View Full Version : Labuan.....Layang-Layang......Spratly Islands
.........Labuan.....Layang-Layang......Spratly Islands.........
Labuan.....Layang Layang.....ดินแดนที่ยังไม่อยากจะร่ำลา
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549......สองสายได้เดินทางไปท่องเที่ยวบนบกและดำน้ำที่ เกาะลาบวน (Labuan) และ ลายัง ลายัง (Layang Layang) ที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศมาเลเซีย และยังได้เลยไปเที่ยวที่ประเทศบรูไน (Brunei Darussalam) เป็นของแถมอีกด้วย
เราติดอกติดใจกับการได้ไปดำน้ำที่ลาบวน และ ลายัง ลายัง มากทั้งที่เรายังไปดำน้ำไม่ครบถ้วนตามจุดดำน้ำต่างๆที่ตั้งใจไว้ ทั้งนี้เป็นเพราะคลื่นลมที่แปรปรวนเป็นอุปสรรค เราจึงตั้งใจว่าเราจะยังไม่ล่ำลาทั้งลาบวนและลายัง ลายัง เพราะตั้งใจจะกลับไปดำน้ำที่นั่นอีกให้ได้
อ่านเรื่องการไปดำน้ำครั้งนั้นของเราได้ที่.....
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?topic=639.0
ภาพจาก....http://www.labuantourism.com.my/Home/Home.htm
สามปีผ่านไปไวเหมือนโกหก.....สองสายได้มีโอกาสได้ไปดำน้ำที่ลาบวน และลายัง ลายัง อีกครั้ง
และครั้งนี้.....เราได้มีโอกาสแล่นเรือเลยจากเกาะ ลายัง ลายัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะสแปรตลี่ (Spratly) ออกไปเยี่ยมเยือนกองหินใต้น้ำซึ่งอยู่กลางทะเลจีนใต้ ใกล้กับจุดที่ประเทศต่างๆที่อยู่รอบๆหมู่เกาะแห่งนี้ ได้ตั้งป้อมแย่งชิงดินแดนแห่งนี้กันอยู่
ภาพจาก.....http://www.geocities.com/pmcmssr/Spratlypg.html
Labuan
เช้าวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2552....
สองสายออกเดินทางโดยสายการบินมาเลเซียจากสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมกับน้องปุ้ม แห่ง Dive Master มุ่งตรงสู่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIP)
จากนั้นก็นั่งเล่นเดินเล่น กว่าจะได้ออกจากสนามบิน KLIP ได้ก็บ่ายจัด และกว่าเครื่องบินจะร่อนลงที่เกาะลาบวน ก็เกือบสามทุ่ม
ฝนตกพรำๆที่ลาบวน.....เราแวะซื้อของกันที่ร้านปลอดภาษี แล้วก็ตรงดิ่งไปลงเรือ Dive Master I ที่จอดคอยอยู่ที่ท่าเรือหน้าโรงแรม Waterfront Labuan Hotel ที่แสนจะหรูหราของเมืองลาบวน
เมื่อขึ้นเรือ.....น้องติ่ง SNR น้องรักของสองสายคอยต้อนรับอยู่พร้อมกับครูปัญญา น้องช้าง น้องบาย และลูกเรือที่สนิทสนมกับเราอีกหลายคน
ดีใจมากๆค่ะ ที่ได้พบกับน้องติ่งอีก หลังจากไม่ได้พบกันมาสองสามเดือนแล้ว เราหอบขนม น้ำพริก หมูแผ่น หมูหยอง ไปฝากน้องติ่งและทุกคนบนเรือด้วย
เราจอดเรือนอนกันที่นี่ และพอรุ่งเช้าพวกเรารวม 20 คนก็จะออกดำน้ำกันอย่างกระปรี้กระเปร่า หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายเรือไม่โยกไม่คลอนทั้งคืน
เช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2552.......เราจะลงดำน้ำที่เรือจมซึ่งมีชื่อเสียงของลาบวนกันค่ะ
ภาพจาก.... http://www.labuantourism.com.my
ที่ลาบวนมีเรือจมอยู่มากมายหลายลำ.....แต่เรือจม ที่มีชื่อเสียง มีอยู่ด้วยกัน 4 ลำ คือ
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?action=dlattach;topic=639.0;attach=4963;image
The Australian Wreck
Name : SS De KLERK
Type : Cargo/Passenger Steamer
Dimensions : L85 m, B12 m, DR6 m (approx)
Year Built : 1900
Built By : Unknown
This wreck lies south west of Rusukan Besar Island about 23 km from Labuan and is anything but Australian. It is the wreck of a cargo and passenger steamer originally named SS De KLERK, built in Amsterdam in 1990 and plying what was then the Dutch West Indies. During World War II the Dutch scuttled the ship to prevent it from falling into Japanese hands. But the Japanese salvaged the ship and renamed it the ‘Imbari Maru’. In 1949 while on a voyage to Manila it struck a mine off Labuan and sank. 339 passengers lost their lives, mostly workers and prisoners of war. The wreck lies on the sea bed under 21 meters of water. Experienced divers will enjoy exploring the interior of the wreck. Others will appreciate the variety of marine life around it, including soft corals, lion fish and seldom-seen frog fish. It is a good subject for underwater photography.
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?action=dlattach;topic=639.0;attach=4971;image
The American Wreck
Name : USS Salute
Type : US Navy Minesweeper
Dimensions : L184 ft, B33 ft, DR9 ft
Year Built : 1943
Built By : Winslow Marine Railway and Shipbuilding Co. Seattle, Washington DC, USA
This wreck lies south-east of Rusukan Kecil Island, 1.4 km away from the Australian wreck and about 24 km from Labuan. It is the “USS SALUTE”, a US Navy Minesweeper built in Seattle, Washington in 1943. It was first put into service in Hawaii in 1944 escorting convoys between Pearl Harbor and several ports in the Far East. Later it was involved in intense action, providing protection for anti-aircraft vessels and submarine, as well as minesweeping. After several minesweeping operations in the Philippines, the ship began operating in Brunei Bay where it struck a mine in 1945. Nine US sailors lost their lives when she sank.
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?action=dlattach;topic=639.0;attach=4948;image
The Cement WreckName : MV Tung Hwuang
Type : Freighter
Dimensions : L92 m, W15 m, DR7 m
Year Built : Unknown
Built By : Unknown
The “TUNG HWANG” is a freighter that sank while transporting cement to Brunei for the Sultan’s new palace. It hit the Samarang Bank and sank as it tried to reach Labuan for repairs. Fortunately, no lives were lost. The wreck now lies east of Kuraman Island and just 21 km from Labuan. It has settled in an upright position. It is the easiest wreck to navigate, making it ideal for training in wreck diving. Divers can swim around in the cargo hold and docks. There is a great variety of marine life to be found here including barracuda, turtles, lion fish and reef fish. Soft and hard corals grow on the surface of the wreck, which makes this the best Labuan wreck for underwater photography.
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?action=dlattach;topic=639.0;attach=4938;image
The Blue Water Wreck
Name : Mabini Padre
Type : Stern Trawler
Dimensions : L80 m, B12 m, DR6 m (approx)
Year Built : Unknown
Built By : Unknown
This wreck lies northeast of Kuraman Island and is 34 km from Labuan. It gets its name from the very clear ‘blue’ waters it lies. Of all the wrecks, this one has the best visibility. The wreck is the ‘MABINI PADRE’, a large Philippines fishing trawler, which caught fire and sank in 1981. It is an interesting site for divers as it is completely intact. It also supports a wealth of marine life like soft corals, grouper and bat fish.
ข้อมูลและภาพจาก......
http://www.labuantourism.com.my/destination/view.cfm?ID=9EAB9AE8-188B-76AA-00EEED21CE168065
http://http://www.asiadivesite.com/malaysia-dive-sites/labuan/
ไปคราวที่แล้ว.....สองสายมีโอกาสได้ดำน้ำที่เรือจม 3 ลำคือ The Australian Wreck....The Cement Wreck.....และ The Blue Water Wreck
มาคราวนี้....ด้วยเวลาที่มีจำกัด เราได้ลงดำน้ำที่เรือจมเพียง 2 ลำ คือ The Blue Water Wreck และ The Cement Wreck
The Blue Water Wreck
http://www.labuantourism.com.my/explore/images/wreckdiving_bluewaterwreck.gif
เรือลำนี้นอนตะแคงแอ้งแม้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ เกาะคูรามาน (Kuraman Island) และห่างจากลาบวนประมาณ 34 กิโลเมตร
ที่ได้ชื่อนี้มานั้น มาจากสภาพของน้ำทะเลที่เป็นสีฟ้าในบริเวณที่เรือลำนี้จมอยู่
เรือลำนี้เดิมชื่อ มาบินิ ปาเดร (Mabini Padre) เป็นเรือลากอวนขนาดใหญ่ของฟิลิปปินส์ มีขนาดความยาว 80 เมตร กว้าง 12 เมตร สูง 6 เมตร ซึ่งได้เกิดไฟไหม้และจมลงในปี 1981 ในสภาพตะแคงซ้ายที่ความลึก 35 เมตร หันกราบเรือด้านขวาขึ้นมาอยู่ที่ความลึกประมาณ 24 เมตร
เราโชคดีจริงๆค่ะที่คราวนี้น้ำใสเป็นสีฟ้าแจ๋วสมชื่อเรือจม Blue Water....
