และคณะอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ได้เดินธุรงค์มาพักจำพรรษา และปฏิบัติธรรมที่วัดท่าแขก จึงได้มีการบูรณะและฟื้นฟูวัดนี้อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปในโบสถ์ เราเห็นองค์พระสีทองอร่าม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโบสถ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_05.jpg
แต่ในตำนานที่ปรากฏ กล่าวไว้ว่า พระประธานในวัดท่าแขก เป็นพระพุทธรูปองค์เล็กๆ และเก่าแก่ อายุประมาณ 300กว่าปี แกะสลักด้วยหินทั้งก้อน และมีถึง 3 องค์ คือ
องค์ที่ 1...เป็นพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 2 ศอก สูงประมาณ 1.20 เมตร
องค์ที่ 2...เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 0.70 เมตร สูงประมาณ 1.20 เมตร
องค์ที่ 3...เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก หน้าตักกว้างประมาณ 0.65 เมตร สูงประมาณ 1.20 เมตร
ฉะนั้นพระองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโบสถ์นี้ จึงหาใช่พระประธานที่ว่าไว้ในตำนานไม่....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_06.jpg
เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ...จึงเห็นว่ามีแท่นสูงขึ้นไป เหนือด้านหลังองค์พระใหญ่ สร้างอยู่ติดกับผนังโบสถ์ บนแท่นมีพระพุทธรูปสามองค์ ลักษณะเหมือนที่ตำนานว่าไว้ และนั่นคือประประธานของวัดท่าแขกที่แท้จริง ของวัดแห่งนี้นั่นเอง....
พระประธานทั้งสามองค์ เป็นพระพุทธรูปที่สวยงาม และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นที่สักการะบูชาของชาวเชียงคาน และจังหวัดใกล้เคียง จึงนับเป็นบุญยิ่งนัก ที่บังเอิญให้เราได้มากราบไหว้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/07_Wat%20Tha%20Kaek/Chiangkhan_Wat-Tha-Kaek_07.jpg
เชียงคาน
ออกจากวัดท่าแขก เลี้ยวขวาไปได้ไม่นาน ก็ถึงปากทางเชื่อมต่อถนนหลวงหมายเลข 211...เราเลี้ยวขวาเพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงคาน เพียง 2 กิโลเมตรจากวัดท่าแขก เราก็ถึง เมืองเชียงคาน...
เมืองเชียงคาน เดิมตั้งอยู่ที่ เมืองชะนะคาม ประเทศลาว ซึ่งสร้างโดยขุนคาน โอรสของขุนคัวแห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อประมาณ พ.ศ. 1400 ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2250 อาณาจักรล้านช้างแยกออกเป็นสองอาณาจักรคือ อาณาจักรหลวงพระบาง ซึ่งมีพระเจ้ากีสราชเป็นกษัตริย์ และ อาณาจักรเวียงจันทน์ ซึ่งมีพระเจ้าไชยองค์เว้เป็นกษัตริย์ โดยกำหนดอาณาเขตให้ดินแดนเหนือแม่น้ำเหืองขึ้นไปเป็นอาณาเขตหลวงพระบาง และใต้แม่น้ำเหืองลงมาเป็นอาณาเขตเวียงจันทน์ ต่อมาทางหลวงพระบางได้สร้างเมืองปากเหืองซึ่งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำโขงเป็นเมืองหน้าด่านและทางเวียงจันทน์ได้ตั้งเมืองเชียงคาน เดิมเป็นเมืองหน้าด่านเช่นกัน
ต่อมา พ.ศ. 2320 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับพระสุรสีห์ ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์ ตีเวียงจันทน์ได้จึงได้อันเชิญพระแก้วมรกต กลับมายังกรุงธนบุรี แล้วได้รวมอาณาจักรล้านช้างเข้าด้วยกันและให้เป็นประเทศราชของไทย และได้กวาดต้อนผู้คนพลเมืองมาอยู่เมืองปากเหืองมากขึ้น แล้วโปรดเกล้าฯ ให้เมืองปากเหืองไปขึ้นกับเมืองพิชัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ คิดกอบกู้เอกราชเพื่อแยกเป็นอิสระจากไทยโดยยกกำลังจากเวียงจันทน์มายึดเมืองนครราชสีมา แต่ในที่สุดเจ้าอนุวงค์ถูกจับขังจนสิ้นชีวิต กองทัพไทยที่ยกมาปราบเจ้าอนุวงศ์ที่นครราชสีมาได้ยกทัพไปกวาดต้อนผู้คนจากฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงมายังเมืองปากเหืองมากขึ้น และโปรดเกล้าฯ ให้พระอนุพินาศ (กิ่ง ต้นสกุลเครือทองศรี) เป็นเจ้าเมืองปากเหืองคนแรก แล้วพระราชทานชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงคาน
ครั้งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบางและได้เข้าปล้นสะดมเมืองเชียงคานเดิมที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ชาวเชียงคานเดิมจึงอพยพผู้คนไปอยู่เมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) เป็นจำนวนมาก ครั้นต่อมา เห็นว่าชัยภูมิเมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ไม่เหมาะสม ผู้คนส่วนใหญ่จึงอพยพไปอยู่ที่บ้านท่านาจันทร์ซึ่งใกล้กับที่ตั้งของอำเภอเชียงคานปัจจุบัน แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองใหม่เชียงคาน
ต่อมาไทยได้เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ทำให้เมืองปากเหืองตกเป็นของฝรั่งเศส คนไทยที่อยู่เมืองปากเหืองจึงอพยพมาอยู่เมืองใหม่เชียงคานหรืออำเภอเชียงคานปัจจุบันโดยสิ้นเชิง แล้วได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองเชียงคานใหม่ ได้ตั้งที่ทำการอยู่บริเวณ วัดธาตุ เรียกว่าศาลาเมืองเชียงคาน ต่อมาได้ย้ายไปอยู่บริเวณ วัดโพนชัย
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2452 เมืองเชียงคานซึ่งมีพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเสริฐ) ได้รับตำแหน่งนายอำเภอเชียงคานคนแรก ในปี พ.ศ.2484 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอเชียงคานมาอยู่ ณ ที่อยู่ปัจจุบันตราบเท่าทุกวันนี้
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/Chiangkhan-Map2.jpg
ฝ่ากลางเมืองเชียงคานที่วุ่นวายด้วยรถราและผู้คน...เรามุ่งหน้าสู่บ้านพัก "ตาหน่วมโฮมสเตย์" ซอย 3 ถนนชายโขง ที่เราตั้งใจจองให้เป็นที่พักของเรา ตลอดสามวันที่จะอยู่ในเมืองเชียงคาน จังหวัดเลย
ถึงแล้วค่ะ...บ้านตาหน่วมฯ บ้านเล็กๆติดริมแม่น้ำโขง...น่าอยู่ทีเดียวค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_01.jpg
ด้านล่างของบ้าน...เป็นบ้านพักของ คุณไสว และครอบครัว ซี่งมีระเบียงให้เรานั่งเล่น พร้อมขนมทานเล่น น้ำชาและกาแฟพร้อม ด้านข้างๆเป็นบ้านพักใหญ่ สำหรับครอบครัวที่มากัน 7-8 คน ให้พักรวมกันอยู่แบบสบายๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_04.jpg
ส่วนด้านบน...มีห้องพักเพียงสองห้อง ซึ่งหนึ่งในสองคือห้องพักของเราเอง เป็นห้องแอร์ ห้องน้ำในตัว มีทีวี และระเบียงน่ารัก ให้เรานั่งชมวิวไปดื่มชากาแฟที่จัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_02.jpg
จอดรถได้ที่แล้ว คุณไสว...ลูกเขยของตาหน่วม ก็พาเราปีนบันไดสูงชันขึ้นไปบนห้องพัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_03.jpg
เราเห็นความสะอาดสะอ้านของบันไดและทางเดินก่อนถึงห้องพัก ก็อุ่นใจว่าเราน่าจะเลือกบ้านพักได้ถูกต้องแล้ว...
แล้วก็จริงดังคิด...เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เราก็ได้เห็นห้องนอนเล็กๆ แต่สะอาด และน่าอยู่มาก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_07.jpg
มองออกไปนอกหน้าต่าง จะเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง อย่างนี้ค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_08.jpg
ระเบียงห้องพัก น่านั่งทีเดียวค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_09.jpg
เย็นย่ำสนธยาพอดี เมื่อเราจัดสมบัติเข้าที่เสร็จ เหนื่อยและปวดขาซะจนไม่อยากออกไปไหน เราเลยออกมานั่งคุยกันอย่างมีความสุข ที่ระเบียงห้องพักของบ้านตาหน่วม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_06.jpg
นกกระยางฝูงใหญ่ที่ไปหากินที่ฝั่งลาวตั้งแต่เช้า กินกลับมานอนที่ฝั่งไทยเมื่อยามเย็น...ซึ่งคุณไสวบอกว่า เป็นกิจวัตรที่หาดูได้ทุกวันที่เชียงคานค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_09.jpg
ดูตามเว็บท่องเที่ยว มาเชียงคานต้องตื่นเช้ามืด เพื่อขึ้นไปดูทะเลหมอกที่ภูทอกตอนพระอาทิตย์ขึ้น ... เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม คำโบราณท่านว่าไว้
ผมต้องตื่นแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถสามล้อเครื่อง ที่คุณไสวติดต่อไว้ให้ เพื่อออกเดินทางจากที่พักตอนตี 5 ไปฟ้าสางที่ภูทอกพอดี มีน้องหนุ่มสาว 1 คู่ห้องข้างๆไปด้วยกัน แต่คุณสายชลไม่ไปด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_01.jpg
ไปถึงตีนภู ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถกระบะ ที่เจ้าของสถานที่คือ สถานีเรดาร์ มีไว้บริการ เพื่อขึ้นไปถึงยอดภูอีกทอดหนึ่ง
แจ็คพอต ... วันนี้อุณหภูมิไม่เหมาะ ความชื้นไม่พอ หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ หมอกไม่ยอมมาก่อตัวเป็นทะเล ตามที่นัดกันไว้
ที่พอมองเห็น แทนที่จะเป็นทะเลหมอก กลับเป็นแค่ลำธารเท่านั้นเอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_06.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_05.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_03.jpg
มีพวกไม่มีดวงเหมือนๆกันขึ้นมารอชมทะเลหมอกหลายสิบคนด้วยกันครับ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_07.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_04.jpg
หันไปหันมา เพื่อมองหาหมอกที่จะมาก่อตัวเป็นทะเล ไม่เจอเลย แต่กลับพบว่า ไอ้ที่เรามองเห็นแล้วนึกว่าหมอกน่ะ ไม่ใช่เสียอีก กลายเป็นควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินด้านล่าง
ไม่นึกเลยว่า ถึงขนาดต้องพึ่งเครื่องทำหมอกเทียมกันเชียวหรือนี่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_02.jpg
เดินหงุดหงิด งุ่นง่านกันอยู่สักพักหนึ่ง เรา 3 คนก็หันมามองหน้ากัน แล้วชวนกันเกาะกระบะลงจากภู กลับเชียงคานดีกว่า
..... เก๊กซิมจริงๆเลย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_09.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_10.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/04_Phu%20Thok/Chiangkhan_Phu-Thok_11.jpg
อุ๊ยยยย...นั่นยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว ลอยอยู่บนท้องฟ้า ฉายแสงลงมาเหนือยอดเขา หรือเปล่าคะ..:eek:...:confused:
สายชลไม่ได้ตามคุณสายน้ำไปขึ้นภูท่อกด้วย เพราะหัวเข่ายังปวดอยู่ เลยถือโอกาสอันดีตื่นสาย (ที่ไม่ได้ทำมานานตั้งแต่เดินทางเทียวตามที่ต่างๆที่ผ่านมา) พออาบน้ำแต่งตัวแล้ว ก็ออกมานั่งดื่มกาแฟ ชมวิวริมน้ำโขงที่ระเบียงหน้าห้องนอนบ้านตาหน่วม...
หมอกบางๆโรยตัวอยู่เหนือลำน้ำโขง และ ตามยอดเขาสูงริมน้ำ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_01.jpg
ในแม่น้ำโขง หน้าบ้านตาหน่วม เป็นเวิ้งอ่าว มีแพและเรือหางยาวจอดอยู่หลายลำ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_02.jpg
มีคนหาปลาออกเรือไปวางเบ็ดราวง่วนอยู่ ที่นี่น่าจะมีปลาชุกชุมนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_03.jpg
ดอกไม้ริมเขื่อนหน้าบ้านตาหน่วมสวยดีค่ะ มีดอกบัวตอง และ ดอกลั่นทม เป็นอาทิ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_17.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_18.jpg
แหล่งท่องเที่ยวเมืองเชียงคาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_01.jpg
เมื่อคุณสายน้ำกลับจากภูท่อกมาถึงบ้านตาหน่วม...สายชลซึ่งเริ่มหิวข้าวเช้าเต็มแก่ ก็เดินไปขึ้นรถที่จอดคอยอยู่แล้ว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_06.jpg
เราขับรถจากที่พักผ่านถนนชายโขง ซอย 3 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนศรีเชียงคาน จุดหมายปลายทางของเรา คือ ตลาดสดเชียงคาน ที่อยู่ระหว่างถนนศรีเชียงคาน ซอย 9 และ 10..
บ้านเรือนในเมืองเชียงคาน ที่ตั้งอยู่บนถนนชายโขง ยังพยายามรักษาเอกลักษณ์ ที่เป็นมาเมื่อหลายสิบปีไว้ได้ดี บ้านส่วนมากเป็นบ้านไม้แถวสองชั้น เก่าคร่ำคร่า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_06.jpg
แต่พอออกมาที่ถนนศรีเชียงคาน (ซึ่งทับอยู่บนถนนหลวงสาย 211) ก็เริ่มมีบ้านตึกโผล่มาแทรกกับบ้านไม้ ให้เห็นบ้าง ทั้งคนทั้งรถวุ่นวายอยู่บนถนนสายนี้...
7/11 ก็มีให้เห็นนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_03.jpg
ถึงตลาดสดเชียงคานแล้วค่ะ...พอไปถึงก็สะดุดตากับป้ายนี้..
ปลานิลดิ้นได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/05_Market/Chiang-Khan_Market_01.jpg
แล้วก็เห็นปลาเป็นๆถูกขังแน่นอยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่...ทราบว่าเป็นปลานิล เลี้ยงในกระชังที่ริมแม่น้ำโขงฝั่งไทย และส่งขายไปทั่ว ทั้งในไทยและลาว
เพิ่งเห็นปลานิลตัวเป็นๆก็ที่นี่เองค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/05_Market/Chiang-Khan_Market_02.jpg
ที่สะดุดตาอีกอย่างหนึ่งก็ "หนังควายตากแห้ง" ที่หมักเกลือกันเน่าไว้ด้วย....กึ๋ยยยยส์ !!!...มีขนติดมาด้วย
แม่ค้าบอกว่า จะทานก็ต้องเอาไปย่างไฟให้ขนไหม้ พอสุกหนังควายจะพอง กินแซ่บนักหนา...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/05_Market/Chiang-Khan_Market_03.jpg
หิวค่ะ...หิวมากๆ....