ผิดกับที่เราเคยมาที่นี่เมือสามปีก่อนลิบลับ คราวนั้นน้ำขุ่นเป็นสีเขียว แม้น้ำจะใสกว่าเรือจมลำอื่นๆ เราก็ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความงามของที่นี่นัก
ที่ปลายสายทุ่นที่ผูกไว้ตรงกลางลำเรือด้านขวาที่หงายขึ้นมา.....ปลาหูช้างตัวโตฝูงใหญ่ว่ายมาต้อนรับเรา
ปลาหูช้างเหล่านี้แสนจะเชื่อง ขนาดที่กล้าจะว่ายเข้ามาหาเราใกล้ๆอย่างไม่เกรงกลัว....
บริเวณหัวเรือ น้ำลึกกว่า 30 เมตร และขุ่นมัวด้วยฤทธิ์ Thermocline เราจึงไม่ดำลงไปให้หนาวและมองอะไรไม่เห็น
เราได้แต่ลงไปที่บริเวณดาดฟ้ากลางลำเรือที่มีเก๋ง และเครื่องกว้านสลิงเหลือไว้ให้เห็น
กว้านและลวดสลิงยังอยู่ในสภาพดี ทั้งที่เรือจมมากว่า 28 ปีแล้ว...
เช่นเดียวกับบันไดที่ใช้ไต่จากดาดฟ้าเรือขึ้นไปที่ห้องบังคับการเรือที่ยังอยู่ในสภาพดี เพียงแต่มีสัตว์เกาะติดมาจับจนไม่เห็นเนื้อเหล็กเดิม....
เสาเครนที่ใช้ยกสินค้าขึ้นลงจากเรือ มีปะการังดำ....กัลปังหา....ฟองน้ำ....ไฮดรอยด์....หอย...และเพรียงประดับประดา จนดูสวยงาม
สายชลสังเกตว่าตามกิ่งปะการังดำและกัลปังหา มีสัตว์ที่มีตัวลายๆสีขาวดำคล้ายลายม้าลายและปลายมีหนวดสีชมพูอมส้มเกาะอยู่เป็นหย่อมๆ
น่าสนใจ.....ต้องเข้าไปดูใกล้ๆหน่อยแล้วล่ะค่ะ....
ตามตำรา....เขาว่าเจ้าตัวน่ารักนี้คือ ดอกไม้ทะเล (Sea Anemone) ชนิดหนึ่ง
ชื่อของเขาคือ Colonial Zebra Anemone (Nemanthus annamensis)
สวย...น่ารัก มากๆ....
แล้วเห็นกุ้งสีแดงที่เกาะอยู่ใกล้ๆดอกไม้ทะเลไหมคะ....
ปลาแมงป่อง (Scorpionfish) ตัวโตเกาะอยู่ที่กราบเรือ.....
เห็นไหมคะว่าอยู่ตรงไหน.....
เอ....นั่นเขารุมดูและถ่ายภาพอะไรกันนะ....
ปลาสิงโตหรือ....
อืมมมม....ปลาสิงโตบังตัวอะไรอยู่.....
พอปลาสิงโตว่ายห่างออกไป...
นั่นไงเห็นแล้ว....
ปลากบยักษ์ (Giant Frogfish) ขนาดเท่าลูกวอลเลย์บอล กำลังนั่งยิ้มอยู่อย่างมีความสุข...
ฮ่าๆ.....เอิ้ก....เอิ้ก....
"ใช่แล้ว.....ถูกใจ......ใช่เลย......"
ว่าแล้วเจ้าปลากบ ก็ว่ายตาม (กล้อง) คุณสายน้ำ
คงนึกว่า..."คู่เราแล้วไม่แคล้วกัน.....เอิ้กๆ"
เป็นภาพที่ตลกมากค่ะ.....
สายชลว่ายตามเจ้าปลากบไปหัวเราะไป....
เจ้าปลากบหยุดว่าย เมื่อไปเจอปลาสิงโตขวางหน้าอยู่สองตัว
กบ....เจอสิงห์ กบเลยจ๋อยสนิท.....
สายชลว่ายมาบอกคุณสายน้ำว่ามีปลากบอีกตัว แต่ว่าอยู่ลึกกว่าที่เราอยู่ ซึ่งเราลงไปดูไม่ได้แล้ว เพราะใกล้หมดเวลาดำน้ำ
เราว่ายผ่านด้านข้างของกราบเรือด้านขวา ที่เริ่มมีปะการังอ่อนสีหวานๆขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป
ปลาหูช้างว่ายตามมาส่งเรา....
เราไปเกาะที่สายทุ่น เพื่อเตรียมตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ.....
ปลาสากฝูงใหญ่ที่ว่ายวนเวียนอยู่เหนือเรือจม Blue Water เป็นภาพสุดท้ายที่ทำให้เราประทับใจไม่ลืมเลือน....
The Cement Wreck
http://www.saveoursea.net/boardsmf/index.php?action=dlattach;topic=639.0;attach=4948;image]
เรือแล่นขึ้นเหนือไปไม่ไกล ก็ถึงจุดดำน้ำที่เป็นเรือจมที่มีชื่อว่า The Cement Wreck
เรือลำนี้เดิมชื่อ Tung Huang เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่จมลง เมื่อวันที่ 25 กันยายน 1980 ในระหว่างที่กำลังนำปูนซีเมนต์ไปส่งที่บรูไน เพื่อใช้ในการก่อสร้างพระราชวังหลังใหม่ของสุลต่าน มันชนเข้ากับหินแถวชายฝั่งซามารัง (Samarang Bank) และได้พยายามที่จะวิ่งไปให้ถึงลาบวนเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง ต้องจมลงสู่ก้นทะเลทางด้านตะวันออกของเกาะคูรามาน (Kuraman Island) ซึ่งอยู่ห่างจากลาบวน 21 กิโลเมตร
ตัวเรือมีความยาว 92 เมตร กว้าง 15 เมตร และลึก 7.5 เมตร จมอยู่ที่พื้นทรายความลึก 30 เมตร ในแนวตั้ง ส่วนที่อยู่ใกล้ผิวน้ำที่สุดคือยอดของเครน ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นที่พักน้ำก่อนขึ้นเรือ
เรากระโดดลงและจับสายทุ่นที่มีเรือเร็วลำหนึ่งแล่นตัดหน้าเรือเราไปจองทุ่นได้ก่อนเรือเราจะไปถึง
บนเรือเร็ว...มีฝรั่งอยู่เต็มลำเรือ....
จองทุ่นแล้วก็ยังนั่งเอ้อระเหยกันอยู่บนเรือ หรือไม่ก็กระโดดลงจากเรือไปแช่น้ำ สงสัยว่าจะไปฉิงฉ่องในน้ำกัน เพราะบนเรือเร็วไม่มีส้วมให้เข้า
ว้า....อย่างนี้เราก็ดำน้ำฉี่ของพวกฝรั่งอยู่น่ะสิ....
น้ำทะเลรอบๆเรือจม Cement แม้จะใสแต่มีสีเขียวไม่เหมือนที่เรือ Blue Water ที่น้ำมีสีฟ้าใส....
อืมมมม....น้ำทะเลผสมฉี่ฝรั่งแล้วเปลี่ยนสีหรือเปล่านะ....
น้องบาย.....Dive Leader ของกลุ่มเรา พาเราตรงดิ่งไปบริเวณใกล้เสาสูงกลางลำเรือ
ที่นั่นเป็นที่ตั้งของเครื่องกว้าน และเครื่องมือจักรกลอีกหลายประเภท ที่มีดงปะการังสีขาว....สีเหลือง และสีเขียวอ่อน ขึ้นล้อมอยู่โดยรอบ...
บนกว้านตัวหนึ่ง มี ปลาใบไม้ (Leaf Fish) สีเหลืองน่ารัก ยืนกางครีบที่เหมือนเท้าลอยหน้าสู้กล้องอยู่....
ชักเมื่อย.....ปลาใบไม้เริ่มขยับเปลี่ยนท่าใหม่...
กระดกก้นสูงอย่างนี้....ทำท่าเหมือนกับจะปล่อยไอพ่น....
ใกล้ๆกันมี ปลาแมงป่อง (Scorpionfish) ตัวเท่านิ้วก้อยนอนหมอบนิ่งๆ แต่ตาประหลับประเหลือกจ้องมองเราอยู่...
เราว่ายไปบริเวณทางเดินด้านซ้ายของกราบเรือใต้โคนเสาเครนเรือ.....ฝูงปลาเล็กๆมากมายแหวกว่ายอยู่ทั่วไป....
อวนผืนใหญ่ที่เราเคยเห็นตั้งแต่เมือสามปีก่อนยังห้อยร่องแร่งอยู่ที่โคนเสาเครน.....
กรรไกรก็พกติดตัวมา....น่าตัดซะจริง
แต่อวนนั้นเก่าเสียจนสิ่งมีชีวิตเกาะติดอยู่เต็ม และถ้าจะตัดกันจริงๆ คงต้องใช้เวลาดำน้ำตัดอวนหลายไดฟ์กว่าจะหมด และจะต้องใช้เวลาเลาะสิ่งมีชีวิตออกอีกหลายชั่วโมง....