ได้ยินว่าที่ตลาดสดเชียงคาน มีร้านขายปาท่องโก๋ทรงเครื่องอร่อยมากๆ เลยไปเดินหา เนื่องจากมากันจนสายโด่ง ร้านขายปาท่องโก๋ฯ เจ้าดัง ขายเกลี้ยงแต่เช้า และปิดร้านไปเรียบร้อยแล้ว เราจึงต้องเดินไปอีกเจ้าหนึ่ง ดูๆแล้วสะอาดสะอ้านดี ก็เลยไปนั่งและสั่งปาท่องโก๋ กับกาแฟโบราณ (มีน้ำชาร้อนๆแถมให้ด้วย) มานั่งรับประทานกันสองตายาย....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Patonggo_01.jpg
ปาท่องโก๋ร้อนๆที่สั่งมาสองจาน (จานละ 30 บาท)...จานหนึ่งเป็นปาท่องโก๋ไส้หมูสับ มีน้ำจิ้มเปรี้ยวๆหวานๆแกล้มแก้เลี่ยน และอีกจานเป็นไส้กล้วย ราดหน้าด้วยนมข้นหวาน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Patonggo_04.jpg
ด้วยความอร่อย บวกกับความหิว...ปาท่องโก๋สองจานก็หมดไปในเวลาไม่นานนัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Patonggo_05.jpg
หนังท้องตึง แต่หนังตายังไม่หย่อน ที่นี้ ก็ถึงเวลาเที่ยวในตัวเมืองเชียงคานกันแล้วล่ะค่ะ...
ไปค่ะ...ไปเที่ยวเมืองเชียงคานด้วยกัน...
ก่อนจะเริ่มต้นเที่ยว..เราไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันก่อน ที่ ศูนย์ข้อมูลเมืองเชียงคาน ที่ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ระหว่างซอย 21 และ 22 ซึ่งที่นั่น มีทั้งแผนที่และข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเมืองเชียงคาน ให้เราได้หยิบมาศึกษาก่อนเที่ยว ซึ่งนับเป็นประโยชน์แก่เรา และนักท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เพิ่งเคยมาเยือนเชียงคานเป็นครั้งแรก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_02.jpg
บริเวณถนนที่ศูนย์ข้อมูลเมืองเชียงคานตั้งอยู่ เราเห็นทิวต้นสักสูงใหญ่ ให้ร่มเงาครึ้มดูสวยงาม เห็นแล้วสบายตาสบายใจเป็นที่สุด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/06_Ton%20Sak%20Road/Chiangkhan_Ton-Sak-Rd_04.jpg
จากข้อมูลที่ได้รับ ทำให้เราทราบว่า ไม่ไกลจากศูนย์ฯนัก มีถนนสายหนึ่ง มีต้นสักปลูกเป็นแถวตลอดความยาวของถนน ต้องไปชมกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/06_Ton%20Sak%20Road/Chiangkhan_Ton-Sak-Rd_01.jpg
"ถนนสายต้นสัก" อยู่ในซอยเชื่อมระหว่างถนนชายโขงและถนนศรีเชียงคาน ด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเชียงคาน
ช่างร่มรื่นและสวยงามจริงๆค่ะ อยากให้ถนนเมืองไทยทุกสาย เป็นอย่างนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/06_Ton%20Sak%20Road/Chiangkhan_Ton-Sak-Rd_03.jpg
จากข้อมูลที่เราพอมีอยู่ผสมกับข้อมูล ที่ได้มาจากศูนย์ฯ เราตกลงใจกันว่า ภายในวันนี้...เราจะไป "ไหว้พระเก้าวัด" ซึ่งทุกวัดจะอยู่ในเมืองเชียงคาน เพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิตของเรา
วัดแรกที่เราจะไป คือวัดที่ตั้งอยู่ที่ถนนศรีเชียงคานซอย 21 ด้านติดกับลำน้ำโขง ไม่ไกลจากศูนย์ข้อมูลเมืองเชียงคานที่สุด นั่นคือ "วัดท่าคก" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงคาน ที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากๆ ควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์ไว้ และยังมีพระประธานที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของชาวเชียงคานมาช้านาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_03.jpg
อ่านประวัติของวัด ทำไมจึงชื่อ "ท่าคก" จากป้ายหน้าวัดเองนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_01.jpg
วัดท่าคกถูกสร้างขึ้นในสมัยที่เมืองเชียงคานยังขึ้นอยู่กับมณฑลพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ.2395 โดยพระศรีอรรคฮาต (สีทา) เจ้าเมืองเชียงคานในสมัยนั้น ร่วมกับชาวบ้าน เพื่อที่จะปกป้องผืนแผ่นดินสยาม มิให้ถูกฝรั่งเศสรุกล้ำพื้นที่เข้ามาจากการล่าอาณานิคมเมืองขึ้น พระศรีอรรคฮาตจึงได้ออกอุบายสร้างวัดท่าคกนี้กันพื้นที่เอาไว้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_02.jpg
วัดท่าคก นอกจากจะเป็นปูชนียสถานสำคัญแห่งหนึ่ง ในอำเภอเชียงคานแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมงานศิลปะและวัฒนธรรมจากหลายชนชาติอีกด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_04.jpg
อุโบสถที่มีศิลปะลวดลายแบบฝรั่งเศสอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าโบสถ์ และขอบหน้าต่าง ที่คาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากสมัยที่ฝรั่งเศสยึดครองดินแดนฝั่งลุ่มน้ำโขง (ลาว) เป็นเมืองขึ้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_07.jpg
ตัวอุโบสถจะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ตามแบบศิลปะล้านช้าง ตกแต่งด้วยปูนปั้น เพดานไม้วาดลายเขียนสีแบบโบราณ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_08.jpg
ภายใน ตั้งแท่นขึ้นเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ ปางมารวิชัย ศิลปะปูนปั้นล้านช้าง ที่ชาวเชียงคานเคารพบูชามาช้านาน
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านหน้า เข้าใจว่าจะสร้างมาประดิษฐานในภายหลัง เหมือนที่วัดท่าแขก ที่เราเคยไปกราบไหว้มาแล้ว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_11.jpg
วัดท่าคก แม้จะเป็นเพียงวัดเล็กๆ หากแต่เรื่องราวในอดีต ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_06.jpg
ศาลที่ตั้งอยู่นอกอุโบสถ ไม่ปรากฎข้อมูลว่า เป็นศาลอะไร และตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_15.jpg
ป้ายแผ่นนี้ แขวนอยู่ข้างศาล....โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_16.jpg
สิ่งที่ทำให้เราเสียอารมณ์ไปมาก จากการไปชมวัดท่าคกครั้งนี้ เห็นจะเป็นตัวหนังสือโย้ๆเย้ๆ ที่เขียนไว้ที่ทางเข้าประตูอุโบสถ ซึ่งมีทั้งชื่อผู้บริจาคเงิน และจำนวนเงินที่บริจาคไว้หรา ทั้งบนหน้าบันกรอบประตู และบนผนังข้างประตู ทำให้ภาพปูนปั้นที่งดงามของประตู และผนังโบสถ์ หมดงามไปมาก ช่างน่าเสียดายจริงๆค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/08_Wat%20Tha%20Kok/Chiangkhan_Wat-Tha-Kok_09.jpg
วัดมหาธาตุ
จากวัดท่าคก...เราย้อนไปทางใต้ มุ่งหน้าไป "วัดมหาธาตุ" ที่ได้กล่าวถึงในประวัติเมืองท่าคก ที่ได้กล่าวว่า ที่ทำการเมืองเชียงคาน เคยตั้งอยู่บริเวณวัดพระธาตุ ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ถนนศรีเชียงคาน ระหว่างซอย 14 และ 15 หาตัววัดไม่ยากเลยค่ะ เพราะประตูทางเข้าวัดตั้งอยู่ริมถนนใหญ่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_01.jpg
เข้าไปก็งงๆ...สงสัยเราจะเข้าประตูด้านข้างมากกว่า เพราะตัวโบสถ์ และอาคารในวัด ล้วนหันหน้าไปทางทิศใต้ และยังมีประตูอยู่ในซอย 14 แต่ปิดไว้ด้วยประตูซี่ลูกกรงเหล็กดัด รถจึงเข้าไม่ได้ แต่ก็มีประตูเล็กให้เดินเข้าออกได้เท่านั้น ที่แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ มีรูปปั้นยักษ์สองตน ยืนถือกระบองอยู่หลังประตู แทนที่จะเป็นหน้าประตู อย่างที่เคยเห็นอยู่ทั่วไป...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_02.jpg
ทราบมาว่า...วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.๒๑๙๗ พร้อมกับการสร้างเมืองเชียงคาน เคยเป็นที่ว่าการงานเมืองของเจ้าเมืองเชียงคานมาหลายสมัย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_05.jpg [/IMG]
ป้ายไม้ที่เขียนไว้หน้าบันไดทางขึ้นอุโบสถเก่า ทำให้รู้ว่า เชียงคาน เดิมเป็นที่ตั้งของ "บ้านท่านาจันทร์"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_07.jpg
พระอุโบสถ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "สิม" หลังเก่าทำด้วยไม้ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2202 ปัจจุบันทรุดโทรมมาก คงจะมีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบัน แทบไม่ค่อยจะมีไม้ให้เห็นแล้ว (นอกจากที่กองทิ้งไว้อยู่ข้างๆโบสถ์)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_05.jpg
สภาพแวดล้อมโดยรอบอุโปสถหลังเก่า ไม่ค่อยจะเจริญหูเจริญตานัก โดยเฉพาะถังปูนใส่น้ำฝน ที่ตั้งอยู่หน้าโบสถ์ทั้งสองข้าง และศาลาการเปรียญที่ต่อออกไปจากอุโบสถ
นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ทั้งตุ๊กๆและรถกระบะ มาจอดประชิดติดอยู่ข้างตัวอุโบสถอีกด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_09.jpg
หลังคาโบสถ์ที่คงผุพังไปหมด ถูกสร้างครอบไว้ด้วยหลังคาสังกะสี ที่บัดนี้เก่าคร่ำคร่าแล้ว ไม่แน่ใจว่าน้ำฝนจะรั่ว หรือสาดเข้ามาจนถึงประตูหน้าโบสถ์ด้วยหรือไม่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_11.jpg
หน้าบรรณของโบสถ์ มีภาพเขียนบอกเล่าเรื่องราวประวัติเมืองเชียงคาน ซึ่งบัดนี้เลอะเลือนจางหายไปอย่างน่าเสียดาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_12.jpg
ภาพวาดสวยๆ ที่กำลังลบเลือนหายไป....เห็นแล้วเสียดาย...เสียใจ...อยากร้องไห้ค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_14.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_15.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_16.jpg
ประตูทางเข้าที่ทรุดโทรม แต่มองผ่านเข้าไปเห็นพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนแท่น ช่างงามจับตาจับใจ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_17.jpg
พระประธานองค์นี้ มีชื่อว่า "หลวงพ่อใหญ่" ชาวบ้านจึงเรียกวัดมหาธาตุนี้ติดปากว่า "วัดหลวงพ่อใหญ่"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_18.jpg
พระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิมาก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงคานตลอดมา...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_19.jpg
ในอุโบสถหลังเก่านี้ มีตู้พระธรรมไม้ลงรักปิดทอง หีบพระธรรมไม้ลงรักปิดทอง และแท่นที่นั่งของเจ้าเมืองเชียงคาน ตั้งแสดงไว้ด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_21.jpg
น่าเสียดาย...ที่พระอุโบสถเก่าแก่หลังนี้ มีหยากไย่ใยแมงมุม คราบสกปรก และริ้วรอยต่างๆ ปรากฎให้เห็นทั่วไป แสดงให้เห็นว่าถูกปล่อยประละเลย ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ให้สมกับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณการณ์...
เยื้องๆด้านหน้าพระอุโบสถหลังเก่า และศาลาการเปรียญ...เป็นที่ตั้งของอุโบสถหลังใหม่ ที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านช้าง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_04.jpg
พระอุโบสถหลังใหม่ดูสวยดีค่ะ...แต่อาคารสูง ที่ปลูกอยู่ด้านหลัง ซึ่งทราบมาว่าเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม และศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน รวมทั้งด้านข้างที่เป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัด ซึ่งด้านหน้า ประดับประดาด้วยระฆังเหล็กใบใหญ่ๆหลายสิบใบ รูปปั้นพญานาค รูปหล่อเทพเจ้าต่างๆ ได้ทำให้ความสวยสง่างาม ของพระอุโบสถหลังใหม่นี้ ดูด้อยค่าลงไปได้อย่างมากมายทีเดียว ความสวยสง่างามที่ลดลงไปนั้น...ยังนับรวมไปถึงคราบสกปรก และฝุ่นละออง ที่ปรากฎให้เห็นได้ทั่วไป รอบๆตัวอุโบสถด้วย...