ทางเดินข้างลำเรือ เป็นมุมที่สวยมุมหนึ่งของเรือลำนี้....
โครงหลังคาทางเดินถูกประดับประดาไปด้วยหอย...เพรียง...และฟองน้ำ...
ด้านบนมีดาวขนนกหลากสีเกาะติดอยู่ ส่วนด้านข้างเป็นดงปะการังดำ....
เรามีความสุขที่ได้แหวกว่ายอยู่ในบริเวณนี้มาก....
เราเริ่มดำน้ำสูงขึ้นไปบริเวณเคบินด้านท้ายเรือ บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยปะการังดำและไฮดรอยด์ที่หน้าตาสวยเหมือนต้นเฟิร์น แต่มีเข็มพิษร้ายซ่อนอยู่ ขืนไปถูกเข้าล่ะก็จะปวดแสบปวดร้อนมาก
มีเสาข้างลำเรือหลายต้นที่มีสรรพชีวิตขึ้นอยู่เต็ม....
เด็ดสุดต้องเสาต้นนี้....
ดูสิคะ.....มีอะไรเกาะอยู่ที่ใกล้ๆปลายเสา ที่เหมือนกิ่งโคมไฟ....
เห็นหรือยังคะว่า....ตัวอะไร....
ปลากบยักษ์ (Giant Frogfish) ตัวเกือบเท่าลูกฟุตบอล สีเขียวแซมเหลืองตัวโต เกาะนิ่งอยู่บนก้านกิ่งของเสา
ใครจะไป....ใครจะมา ข้าไม่สนใจ......
เราว่ายวนเวียนอยู่แถวโคนเสาเครน.....
มองขึ้นไป.....เสาเครนสูงตระหง่านขึ้นไปใกล้ๆผิวน้ำ
ก้มลงไปมองที่โคนเสาเครนด้านขวา.......
อ้าวอะไรล่ะนั่น.....เหลืองๆ กลมๆ เหมือนลูกบอล.....
ปลากบยักษ์ สีเหลือง ที่ใหญ่กว่าตัวแรก นอนสงบนิ่งอบู่บนหลังคาเคบินใกล้เสาเครนด้านขวา
โอ้.....หน้าตาช่างเหลือเกินจริงๆ....เจ้าประคุณเอ๋ย...
นั่นอะไรอีกล่ะ......กำลังห้อยหัวอยู่ที่คานเหล็กข้างโคนเสา.....
ปลากบยักษ์อีกตัว.....สีออกชมพูอมเทา ที่หน้าตาดูสวยกว่าตัวสีเหลืองมาก....
วิเศษจริงๆค่ะ....การดำไดฟ์เดียวกับปลากบยักษ์ถึงสามตัว
เราเริ่มลอยตัวขึ้นไปตามเสาเครน ที่มีไฮดรอยด์เกาะอยู่เต็ม....เพื่อเตรียมตัวพักน้ำ
ตามกอไฮดรอยด์.....มีทากขน Flabellina exoptata เกาะอยู่มากมาย
เราเพลิดเพลินกับการว่ายวนเวียนชื่นชมทากน้อยแสนสวยแห่ง The Cement Wreck อย่างมีความสุข.....
แต่พอนั่งดิ้งกี้กลับมาขึ้นเรือใหญ่.....หนอยแหน่ะ เจอนักดำน้ำฝรั่งบนเรือเราเองที่ขึ้นไปก่อนหน้าเรา ยืนแอ่นแล้วก็ฉี่อยู่ที่ท้ายเรืออย่างมีความสุขเหมือนกัน
ส้วมก็อยู่ใกล้ๆนั่นแหล่ะ....ทำไมจึงมักง่ายและไม่อายฟ้าดินอย่างนี้
น้ำทะเลคงจะเขียวเข้มขึ้นอีกแน่ๆเพราะเจ้าฝรั่งคนนั้น....ฮึ่....เห็นแล้วอารมณ์เสีย......
zmile.p สายรุ้ง
29-07-2009, 09:25
wow !!! เช้านี้มีความสุขจังค่ะ เปิดประตูบ้านเข้ามาได้ดูของสวยๆงามๆ ฝีมือพี่สองสาย ดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ สวยจังค่ะ labuan เห็นแล้วก็ ...น้ำลายหก แฮะ แฮะ
พี่สองสายคงมีความสุขนะค่ะ เวลาอยู่ใต้น้ำที่นั่น เพราะแค่ได้ดู หนูว่าทุกคนก็มีความสุขและเกิดอาการอยากลงน้ำอีกแล้วค่ะ
ขอบพระคุณนะค่ะ ที่ทำให้มีความสุขตั้งแต่เช้าก่อนเริ่มก้มหน้าทำงานต่อไปทั้งวัน
ปลากบ ปลากบ ปลากบ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ขอบคุณจ้ะน้องเตย....:)
ที่นี่ก็น่าเที่ยวจ้ะ.........เสียแต่อากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะอยู่ในเส้นทางเดินของไต้ฝุ่นที่มีกำเนิดแถว Philippines
เรียกว่าจะไปทีนี่.....ตาดีก็ได้.....ตาร้ายก็เสีย...อิๆ...;)
เช้าวันใหม่.....เรามาตื่นนอนที่ใกล้ๆเกาะเล็กๆกลางทะเลจีนใต้ ในบริเวณที่ถูกจับไปเป็นหนึ่งในหมู่เกาะ Spratly ที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนที่สนใจข่าวคราวเรื่องการบ้านการเมืองของโลก
คำว่า Layang-Layang ในภาษามาเลย์ แปลว่า "Swallows Reef" หรือ "แนวปะการังนกนางแอ่น" เพราะที่นี่มีนกนางแอ่นพันธุ์หนึ่งที่เห็นได้มากมายในบริเวณนี้
เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากเมือง Kota Kinabalu เมืองเอกของรัฐ Sabah ประเทศมาเลเซีย ไกลออกไปกลางทะเลจีนใต้ราว 300 กิโลเมตร เดิมเป็นเพียงอะตอล คือแนวปะการังน้ำตื้นที่ล้อมรอบแอ่งน้ำตื้นๆที่เรียกว่า "Lagoon" ต่อมาได้มีการขุดซากปะการังขึ้นมาถมจนเป็นเกาะปะการังที่มีขนาดเพียง 0.1 ตารางกิโลเมตร ด้วยฝีมือของมนุษย์และเครื่องจักรกล
จากนั้นก็มีการตั้งกองทหารของมาเลเซียขึ้นเพื่อดูแลเกาะและอะตอลที่มาเลเซียอ้างว่าเป็นอาณาจักรของตน ต่อมาก็แบ่งที่ส่วนหนึ่งให้เอกชนเช่าทำเป็นรีสอร์ต (ได้ยินมาว่าเป็นลูกชายของมหาเธ่ อดีตนายกรัฐมาตรีของมาเลเซียเป็นผู้เช่า) ซึ่งกิจการรุ่งเรืองดี
นอกจากแนวปะการังที่สมบูรณ์และหลากหลายแล้ว......ยังมีสัตว์น้ำที่ทำให้ Layang-Layang มีชื่อเสียงดึงดูดให้คนไปเยี่ยมเยือนมากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นสัตว์ใหญ่ๆ คือ ฉลามหัวฆ้อน....ฉลามชนิดอื่นๆ....Manta Ray....Eagle Ray.....Devil Ray.....และถ้าออกไปไกลจากเกาะเพียงเล็กน้อยก็อาจจะได้พบ ฉลามวาฬ....โลมา....ฯลฯ
ข้อมูลจาก..... http://en.wikipedia.org
...................http://www.sabahtourism.com/sabah-malaysian-borneo/en/destination/84-layang-layang-island/
เมื่อเรือเดินทางไปถึง......น้องช้างก็ขึ้นเรือไปที่ทำการทหารบนเกาะ Layang-Layang เพื่อขออนุญาตเข้ามาดำน้ำรอบๆเกาะ และตามอะตอลอื่นๆในหมู่เกาะ Spratly
แน่นอน...น้องช้างต้องนำเงินไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมการเข้ามาดำน้ำให้ทหารที่ประจำการอยู่บนเกาะ (คนละ 70 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็เกือบ 2,500 บาท เทียบกับดำน้ำในจำนวนวันเท่าๆกันที่สิมิลันหรือสุรินทร์แล้ว ที่ Layang-Layang แพงกว่าตั้ง 3 เท่า เขาห้ามบ่นค่ะ เพราะอย่างไงก็เลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นจะอดดำน้ำที่นี่)
The Point
ที่ Layang-Layang นั้น.....แปดโมงเช้าเราก็เตรียมตัวดำน้ำกันแล้วค่ะ...
เช้าวันนี้เราจะลงดำน้ำหาฉลามหัวฆ้อนดูกัน ที่จุดดำน้ำที่เรียกว่า "The Point"
พอกระโดดลงไป.....อุแม่เจ้า! น้ำใสปิ๋ง
มองลงไปก็เห็นแนวปะการังแข็งที่สมบูรณ์ แต่เราไม่สนใจกันหรอก ว่ายตรงดิ่งออกไปนอกขอบแนวปะการัง ไปอยู่ตรงที่เขาเรียกว่า "Deep Blue Water" คือกลางน้ำที่เห็นแต่น้ำทะลสีฟ้าอยู่รอบๆตัวเรา แต่มองไปเบื้องล่าง มืดสลัว ไม่เห็นพื้น....