มองข้ามลานกว้าง ไปทางด้านขวามือของอุโบสถหลังใหม่ จะเห็นอาคารเล็กๆรูปทรงสี่เหลี่ยมสีขาวขลิบฟ้า ตั้งอยู่ระหว่างโรงจอดรถ อ่านในหนังสือพบว่า นั่นคือ "ส้วมโบราณ" ที่สร้างมานานหลายสิบปี เราไม่ได้ถ่ายเจาะภาพส้วมโบราณมาให้ดูกัน เหตุผลเพราะว่า หลังจากนั้น มีสาวๆไปยืนรอเข้าห้องน้ำอยู่หลายคน เราเองก็ไม่มีเวลาพอจะไปนั่งรอคุณเธอค่ะ....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_03.jpg
ที่สำคัญคือ พระอุโบสถแห่งนี้ ปิดประตูลั่นดานไว้สนิท ผู้ที่จะเข้าไปกราบไหว้ และชื่นชมความงามภายในนั้น ไม่สามารถจะเข้าไปได้ ต้องใช้วิธีมองผ่านหน้าต่าง ที่มีลูกกรงไม้กลึงกั้นไว้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_06.jpg
Kungkings
03-06-2012, 14:07
ครบถ้วนสวยงามทั้งภาพและเรื่องราวคะ ขอบคุณกับการเดินทางดีๆที่มีมาแบ่งปันให้น้องๆ เสมอคะ
:p
ขอบคุณจ้ะ น้องกุ้ง...:)
ขนาดว่าภาพถ่ายที่ได้มาก็มากมายแล้ว แต่พอจะเขียนเรื่อง ก็ให้รู้สึกว่า ภาพที่ถ่ายมานั้น มีไม่ครบถ้วนอย่างที่ควรจะเป็นอ่ะค่ะ...:p
สิ่งที่น่าสนใจอีกสิ่งหนึ่ง ในวัดมหาธาตุ คือ พระเจดีย์ก่ออิฐที่เชื่อกันว่าสร้างทับรูพญานาค ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวาของพระอุโบสหลังเก่า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_23.jpg
ด้านหน้าองค์พระเจดีย์ มีเจดีย์องค์เล็กๆ และที่จุดธูปเทียนบูชา บดบังความงามขององค์เจดีย์ และภาพปูนปั้นพญานาคที่เลื้อยอยู่บนกำแพงล้อมพระเจดีย์ไว้
แถมด้วยรถยนต์หลายสายพันธุ์ ที่จอดเรียงรายอยู่ใต้ลานมุ่งหลังคาอย่างดีแบบถาวร ด้านข้างองค์พระเจดีย์นั้นอีกเล่า ช่างส่งเสริมให้เกิดภาพที่ไม่ค่อยจะน่าดูเลยนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_22.jpg
การจะถ่ายภาพเจดีย์ ให้ติดรูปปั้นพญานาคสองตัว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_27.jpg
ถ้าเป็นพญานาคตัวเดียว ยังพอจะถ่ายภาพได้ง่ายหน่อยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/09_Wat%20Maha%20That/Chiangkhan_Wat-Mahathat_26.jpg
วัดป่าใต้
มีวัดสำคัญอยู่กลางเมืองเชียงคานอีกวัดหนึ่ง ชื่อว่า "วัดป่าใต้" ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดป่า ที่มีพระสงฆ์ธุดงค์มาจำพรรษา ต่อมาพระครูศรสิริสุโข พร้อมด้วยชาว บ้านร่วมกันสร้างถาวรวัตถุขึ้นในวัด จนมีฐานะเป็นวัด ที่ชาวบ้านนิยมเลื่อมใสและศรัทธา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_01.jpg
จนถึงบัดนี้ บริเวณวัดยังร่มรื่นด้วยแมกไม้ สมกับที่เคยเป็นวัดป่ามาก่อน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_02.jpg
อุโบสถเก่าแก่ รูปทรงสวยงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_03.jpg
สีสันและลวดลายหน้าบันของอุโบสถ สวยงามและแปลกไปจากวัดอื่นๆ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_04.jpg
บันไดนาค นำไปสู่ประตูหน้าพระอุโบสถ ที่ดูเก่าค่ำคร่า คราบสกปรกและยักไย่ใยแมงมุม เห็นได้ทั่วไป
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_05.jpg
เหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถ มีภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ ประดับอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_06.jpg
ชื่อผู้บริจาคและจำนวนเงิน ปรากฎอยู่บนหน้าบัน เหมือนที่เราเห็นที่วัดท่าคก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_07.jpg
เสียดายค่ะ...ประตูอุโบสถปิดสนิททั้งด้านหน้าและด้านหลัง เราจึงได้แต่ยกมือไหว้พระกันนอกพระอุโบสถ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_08.jpg
บนหลังคา..มีช่อฟ้า เหมือนที่เคยเห็นที่วัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบาง แต่มีช่อฟ้าเพียงช่อเดียว ซึ่งแสดงว่าเป็นวัดของชาวบ้าน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_10.jpg
พญานาคที่ปรากฎให้เห็น ทั้งบนมุมหลังคา และ หน้าบันได
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_11.jpg
ดูดีๆสิคะ...พญานาคคาบอะไรอยู่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_09.jpg
เจดีย์องค์ใหญ่ ชื่อ "พระพุทธเจดีย์ศรีเชียงคาน" ที่สร้างอยู่บนตึกสูงสามชั้น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_13.jpg
หอกลองที่ทำด้วยไม้ ดูเก่าแก่แต่อยู่ในสภาพที่ดี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_14.jpg
ชอบคติธรรมที่ติดอยู่ที่ต้นไม้แผ่นนี้มากค่ะ... "คบคนเช่นใด ย่อมเป็นเช่นนั้น"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/10_Wat%20Pa%20Tai/Chiangkhan_Wat-Pa-Tai_15.jpg
วัดศรีคุณเมือง
วัดสำคัญ และถือเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ ของชาวบ้านเมืองเชียงคาน อีกวัดหนึ่ง คือ "วัดศรีคุณเมือง" หรือ "วัดใหญ่" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2199 (หลังวัดมหาธาตุซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดเพียง 2 ปี) และได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2220
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_03.jpg
ประตูหน้าวัด ที่เห็นอยู่ในภาพข้างล่างนี้ อาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่า วัดแห่งนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2485 หรือเมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่สร้างเมื่อพ.ศ. 2199 หรือ 346 ปีที่แล้ว เข้าใจว่าปีที่บอกบนประตูวัดนั้น เป็นปีที่สร้างประตูวัดมากกว่า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_01.jpg
วัดแห่งนี้ จึงถือเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน ทุกวันพระรวมถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา วัดแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งมีทั้งชาวเชียงคานเอง รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมเยือนเชียงคาน ที่ต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมกันอย่างถ้วนหน้า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_15.jpg
วัดศรีคุณเมือง เป็นแหล่งรวมงานศิลปะ ทั้งแบบล้านนาและล้านช้าง ตามป้ายที่เขียนบอกประวัติ บอกว่าตัวอุโบสถของวัด ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2390 สร้างขึ้นตามแบบศิลปล้านนา แต่จากรูปทรงของตัวอาคารและหลังคาที่สร้างลดหลั่นเป็นสามชั้นอย่างงดงาม และยังมีช่อฟ้าตั้งเป็นสง่าอยู่บนหลังคาด้วยนั้น ได้มีผุ้แย้งว่าน่าจะเป็นศิลปแบบล้านช้าง หรือหลวงพระบาง มากกว่าจะเป็นแบบล้านนา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_04.jpg
ตัวพระอุโบสถก่อด้วยอิฐถือปูน เชิงบันไดด้านหน้า มีรูปปั้นสิงห์คู่หนึ่งนั่งเฝ้าอยู่ หน้าบันตกแต่งประดับประดา เป็นสีทองอร่ามงดงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_05.jpg
หน้าประตูทางเข้าประดับตกแต่งเป็นรูปวิมานอย่างงดงาม มีภาพเขียนสีผนังเป็นภาพนิทานชาดกชุดพระเจ้าสิบชาติ ซึ่งวาดขึ้นใหม่แทนของเดิม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_07.jpg
ภาพงามๆเหล่านี้ เป็นฝีมือช่างเขียนของกรมศิลปากร ที่เข้ามาบูรณะซ่อมแซมอุโบสถ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_08.jpg
พระประธานของวัดศรีคุณเมือง สร้างขึ่นเมื่อปี พ.ศ. 2380 พร้อมกับการสร้างพระอุโบสถ มีพุทธลักษณะเป็น พระพุทธปฏิมาประทับขัดสมาธิราบ นาคปรก ก่อด้วยอิฐถือปูน ขนาดหน้าตักกว้าง 60 นิ้ว กว้าง 120 นิ้ว เหนือพระเศียรเป็นหัวพระยานาค 9 เศียร
บางข้อมูลบอกว่าพุทธลักษณะเป็นศิลปะล้านช้าง ผสมอยุธยา แต่บางข้อมูลก็บอกว่า พุทธลักษณะเป็นการผสมผสานระหว่าง รูปแบบของพระพุทธปฏิมาสมัยรัตนโกสินทร์ กับค่านิยมของท้องถิ่น เช่น ปลายนิ้วพระหัตถ์ยกขึ้น เช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธปฏิมานาคปรก ที่นำเอาความเชื่อเรื่องพญานาคในลุ่มแม่น้ำโขงเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของพระพุทธปฏิมา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_09.jpg
พระประธานองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ บรรดาชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นคนไทยและประชาชนลาวจะมากราบไหว้อธิฐานขอพร ในการเดินทางไปทำมาค้าขาย ให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงเสมอๆมิได้ขาด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_10.jpg
มีข้อมูลว่า ในอุโบสถ มีโบราณวัตถุที่ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณวัตถุของชาติ อยู่ 4 ชิ้น คือ ธรรมาสน์ไม้สัก แกะสลักลายประดับกระจกสี...พระพุทธรูปยืน ชนิดไม้ทาน้ำทอง...พระพุทธรูปปางประทานอภัย ชนิดไม้ทาน้ำทอง... และ ศิลาจารึกชนิดหิน ทั้งหมดมีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ? ๒๔ ซึ่งในวันที่เราไป ได้เห็นเพียงพระพุทธรูปยืน และ พระพุทธรูปปางประทานอภัย ส่วนธรรมาสน์ และ ศิลาจารึก ไม่ได้เห็น..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_11.jpg
ที่เราได้เห็นและชอบมากคือ ฮางฮด หรือ รางรด ที่มีลักษณะคล้ายรางน้ำตั้งอยู่ โดยตัวรางจะเป็นรูปของเรือสุพรรณหงส์ ส่วนด้านหน้าจะเป็นเศียรของพญานาค และส่วนท้องค่อนมาทางหัวของพญานาคจะมีรูให้น้ำไหลลงมาได้ ฮางฮดนี้จะใช้ในการประกอบพิธีสรงน้ำพระผู้ใหญ่หรือเจ้าเมืองเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยากแล้ว (สองสายได้เห็นที่วัดเชียงทอง หลวงพระบาง เมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ไปครั้งหลังไม่ได้เห็น ไม่แน่ใจว่าเขาเก็บไว้ หรือเราไม่เห็นเอง)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_12.jpg
ที่ลานวัด มีเจดีย์สร้างไว้ ดูงามสง่ามาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_14.jpg
วัดศรีคุณเมือง ตั้งอยู่ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 6 และซอยศรีเชียงคาน 7 แต่จะอยู่ติดกับถนนชายโขง ช่วงต้นๆของถนนคนเดิน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_02.jpg
วัดนี้จึงเป็นจุดที่คนชอบนำรถมาฝาก ทั้งคนที่มาเดินเที่ยวซื้อของหรือหาอาหารทานกันในช่วงเย็นๆ จนถึงช่วงดึกๆ...รถของชาวบ้านที่ไม่มีที่จอดรถในบริเวณบ้านของตัวเอง และ คนที่มาพักในโฮมสเตย์แถวๆใกล้วัด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/11_Wat%20Sri%20Koon%20Muang/Chiangkhan_Wat-Sri-Koon-Muang_13.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...
http://www.linkloei.com/web/index.php?option=com_content&view=article&id=510:---300-&catid=71:movies&Itemid=484
http://1081009.tourismthailand.org/trip/dcp?id=19479
http://www.oknation.net/blog/Tip2/2010/10/06/entry-1
วัดสันติวนาราม
"วันป่าช้า" หรือ วัดโนนป่าช้า ที่ชาวเชียงคานเรียกขานกัน เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดย พระครูพิทักษ์สังฆการ และชาวบ้าน เมื่อปี 2482 ในชื่อ วัดป่าศิริพิทักษ์อรัญญวาส ต่อมาพระพิมลธรรมได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดสันติวนาราม" ด้วยเห็นว่าเป็นวัดป่า ที่สงบเงียบเหมาะแก่การนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_01.jpg
เมื่อเราขับรถเข้าไปในวัด ก็เห็นว่ามีต้นไม้ถูกปลูกขึ้นหนาแน่นตั้งแต่หน้าวัดไปจนถึงตัวอุโบสถ และด้านหลังวัด ทำให้บริเวณวัดร่มรื่นและเขียวขจี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_03.jpg
อุโบสถวัดสวยมากค่ะ มีรูปปั้นยักษ์สองตน เฝ้าอยู่หน้าโบสถ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_02.jpg
แต่ถ่ายภาพยากอีกเช่นเคย เพราะตัวยักษ์อยู่ประชิดติดกับหลังกำแพงคต
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_05.jpg
พระพุทธชินราชจำลอง ที่ประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถของวัดสันติวนาราม งดงามมากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_18.jpg
ผนังภายในพระอุโบสถ มีภาพวาดทางพุทธศาสนาประดับอยู่ทุกด้าน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_24.jpg
ประตู หน้าต่าง และ ชายคาของอุโบสถ มีลวดลายงดงามและวิจิตรบรรจงมากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_06.jpg
คันทวยที่ค้ำยันชายคางดงามยิ่งนัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_07.jpg
มุมมองจากหน้าระเบียงโบสถ์ มองเห็นยักษ์สองต้น และระเบียงคต
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_08.jpg
ภายใต้หลังคาระเบียงคต...มีพระพุทธรูปตั้งเรียงราย อยู่โดยรอบทั้ง 4 ด้าน พุทธลักษณะขององค์พระเป็นแบบเดียวกัน และมีขนาดเท่ากันทั้งหมด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_10.jpg
วัดสันติวนารามเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาในนามโรงเรียนวัดสันติวนารามวิทยา ตั้งแต่ปี 2537 เปิดสอน ม. 1 ถึง ม. 6 มีพระภิกษุสงฆ์สามเณรบวชเข้ามาเรียนปีละ 160 – 200 รูป แต่ในวันที่เราไปนั้น ได้เห็นภิกษุและสามเณรเพียงไม่กี่รูป แต่มีเด็กนักเรียนมากมาย เดินไปเดินมา หรือไม่ก็นั่งๆนอนๆ ขีดๆเขียนๆใส่กระดาษ อยู่บนพื้นบริเวณระเบียงคต
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_19.jpg
นี่คือหนึ่งในข้อเขียนบนกระดาษ ที่ถูกทิ้งไว้เกลื่อน บนพื้นระเบียงคต....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_22.jpg
เดินจากระเบียงคต ออกไปด้านนอก หันไปมองซุ้มประตู...วิจิตรงดงามมากค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_23.jpg
ทองเหลืองอร่าม สะท้อนแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดประกายอร่ามเรืองรอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_12.jpg
มาพบกับความเขียวขจีของแมกไม้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_11.jpg
เดินไปทางขวาของอุโบสถ มีอาคารซึ่งมีบันได ให้เดินขึ้นไปชั้นบนได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_14.jpg
ศาลาทรงไทย มองจากด้านล่างดูสวยงามดีค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_15.jpg
เมื่อขึ้นไปชั้นบน เห็นเป็นอาคารรูปหกเหลี่ยม มียอดเป็นพระปรางค์สูง และ มีศาลาทรงไทยเล็กๆสร้างอยู่รอบๆ ทราบในภายหลังว่า ที่นี่คือมณฆปที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_16.jpg
ด้านล่างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ที่ดูเหมือนถูกทิ้งล้าง ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/12_Wat%20Santi%20Wanaram/Chiangkhan_Wat-Santi-Wanaram_17.jpg
วัดโพนชัย
วัดที่มีประวัติน่าสนใจอีกวัดหนึ่งในเชียงคาน คือ วัดโพนชัย ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 โดยมีพญาผ่อจานญา (ญาครูญา) และพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเศริฐ) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเชียงคานในสมัยนั้น เป็นผู้ก่อสร้างขึ้นคู่กับเมืองเชียงคานเพื่อให้บ่าวไพร่ได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลภายในวัด ตลอดถึง การพักอาศัย พร้อมทั้งเป็น สถานที่ประชุม ปรึกษาหารือข้าราชการต่าง ๆ ให้กับชาวบ้านด้วย เพระในสมัยโบราณจะอาศัยศาลาวัดเป็นจุดรวมของ ประชาชนจึงนิยมสร้างวัดใกล้กับที่ว่าการของเจ้าเมือง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_04.jpg
เมื่อ พ.ศ. 2452 เมืองเชียงคานซึ่งยังมีพระยาศรีอรรคฮาดเป็นเจ้าเมือง ได้ถูกตั้งเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดเลย และพระยาศรีอรรคฮาด ได้รับตำแหน่งเป็นนายอำเภอคนแรกของเชียงคาน ในสมัยก่อนอาณาเขตของวัดโพนชัย จะติดกับที่ทำการของพระยาศรีอรรคฮาด (ปัจจุบันคือโรงเรียนบ้านเชียงคานปทุมมาสงเคราะห์)
ต่อมาเพื่อความเจริญของอำเภอ ทางวัดจึงได้แบ่งปันพื้นที่บางส่วน ให้กับส่วนราชการเพื่อสร้างการประปาเชียงคานขึ้น และมีบางส่วนได้ถูกบุกรุกเป็นที่ทำกินจึงทำให้วัดโพนชัย มีสถานที่เหลือเพียง 9 ไร่ และสมัยพระยนต์เป็นเจ้าอาวาสได้มีการขยายอาณาเขตวัดออกอีก 4 ไร่ 30 ตารางวาครั้งต่อมาเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน (พระครูมงคลโชติคุณ) เห็นว่าเนื้อที่ของวัดไม่พอกับการปลูกสร้างกุฏิและทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงได้มีการขยายเขตเพิ่มขึ้นอีก 4 ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ทั้งหมด 17 ไร่ 30ตารางวา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_02.jpg
พระอุโบสถของวัดโพนชัย ตั้งอยู่บนเนินดิน ต้องเดินขึ้นบันได ที่ทอดขึ้นไปจนถึงกำแพงแก้ว แต่น่าเสียดายค่ะ ประตูเข้าโบสถ์ปิดสนิท เราจึงได้แต่ชะเง้อมองอยู่ข้างนอกโบสถ์ อุโบสถหลังใหม่นี้สร้างขึ้นตามศิลปรัตนโกสินทร์ ทราบว่าภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางสมาธิศิลปะเชียงแสน และพระพุทธรูปไม้ศิลปะอีสานปางห้ามญาติ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_03.jpg
หอระฆังที่สร้างอยู่ข้างๆโบสถ์ ทำเป็นสองชั้น มีกลองตั้งไว้ทั้งสองชั้น แต่ใบที่อยู่ชั้นล่าง ดูเหมือนจะชำรุด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_06.jpg
ถัดจากหอกลองลงไปด้านขวา เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ด้านหน้าเป็นมีสถูปบรรจุอัฐิของพระยาศรีอรรคฮาด ซึ่งเข้าใจว่าจะย้ายจากด้านหลังโบสถ์ มาสร้างใหม่ให้สง่างาม เพื่อให้ชาวเชียงคานและผู้มาเยือน ได้มากราบไหว้แสดงความคารวะได้สะดวก..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_05.jpg
ประตูทางเข้า-ออก ของวัดโพนชัย อยู่ติดกับถนนศรีเชียงคาน ช่วงระหว่างซอย 1 และ 2 ซึ่งสะดวกในการไปเยี่ยมชมมาก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/13_Wat%20Pon%20Chai/Chiangkhan_Wat-Pon-Chai_01.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...