จะเห็นพื้นได้อย่างไรคะ....ก็พื้นเบื้องล่างนั้น เขาว่าอยู่ต่ำลงไปจากผิวน้ำราว 2 กิโลเมตรเอง...
น้ำใสๆไร้กระแสอย่างนี้ เผลอแพร่บเดียว ลงไปอยู่ที่ 30 กว่าเมตรซะแล้ว โดยไม่รู้ตัว
เราออกไปอยู่กลางน้ำลึกๆกัน เพราะเราจะตามหาฉลามหัวฆ้อนกันนั่นเองค่ะ
ฉลามหัวฆ้อนจะขึ้นมาจากน้ำลึกๆเย็นๆ เพื่อหาอาหารกิน เราก็เลยต้องไปคอยอยู่ตรงที่ลึกๆเย็นๆเพื่อคอยต้อนรับกัน....
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที...หามีฉลามหัวฆ้อนไม่.....
เราก็เลยตีฟินกลับไปหาแนวปะการังของตายกันอย่างเฉาๆ เหงาๆ....
แนวปะการังของ The Point ดูจะสมบูรณ์กว่าเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ก็ยังไร้สีสันเช่นเคย เพราะทั้งปะการังแข็งและปะการังอ่อนของที่นี่มีแต่สีตุ่นๆ ดำๆ....ขาวๆ....เทาๆ....
หินหัวคออีแร้งแบบนี้....เหมือนกับที่ได้เห็นที่หน้าถ้ำเกาะห้าใหญ่ของเรานะคะ...แต่ของเราสวยกว่าเยอะ เพราะมีปะการังอ่อนหลากสีสันเกาะเต็มไปหมด...
ที่นี่....มีโพรงมีรูให้ดูเหมือนกัน....
สีสันทำให้น่านอนจริงๆ....
มาตาโตตื่นเต็มที่ก็ตอนเจอของโปรด......
หอยมือเสือยักษ์ (Tridacna Gigas) ขนาดกว่าเมตร นอนยิ้มแฉ่งต้อนรับเราอยู่
อู็วววว.....สามปีผ่านไป น้องหอยฯ ยักษ์ ตัวโตขึ้นเยอะเลยค่ะ....
ปลาเหยี่ยวนางฟ้า (Pixy hawkfish) เท้าครีบดูมนุษย์กบกับหอยยักษ์....
นานๆทีจะได้เห็น ปลาข้าวเม่าน้ำลึก (Soldierfish) ตัวสีออกม่วงๆแบบนี้ เพราะตามปกติจะได้เห็นแต่ตัวสีแดงๆนะคะ
เจ้าตัวนี้เป็นลูกปลาวัวจิ๋ว (Filefish or Leatherjacket) ที่เนื้อตัวตะปุ่มตะป่ำ เหมือนท้าวแสนปม
ความน่ารักช่างซ่อนอยู่ใต้ความน่าเกลียดได้อย่างเนียน....
โอ๊ะโอ.....ดูไปดูมา ที่แท้ไม่ใช่ปลาวัวสักนิด
แต่เป็น ปูเสฉวน ตัวเขื่องที่เปลือกหอยนั้น มองจากด้านข้างคล้ายๆปลาวัวมากๆ
ปลาบู่ลูกดอกสีเพลิง (Fire dartgoby) ที่ Layng-Layang เชื่องแสนเชื่อง แต่ตัวเล็กๆทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ
ปลาผีเสื้อ (Butterflyfish) มีหลากหลายพันธุ์ให้ชื่นชม.....
ปลาน้อยสุดโปรดของคุณสายน้ำ.......ปลาปักเป้าเล็กหลังบั้ง (Black-Saddle toby)
เห็นที่ไหนเป็นตามถ่ายภาพไม่หยุด....จนกว่าจะเหนื่อยกันไปข้างหนึ่ง....
ทากทะเลที่ The Point มีให้เห็นอยู่ตัวเดียวเองค่ะ
แถมเป็นพันธุ์สามัญ ทากปุ่มซะอีกสิคะ......
เห็นภาพดาวขนนกที่รัดกิ่งก้านกัลปังหาเสียแน่นหนาแล้ว.....อดสงสารกัลปังหาไม่ได้เลย
แต่ภาพนี้เป็นภาพที่มีสีสันที่สุดของ The Point
ปลากะพงและปลาหางแข็งฝูงใหญ่ว่ายวนเวียนอยู่ด้วยกัน
ตามยอดหินที่สูงเกือบถึงผิวน้ำ...ปะการังโต๊ะตัวใหญ่สวยสง่างามตั้งตระหง่านอยู่ทั่วไป....
เราลัดเลาะไปตามแนวปะการังที่สมบูรณ์ของ The Point อย่างสบายอารมณ์ จนถึงเวลาขึ้นสู่ผิวน้ำ....
ขอบคุณจ้ะน้องบุ๋ย.....
ขอให้ดำน้ำที่อันดามันใต้อย่างปลอดภัย....มีความสุข....สนุกสนาน นะคะ
ฝากสวัสดีและส่งความคิดถึงให้น้องขวัญ เจ้าของเรือฟ้าใสด้วยค่ะ....
The Shark Cave
จาก The Point เราขึ้นมาพักทานข้าวและพักผ่อนกัน 2 ชั่วโมง แล้วก็ไปดำน้ำต่อกันที่ The Shark Cave ที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน มีโพรงถ้ำที่หน้าผาหลายแห่งซึ่งจะมีฉลามนอนหลับพักผ่อนอยู่
เช่นเคย.....เรากระโดดลงน้ำได้ก็ว่ายออกไปกลางน้ำลึกสีฟ้า เพื่อจะเร่หาฉลามหัวฆ้อนดู
ฟลาวส์อีกเช่นเคยค่ะ....ไม่เห็นแม้เงาของฉลามหัวฆ้อน
ไปหาอะไรที่สวยๆงามๆดูที่แถวริมกำแพงผาที่สูงชันกัน น่าจะดีกว่านะคะ.....
อู้วววว....สวยและมีสีสันกว่า The Point เยอะเลยล่ะค่ะ....
ปะการังอ่อน....กัลปังหาพัด....ฟองน้ำ.....ดาวขนนก....
เหล่านี้ล้วนทำให้หน้าผาแห่งนี้สดใสขึ้นมากมาย....
ผาสูง....น้ำใสเป็นสีฟ้า ทำให้เรารู้สึกเหมือนนกที่บินร่อนถลาอยู่ตามหุบผาที่กว้างใหญ่....เวิ้งว้าง...
กัลปังหาตามหน้าผาช่างสวยงามและสมบูรณ์....
ปะการังอ่อนหลายชนิดที่แม้จะไร้สีสัน แต่การพริ้วไหวไปตามกระแสน้ำ ทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวาขึ้นได้.....
โน่น.....ที่หลืบถ้ำข้างล่าง ที่ความลึกกว่า 40 เมตร มีฉลามครีบขาว นอนพักผ่อนอยู่
ลึกอย่างนี้ ไม่ขอลงไปดูใกล้ๆดีกว่าค่ะ.....
ถ่ายภาพออกมา ฉลามเลยตัวเล็กกระจิ๋วหลิว.....แถมตะกอนทรายจากหน้าผาที่ฟุ้งออกมาจากการที่ฟองอากาศของคนที่อยู่ต่ำกว่าเราลงไปหายใจขึ้นมาอัดทรายตามหลืบผา ปลิวว่อนอยู่ทั่วไป
ไม่ได้ดังใจเล้ย.....
ดูฉลามไม่สนุก....หันมาดูตัวเล็กตัวน้อยดีกว่า
จากที่เคยดำน้ำแบบว่ายขนานไปกับผิวน้ำ ก้มหน้ามองหาฉลามข้างล่าง เราเริ่มตั้งตัวตรง ตัวตั้งฉากกับผิวน้ำ และหันหน้าเข้าหาหน้าผา
ของดีมีให้ดูตามซอกหลืบของหน้าผา.....
ไม่น่าเชื่อ.....ที่เราได้เห็น หอยเบี้ย (Cowry) จริงๆ ไม่ใช่หอยเบี้ยเทียม (Allied Cowry)
เขาเป็นหอยเบี้ยตัวสีน้ำตาลอ่อน มีจุดสีน้ำตาลเข้มแต้มขาว และขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งปะการังสีแดงส้มสดใส
ช่างสวยและน่ารักเหลือเกิน....
นับเป็นของขวัญที่ทำให้ลืมฉลามไปได้เลยล่ะค่ะ.....
หลังจากได้เห็นหอยเบี้ยแล้ว.....ที่นี้เห็นอะไรๆก็สวยงามไปหมด
อย่างเช่น.....เพรียงหัวหอม ธรรมด๊า....ธรรมดา ก็ดูสวยค่ะ...
ปลาบู่ลูกดอกสีเพลิง (Fire dartgoby) ก็ยิ้มหวานให้....