http://chiangkhan.wordpress.com/2009/07/28/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/
http://www.chiangkhan.com/page/2066709:Page:115345
วัดมัชฌิมาราม
เมืองเชียงคานในอดีตนั้น มีวัดสองแห่งที่แยกกันอยู่ วัดหนึ่งชื่อ "วัดกลาง" อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำโขง อีกวัดหนึ่งอยู่ห่างจากวัดกลางไปร้อยกว่าเมตร เรียกกันว่า "วัดป่า" ในปี พ.ศ. 2466 ได้มีการสร้างถนนชายโขง ขึ้นริมแม่น้ำโขง ซึ่งถนนลากผ่าเข้าไปตรงที่วัดกลางตั้งอยู่ อีกทั้งแม่น้ำโขงกัดเซาะตลิ่งจนถึงตัวโบสถ์ ทำให้ต้องย้ายวัดกลางไปรวมกับวัดป่า แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดป่ากลาง" และ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในชื่อ วัดป่ากลาง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_02.jpg
ต่อมาในสมัยพระมหาเกียรติ วุฑฒิสาโร เป็นเจ้าอาวาส ได้เปลี่ยนชื่อจากวัดป่ากลางเป็น "วัดมัฌชิมาราม"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_03.jpg
อุโบสถของวัดวัดมัฌชิมาราม ที่เห็นในปัจจุบัน ได้สร้างขึ้นแทนของเก่าที่ผุพังไป จึงเป็นโบสถ์ในยุครัตนโกสินทร์ที่ทันสมัย และ สวยงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_05.jpg
หน้าบันของโบสถ์ทางด้านหน้า มีพระพุทธรูปปางลีลา พุทธลักษณะงดงาม ประดิษฐานอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_09.jpg
บันไดนาคหน้าประตูโบสถ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_04.jpg
หน้าบันด้านหลังอุโบสถ ก็สวยงามไม่แพ้ด้านหน้า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_07.jpg
มีรูปปั้นพระพรหมทรงหงส์ สวยงามมากประดับอยู่ ที่หน้าบันด้านหลังของโบสถ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_08.jpg
บันไดขึ้นอุโบสถด้านหลัง มีสิงห์คู่หน้าตาประหลาดประดับอยู่หัวบันได
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_06.jpg
ทางเข้าประตูโบสถ์มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ พุทธลักษณะงดงาม อิ่มเอิบมาก ด้านขวามีเทียนพรรษาเล่มใหญ่ตั้งอยู่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_10.jpg
ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งตามตำแหน่งที่ตั้งนั้น น่าจะเป็นพระพุทชินราชจำลอง แต่พระที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ กลับเป็น พระผ้าขาวปากแดง (อยู่ทางด้านขวาของพระพุทธชินราช) ซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธ์มาก คนไปอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดังประสงค์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_11.jpg
วัดมัชฌิมาราม" หรือ "วัดป่ากลาง" เป็นวัดที่อยู่กลางเมืองเชียงคานอีกวัดหนึ่งที่สวยงาม เดินทางไปไหว้พระได้สะดวกสบาย เพราะอยู่ใกล้ๆปากซอยศรีเชียงคาน 10 ซึ่งถือเป็นย่านธุรกิจ แหล่งร้านค้าและร้านอาหาร แวะไปซื้อของหรือทานอาหารเสร็จ ก็แวะเข้าไปไหว้พระได้สะดวกสบายค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_01.jpg
ภาพโบสถ์ที่มองจากหอกลอง ที่คุณสายน้ำคลานกระย่องกระแย่งขึ้นไปถ่ายภาพ ในขณะที่สายชลยืนคอยอยู่ใต้ต้นไม้ หน้ากุฏิพระ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_12.jpg
กุฏิไม้พระเก่าค่ำคร่า เข้าใจว่าคงสร้างมาตั้งแต่สมัยเริ้มสร้างวัด
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_15.jpg
ถนนศรีเชียงคาน ที่สร้างผ่านหน้าโบสถ์...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/15_Wat%20Machimaram/Chiangkhan_Wat-Machimaram_14.jpg
ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.annaontour.com/province/ley/wadpaklang.php
วัดศรีพนมมาศ
วัดศรีพนมมาศ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดโท่ง" ดูจะเป็นวัดเดียวที่อยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ไม่เหมือนวัดอื่นๆที่เราไปมาแล้วซึ่งหาง่ายไป่ง่าย เมื่ออ่านประวัติดูจึงทราบว่า เดิมนั้นที่ตั้งวัดเคยเป็นป่าช้ามาก่อน
เมื่อแรกสร้าง ในปี 2497 นั้น พระมหาบุญหนัก สิริปุณโญ ผู้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ก็ได้สร้างกำแพงล้อมรอบที่วัดทั้งหมดซึ่งมีอยู่ 75 ไร่ (เป็นที่ป่าช้าเสีย 20 ไร่)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_01.jpg
เมื่อเราไปถึงวัดนั้น เป็นช่วงเย็น ภายในบริเวณวัด สงบเงียบไร้ผู้คน ไม้ใหญ่ขึ้นร่มครึ้มทั่วบริเวณ ทำให้เกิดความวิเวกวังเวงดีแท้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_02.jpg
ประตูกำแพงแก้วและประตูโบสถ์ปิดสนิท เราจึงได้แต่ไหว้พระ แล้วก็ด้อมๆมองๆอยู่นอกเขตโบสถ์ แหงนขึ้นไปมองหน้าบันของโบสถ์ เป็นภาพเทพพนมสีทองอร่าม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_03.jpg
กำแพงแก้วของโบสถ์ มีปูนปั้นเป็นรูปเศียรพรหมสี่หน้า..พระโอษฐ์ยิ้มละไม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_04.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_05.jpg
ผนังกำแพง เป็นภาพยักษ์แบกราวกำแพง ดูท่าจะไม่หนักมากนัก..ยักษ์ตนซ้ายนั้น กล้ามอกใหญ่ หรือจะเป็นยักษ์เพศเมีย ก็ไม่แน่ใจค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_06.jpg
ใกล้ประตูด้านหน้าของวัด เป็นที่ตั้งของ เจดีย์ศรีพนมมาศ ที่เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2550 เมื่อเราไปที่วัดเมื่อปลายปี 2554 เจดีย์ก็ยังสร้างไม่สำเร็จ เพราะยังขาดปัจจัย ที่ตั้งงบในการสร้างไว้ประมาณ 9- 10 ล้านบาท
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_07.jpg
เจดีย์ศรีพนมมาศหากสร้างเสร็จแล้ว จะมี 2 ชั้น ชั้นที่ 1 ใช้เป็นที่อบรมปฏิบัติกรรมฐานได้จัดเป็นที่ประชุมของคณะสงฆ์ ศาสนพิธีต่าง ๆ ที่สำคัญ ชั้นที่ 2 จัดเก็บพระไตรปิฎก รูปเหมือน ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เป็นต้น และอัฐบริขารที่สำคัญ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/16_Wat%20Sri%20Panommat/Chiangkhan_Wat-Sri-Panommat_08.jpg
วัดภูช้างน้อย
ก่อนพระอาทิตย์ใกล้จะอัสดง เราไปไหว้พระวัดที่ 9 สำหรับวันนี้ หากได้ไปเยี่ยมเยือนเมืองเชียงคาน ถ้าไม่ได้ไปวัดนี้ จะถือว้าไปไม่ถึงเมืองเชียงคานะคะ วัดที่ว่านี้ คือ "วัดภูช้างน้อย" นั่นเอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_03.jpg
วัดภูช้างน้อย ตั้งอยู่ต้นถนนหลวงสาย 201 (เชียงคาน-เลย) เมื่อออกจากเมืองเชียงคาน แล้วล่องใต้เข้ามาบนถนนสายนี้ แล้วมองไปทางด้านขวามือ เราจะเห็นภูเขาลูกเล็กๆ (ที่ชาวบ้านเห็นเป็นรูปลูกช้างหมอบ) บนยอดเขา มีพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ เห็นอยู่อย่างนี้ แต่กว่าเราจะหาทางเข้าวัดแห้งนี้ได้ ต้องขับรถวนไปวนมาอยู่สองสามรอบ และเมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้ว เรายังต้องขับรถเข้าไปตามทางของวัดอยู่อีกกว่าสิบนาที กว่าจะถึงเชิงภูช้างน้อย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_01.jpg
ตอนแรกก็ว่าจะเดินขึ้นบันไดนาค จากเชิงเขาไปยังยอดเขา แต่พอเห็นบันไดกว่าร้อยขั้นที่สูงชันขึ้นไป เราก็เปลี่ยนใจ กลับไปนั่งรถ และขับขึ้นยอดเขาดีกว่า...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_10.jpg
ดีใจที่เราคิดถูกแล้วค่ะ เพราะถนนที่จะขึ้นไปยอดดอยนั้น เป็นถนนปูนซีเมนต์อย่างดี แต่ถึงกระนั้น กว่าาเราจะพารถขึ้นไปถึงยอดเขาที่สูงชันได้ ก็ใช้เวลาพอควรทีเดียว ขึ้นไปก็หายเหนื่อย...เพราะภาพพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนยอดภูนั้น ช่างงดงามเหลือเกิน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_08.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_07.jpg
ตามประวัติของวัดบอกเพียงว่า...วัดภูช้างน้อยเป็นวัดป่า ซึ่งชาวเชียงคานได้สร้างขึ้น พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนยอดภู เรียกกันว่า "พระใหญ่"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_09.jpg
พระใหญ่ประดิษฐานบนฐาน ซึ่งภายในบรรจุพระพุทธรูปไว้ ให้กราบไหว้บูชา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_05.jpg
ที่ลานด้านซ้ายของพระใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป ซึ่งไม่ปรากฎรายละเอียดว่าเป็นพระอะไร แต่เห็นได้ว่าเป็นพระธุดงค์ กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_04.jpg
ถัดไปเป็นบันไดทางลงจากยอดภู เห็นหางพญานาค ที่หัวอยู่ที่เชิงบันไดเชิงภู...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_02.jpg
บนยอดภูช้างน้อยนี้ จัดเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงคาน ในยามเย็นที่สวยงาม ถ้าไม่มีหมอกลงจัด หากมองไปด้านเหนือ จะเห็นภูทอก และเทือกเขาทั้งในฝั่งไทยและลาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_12.jpg
หากมองไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ จะมองเห็นตัวเมืองเชียงคาน และเมืองในลาว โดยมีลำน้ำโขงขวางกั้นไว้ได้ชัดเจน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_15.jpg
ได้เวลากลับเข้าเมืองเชียงคาน....เจ้ากระต่ายขาว รอเราอยู่แล้วค่ะ กว่าเราจะลงจากภูช้างน้อยถึงตัวเมือง ตะวันก็คงจะใกล้จะชิงพลบเต็มที
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/14_Wat%20Phu%20Chang%20Noi/Chiangkhan_Wat-Phu-Chang-Noi_16.jpg
สองวันที่ผ่านมา...เราได้ไปไหว้พระในเชียงคลานรวม 11 วัด รู้สึกมีความสุขมากๆค่ะ..
ถนนชายโขง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_13.jpg
จากวัดภูช้างน้อย เราขับรถกลับไปที่บ้านตาหน่วม เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนชายโขง แหล่งเดินเล่นยามราตรี อันเป็นที่นิยมของเหล่านักเดินทางท่องเที่ยว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_14.jpg
แดดร่มลมตก แต่ยังไม่มืดเท่าไร คนเลยยังไม่ค่อยมากนัก เดินได้สบายหน่อยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_20.jpg
บ้านในถนนสายนี้ ล้วนเป็นบ้านไม้ที่ชาวบ้านและนายทุนจากเมืองอื่น ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงคาน ที่มีอายุยืนยาวมาหลายร้อยปี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_18.jpg
อาหารปิ้งๆย่างๆ และขนมพื้นบ้าน ออกมาวางขายมากมาย..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_10.jpg
น่าทานทั้งนั้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_09.jpg
เดินดูไป มีอะไรน่าซื้อไปทานบ้าง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_08.jpg
ได้กุ้งฝอยนึ่งใส่กะทงใบตอง เดินไปทานไป แม้ว่าจะ "เลยวัย" จะทำอย่างนี้ เหมือนชื่อโฮมสเตย์ข้างหลังนั่น
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_11.jpg
บ้านไม้แถวที่ดูเก่าๆรูปทรงโบราณแต่สะอาดสะอ้าน ด้านล่างทำเป็นร้านขายของ หรือห้องรับรอง ส่วนด้านบน เปิดเป็นห้องพักให้นักท่องเที่ยวได้เช่า ซึ่งมีอยู่มากมายให้เลือกพัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_15.jpg
ของที่มีขาย ส่วนใหญ่เป็นพวกของที่ระลึก เสื้อผ้า โปสการ์ด...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_16.jpg
ได้แต่เดินดูๆไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเดินใหม่อีกรอบ แล้วค่อยซื้อของที่ถูกใจค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_17.jpg
เรือนแถวไม้สามชั้น มีให้เห็นไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นโรงแรม ไม่ใช่โฮมสเตย์อย่างที่ชาวบ้านทำกันเอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_19.jpg
ชื่อร้าน "สองผัวเมีย" ความหมายจะเหมือน "สองคนผัวเมีย" ไหมคะ...ร้านนี้มีโคมไฟประดับอยู่เต็ม มีไว้ขายด้วยหรือเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_21.jpg
มีจักรยานให้เช่าถีบไปเที่ยวในเมืองด้วยค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_20.jpg
นี่เป็นโรงแรมใหญ่บนถนนชายโขงแห่งเดียว ที่มีลานจอดรถเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปอาศัยจอดรถกันในวัด หรือริมถนน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_22.jpg
พระอาทิตย์ตกไปนานแล้ว แต่ยังมีแสงสีทองลอดผ่านเมฆลงมา...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_23.jpg
ครึ้มฟ้าครึ้มฝน...แต่ฝนก็ไม่ตก ทำให้เราเดินเล่นกันอย่างสบายใจ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_24.jpg
มีป้ายบอกว่าเป็น "โรงเรียนจีน" แต่ไม่แน่ใจว่าใช่โรงเรียนหรือไม่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_26.jpg
"เฮือนน้อย" แต่บ่ใช่เฮือนของเฮา....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_27.jpg
"รักเลย" แต่ไม่เลยรัก....วิ้ววววว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_28.jpg
"บ้านอุ่นรัก" ทำเป็นโรงแรมที่ดูดี ทันสมัย แต่เห็นรองเท้าที่ถอดเรียงกันไว้ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นบ้านคนไทยได้ดีจริงๆค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_29.jpg
ที่พักหลังนี้ก็ดูดีค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_32.jpg
โรงหนังเก่า ที่ดัดแปลงมาเป็นโรงแรม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_41.jpg
นี่ก็เป็นโรงแรมเต็มรูปแบบ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_47.jpg
โรงแรมที่ดังอีกแห่งหนึ่งของเชียงคาน..."เคียงโขง"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_57.jpg
โรงแรมนี้ก็ดังค่ะ "เถ้าแก่ลาว" ตอนแรกตั้งใจจะพักที่นี่ แต่อยู่ในย่านคนเดิน กลัวจะไม่ได้หลับได้นอน เลยเปลี่ยนไปบ้านตาหน่วม ที่เงียบสงบแทน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_58.jpg
โรงจอดรถที่อยู่ตรงข้ามของโรงแรมข้างบน ถูกดัดแปลงเป็นห้องพัก ไม่ได้เข้าไปดู แต่เคยเห็นภาพการดัดแปลงรถตู้ให้เป็นเตียงนอน เก๋ไก๋มากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_59.jpg
โรงแรมนี้ก็สวยดีค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_60.jpg
ร้านอาหาร ที่ดูดี น่านั่ง แต่อร่อยหรือไม่ ไม่อาจทราบได้ เพราะไม่ได้ไปลองชิมค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_50.jpg
ร้านนี้ก็โปร่งโล่ง จัดที่นั่งชั้นสองไว้ น่านั่งเชียวค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_55.jpg
ถ้าไม่อยากเข้าร้านอาหารใหญ่ๆ แวะเข้าไปที่รถเข็น หรือรถยนต์ ซึ่งมาจอดขายอาหารและเครื่องดื่มได้ค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_54.jpg
รถเข็นและแผงขายอาหารและเครื่องดื่มมีให้เลือกมากมายค่ะ...บ้านที่ร้านแผงลอยมาตั้งได้ ดูจะเป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ เสียดายที่ถูกทิ้งร้าง ไม่มีการซ่อมแซมนำมาใช้ประโยชน์ พ่อค้าแม่ค้าเลยมายึดหน้าบ้านขายของกัน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_45.jpg
อยากซื้อของแล้วใช่ไหมคะ....ไปค่ะไปดูกัน แต่อย่าไปต่อรองราคามากนักนะคะ เขาไม่ค่อยจะลดให้หรอกค่ะ..เพราะเขาคิดว่างานเขาได้มาต้องใช้ความคิดเยอะแยะมากมาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_38.jpg
แบกะดินอย่างนี้ พอจะต่อรองราคาได้บ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะเขาบอกว่ามาไกลจากเมืองหลวงพระบางนู่นนนนน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_36.jpg
ร้านนี้เน้นหนักเสื้อยืด มีสารพัดให้เลือก ราคาตามป้ายค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_34.jpg
ศิลปินหากินทางขายเสื้อเขียนภาพผู้ซื้อที่หน้าอกหรือด้านหลังเสื้อ ตกลงราคากันให้ดีก่อนนะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_33.jpg
เห็นคนแน่นขนัดข้างหน้าแล้ว ชักไม่อยากจะเดินแล้วล่ะค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_31.jpg
แต่มาแล้วไม่ถอยดีกว่า สู้ๆ....ลุยเข้าไปเลย ของมีให้ดูมากมายอยู่ข้างหน้า
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_30.jpg
หน้าแวะดูไปหมด....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_49.jpg
ของกระจุกกระจิก จะซื้อไปฝาก หรือเก็บให้รกบ้านก็ได้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_51.jpg
สิ่งเล็กๆ...แต่ราคาไม่ค่อยเล็ก เลยรักไม่ค่อยจะลง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_61.jpg
แต่ถ้าอยากได้จริงๆ แต่เงินหมดกระเป๋า แวะเบิกเงินที่ธนาคารได้นะคะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_56.jpg
ร้านขายผ้าน่วม ผ้าห่ม ซึ่งทำมือทั้งพี้น ถ้ารถมีที่ว่างมาก ก็น่าจะขนกลับบ้านเหมือนกัน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_52.jpg
บนถนนคนเดิน มีคนเล่นดนตรีเปิดหมวกบรรเลงขับกล่อม ทั้งแบบดนตรีสากล และดนตรีไทยเดิม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_62.jpg
คุณครูคงพาเด็กๆ ออกมาฝึกฝนฝีมือ และหารำไพ่พิเศษ...น่ารักดีค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_64.jpg
วงดนตรีไทยเดิม เด็กๆมานั่งบรรเลงเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง เก่งใช้ได้ทีเดียวค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/21_Downtown%20Chiang%20Khan/Chiangkhan_Downtown_63.jpg
เดินจากซอย 3 จนไปถึงซอย 20 แล้วก็เดินย้อนกลับมาจนถึงซอย 13 ชักจะหิวตะหงิดๆ ได้ยินว่ามีก๋วยเตี๋ยวผัดไทยเจ้าอร่อยขึ้นชื่อลือชา เลยเดินทะลุจากถนนชายโขง ไปออกถนนศรีเชียงคาน
เจอแล้วค่ะ...ร้านขายก๋วยเตี๋ยวผัดไทยกุ้งสด ซึ่งมีชื่อเก๋ไก๋ว่า "เหลียวแล" ตั้งอยู่หัวมุมซอย 13 ถ้าล่องใต้ไปตามถนนศรีเชียงคาน จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ร้านสองคูหา สะอาดสะอ้านดีค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Patthai_01.jpg
ของเขาอร่อยจริงๆค่ะ....รสชาติกลมกล่อม หอม เส้นเหนียวหนุบ กุ้งตัวโต โรยด้วยถั่วงอกกรอบกรุบ แนมด้วยผักกาดหอมใบโตๆ ทานคนละจาน และหิ้วไปฝากคุณไสว ลูกเขยตาหน่วมอีกสองห่อ
ไม่แน่ใจว่าคุณไสวจะเคยทานหรือไม่ แต่หวังว่าคุณไสวจะชอบเหมือนเรา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Patthai_02.jpg
ก่อนจะกลับเข้าบ้านตาหน่วม เจอขนมบัวลอยไข่หวาน เลยซื้อทานคนละถ้วย และหิ้วไปฝากคุณไสวอีกสองถุง กว่าจะเดินกลับถึงบ้านพักได้ พอดีอาหารย่อยไปมากแล้ว
คืนนั้นเลยหลับสบายไปเลย เพราะทั้งเหนื่อย และอิ่มเอมทั้งกระเพาะและใจ...
เช้าวันใหม่...สองสายตื่นนอนเตรีมตัวจะไปใส่บาตร ตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปนั่งดื่มกาแฟที่ระเบียงด้านล่าง เพื่อคอยคุณไสวที่กำลังเตรียมของใส่บาตร และรอแขกคนอื่นๆของบ้านตาหน่วม ที่จะไปใส่บาตรกับเราด้วย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_01.jpg
ลมเย็นๆพัดโชยผ่านมา ให้รู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นฤดูหนาวของเมืองเชียงคาน...เรานั่งคุยกับคุณไสวและแขกคนอื่นๆที่เริ่มทะยอยมารอเวลาใส่บาตร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_02.jpg
เมื่อใกล้เวลาพระมา...เราเดินออกจากบ้านตาหน่วม ที่อยู่ริมน้ำโขง ออกมานั่งบนเสื่อที่คุณไสวนำไปปูไว้ให้นั่งใส่บาตร ที่ริมถนนชายโขง ขณะนั้นยังมืดอยู่เลยค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_05.jpg
ของที่คุณไสวเตรียมไว้ให้เราใส่บาตรนั้น มีข้าวเหนียวหนึ่งกระติบเล็กๆ ส้ม 2 ลูก ดอกไม้ 2 ช่อ น้ำ 2 ถ้วย และน้ำเปล่าสำหรับกรวดน้ำ 1 ขันเล็กๆ เมื่อถามว่าทำไมเตรียมของไว้น้อยจัง เพราะเราเคยเห็นภาพพระที่เชียงคาน ออกมาบิณฑบาตกันยาวเหยียด ของแค่นี้คงน้อยไป คุณไสวยิ้มและบอกว่า ที่ซอย 3 นี้ มีพระจากวัดใกล้ๆ ออกบิณฑบาตเพียงสองรูปเท่านั้น ถ้าจะตักบาตรมากๆ ต้องไปแถวซอย 6 จนถึงซอย 20 โน่น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_06.jpg
แห่ะๆ...ถ้าจะให้เดินหอบของหนักๆไปตักบาตรไกลๆ ก็ขอรอตักบาตรพระสองรูปอยู่ตรงนี้ดีกว่าค่ะ คิดแล้วก็นั่งรอพระต่อไป พอแสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า ผู้คนมากมายก็ออกมาเดินกันอยู่แถวถนน จะมีสักกี่คนที่รอใส่บาตรนะ หรือแค่เพียงมารอถ่ายภาพเท่านั้น..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_04.jpg
พระเดินมาจากซอย 1 แล้วค่ะ...คุณสายน้ำที่ยืนถ่ายภาพอยู่ กระโดดแผล่วมานั่งพับเพียบเตรียมตัวใส่บาตร ที่นี้เราก็เลยไม่มีภาพตอนใส่บาตรให้ดูกัน พระอวยชัยให้พรแล้วนั่นแหล่ะ คุณสายน้ำจึงลุกขึ้นมาถ่ายภาพใหม่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_07.jpg
หลังจากใส่บาตรแล้ว เราก็นำข้าวเหนียวที่เหลือจากการใส่บาตรไว้เล็กน้อย มาปั้นๆแล้วโรยไปแถวริมถนน ตามแบบที่ได้ทำที่หลวงพระบาง เพื่อแบ่งอาหารให้สัมพเวสี แล้วตามด้วยการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ให้กับญาติสนิทมิตรสหายและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย...
อ้าววววว...คุณไสวแปลงกายเป็นเด็กวัด คอยถือเข่งใส่อาหารจากการรับบิณฑบาตของพระไปเสียแล้ว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/18_Sai%20Bart/Chiangkhan_Sai-Bart_08.jpg
ตักบาตรเสร็จ รู้สึกจะอิ่มบุญ แต่ไม่ยักจะอิ่มท้อง เราเลยต้องไปหาที่รับประทานอาหารเช้ากัน วันนี้ตั้งใจจะไปทาน "ไข่กระทะ" ที่ "สุวรรณรามา"...โรงภาพยนตร์เก่าแก่ของเมืองเชียงคาน ที่ถูกดัดแปลงมาทำเป็นร้านอาหาร และร้านกาแฟ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_02.jpg
ร้านสุวรรณรามา ตั้งอยู่ที่ถนนศรีเชียงคาน ซอย 10 ด้านเดียวกับตลาดสด หาไม่ยากเพราะตั้งอยู่เกือบปากซอย ป้ายหน้าร้านบอกว่าร้านนี้มีของดัง คือไข่กระทะ..กาแฟ...ไอศครีม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_09.jpg
ทั้งหน้าร้านและในร้าน...พยายามรักษาความเป็น "โรงหนังต่างจังหวัด" ไว้ได้อย่างดี จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง นอกเหนือจากความอร่อยของไข่กระทะ จนเป็นร้านดังของเมืองเชียงคาน เช้าขึ้นมา จึงมีผู้คนเข้าแถวไปทานไข่กระทะ และถ่ายภาพกันแน่น จนถึงกับล้นออกมานอกร้าน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_03.jpg
โชคดีที่เราไปถึงเช้า จึงมีที่ให้นั่ง และสั่งไข่กระทะและกาแฟได้ก่อนที่คนจะแห่กันมา ระหว่างนั่งคอยอาหารและกาแฟ เราก็เลยกวาดสายตาและกล้องชมการตกแต่งในร้านและนอกร้านแก้เซ็ง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_05.jpg
แถวม้านั่งไม้แบบพับได้...ม้วนฟิล์ม...หนังแผ่นหน้าโรง...โปสเตอร์...ทำให้คิดถึงโรงหนังสมัยก่อนได้ดี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_06.jpg
จะดูชั้นบนหรือชั้นล่างดีนะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_07.jpg
ป้ายชื่อร้าน แขวนอยู่คู่กับภาพของ "มิตร ชัยบัญชา" พระเอกดังสมัยสองสายยังเด็ก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_10.jpg
ป้ายบอกเวลาเปิดปิด และ รายการอาหาร จะสั่งอะไรก็ต้องมาดูที่ป้ายนี้ แล้วจดใส่กระดาษที่มีให้บนโต๊ะ เดินเอาไปส่งที่คนชงกาแฟเอง
จักรยานมีเครื่องที่เห็น เขามีป้ายบอกว่าเหลืออยู่คันเดียวในเชียงคาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_11.jpg
ป้ายโปสเตอร์ที่เขาติดไว้หน้าโรงหนัง เป็นภาพของ "สรพงศ์ ชาตรี" ในเรื่อง "เสือภูเขา" ซึ่งสายชลเคยดูมานานกว่าสามสิบปีแล้ว จนจำไม่ได้ว่าเด็กที่เปลือยกายโชว์อยู่นั้นคือใคร ป่านฉะนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_04.jpg
จากสุวรรณรามา มองลึกเข้าไปในซอย ก็เห็นตลาดสดเมืองเชียงคาน ทานอาหารเช้าเสร็จ จะไปเดินซื้อของในตลาดก็สะดวกสบาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_01.jpg
ร้านสุวรรณรามานี้ไม่มีเด็กเสริฟนะคะ จะทานอะไร เราต้องบริการตัวเอง ในเช้าวันนั้น กว่าเราจะถูกเรียกไปรับไข่กระทะ และ กาแฟ มาเป็นอาหารมื้อเช้าได้ เวลาก็ผ่านไปกว่าสามสิบนาที ที่ช้านั้น เป็นเพราะแม่ครัวของร้านมีอยู่คนเดียว คนชงกาแฟกับแคชเชียร์ก็เป็นคนๆเดียวกัน
กว่าเราจะได้ทานได้ดื่ม ก็เกิดอาการหน้ามืดตาลาย ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาให้ดู อาจจะเพราะหิวจัด และระหว่างทาน เราไพล่ไปคิดถึงไข่กระทะกับกาแฟที่ร้าน "ทานตะวัน" เมืองหนองคาย ที่น้องดื้อเคยพาไปทาน ซึ่งอร่อยกว่านี้มากมายนัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/01_Dining%20Places/Chiangkhan_Suwan-Rama_08.jpg
แม้อาหารเช้าของเราจะไม่อร่อยนัก แต่ก็ทำให้อิ่มท้อง....ที่นี้ ก็ได้เวลาเที่ยวชมเมืองเชียงคานกันต่อแล้วล่ะค่ะ
อ่านหนังสือท่องเที่ยวเมืองเชียงคานแล้ว ที่ผ่านมา เรายังไม่ได้ไปชมจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวๆแก่งคุดคู้ เราจึงควบเจ้ากระต่ายขาววิ่งขึ้นไปทางเหนือ มุ่งหน้าสู่แก่งคุดคู้กันอีกครั้ง พอถึงเสาหลักกิโลเมตรอันใหญ่ที่แก่งคุดคู้แล้ว เราก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขง ผ่านร้านอาหารริมโขงที่เราเคยมานั่งทานไม่นานนัก ก็ถึงจุดที่เราจะมาชมกัน นั่นคือ องค์จำลอง "อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม)" ของเมืองเชียงคาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_26.jpg
ตัวอนุสาวรีย์จำลอง ตั้งอยู่บนลานปูนกว้างด้านซ้ายของถนนเลียบริมโขง ด้านหน้าของอนุสาวรีย์เป็นรูปปั้นผีตาโขน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_25.jpg
เบื้องหลังอนุสาวรีย์ มีพระเจดีย์ประดิษฐานอยู่สามองค์ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีกัลยาณิวัฒนามิ่งมงคลสยาม (อยู่ตรงกลาง) พระบรมธาตุเจดีย์ทองศรีเชียงคานจุฬามณี (อยู่ด้านขวา) พระบรมธาตุเจดีย์เงินศรีเชียงคานจุฬามณี (อยู่ด้านซ้าย) ซึ่งทั้งสามเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จัดสร้างขึ้นโดย มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณี (โดยอาจารย์ เกรียงไกร ชำนิการโกศล)