ปลาเหยี่ยววงตาโค้ง (Arc-Eye hawkfish) ก็ทำตาหวานให้...
ปลาเหยี่ยวหน้าจุด (Freckled hawkfish) ก็ดูดี...
เราค่อยๆไต่ระดับจากหน้าผา ขึ้นไปที่ลานบนยอดแนวปะการังใกล้ผิวน้ำ....
ที่นั่นมีสภาพคล้ายกับแนวปะการังของ The Point แต่อัดแน่นไปด้วยปะการังแข็ง ปะการังอ่อน ประเภทปะการังดอกไม้ และปะการังหนัง
เมื่อขึ้นไปถึงที่ราบของแนวปะการัง เราก็ได้เห็นปะการังอ่อนประเภทปะการังดอกไม้ และปะการังหนัง หนาแน่นมากขึ้น....
บางแห่ง...ปะการังแข็งพยายามยืดตัวให้สูงใหญ่ เพื่อแข่งกันรับแสงแดดกับปะการังแข็งด้วยกันเองและปะการังอ่อนสารพัดชนิด....
ทั้งปลาเศรษฐกิจและปลาสวยงามอาศัยอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ไม่มีอาการตื่นตกใจเมื่อเราเข้าใกล้...
ที่ทำให้สองสายต้องตาโตด้วยความแปลกใจระคนทึ่ง เมื่อได้เห็นกับตาตนเองว่าปลาผีเสื้อหลังดำ (Black-Backed Butterflyfish) แสนสวย กำลังกินปะการังหนัง (Wrinkled Soft Coral, Sarcophyton sp.) ที่หุบโพลิบสนิทอยู่ โดยวิธีใช้ปากแหลมๆเล็กๆดึงตัวโพลิบของปะการังหนังออกมาจนยาวยืด แล้วก็ดูดกินตัวโพลิบอย่างเอร็ดอร่อย
เห็นแล้วรู้สึกว่า.....ปลาสวยแต่ใจร้ายจัง.....
เราดำน้ำอยู่แถวๆเกาะ Layang-Layang อยู่หนึ่งวัน แล้วก็แล่นเรือออกไปดำน้ำสองวันที่แถวๆ Dallas Bank ซึ่งเป็นแนวปะการังใต้น้ำ ห่างออกไปราว 30 กิโลเมตร ทางด้านเหนือของเกาะ Layang-Layang
จากนั้นก็วนกลับมาดำน้ำที่ Layang-Layang อีกหนึ่งวันเป็นการปิดท้ายทริปนี้....
Crack Reef
ทางด้านใต้ของเกาะ Layang-Layang เป็นร่องน้ำเชื่อมต่อเขตน้ำตื้นในลากูนกับทะเลลึกนอกลากูน ที่เรือใช้แล่นเข้าออก
แต่ร่องน้ำแห่งนี้ (เขาว่า) มีของดีตัวเล็กจิ๋วอย่าง Pygmy Seahorse ให้ดู
นักดำน้ำฝรั่ง 4 คนที่ดำน้ำอยู่กลุ่มเดียวกับสองสาย ดูท่าจะตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้เห็น Pygmy Seahorse ส่วนคนไทยอย่างสองสายก็ดีใจที่จะได้เห็นเช่นกัน แต่เก็บอาการไว้เงียบๆ
เมื่อกระโดดลงไปจากเรือ.....น้องบายและครูปัญญาก็พาเราที่อยู่ในกลุ่มแรกว่ายตรงดิ่งไปที่หน้าผาใต้น้ำที่มีกิ่งกัลปังหาพัด (Gorgonioan Fan, Annella sp..) ต้นเล็กๆที่ไร้รูปทรงสองต้น แล้วก็จ้องๆดูอยู่อย่างขมักเขม้น โดยมีนักดำน้ำฝรั่งช่วยลุ้นอยู่อย่างใจจดใจจ่ออีกด้านหนึ่งของกัลปังหา....
ส่วนพวกเราคนไทย ลอยตัวคอยอยู่ห่างๆ เพราะไม่อยากจะไปขัดขวางการหา Pygmy Seahorse ของน้องบายและครูปัญญา
สังเกตไหมคะ....มีกัลปังหาต้นหนึ่งเหี่ยวแห้งตายอยู่ระหว่างอีกสองต้นที่มีผู้รุมล้อมอยู่....
สันนิษฐานว่าคงเคยมีม้าน้ำแคระอยู่ที่ต้นนี้มาก่อน แต่คงบอบช้ำเพราะมีคนมาคุ้ยมาเขี่ยเพื่อหาม้าน้ำแคระกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เลยบอบช้ำซ้ำซากตายไปให้หมดเรื่องหมดราว
เมื่อน้องบายและครูปัญญาหาม้าน้ำแคระพบ 3 ตัว บนกิ่งกัลปังหา 2 ต้น....ฝรั่งทั้ง 4 คนก็มะรุมมะตุ้มเข้ามาดูและถ่ายภาพแบบไม่ถอย เราเห็นแล้วก็สุดเซ็ง จึงลอยตัวคอยกันอยู่อย่างนั้น จนครูปัญญาต้องกันฝรั่งออกไป แล้วเรียกคุณสายน้ำให้เข้าไปถ่ายภาพม้าน้ำบ้าง
ด้วยความเกรงใจ...ไม่อยากให้ใครมาคอย และรำคาญพวกฝรั่งที่ทั้งเบียด กระแทกและยื่นมือเข้ามาถ่ายภาพ คุณสายน้ำเลยถ่ายได้ภาพม้าน้ำแคระ พันธุ์ Hippocampus denise
ห้อยหัวหกคะเมนตีลังกามาเพียงตัวเดียวและภาพเดียว....
เมื่อกลุ่มดำน้ำอื่นตามลงไปอีก....คิวก็ยิ่งยาวขึ้น เพราะฝรั่งยังไม่ยอมถอยสักที...
พวกไม่ชอบความชุลมุนวุ่นวายอย่างเราก็เลยต้องถอยห่างออกมา.....
อย่างนี้....
และมุดเข้าโพรงถ้ำไปเลย....อย่างนี้....
กว่าน้องบายจะหลุดออกมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ชี้ม้าน้ำแคระให้ฝรั่งดูได้ ก็เล่นเอาพวกเราที่คอยอยู่แทบจะหมดเวลาดำน้ำที่ระดับความลึกเกือบ 30 เมตร
เราจำต้องลอยตัวสูงขึ้นจากความลึกดังกล่าวมาอยู่ที่ความลึกราว 25 เมตร แล้วก็ว่ายลัดเลาะไปตามหน้าผาที่สวยงาม
กัลปังหาต้นนี้คงไม่มีม้าน้ำแคระ เลยยังดูสดชื่นสวยงามกว่ากัลปังหาสองต้นที่เราได้เห็นมา.....
หน้าผาใต้น้ำของ Crack Reef สวยงามด้วยสรรพชีวิตหลากหลายชนิด เช่น
กัลปังหา.....ฟองน้ำ......ปะการังอ่อน....ปะการังแข็ง.....
สายชลติดใจสีหวานๆของปะการังอ่อนที่ Crack Reef มาก
เห็นแล้วคิดถึงปะการังอ่อนที่เกาะบอนของไทยจริงๆค่ะ....
ความหลากหลายของสรรพชีวิตที่ Layang- Layang ทำให้สายชลหลงรักที่นี่ได้ไม่ยากเลย
แต่น่าแปลก.....ดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนที่ Layang-Layang นี่ไม่ค่อยมีให้ดูเลยค่ะ
ขนาดที่ Crack Reef ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่สมบูรณ์ที่สุดของ Layang-Layang ยังมีดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนให้เห็นอยู่อย่างละตัว คือ เป็นดอกไม้ทะเลหนวดยาว ที่ปลายหนวด(บางส่วน)เหมือนหลอดไฟ และปลาการ์ตูนที่อาศัยอยู่เป็น ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ (Tomato Anemonefish) ซึ่งตัวโตและสวยมาก
อยู่ตัวเดียวเปลี่ยวเอกาอย่างนี้แล้วจะแพร่พันธุ์ได้อย่างไรกันนะ....
เพรียงหัวหอมก็มีให้ดูค่ะ.....
ที่เห็นนี่ เป็นเพรียงหัวหอมเหลืองตัวโต ที่น่ารักขึ้นมาก เมื่อมีปลาบู่จิ๋วมาเกาะอยู่ด้วย
เราไต่ระดับสูงขึ้นไปใกล้ผิวน้ำมากขึ้น.....
ความงามของสรรพชีวิตบริเวณขอบผา ยังมีให้เราเห็นได้ตลอดทาง.....
ทากทะลก็มีให้ชมค่ะ.....
คู่แรกที่เห็นเป็นทากสามัญ Chromodoris lochi สีฟ้าเข้ม ขีดดำ หนวดและพู่สีส้มสวย...
Chromodoris kuniei สวยงาม เดินสะบัดกระโปรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว
วู้วววว......ไม่เคยเห็น Chromodoris kuniei เดินเปิดกระโปรงสูงๆอย่างนี้มาก่อนเลยล่ะค่ะ
ความสดใสของ Chromodoris kuniei ทำให้ทากปุ่ม Phyllidiopsis pipeki ดูซีดไปเลยค่ะ
แต่สีสันของสรรพชีวิตที่ Phyllidiopsis pipeki ตัวนี้เกาะอยู่ ก็ทำให้ภาพของทากปุ่มตัวนี้ดูสวยขึ้นมาก
ploybabe
30-07-2009, 21:30
โอ้ยๆ สวยมากๆเลยค่ะป้าน้อย คือ เพิ่งจะได้ดู เลยไล่ดูตั้งแต่ต้น ทีนี้ ไอ้นี่ก็สวย ไอ้นั่นก็ชอบ
ตกลง ตาลายค่ะ เหอๆ
เพิ่งเคยเห็นปลาผีเสื้อ Spot-Banded Butterflyfsih ชัดๆเป็นครั้งแรกค่ะ....
ชอบลายและจุดสีดำบนตัวสีเหลือง และขอบตาสีส้มที่สดใสมากค่ะ....
ปลาเหยี่ยววงตาโค้ง (Arc-Eye Hawkfish) กลายเป็นปลาสามัญของ Layang-Layang
แต่สองสายก็ชอบปลาชนิดนี้มาก เพราะดูหยิ่งๆเชิดๆกว่าปลาอื่นๆ
สำหรับตัวนี้ ถ่ายภาพมา เพราะเป็นลูกปลาเหยี่ยวที่ตัวเล็กนิดเดียว
นี่คืออะไร.....ใครตอบได้มีรางวัลให้ค่ะ....
สีเหลืองๆ....แบนๆ...ขนาดเท่ากำปั้น...
เนื้อมีรูพรุน... รอบๆตัวมีเนื้อยื่นออกไปเป็นเส้นเล็กๆปลายแหลม เหมือนเข็มของหอยเม่น
สวยแปลกๆดีค่ะ...
เราจบการดำน้ำที่ Crack Reef อย่างมีความสุขสนุกสนานค่ะ.....
ขอบคุณจ้ะหนูพลอย.....:)
ยังมีสิ่งสวยๆงามๆและน่าสนใจอีกมากมายให้ชม
ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะจ๊ะ...;)
zmile.p สายรุ้ง
31-07-2009, 09:41
เห็นรูปพี่สองสายแล้วรู้สึกว่า ท้องทะเลที่นี่สวยงามมากเลยนะค่ะ สภาพดูสะอาดตาดีจัง
อยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บางจังค่ะ
Super_Srinuanray
31-07-2009, 09:54
ที่หมู่เกาะ Spratly ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ทำลายนะคะ แต่ผู้ทำลายของเค้า ที่นอกเหนือจาก
เรือประมง ที่นานๆๆ จะเข้ามาสักที ก็มี ดาวมงกุฎหนาม ที่เป็นนักทำลายด้วยเหมือนกัน
ทริปสุดท้ายที่ไปมา ทางรีสอร์ท เค้าก็ส่ง DiveLeader ของเค้า เอาตะขอเหล็ก มาเกี่ยวดาวมงกุฎหนาม และนำขึ้นไปตากแห้งบนเกาะด้วยค่ะ แต่อาจจะทำได้ไม่ทั่วถึง เพราะอากาศเริ่มไม่ค่อยดีแล้วค่ะ และ ก็จะปิดซีซั่น ด้วยเหมือนกัน
ในที่สุดธรรมชาติก็ย่อมทำลายธรรมชาติด้วยเหมือนกัน.....โดยเป็นไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ
ถ้าเป็นเรื่องตามธรรมชาติ.....ปลาใหญ่กินปลาเล็ก.....ดาวมงกุฎหนามกินปะการัง เรายังพอรับกันได้นะคะ
แต่มนุษย์ไปอยู่ที่ไหน.....การทำลายย่อมตามมา.....
ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหน....สภาพทะเลของ Spratly ก็ยังถูกมนุษย์ตามไปทำลายได้เช่นกันค่ะ
เล่าต่อนะคะ....
Gorgonian Forest
จุดดำน้ำที่ขึ้นชื่อของ Layang-Layang อีกจุดหนึ่งที่เราไปดำน้ำเป็นไดฟ์ปิดท้ายนั้น มีชื่อว่า Gorgonian Forest สงสัยว่าที่นี่จะมีกัลปังหาพัดมากมาย จึงได้ชื่อนี้มานะคะ
จุดดำน้ำนี้อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ Layang-Layang ในส่วนที่ทหารของมาเลเซียครอบครองอยู่
เราลงดำน้ำที่ Gorgonian Forest กันสองไดฟ์ แต่ไดฟ์แรกไม่ได้เห็นทั้งฉลามหัวฆ้อน และ แม้แต่กัลปังหาพัดที่เป็นชื่อของจุดดำน้ำแห่งนี้
แต่ในไดฟ์ที่สอง......เรากลับได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น
เมื่อเราทิ้งตัวลงไปใต้น้ำ.....เราพบว่าน้ำดูใสมาก แต่เมื่อออกไปอยู่กลางน้ำลึกที่มองไปไม่เห็นพื้น ไม่เห็นฝั่ง เราก็เห็นตะกอนลอยฟ่องและน้ำค่อนข้างจะเย็นกว่าเคย
สภาพอย่างนี้แหล่ะที่ฉลามหัวฆ้อนชอบขึ้นมาจากน้ำลึก เหมือนที่เราเคยได้เจอหัวฆ้อนฝูงใหญ่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
เราเริ่มลุ้น.....มาให้เห็นหน่อยน่า น้องฉลามหัวฆ้อน
นี่จะเป็นไดฟ์สุดท้ายที่ Layang-Layang แล้วนะน้องเจ้า
เราลอยตัวอยู่ที่ความลึก 30 เมตร พร้อมกับก้มหน้าลงไปดูเบื้องล่างที่ขุ่นมัว ด้วยเหตุแสงที่ส่องลงไปถึงได้น้อย และตะกอนที่ลอยฟ่องทั่วไป
มีการเคลื่อนไหวไปมาอยู่เบื้องล่าง.....
เพี้ยง.....หัวฆ้อนจงมา....
กรี๊ดดด....กรี๊ดดดด....
มาแล้วๆ.....หัวฆ้อนมาแล้ว.....
วิ้ววววววว.......สายชลทิ้งตัวดิ่งลงไปหาฉลามหัวฆ้อนตัวโตที่ว่ายอยู่เบื้องล่าง........
เย้......ไม่ใช่ฉลามหัวฆ้อนตัวเดียว แต่มีอยู่ 5 ตัวด้วยกัน น่ารักที่สุด
กำลังจะถ่ายภาพฉลามหัวฆ้อนสามตัวอยู่รวมกัน.....น้องบายก็ตามลงมาฉุดให้ขึ้น
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด.......40 เมตร.....
พวกเราทุกคนในกลุ่มดำน้ำดีใจกันมากที่ได้เห็นฉลามหัวฆ้อนที่ตามล่าหาดูมาหลายวันแล้ว
และดีใจหนักขึ้นไปอีกที่เราเป็นกลุ่มเดียวที่ได้เห็นฉลามหัวฆ้อน
เราว่ายกลับเข้าแนวปะการังน้ำตื้นอย่างสุขใจ......
กำปั้นของพวกเราถูกยกขึ้นชิดติดขมับเป็นสัญลักษณ์ของฉลามหัวฆ้อนที่เพิ่งได้เห็น.....
แนวปะการังบริเวณ Gorgonian Forest สวยงามและสมบูรณ์เช่นเดียวกับจุดดำน้ำอื่นๆของ Layang-Layang ที่ยาวต่อเนื่องกัน
ปลากลางน้ำวัยรุ่นหลายชนิดเข้ามาอาศัยอยู่เหนือแนวปะการัง...
เราพบหอยมือเสือยักษ์ (T. Gigas) ตัวหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าที่ได้เห็นที่ The Point
ดอกไม้ทะเลของที่นี่ มีแต่พันธุ์ขนยาว และปลาการ์ตูนที่เห็นมีแต่พันธุ์ลายปล้อง (Clark's Anemonefish)
แต่ภาพนี้ดูไม่ออกเลยค่ะว่าจะเป็นปะการังหนวดดอกไม้ทะเล (Joker Coral).....ดอกไม้ทะเล.....ปะการังอ่อน....ฟองน้ำ หรือว่าทั้งสี่อย่างรวมอยู่ในกอเดียวกัน....
ท่านนักวิชาการช่วยกรุณาให้คำตอบด้วยนะคะ....
ภาพนี้พอจะแยกออกว่ามีทั้งปะการังอ่อน........ปะการังแข็ง........ฟองน้ำ..
นี่ก็ปะการังอ่อนที่พริ้วไหวไปตามกระแสน้ำ....
ปลาเหยี่ยววงตาโค้ง (Arc-Eye Hawkfish) เกาะอยู่บนปะกรังแข็งมีปะการังอ่อนเป็นฉากหลัง
ปลาผีเสื้อจุดรูปไข่ (Oval Spot Butterflyfish) ที่หาดูได้ยากในบ้านเรา แต่ที่นี่เห็นว่ายกันอยู่หลายตัว
เขาว่ายพาเราไปดูความสมบูรณ์และความหลากหลายของแนวปะการังแห่ง Layang-Layang อย่างภาคภูมิใจค่ะ....