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_27.jpg
ด้านข้างลานอนุสาวรีย์ มีบ้านพักเรือนไม้หน้าตาดูดี ให้เช่าพัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_31.jpg
อีกฟากถนนของที่ตั้งอนุสาวรีย์ย่าโมจำลอง มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณีได้สร้างสวนสาธารณะเพื่อสุขภาพขึ้น โดยตั้งเลาะไปตามริมฝั่งแม่น้ำโขง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ รูปปั้น "ผีขนน้ำแห่บั้งไฟ"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_29.jpg
ผีขนน้ำ (ไม่ใช่ผีตาโขน) เป็นประเพณีการละเล่นของชาวบ้านนาซ่าว ตำบลนาซ่าว อำเภอเชียงคาน ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ
http://travel.sanook.com/767374/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/
ด้านซ้ายของรูปปั้นผึขนน้ำ เป็นอาคารกังหันลมแบบที่เราเห็น ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทราบต่อมาว่านั่นคือ "ห้องหุ่นผีตาโขนบก และ ผึขนน้ำ" แต่วันที่เราไป ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_28.jpg
ที่ชอบใจมาก คือบ้านทรงไทยซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ติดกับที่ตั้งอนุสาวรีย์แม่ย่าโม ชื่อ บ้านเจ้าคำ ซึ่งสวยงามและน่าพักอาศัยมากค่ะ
ภายในบริเวณบ้านเจ้าคำยังมี อาคารห้องสมุดหอศิลป์เฉลิมพระเกียรติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นห้องสมุดและหอศิลป์ สำหรับเด็กและเยาวชนที่สนใจ บรรจุจัดเก็บเอกสาร หนังสือ ตำราค้นคว้าที่ค่อนข้างจะหาได้ยากในพื้นที่ ภาพประวัติเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและพระราชวงศ์จักรี และ ห้องเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิ วัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ เพื่อให้ประชาชนผู้สนใจได้สักการบูชา
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ สร้างโดย มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณี....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/03_Kaeng%20Kudkoo/Loei_Kang-Kudkoo_30.jpg[/
เราเดินเล่นและซื้อของ อยู่ที่แก่งคุดคู้อยู่จนบ่ายคล้อย แล้วก็เข้าไปเตร็ดเต็ดเตร่อยู่แถวริมน้ำโขงของเมืองเชียงคาน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_04.jpg
มองจากฝั่งไทย เห็นท่าน้ำของเมืองสานะคาม หรือ ชนะคราม (ชนะสงคราม) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ทางยุทธศาสตร์ สมัยราชอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งตามตำนาน บอกว่าเมืองเชียงคามของไทย ก็เคยตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองนี้ ก่อนจะอพยพโยกย้าย ข้ามมาอยู่ฝั่งไทย
ตัวเมืองสานะคามจริงๆแล้ว ไม่ได้อยู่ตรงข้ามเมืองเชียงคามซะเลยทีเดียว แต่อยู่ห่างจากบริเวณท่าน้ำที่เห็น ลงไปทางใต้ราว 2-3 กิโลเมตร หรือแถวๆภูเขาที่เห็นในภาพ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_05.jpg
อยากทราบว่าเมืองสานะครามเป็นอย่างไร ลองดูวีดีโอของ www.hotsia.com ดูนะคะ
RENawo0vsp4&feature=relmfu
พอตกตอนเย็นก็กลับไปนั่งเล่นบนห้องพัก ที่บ้านตาหน่วม ได้ทันเห็นนกกระยางบินจากฝั่งลาว กลับมานอนฝั่งไทยพอดี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_07.jpg
เวลาที่เชียงคานเดินช้าจริงๆค่ะ....เรานั่งเล่น นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงยามเย็นย่ำสนธยา แล้วก็พากันไปหาอะไรอร่อยๆ เดินไปทานไปอยู่ที่ถนนคนเดินชายโขง....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_River_08.jpg
ภูเรือ
เช้าวันใหม่...เราตื่นกันแต่เช้ามืด (อีกแล้ว) เพราะวันนี้เราจะไปเที่ยวกันไกลหน่อยค่ะ คือเราจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 201 สายเชียงคาน-เลย แล้วแยกไปเที่ยวภูเรือ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 203 ส่วนขากลับ เราจะแวะเข้าไปเยี่ยมภูหลวงสักหน่อย แล้วค่อยขับรถวนกลับเชียงคานเป็นวงกลม โดยใช้เส้นทางภูหลวง-ท่าลี่ ซึ่งจะเลาะเรื่อยไปตามลำน้ำเหืองต่อกับลำน้ำโขง จนกลับถึงเชียงคาน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_17.jpg
ทางหลวง 201 เป็นถนนไฮเวย์ 4 เลนส์ ทำให้การเดินทางระยะทาง 40 กว่ากิโลเมตร จนถึงทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 203 เป็นไปอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว
เมื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 203 ซึ่งแม้จะเป็นถนนสองเลนส์ที่รถวิ่งสวนกัน แต่ถนนก็ดีมากและสวยมาก เพียง 50 กิโลเมตร เราก็ถึงทางแยกเข้าภูเรือ เลี้ยวไปตามทางคดๆโค้งๆ ที่สองข้างทางเป็นรีสอร์ตสวยๆราว 3 กิโลเมตร เราก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ของที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_06.jpg
เราจะขึ้นยอดภูเรือ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพียง 5 กิโลเมตรเองค่ะ...รถเริ่มไต่ไปตามถนนสองเลนลาดยางแคบๆ แต่จะมีเวิ้งให้รถหลบเข้าข้างทาง เพื่อจะให้รถสวนกันได้อยู่เป็นระยะๆ ยิ่งรถขึ้นไปสูงมากเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นต้นสนสองใบและสามใบมากขึ้นเท่านั้น และอากาศเริ่มเย็นขึ้นๆ จนเราตัดสินใจปิดแอร์รถและเปิดหน้าต่างแทน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_07.jpg
เกือบถึงยอดภูเรือ...ก็เจอที่ราบมีป่าสนเป็นดงทึบ สลับกับร้านขายของและลานจอดรถ เราไปต่อไม่ได้ เพราะถูกต้อนให้เข้าไปจอดรถที่ลานใต้ต้นสน
พอออกจากรถได้ เราก็ได้สัมผัสกับความหนาวเย็น เครื่องวัดอุณหภูมิในรถบอกว่าขณะนั้นอุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส เล่นเอาต้องหาถุงน่องรองเท้า เสื้อกันหนาว และผ้าพันคอออกมาใช้ เพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากลมหนาว ที่พัดวีดหวิวมาต้องกาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_03.jpg
จากนั้น...เราก็ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯต้อนอีกครั้ง ให้ไปขึ้นรถกระบะสองแถวที่ทางอุทยานฯ จัดหามาให้ เพื่อนั่งขึ้นไปยอดภูเรือ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้รถราขึ้นไปวิ่งกันขวั่กไขว่บนยอดภู อันจะทำให้สภาพแวดล้อม ที่สวยงามและบริสุทธิ์ของยอดภูเรือต้องเสียไป
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_02.jpg
โชคดีที่สายชลได้นั่งด้านหน้าของรถสองแถว ทำให้มีโอกาสได้คุยกับคนขับ จึงทราบว่ารถสองแถวเหล่านี้ ทางอุทยานฯได้อนุญาตให้เจ้าหน้า ร่วมกันจัดหารถขึ้นมาให้บริการนักท่องเที่ยว และให้ลูกเมียญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่ ขึ้นมาขายสินค้าและอาหารบนนี้ได้ เพื่อนำรายได้จาการให้บริการและการจำหน่ายสินค้าและอาหาร มาเป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_01.jpg
พอสองสายและนักท่องเที่ยวอื่นๆ นั่งจนเต็มรถสองแถวแล้ว คนขับรถซึ่งเป็นญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ออกรถไปตามทางดินแคบๆ ที่สองข้างทางเป็นป่าสน เพื่อมุ่งหน้าสู่ยอดภูเรือ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_04.jpg
รถสองแถววิ่งโคลงเคลงไปตามทาง ที่ลาดชันเล็กน้อยขึ้นสู่ยอดภู สองข้างทางมีต้นสนสองใบสามใบสูงตะหง่านขึ้นอยู่เต็ม รถวิ่งมาได้สักครึ่งกิโลเมตร รถก็จอด เพื่อให้เราเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดของภูเรือ...
เราจ่ายค่ารถไปคนละ 20 บาท คนขับรถบอกว่า เรามีเวลาที่ยอดภูเรือ 40 นาที เมื่อถึงเวลา รถสองแถวจะมารับเรากลับลงไปที่ที่เราจอดรถไว้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_22.jpg
เมื่อลงจากรถมาได้ ลมหนาวก็พัดกระหน่ำมาประทะหน้าตาเนื้อตัวของเรา จนเย็นยะเยือกจับใจ เราเดินฝ่าลมหนาวไปตามทางเดิน ที่จะนำเราไปสู่หน้าผารูปหัวเรือ อันเป็นที่มาของชื่อ "ภูเรือ" ระยะทางอีกราว 200 เมตร จากจุดที่รถสองแถวจอดให้เราลง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_23.jpg
เกือบสุดทางเดิน มีศาลาอันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป ที่มีลักษณะงดงาม
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_24.jpg
เราเข้าไปกราบไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_25.jpg
สาธุ...สาธุ...สาธุ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_26.jpg
กราบพระเรียบร้อยแล้ว เราเดินขึ้นไปจนถึงป้ายชื่อ "ยอดภูเรือ"
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_11.jpg
มาถึงทั้งที มีหรือที่จะไม่ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก....
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_12.jpg
ภูเรือ..ได้ชื่อว่า เป็นจุดที่หนาวสุดในเมืองไทย แม้จะมีความสูงเพียง 1365 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอภูเรือ และอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 มีพื้นที่ประมาณ 120.84 ตร.กม. หรือ 75,525 ไร่
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_10.jpg
บริเวณยอดภูเรือ เป็นที่ราบกว้างใหญ่ เราจะพบป่าสนเขา สลับกับสวนหินธรรมชาติที่งดงาม นอกจกนี้ยังพบพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ ได้แก่ กุหลาบแดง กุหลาบขาว ดาวเรืองภูเฟิร์น กล้วยไม้ป่า เป็นต้น ซึ่งจะสลับกันออกดอกให้ชมกันตลอดทั้งปี
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_21.jpg
บนยอดภุเรือ มีจุดชมวิวทัศนียภาพได้โดยรอบ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย น้ำตกห้วยไผ่ สวนหินธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งแต่ละแห่งทางอุทยานได้จ้ดทำเส้นทางเดินเท้าเพื่อชมได้อย่างสะดวกสบาย
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_14.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_16.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_15.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_20.jpg
หินพระศิวะ ซึ่งเป็นหินซ้อนกันอยู่ตามธรรมชาติ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_28.jpg
เมฆฝนที่เห็นมืดครึ้มอยู่ทางด้านเหนือ ซึ่งสามารถมองเห็นทิวเขายาวเหยียดต่อเนื่องกัน ไปจนจดเขตประเทศลาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_13.jpg
ลมบนยอดภูเรือแรงงมากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_18.jpg
พันธุ์ไม้ที่อยู่บนลานยอดภูเรือ สวยงามน่าชม...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_30.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_29.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_32.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_33.jpg
ดอกไม้งาม...ทำให้ชื่นใจยิ่งนัก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_35.jpg
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/19_Phu%20Rua/Loei_Phu-Rua_36.jpg
ภูหลวง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_20.jpg
หลังลงจากภูเรือ...เราไปแวะชม ภูหลวง กันสักหน่อยดีกว่า อยากจะเห็นธรรมชาติของที่นี่ว่าเป็นอย่างไร ถ้าชอบใจ วันหน้าจะได้หาเวลามาชื่นชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์สักสองสามคืน
เมื่อออกมาถึงทางหลวงสายสาย 203 เราเลี้ยวซ้ายย้อนกลับไปทางเข้าเมืองเลย ไม่นานนัก ก็เห็นทางเข้าภูหลวงทางด้านขวามือ เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ ทางเข้าภูหลวงนึกว่าจะใกล้ๆเหมือนเข้าภูเรือ ที่ไหนได้ต้องวิ่งจากปากทางไปตามถนนคดๆเคี้ยวๆ อีกตั้ง 18 กิโลเมตร กว่าจะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/PhuLuangMap_1.jpg
เราเข้าไปขอแผนที่และรายละเอียดเกี่ยวกับภูหลวงที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติภูหลวง แล้วก็ได้หนังสือสวยๆ เนื้อหาดีๆชื่อ "พรรณไม้งาม ป่าภูหลวง" เขียนโดยคุณ นิพนธ์ ศรนคร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่นี้ถึง 19 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_36.jpg
จากนั้น...เราก็เริ่มขับรถลุยขึ้นภูหลวง เป้าหมายคือ หน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกกระบา หรือที่เรียกว่า หลังภูหลวง ซึ่งเป็นยอดสูงที่สุดบนภูหลวง ระยะทางห่างจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ราว 10 กิโลเมตร
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/PhuLuangMap-1.jpg
ทางที่ขึ้นสู่ยอดภูหลวง เป็นถนนลาดยางเล็กๆ รถพอสวนกันได้ แต่อยู่ในสภาพที่ดี และเส้นทางที่สวย ด้วยผ่านไปในป่าลักษณะต่างๆ ตามลักษณะของพื้นที่และความสูงที่เริ่มจาก 400 เมตร ไปจนถึง 1,400 กว่าเมตร จากระดับน้ำทะเล จึงมีทั้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ และป่าดิบเขา ให้เห็นได้เป็นระยะๆ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_05.jpg
ถนนขึ้นภูหลวงร่มรื่นด้วยแมกไม้ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาจากสองข้างทาง จนเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ ทำให้อดใจไม่ได้ ต้องจอดรถเพื่อแวะจอดถ่ายภาพ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_06.jpg
เอ๊ะ...อะไรกองอยู่บนถนน เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ โอ๊ะโอ....มูลช้างกองใหญ่นี่เอง
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_34.jpg
ไม่ใช่มูลช้างกองเดียว แต่เรี่ยราดทั่วไป ทั้งบนถนนและข้างถนน...
เห็นอย่างนี้แล้ว เราก็ใจแป่ว ไม่กล้าจอดรถเพื่อลงไปถ่ายภาพกันอีก แต่รีบเร่งเร็วรี่ บึ่งรถขึ้นยอดภูหลวง ก่อนที่น้องช้างจะแวะมาทักทาย โดยมิได้นัดหมาย...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_35.jpg
ถึงแล้วค่ะ...โคกนกกระบา ยอดเขาภูหลวง ที่ความสูง 1,400 เมตร จากระดับน้ำทะเล
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_04.jpg
คำว่า "ภูหลวง" มีความหมายว่า "ภูเขาที่ยิ่งใหญ่" หรือหมายถึง "ภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน"
ภูหลวง เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก และดินส่วนที่อ่อนถูกพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ คงเหลือหินซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งไว้เป็นภูเขา
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ได้รับการยกขึ้นเป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง มีเนื้อที่ประมาณ 848 ตารางกิโลเมตรหรือ ประมาณ 530,000 ไร่ ตั้งอยู่ในท้องที่วังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย
อ่านรายละเอียดอื่นๆได้ที่นี่ค่ะ... http://www.phuluang.org/webpage/data.html
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_07.jpg
เราเป็นรถนักท่องเที่ยวคันแรก ที่ขึ้นไปถึงยอดภูหลวงในวันนั้น เห็นบรรยากาศแล้ว เสียดายที่มีเวลาอยู่น้อยนิดบนยอดภูหลวงนี้
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_09.jpg
บนยอดภูหลวงเป็นลานกว้าง ต้นไม้ที่เห็นหลักๆของที่นี่ น่าจะเป็น กุหลาบป่า (Rhododendron) ตั้งแต่เข้ามาที่ลานจอดรถ จนเดินเที่ยวไปตรงไหน ก็เห็นแต่ต้นกุหลาบป่าเต็มไปหมด มีทั้งดอกกุหลาบป่าที่บานแฉ่ง ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_10.jpg
และดอกตูมๆ ที่เจ้าหน้าที่บอกว่า พร้อมจะบานแฉ่งแข่งกัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ต่อเดือนมีนาคม..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_32.jpg
ไปอ่านพบใน http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noko&month=03-2007&date=29&group=2&gblog=18 เขาบอกว่า
"Rhodoendron นี้มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ คำ "Rhode" ซึ่งแปลว่า "สีแดง (red) หรือ "ดอกยี่สุ่น" (rose) กับคำ "dendron" ซึ่งแปลว่า "ต้นไม้(tree)" โดยนัยจึงแปลได้ว่า "ต้นไม้(ดอก)สีแดง" หรือต้นยี่สุ่น"
แต่จริงๆแล้วกุหลาบป่าที่เห็น ไม่ได้มีแต่สีแดง สีขาวก็มีค่ะ แต่ไปคราวนี้ สีขาวยังไม่บาน คงต้องหาโอกาสกลับไปดูใหม่อีกครั้ง...
ข้างที่ทำการหน่วยโคกนกกระบา...เราเห็นต้นเมเปิลต้นผอมชะลูดอยู่ต้นหนึ่ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_14.jpg
ใบเมเปิลเริ่มจะออกแดงๆ แต่ยังไม่เต็มที่ เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า ใบเมเปิ้ลจะแดงเต็มต้น ต้องเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เขาบอกอีกว่า ใบเมเปิลจะแดงทั้งต้น อยู่สัก 5 วัน จากนั้นก็จะทิ้งใบจนเหลือแต่ต้นโด่เด่ ก่อนจะแตกใบอ่อน ในเวลาต่อมา...เอ... แต่ตอนที่เราไปถึงนั่น ก็ใกล้ปลายเดือนธันวาคมเข้าไปแล้วนี่นา แต่ใยใบของเจ้าเมเปิ้ลต้นนี้ จึงไม่ยอมแดงเสียทีหนอ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_11.jpg
ใบเมเปิลแดงๆ คงจะสวยดีนะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_12.jpg
ทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารสวัสดิการเจ้าหน้าที...อาหารง่ายๆ ข้าวสวยร้อนๆ รับประทานกับ ผัดกระเพราะหมู ไข่เจียว แกงจืดผักกาดขาวกับเต้าหู้และหมูสับ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_08.jpg
อิ่มแล้ว ไปเดินดูใกล้ๆที่ทำการ ไม่อยากไปไกล เพราะกลัวช้างจะมาเหยียบค่ะ เราเดินเข้าไปตามทางเดิน ที่เขียนบอกไว้ว่า "ลานสุริยัน"
ไม้ร่มครึ้มสองข้างทางเล็กๆ กับลมเย็นๆ ทำให้การเดินราวหนึ่งกิโลเมตรนั้น ช่างน่ารื่นรมย์มากค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_28.jpg
ถึงแล้วลานสุริยัน...มีลานหินรูปร่างแปลกๆช้อนตัวกันอยู่ริมหน้าผา แต่ต้นไม้ที่ขึ้นสูงโด่เด่อยู่แถวริมผา ทำให้มองเห็นวิวสวยๆโผล่ให้เห็นแค่นี้เองค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_15.jpg
ที่นี่..จะทำให้เห็นทิวทัศน์ทางด้านตะวันตกของภูหลวงได้ชัดเจน แต่ก็เห็นเพียงเทือกเขาไกลๆ โผล่อยู่เหนือยอดไม้เท่านั้น ถ้าเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธุ์-มีนาคม ที่นี่จะมีสีสันงดงาม ด้วยดอกกุหลาบป่าทั้งสีแดงและสีขาว
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_16.jpg
จากลานสุริยัน...เราเดินต่อไปตามทางที่ทำไว้ จนมาทะลุที่บริเวณเขตพระตำหนัก ซึ่งที่นั่นตัวพระตำหนัก รูปทรงทันสมัย มีหอคอยชมวิวสูงเหนือยอดไม้ ตั้งตระหง่านอยู่..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_22.jpg
ตัวพระตำหนัก ตั้งอยู่บนโขดหินสูง ด้านหลังพระตำหนักเป็นระเบียงกว้างใหญ่ เป็นจุดที่น่าจะชมพระอาทิตย์ตกได้งดงามจุดหนึ่ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_21.jpg
บนหลังคาพระตำหนัก มีมอส และเฟิร์นขึ้นอยู่ ดูสวยดีค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_33.jpg
เราเดินผ่านหน้าพระตำหนัก ลงไปตามทางเดิน มุ่งสู่พื้นล่างที่อยู่ต่ำลงไป และแล้วเราก็ถึงลานหินที่เรียกว่า "ผาเยือง" จุดชมวิวด้านตะวันตกของภูหลวง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_19.jpg
เช่นเดียวกับลานสุริยัน...ต้นไม้จากผาสูงเบื้องล่าง โผล่ยอดมาบดบังวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าเราเกือบหมด เมื่อมองลอดช่องออกไป ก็เห็นทิวเขาเทือกเดียวกับที่เราได้เห็นที่ลานสุริยัน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_20.jpg
ใต้หน้าผาเยืองแห่งนี้มีน้ำซับไหลอยู่ตลอดปี เป็นที่อาศัยของเลียงผา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "เยือง" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อผาแห่งนี้ ด้านล่างเป็นป่า ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสามสาย คือแม่น้ำเลย น้ำสาน และ แม่น้ำป่าสัก
แม่น้ำเลยนั้นไหลขึ้นเหนือ ไปหล่อเลี้ยงผู้คนในอำเภอภูหลวง วังสะพุง อำเภอเมือง เชียงคาน ก่อนจะไหลไปลงแม่น้ำโขง ส่วนน้ำสาน จะไหลผ่านภูเรือ ด่านซ้าย แล้วลงสู่แม่น้ำเหือง ซึ่งจะไหลแม่น้ำโขงในที่สุด ส่วนแม่น้ำป่าสัก ไหลผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ สระบุรี และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_18.jpg
เราเดินออกมาทางถนนที่ก่อด้วยอิฐ ดูกว้างขวางและเดินสบายกว่าถนน ที่เราเดินมาจากลานสุริยัน แต่ตันไม้สองข้างทางที่ขึ้นสานกันเป็นอุโมงค์ ให้ความร่มรื่นที่ไม่ต่างกันนัก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_17.jpg
มีทางแยกทางขวามือ ป้ายบอกว่าเป็นบ้านพักของทางเขตฯ...น่าสนใจดีค่ะ เพราะถ้าเราจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีก คงจะต้องมาพักค้างแรม ลองเดินไปชมบ้านพักหน่อยก็ดีนะคะ
บ้านหลังแรกที่เราเห็น คือ "บ้านไก่ฟ้าพญาลอ" สร้างเป็นเรือนแถวไม้ ฝาขัดแตะ ดูน่าอยู่ดีค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_31.jpg
ถัดไปเป็น "บ้านกุหลาบแดง" ลักษณะเป็นตึกปูนทันสมัย ต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางเป็นลานกว้าง น่าพักเชียวค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_30.jpg
บ้านที่อยู่ไกลออกไป ชื่อ "บ้านกุหลาบขาว"...มาทราบที่หลังว่า ที่เราเห็นๆอยู่นั้น เป็น "เรือนรับรองพิเศษ" ถ้าเป็นคนธรรมดาๆอย่างเรา คงไม่มีสิทธิไปพักหรอกค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_29.jpg
อยากจะไปเดินเที่ยวชมต่อ แต่พอเห็นมูลช้างกองอยู่ เราก็เดินย้อนกลับไปปากทาง เพื่อเดินกลับไปที่ทำการหน่วยโคกนกกระบา พอถึงถนนลูกรังรถยนต์วิ่งได้ เราก็ค่อยเบาใจหน่อยค่ะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_25.jpg
เราจากภูหลวงมา เพื่อมุ่งหน้ากลับเชียงคาน ที่พักของเราในคืนนั้น....
ความตั้งใจที่จะกลับมาเพื่อท่องเที่ยวให้ทั่วจุดสำคัญๆ ที่มีมากมายหลายแห่งบนภูหลวง ยังคงคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา จนถึงบัดนี้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_24.jpg
ออกจากภูหลวงได้เราไม่ย้อนกลับไปทาง(สบายๆ) เส้นทางเดิม แต่กลับใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2399 ซึ่งแยกจากถนนหลวงหมายเลข 203 ไปทางอำเภอท่าลี่ แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2195 เลียบลำน้ำเหือง ซึ่งไหลไปบรรจบลำน้ำโขง มุ่งหน้าสู่เชียงคาน...
ถนนหลวง 2399 อยู่ในสภาพค่อนข้างดี และวิวสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ สูงๆต่ำๆ ไม่แน่ใจว่า ที่ดินบริเวณนี้ถูกหักล้างถางพง หรือว่าเป็นเขต "ทุ่งหญ้าสะวันนา" กันแน่...
วิ่งไปได้สักพักหนึ่ง ก็พบศาลาพักสำหรับนักเดินทาง จึงแวะเข้าไป เพื่อถ่ายภาพวิวทิวทัศน์แถวๆนั้น...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_40.jpg
โชคดีจริงๆค่ะ ที่ศาลาแห่งนั้น เราสามารถมองเห็นภาพภูเรือ ที่อยู่ทางด้านตะวันตกได้ชัดเจน
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_37.jpg
หุบเขาที่อยู่เบื้องล่าง เขียวขจีด้วยนาข้าวขั้นบันได และสวนผลไม้และไม้ดอก ผิดกับยอดเขาที่เรากำลังยืนอยู่ซึ่งแสนจะแห้งแล้ง...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_38.jpg
รถของเราวิ่งลัดเลาะเขาสูงที่ค่อยๆลาดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึง เมืองท่าลี่ อันเป็นที่ตั้งของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ของไทย (รองจากสะพานที่หนองคาย) ซึ่งสะพานแห่งนี้ สร้างข้ามแม่น้ำเหือง ไม่ใช่แม่น้ำโขง อย่างสะพานที่หนองคาย หรือที่กำลังจะสร้างอีกหลายแห่ง เสียดายค่ะ ที่เราไม่มีเวลาแวะชม เพราะเย็นมากแล้ว เกรงจะไปมืดกลางทาง ที่เรายังไม่เคยผ่านมาก่อน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/20_Phu%20Luang/Loei_Phu-Luang_39.jpg
เราบังคับรถเลี้ยวขวา ไปตามถนนหลวงสาย 2195 ซึ่งถนนบีบแคบ ไม่มีขอบทาง และแทบไม่มีรถสวนมา พอใกล้ถึงเชียงคาน ถนนก็กลายสภาพเป็นพื้นผิวโลกพระจันทร์ เราหายสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ เมื่อได้เห็นรถเทรลเลอร์ใหญ่ยักษ์ ขนทรายเต็มกระบะหนักอึ้ง และไหลหกเรี่ยราดเลอะเทอะไปตลอดทาง
เย็นนั้นกว่าจะถึงเชียงคานได้ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว....
วันสุดท้ายของการเดินทาง....
สองสายตื่นแต่เช้า ด้วยตั้งใจจะออกเดินทางจากเชียงคาน ไม่เกิน 7 โมงเช้า เพื่อจะได้กลับถึงบ้านในกรุงเทพฯ ไม่ดึกเกินไปนัก แต่ก็มีเหตุให้เราต้องออกเดินทางช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เกือบชั่วโมง ทั้งนี้เพราะลูกสาวคุณไสว ได้มาแจ้งว่า คุณไสวขอให้เราคอยหน่อย เพราะกำลังจะไปนำพืชผักผลไม้ในสวนมาให้เรา นำกลับไปทานที่กรุงเทพฯ
น้ำใจของคุณไสว...ลูกเขยคุณตาหน่วม ที่ดูแลเราอย่างดีมาตลอด 4 วันในเชียงคาน ช่างประเสริฐนัก...ถ้าเราจะไม่คอยลาคุณไสว ก็ถือว่าเราใจจืดใจดำมากเกินไปหน่อย เราเลยนั่งดื่มกาแฟแกล้มปาท่องโก๋ คอยคุณไสวต่อไปอย่างสบายอารมณ์
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_12.jpg
คุณไสวมาถึง พร้อมกับมะละกอหลายลูก และกระหล่ำปลี จากสวนผักของคุณไสวเองอีกหลายหัว ซึ่งเป็นของฝากสำหรับเรา จากน้ำใจใสๆของคุณไสว เรานั่งคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขอบคุณและล่ำลาคุณไสว พร้อมกับส่งมอบมังคุดและมะขามหวาน อย่างละสองสามกิโล ที่เราซื้อมาจากตลาดสด ซึ่งตั้งใจจะนำมาฝากคุณไสวโดยเฉพาะ
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Loei/17_Ta%20Nuam%20-%20Khong%20View/Chiangkhan_Ta-Nuam_13.jpg
การเดินทางมาเที่ยวเชียงคานครั้งนี้ เราได้ทั้งความสุขสนุกสนาน และได้ทั้งมิตรภาพและความจริงใจ จากคนเมืองเชียงคานแท้ๆอย่างคุณไสว ทำให้เราเกิดความประทับใจยิ่งนัก จนต้องสัญญากับคุณไสวว่า...
เราจะกลับมาเยี่ยมเยือนคุณไสว ณ.บ้านตาหน่วม แห่งเมืองเชียงคานอีกครั้งอย่างแน่นอน....
เราออกจากเชียงคาน โดยใช้ทางหลวงฯหมายเลข 201 มุ่งหน้าผ่านจังหวัดเลย เข้าสู่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงฯหมายเลข 12 ซึ่งจะไปเชื่อมต่อถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงฯหมายเลข 2
พอเข้าแขตอำเภอภูกระดึง...เราพยายามมองหาภูกระดึง ที่สายชลเคยปีนเขาขึ้นไปเที่ยวมาแล้วสองครั้ง และคุณสายน้ำเคยปีนขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่เมฆหมอกที่ลงหนาทึบ คลุมยอดภูกระดึงไว้จนมิด เราจึงได้แต่ภาพผานกเค้าที่อยู่ปากทางเข้าภูกระดึง มาเป็นที่ระลึกแทน...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_01.jpg
ถนนที่เป็นไฮเวย์ชั้นดี ทำให้เราเดินทางถึงเมืองขอนแก่นภายในเวลาที่รวดเร็วมาก ครั้งแรกตั้งใจจะแวะทานข้าวเที่ยงในเมืองขอนแก่น แต่ความวุ่นวายในเมืองขอนแก่น ทำให้เราเปลี่ยนใจ เลยไปหาของทานและของฝากที่เมืองบ้านไผ่แทน
ได้ของฝากประเภท ไส้กรอก กุนเชียง หมูแผ่น หมหยอง ฯลฯ มาครบถ้วนแล้ว จากร้านดังของบ้านไผ่ (ที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเล็กนิดเดียว ตอนนี้ใหญ่โตโอ่โถงมาก) ที่นี้ก็ถึงเวลาหาของอร่อยรับประทานแล้วค่ะ
ขับรถไปเรื่อยๆ สะดุดตากับร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ชื่อร้าน "เชียงใหม่โอชา" ซึ่งคนทานกันแน่น เลยสันนิษฐานว่า ต้องอร่อยแน่ๆ ต้องขอลงไปชิมสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Khon-Kaen_Beef-Noodle_01.jpg
ไม่ผิดหวังเลยค่ะ...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้ รสโอชาสมชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อตุ่น เนื้อสด หรือ ลูกชิ้น รสชาติกลมกล่อม ปรุงนิดหน่อยก็อร่อยได้ที่แล้ว...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Khon-Kaen_Beef-Noodle_02.jpg
หมี่น้ำทุกอย่างไปคนละสองชาแล้ว ยังไม่หนำใจ ต้องสั่งเกาเหลาแห้งมาทานกันอีกสองจาน และสั่งเกาเหลาน้ำกลับบ้านอีก 10 ชุด ลูกชิ้นอีก 200 ลูก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Khon-Kaen_Beef-Noodle_03.jpg
อิ่มแล้ว...สบายใจ ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองโคราช ราวๆบ่ายสามโมง แทนที่เราจะใช้ถนนมิตรภาพตรงไปออกสระบุรี แล้วใช้ถนนพหลโยธินวิ่งกลับกรุงเทพฯ เรากลับเลี้ยวซ้ายไปเข้าทางหลวงฯ หมายเลข 304 เพื่อจะไปวังน้ำเขียว เพื่อไปแอบชม "บ้านภูโอบ" ของน้องโป๋..น้องชายสุดที่รักและ Webmaster สุดหล่อ ของ SOS...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/WangNamKeowMap_1.jpg
ฝ่าถนนสองเลนส์ที่รถติดมากๆ มาจนถึงทางยูเทริน เพื่อเข้าไปบ้านภูโอบ เวลาก็ใกล้จะห้าโมงเย็นเต็มที่ เราก็ใจตุ๋มๆต่อมๆว่าทางเข้าจะลึกแค่ไหน เพราะเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_02.jpg
แต่โชคดี...เข้าไปจากถนนใหญ่นิดเดียว ก็ถึงบ้านภูโอบแล้วค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_03.jpg
โอ้โฮ !!!...สวย น่ารัก และน่าพักจริงๆค่ะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_08.jpg
เราไปครั้งนี้...ไม่ได้บอกน้องโป๋ล่วงหน้า เพราะจะแอบไปชม และไม่อยากรบกวนน้องโป๋ให้ลำบากใจ และก็ไม่ได้หวังว่าจะได้พบน้องโป๋ ซึ่งทราบว่างานที่ทำอยู่ที่อรัญประเทศยุ่งมาก...
แต่พอเราผ่านไปทางห้องอาหารที่อยู่ด้านหน้าของบ้านภูโอบ ก็เห็นน้องโป๋นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งของห้องอาหาร เราขับรถเข้าไปด้านหลังบ้าน น้องโป๋ได้ยินเสียงรถจึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ไม่ทราบว่าใครมากันแน่...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_04.jpg
จนเราเดินไปหาจนใกล้ น้องโป๋ก็ยังจำไม่ได้ว่า เราเป็นใคร...จนเราต้องแสดงตัว น้องโป๋ ซึ่งคงคิดไม่ถึงว่าเราจะมาเยือนถึงถิ่น จึงร้องอ๋อ...จำเราได้...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_10.jpg
จากนั้น...น้องโป๋ก็พาเราเดินชมบ้านภูโอบ ซึ่งร่มรื่นด้วยแมกไม้ สนามเขียวขจี...และ มีบ้านพักที่มีหลายหลังหลายแบบ ให้เลือกพักได้ตามใจ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_06.jpg
บ้านพักมีทั้งแบบนอนจู๋จี๋กันสองคน หรือ จะใช้เรือนนอนรวม ซึ่งนอนกันได้ 20-30 คน ก็มีให้เลือก...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_05.jpg
หากอยากจะนอนกลางดินกินกลางทราย...น้องโป๋ก็มีที่ให้กางเต๊นท์ หรือเช่าเต๊นท์ของบ้านภูโอบพักได้ค่ะ..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_07.jpg
เราเห็นบ้านภูโอบแล้ว ก็อยากจะมาสูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ห้อมล้อมด้วยภูเขาใหญ่น้อย และนอนชมดาวชมเดือน ให้เพลิดเพลินเจริญใจ สักสองสามวัน
แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่นอนค่ะ เพราะเราจากบ้านมานานร่วมสองอาทิตย์ และคิดถึงบ้านตัวเองเต็มแก่แล้ว แม้น้องโป๋จะคะยั้นคะยอให้นอนพักสักคืน เราจำใจต้องปฏิเสธไป แต่สัญญากับน้องโป๋ว่า สักวันหนึ่ง เราจะต้องมาพักหลับนอนที่บ้านภูโอบอย่างแน่นอน..
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Last%20Day/Baan-Phu-Ob_09.jpg
คืนนั้น...ด้วยเส้นทางวังน้ำเขียว-บ้านบึง- กรุงเทพฯ เรากลับถึงบ้านในกรุงเทพฯเอาเกือบสามทุ่ม แต่กลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรือเมื่อยล้าแต่อย่างใด เรามีแต่ความสุขสนุกสนาน กระปรี้กระเปร่า เหมือนได้ไปเติมพลังมา ทั้งที่ เราได้เดินทางจากบ้านไปนานถึง 13 วัน และด้วยระยะทางที่นั่งอยู่บนรถยนต์นามเจ้า "กระต่ายขาว" เดินทางท่องเที่ยวไปไกลถึง 3,500 กิโลเมตร
การขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ของเรา ในครั้งนี้ ช่างประทับใจเรามากมาย...จนเราบอกกับตัวเองว่า การขับรถเที่ยวทางไกลครั้งนี้ จะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราแน่นอน เราจะวางแผน ที่จะขับรถเที่ยวทางไกลกันอีกหลายที่ ในหลายช่วงเวลา ข้างหน้านี้ เพื่อไปเติมพลังให้กับชีวิตในวัยเกษียณของเรา ให้กลับมาชุ่มช่ำใจ เสมือนได้ดื่มน้ำอมฤตอย่างไงอย่างงั้น...
เชิญติดตามการขับรถท่องเที่ยวของเราในครั้งต่อไป ได้อีกที่นี่นะคะ...
http://i835.photobucket.com/albums/zz275/Saaynam/Dec54_Nong%20Khai/3600-km_E.jpg
Super_Srinuanray
08-07-2012, 19:15
ขอบพระคุณมากค่ะพี่น้อย พี่จ๋อม และกระต่ายขาว ถึงไม่ได้ไปด้วย แต่ก็รู้สึกว่า ได้มาแที่ยวด้วยทุกครั้งเลยค่ะ
อยากไปภูโอบ ๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรดีหนา
ขอบคุณด่าร์ลิ้งค์สายชลมากๆที่ขยันหาข้อมูลมาบรรยายประกอบภาพ มีความทรหดอดทน วิริยะ อุตสาหะ มาก ... ยังมี เปรู - เอกวาดอร์ และยูนนาน คาราวาน Fortuner Club อีกนะจ๊ะ
ทริปยาว หนองคาย - ลาวเหนือ - เชียงคาน - ภูเรือ - ภูหลวง เที่ยวนี้ เป็นการเดินทางที่สนุกและมีรสชาติมาก มีรถดีมีชัยไปกว่าครึ่ง พอดีได้รถใหม่ ทั้งอึด ทั้งถึก ทั้งซิ่ง เลยไม่รู้สึกเหนื่อยกับการขับรถ ... จริงๆอยากใช้เวลาตะลอนอยู่แถวๆนั้นนานกว่านี้ แต่จากบ้านมาตั้งครึ่งเดือน กลัวลูกจะตัดออกจากกองมรดกเสียก่อน จึงต้องกลับ กทม.อย่างเสียไม่ได้
แต่รอหนาวนี้ คงจะกลับไปเก็บรายละเอียดแถวๆนั้นอีกรอบครับ ... ใครสนใจจะร่วมวงคาราวาน ก็เตรียมลางานไว้ได้เลยนะครับ โดยเฉพาะที่หนองคาย น้อง Blue Day พร้อมที่จะลางานมาต้อนรับขับสู้กันเต็มที่
ถ้าชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของสองสาย และชอบสำนวนการบรรยายที่ได้อรรถรสของคุณสายชล ก็ขอให้คอยติดตามผลงานกันต่อไปในห้อง "ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน" นี้นะครับ
เอิ้กกกก...จะเป็นลม...:(
กว่าจะเขียนเรื่องนี้เสร็จก็แทบจะเป็นจะตายแล้ว....เรื่องที่เหลือน่ะ ทั้งทริปเปรู-อิเกวดอร์-กาลาปากอส-สเปญ ต่อด้วยทริปเมืองจีน ที่ไปหลายที่ หลายเมือง และหลายวันกว่านี้อีก ดิฉันคงจะอ่อนเปลี้ย เพลียแรงกว่านี้แน่ๆ
ที่สรรเสริญเยินยอไว้นั้น เห็นทีจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก...มาช่วยกันเขียนเรื่องหน่อยดีกว่ามั๊งจ๊ะ คุณสายน้ำ...:p
แค่นั่งจ้อง Monitor ทำรูปทั้งหมด ตาก็จะพังแล้ว ต้องทำไปพักไปทุกชั่วโมง จนบัดนี้ ยังเดินทางไปไม่ถึงกาลาปากอสเลย แล้วจะไปถึงยูนนานเมื่อไรกันนี่ ... ยิ่งตอนนี้ มีทริปปล่อยกุ้งตัวตลกมาแทรกคิวอีก โอ้! พระเจ้าช่วยกล้วยไข่เน่า ... ไม่อยากคิดเลย
ก็ช่วยๆกันไปนะจ๊ะ ด่าร์หลิง ... เอาแค่ ทริป เปรู-เอกวาดอร์-สเปน กว่าจะโพสต์จบก็คงหลายเดือน คงจะถึงยูนนานเอาปีหน้า แล้วคนอย่างสองสาย โพสต์รูปเฉยๆไม่เป็นด้วย ต้องนำเสนอข้อมูลเพียบพร้อมประกอบ ... คงต้องช่วยๆกันไปนะจ๊ะ สามัคคีคือพลัง ...
สามัคคีคือพลัง...มีกันอยู่สองคน ไม่ช่วยกันแล้ว ใครจะมาช่วยวยลเล่าจ๊ะ..อิๆ
ไม่มีใครมาอ่านก็ไม่เป็นไรเนาะ...เก็บไว้อ่านกันสองคนก็ได้นะจ๊ะ ที่รัก... :p
ขอบคุณด่าร์ลิ้งค์สายชลมากๆที่ขยันหาข้อมูลมาบรรยายประกอบภาพ มีความทรหดอดทน วิริยะ อุตสาหะ มาก ... ยังมี เปรู - เอกวาดอร์ และยูนนาน คาราวาน fortuner club อีกนะจ๊ะ
ทริปยาว หนองคาย - ลาวเหนือ - เชียงคาน - ภูเรือ - ภูหลวง เที่ยวนี้ เป็นการเดินทางที่สนุกและมีรสชาติมาก มีรถดีมีชัยไปกว่าครึ่ง พอดีได้รถใหม่ ทั้งอึด ทั้งถึก ทั้งซิ่ง เลยไม่รู้สึกเหนื่อยกับการขับรถ ... จริงๆอยากใช้เวลาตะลอนอยู่แถวๆนั้นนานกว่านี้ แต่จากบ้านมาตั้งครึ่งเดือน กลัวลูกจะตัดออกจากกองมรดกเสียก่อน จึงต้องกลับ กทม.อย่างเสียไม่ได้
แต่รอหนาวนี้ คงจะกลับไปเก็บรายละเอียดแถวๆนั้นอีกรอบครับ ... ใครสนใจจะร่วมวงคาราวาน ก็เตรียมลางานไว้ได้เลยนะครับ โดยเฉพาะที่หนองคาย น้อง blue day พร้อมที่จะลางานมาต้อนรับขับสู้กันเต็มที่
ถ้าชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของสองสาย และชอบสำนวนการบรรยายที่ได้อรรถรสของคุณสายชล ก็ขอให้คอยติดตามผลงานกันต่อไปในห้อง "ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน" นี้นะครับ
สนใจทริปหน้าหนาวครับ และรออ่านเรื่องพร้อมรูปทริปอื่นๆด้วยครับ ว่าแต่พี่ทั้งสองทำบุญด้วยอะไร ถึงชีพจรลงเท้าได้อย่างนี้ จะได้ไปทำมั่ง
สนใจทริปหน้าหนาวครับ และรออ่านเรื่องพร้อมรูปทริปอื่นๆด้วยครับ ว่าแต่พี่ทั้งสองทำบุญด้วยอะไร ถึงชีพจรลงเท้าได้อย่างนี้ จะได้ไปทำมั่ง
5555...ลาออกจากงาน แค่นั้นก็พอค่ะ ไม่ต้องไปทำบุญให้มากมายกว่าปกติ แล้วก็ออกตะเวนเที่ยวเหมือนพี่สองสายได้แล้วล่ะ น้องก้อย... :p
ว่าแต่พี่ทั้งสองทำบุญด้วยอะไร ถึงชีพจรลงเท้าได้อย่างนี้ จะได้ไปทำมั่ง
ทำบุญตามปกติตามแต่โอกาสจะอำนวย และพยายาม "ให้ มากกว่ารับ" ครับ น้องก้อย แต่มันคงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชีพจรลงเท้าหรอกครับ
สัจจธรรมของชีวิตครับ น้องก้อย .... การทำงานที่ตัวเองไม่ได้รักมาตั้งแต่หนุ่มจนเริ่มจะแก่ ไม่ได้มีโอกาสทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ไม่ได้มีโอกาสที่จะไปในที่ที่ตัวเองอยากจะไป มันกดดันมาก จนวันหนึ่ง ได้ไปเยี่ยมอดีตผู้บังคับบัญชาของผมที่ป่วยด้วยมะเร็งระยะสุดท้าย ชวนท่านคุยด้วยเรื่องการไปดำน้ำตามที่ต่างๆของเรา ท่านก็ซึมไปและบอกกับเราว่า "ผมอิจฉาคุณ 2 คนมาก มีอะไรหลายๆอย่างที่ผมอยากจะทำในชีวิตนี้ แต่ผมเอาแต่ทุ่มเทกับงาน พอมาคิดได้ มันก็ทำไม่ได้เสียแล้ว" หลังจากนั้น อีกไม่กี่วัน ท่านก็จากไป
ได้ฟังท่านพูดแล้ว ก็ยิ่งเครียด ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน จะสั้นหรือยาว เราไม่มีทางรู้ได้ อายุก็ผ่านห้าแยกไปแล้ว ยังไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำเลย ชีวิตของเรา เราควรจะกำหนดได้เองหรือเปล่า ..... มันเลยเป็นที่มาของการ Early Retire ของผม
พี่ Milo15 ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ให้แง่คิดไว้ไม่น้อย พี่สองสายเคยแปลกใจกับพี่ Milo15 ที่เริ่มเรียนดำน้ำตอนอายุ 65 และด้วยความที่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จึงดำๆๆๆๆๆ ชนิดไม่บันยะบันยัง ไม่เคย skip ไดฟ์ ท่านบอกว่า ท่านอยากดำน้ำมานานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาส และยังจำคำของพี่ Milo15 ได้ไม่เคยลืม เวลาเราไปแซวท่านว่า ลงดำอีกแล้ว ไม่เหนื่อยหรือครับ ท่านตอบว่า "ขอผมเถอะครับ เวลาของผมมันเหลือน้อยแล้ว"
พี่ทั้ง 2 ท่าน ได้ให้แง่คิดสำหรับชีวิตที่ใกล้บั้นปลายของเราไว้ ... อยากจะทำอะไร ก็ให้รีบทำ ถ้ามีโอกาส อย่าได้รอ ... ชีวิตตอนนี้ของเรา 2 คน จึงมีความสุขดี ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ คือ ดำน้ำ ทำงานรับใช้ทะเล ..... ได้ไปในที่ๆเราอยากไป ตามที่กำลังทรัพย์จะอำนวย โดยเฉพาะเรื่องการขับรถท่องเที่ยวนี่ เป็นความฝันมานานมากแล้ว แต่เพิ่งจะมาเป็นจริงเอาเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง
ไม่แนะนำให้ใครมาทำตามนะครับ ... แต่สำหรับสองสาย เราเพียงไม่อยากเสียโอกาสในชีวิตของเราเท่านั้นเอง
อยากจะร้องไห้ เมื่อระลึกถึงคำพูดของพี่ผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งสองคน....:(
ขอบคุณครับพี่สองสายสำหรับแง่คิด ตอนนี้ผมก็บอกตัวเองบ่อยๆว่า อยากทำอะไรให้รีบทำ เพราะเวลาชีวิตคนเรานั้น สั้นนัก อย่ามัวรั้งรอ
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.