ปลาผีเสื้อปิรามิด (Pyramid Butterflyfish) อยู่กันเป็นฝูงใหญ่
ในสองภาพล่างมีปลาเก๋าตัวโตมาว่ายหากินอยู่ด้วย....
ปลาผีเสื้อปากยาวขอบตาขาว (Longnose Butterflyfish) แสนเชื่อง ว่ายอยู่ทั่วไปในแนวปะการังน้ำตื้น
ปลาผีเสื้อหลังดำ (Black-Backed Butterflyfish) ของที่นี่ดูสวยและสีสันสดใส
ปลาโนรีฝูงใหญ่ว่ายอยู่ในรอยต่อระหว่างริมขอบแนวปะการังกับห้วงน้ำสีฟ้าที่กว้างไกลสุดสายตา
ปลาสร้อยนกเขาดอกดำ (Many Spotted Sweetlips) ซึ่งตามปกติจะเห็นอยู่เป็นฝูง แต่วันนี้เราเห็นปลาตัวนี้อยู่ตามลำพังเพียงตัวเดียว
เพิ่งเคยเห็นปลาสลิดหินที่สีและลายสวยมากๆ
เปิดตำราแล้ว....แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นปลาสลิดหิน Princess Damsel หรือเปล่าค่ะ
ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ....
Super_Srinuanray
02-08-2009, 09:05
เห็นด้วยกับพี่น้อยค่ะ ที่ลายังลายังนี้ มีความหลากหลายของมวลหมู่ ปะการัง มากกกกกกกกจิ๊งงง
ปลาบางประเภท ก็ไม่เหมือนกับบ้านเราเลย ไปดำน้ำที่นี่ครั้งแรก ก็ตื่นตาตื่นใจ สุดๆๆ เช่นกัน
ดำกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลยค่ะ.....รอชมภาพและคำบรรยายระดับเซียน อีกค่ะ .....
ขอบคุณจ้ะน้อง snr......:)
วันนี้ยุ่งงทั้งวัน.....พรุ่งนี้มาเล่าต่อนะจ๊ะ.....
มีปลาอีกมากมายหลายชนิดให้ชม....
ฟองน้ำครกใบใหญ่ๆก็เห็นได้ทั่วไป....
ลงไดฟ์แรกที่นี่ไม่ได้เห็นกัลปังหาพัดตามชื่อของจุดดำน้ำแห่งนี้เลยสักต้น...
แต่พอลงดำน้ำที่นี่อีกครั้ง....เราได้เห็นกัลปังหาพัดสวยบ้างไม่สวยบ้างที่นี่หลายต้น
ถึงกัลปังหาพัดจะสวยหรือไม่สวย....อย่างไรก็ค่อยสมกับที่ตั้งชื่อจุดำน้ำนี้หน่อยนะคะ...
ไป Layang Layang ครั้งนี้ ได้พบเต่าอยู่ตัวเดียวเองค่ะ....
เต่าตัวนี้เป็นเต่าตนุตัวยาวราวครึ่งเมตร ตัวผู้หรือตัวเมียไม่ทราบได้ แต่คุณท่านเล่นกัดปะการังกินกร้วมๆอย่างเอร็ดอร่อย
เต่าน้อยๆอย่างนี้ก็ดีไปอย่างค่ะ....ปะการังและหอยวัยละอ่อนจะได้เสียหายนัอยหน่อย ไม่อยากเห็นเต่ามากมายอย่างสิปาดัน ที่ปะการังหายหมด (หอยมือเสือก็ไม่มีให้เห็นสักตัว) เพราะเต่ามีมากมายเกินไป
พูดถึงเรื่องเต่าแล้วอยากร้องไห้ เพราะไม่วายหวนนึกถึงหอยมือเสือที่เรานำไปปล่อยที่ชุมพร แล้วถูกเต่ากินกร้วมๆเหลือแต่เปลือกขาวแหง๋.....
ปะการังในปากเต่าตัวนี้ คงจะแข็งพอๆหรือแข็งกว่าเปลือกหอยมือเสือที่เรานำไปปล่อย แต่เต่าก็กัดเคี้ยวปะการังได้อย่างสบายๆค่ะ
ก่อนจะขึ้นสูผิวน้ำ...เราสังเกตเห็นปะการังหลายชนิด มีลักษณะด่างขาว
ว่ายวนดูรอบๆบริเวณนั้น ก็ได้เห็นตัวต้นเหตุี่ทำให้ปะการังฟอกขาว
ดาวมงกุฎหนาม (Crown of Thorns Sea Star) หลายตัวกำลังกินปะการังแข็งอยู่ และหลายตัวลงไปนอนสุมกันอยู่ที่ซากปะการังแข็งที่พื้น ไม่แน่ใจว่าดาวมงกกุฎหนามไปนอนรวมกันเอง หรือมีนักดำน้ำจับไปรวมกันไว้
ถ้าปริมาณของดาวมงกุฎหนามมีมากอย่างนี้.....เห็นทีจะไม่เป็นผลดีดีกับแนวปะการังของ Layang Layang แน่นอน
พวกนักดำน้ำที่ได้เห็นฉลามหัวฆ้อนดูจะมีความสุขกันมาก ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำเลยถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก....
ปิดท้ายการดำน้ำไดฟ์นี้ด้วยภาพทากปุ่ม Phyllidiella pustulosa ที่มีปลาบู่จิ่วเกาะอยู่บนหลัง
ใกล้ๆกันมีทากอีกชนิดหนึ่งซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นทากชนิดไหน นอนอยู่ใกล้ๆ....
น่ารักดีค่ะ...
Dallas Reef and Marivelles Reef, Spratly Islands
เหนือขึ้นไปจากเกาะ Layang-Layang ไม่ไกลนัก มีแนวปะการังใต้น้ำที่สมบูรณ์อยู่หลายแห่ง สองในหลายๆแห่งนั้นมีชื่อเรียกว่า Dallas Reef และ Marivelles Reef
สำหรับทริปนี้.....เราได้ดำน้ำที่ Dallas Reef 2 ไดฟ์ และที่ Mariveles Reef อีก 2 ไดฟ์
ภาพจาก.....http://en.wikipedia.org/wiki/Spratly_Islands
Meng's Point, Dallas Reef
Dallas Reef เป็นแนวปะการังที่ยอดจมอยู่ใต้ทะเลลึกราว 5 เมตร ยอดของแนวปะการังแบนราบ มีร่องหินที่น้ำไหลบ่าจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งให้เห็นเป็นแนวอยู่ สามสองแห่ง
ด้านข้างของแนวปะการังจะค่อยลาดเอียงไปสู่ความลึกเบื้องล่าง ที่น้ำคงลึกสองสามกิโลเมตรเช่นเดียวกับ Layang-Layang
จุดดำน้ำแห่งแรกที่เราลงที่ Dallas Reef มีชื่อว่า Meng's Point ได้ยินว่า Meng หรือ เม้ง นั้นเป็นชื่อกัปตันเรือ Dive Master ผู้ที่พบจุดดำน้ำแห่งนี้ เลยตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกัปตัน
เมื่อเรากระโดดและก้มหน้าลงไปดูใต้น้ำ............ก็เห็นว่าน้ำทะเลที่นี่ใสแจ๋วและเป็นสีครามสดใสกว่าที่ Layang-Layang
แต่แปลก.....ที่นี่ดูไร้ชีวิตชีวา.....ไร้สีสัน.....
ปลาไม่ทราบว่าหายไปไหนกันหมด.....ปลากลางน้ำแทบไม่มีให้เห็นเลย
สองสายได้เห็นปลาหูช้างว่ายอยู่อย่างเหงาๆเพียงลำพัง เพื่อนฝูงหายกันหมด
ปลาในแนวปะการังก็มีให้เห็นน้อยมาก.....
เจ้าปลาตั๊กแตนหินเขี้ยวแถบดำ (Mimic Blenny) ก็คงงงๆที่เพื่อนหายไปไหนหมด....
ปะการังของที่นี่แม้จะมีทั้งปะการังแข็งและปะการังอ่อน แต่ก็ไร้สีสัน มีแต่สีเทาๆ ทึมๆ....
ที่ทำให้ดูสดใสหน่อยจะเป็นกัลปังหาที่แทรกอยู่กลางกอปะการังแข็งนานาพันธุ์...
ยิ่งเมื่อโพลิปของกัลปังหาบานสะพรั่ง ก็ทำให้จุดนั้นดูดีขึ้นเป็นกอง
ดำน้ำมาหลายไดฟ์.....เพิ่งเคยเห็นแส้ทะเลอยู่กันเป็นดงก็ที่นี่เอง
ดอกไม้ทะเลก็พอจะมองเห็นได้ แต่ปลาการ์ตูนที่มีให้เห็นไม่กี่ตัวนั้นเป็นการ์ตูนลายปล้องสีขาวดำ
เราเห็นยอดปะการังแข็งหลายแห่งมีอาการฟอกขาว.....
ตัวต้นเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน......ดาวมงกุฎหนาม เจ้าประจำผู้ดููดกินตัวโพลิปปะการังเป็นอาหารโปรดนั่นเอง
ดูท่าว่าดาวมงกุฎหนามกำลังจะระบาดไปในหมู่เกาะ Spratly ซะแล้วนะคะ....
ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ.....กอปะการังก็จะขาวโพลนไปหมด สัตว์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามกิ่งปะการัง เช่นปูลายสวยตัวนี้ ก็คงจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น
ปะการังแข็งก็จะหมดไป ปล่อยให้ปะการังอ่อน กัลปังหา เพรียงหัวหอม สาหร่าย และอื่นๆอีกมากมายเข้ามาจับจองพื้นที่แทน...
Ekachai Reef, Dallas Reef
เมื่อเราลงดำน้ำที่ Meng's Point แล้ว เรามีความรู้สึกไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไร จนคิดไปว่า Dallas Reef ไม่สวยและสมบูรณ์สมคำร่ำลือเลย
แต่เมื่อเราได้ลงดำน้ำอีกด้านหนึ่งของ Dallas Reef ที่ชื่อว่า Ekachai Reef......เรากลับได้พบว่า Dallas Reef ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ที่มาของชื่อ Ekachai หรือ เอกชัย นั้น จำไม่ได้เสียแล้วว่าน้องช้างเล่าว่าได้ชื่อมาอย่างไร ต้องขอให้น้องติ่งมาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ
เมื่อเราทิ้งตัวลงไปใต้น้ำที่ Ekachai Reef....เราเห็นฝูงปลาหางแข็ง หรือ Jackfish ฝุงใหญ่ กำลังรวมตัวว่ายหากินอยู่....
และที่เนินทรายใต้น้ำลึกกว่า 40 เมตร ริมขอบหน้าผาที่อยู่ลึกลงไปไม่เห็นพื้นนั้น มีฉลามครีบขาวว่ายวนเวียนหากินอยู่สองสามตัว....
ฟองน้ำครกใหญ่ๆของที่นี่มีมากมาย และลักษณะรูปทรงแปลกแยกแตกต่างกันไป....
รูปร่างแปลกแยกแตกต่างกันแค่ไหน....เชิญชมเองนะคะ....
และใหญ่แค่ไหน....ต้องไปถามครูปัญญา....ที่ห้อยหัวมุดปากฟองน้ำครกลงไปสำรวจในปล่องกลางตัวฟองน้ำครก....
เหวออออ... ตามแอบดูมาเงียบๆ เจอภาพสุดท้ายนี่เล่นเอาเหวอเลยค่ะ ..
แหม.. ทำไปด๊ายยย..อิอิ..
ปล. ภาพสวยสุดขีด ใสปิ๊ง ไม่ต้องกล่าวชมแล้ว แต่แอบชมด้วยใจและจะแอบดูไปเรื่อยๆ ค่ะ ขอบคุณพี่สองสายสำหรับภาพแจ่มๆ นะคะ
หุๆ.....สองสายก็เหวอเหมือนกันค่ะน้องแม่หอย..........:eek:
ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ.....เห็นมีคนแอบอ่านอยู่เงียบๆเหมือนน้องกันเยอะเลยล่ะค่ะ
แต่ไม่ทราบจะชื่นชมเหมือนน้องกันไหม....:confused:
กัลปังหาที่นี่ก็มีให้ดู แต่ต้นเล็กๆเหมือนขึ้นได้ไม่นานนัก....
ปะการังอ่อนชนิดต่างๆของที่จุดดำน้ำนี้ มีให้ดู แต่ก็ไร้สีสันเหมือนที่ Meng's Point
ปะการังดำที่ไม่เคยพบแถว Layang-Layang และ Meng's Point ก็ได้มาเห็นที่นี่
ดอกไม้ทะเลขนยาวๆ มีปลาการ์ตูนอินเดียนแดง เล่นซ่อนหาผลุบๆโผล่ๆอยู่เพียงตัวสองตัว
เราเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นไปใกล้ยอดแนวปะการัง.....
น่าขัน......ที่เห็นดาวทะเลพันธุ์ Linckia laeviga เกี่ยวปะการังกิ่งด้วยปลายขาข้างหนึ่ง ส่วนอีก 4 ขาห้อยร่องแร่งๆอยู่กลางน้ำ จะตกมิตกแหล่.....
เพรียงหัวหอมชนิดธรรมดาสามัญ เกาะอยู่บนกิ่งกัลปังหาที่ตายแล้ว.....
น่าแปลกที่แถวนี้ไม่มีเพรียงหัวหอมสวยๆ (อย่างที่สายชลชอบ) ให้เห็นเลย
ดาวขนนกสีขาวสลับดำเกาะติดแน่นอยูบนกิ่งกัลปังหาสีม่วงแดง
สวยดีค่ะ....
ทากตัวเดียวของ Ekachai Reef เป็นทากปุ่มสามัญพันธุ์ Phyllidia coelestis
ถ้าเห็นที่อื่นเราคงเฉยๆ แต่พอได้เห็นที่นี่แล้วดีใจค่ะ....
ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำ.....เราได้เห็นเศษอวนเก่าๆกองติดอยู่กับเศษซากปะการัง
ซากอวนที่เห็นทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่า ทำไม Dallas Reef จึงไม่สวยงามและอุดมสมบูรณ์เหมือนกับแนวปะการังรอบๆเกาะ Layang-Layang
นี่แหล่ะมนุษย์.....ไปถึงที่ไหน.....บรรลัยที่นั่น.....
Super_Srinuanray
03-08-2009, 22:05
ดาวขนนกสีขาวสลับดำเกาะติดแน่นอยูบนกิ่งกัลปังหาสีม่วงแดง
สวยดีค่ะ....
ชอบกิ่งกัลปังหาสีนี้จังเลยค่ะ พี่สองสาย ตาถึงจริงๆๆ เลย:p
เห็นซากอวนทีไร นึกถึงพวกเราทุกทีเลยค่ะ อยากชวนมาตัดอวนที่ลายังจัง แต่ว่า แพงจังฮู้....:D
สวยจริงๆจ้ะหนูติ่ง.....
ภาพนี้คุณสายน้ำเป็นคนถ่ายจ้ะ.....ตอนนี้ขึ้นไปนอนซะแล้ว....พี่ขอบคุณแทนไปก่อนก็แล้วกันจ้ะ
เรื่องอวนนี่....ไม่ว่าเห็นที่ไหน เป็นคันไม้คันมืออยากตัดไปหมด ที่เห็นนี่ก็อยากตัดมาก แต่อากาศใกล้จะหมด เครื่องมือก็ไม่พร้อม และเกรงจะรบกวนคนอื่นที่เขาไปดำน้ำเที่ยวกันด้วยจ้ะ
ปีหน้า.....หากมีโอกาส พี่สองสายจะชวนหนูและลูกเรือของ Dive Master ไปตัดอวนแล้วก็กำจัดดาวมงกุฎหนามด้วยกันดีกว่านะจ๊ะ
ขอบคุณพี่สองสายสำหรับภาพสวยๆและ เรื่องราวดีๆที่แฝงไปด้วยสาระความรู้ ทำให้เหมือนรู้สึกว่าได้ไปร่วมทริปด้วยเลยครับ พลอยได้ตามลุ้นฉลามหัวฆ้อนไปด้วยเลย สุดท้ายๆก็เจอจนได้ .. :)
แต่หอยมือเสือที่นั่นบิ๊กไซส์จริงๆนะครับ เห็นแล้วต้องอึ้ง .. :eek:
ขอบคุณเช่นกันค่ะน้องปี๊บที่ติดตามอ่านและช่วยลุ้น....:)
หอยมือเสือที่ได้เห็น....มีอยู่สองตัวแค่นั้นเองค่ะ แต่ตัวใหญ่มากอย่างว่า
หอยมือเสือสองตัวนี้โตเร็วมาก เพียงสามปีโตขึ้นเกือบเท่าตัว เสียดายที่ภาพในบอร์ดเก่ายังไม่มา ไม่อย่างงั้นจะนำมาเปรียบเทียบกันให้ดูได้ค่ะ
ยังเหลืออีก Dive Site หนึ่ง ซึ่งสวยมาก.....ตามอ่านต่อไปนะคะ...
Kungkings
04-08-2009, 09:40
จะมีวาสนาได้ไปเห็นกะตาตัวเองบ้างไหมคะเนี่ยยยย ...สวยเหลือเกิน :p:p
ขอบคุณครับพี่สายชล รอติดตามอ่านต่อแน่นอนครับพี่ .. :)
เรือจมบ้านเค้านี่อุดมสมบูรณ์จริงๆนะครับ มีปลากบตัวเท่าลูกบอลอยู่แทบทุกลำเลยด้วย :eek:
Emerald , Marivelles Reef
เรือแล่นไปทางเหนือของ Dallas Reef ไม่นานนัก ก็ถึงจุดดำน้ำอีกแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่า Marivelles Reef ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าสวยและอุดมสมบูรณ์มาก
เพื่อที่จะชื่นชมกับความงามนั้นให้ฉ่ำใจ....เราเลยลงดำน้ำที่นี่กันสองไดฟ์
ในไดฟ์แรกมีการวางแผนการดำน้ำโดยให้เราลัดเลาะไปตามหน้าผาสูงที่เต็มไปด้วยกัลปังหาพัด (Gorgonian) ที่สวยงามและหนาแน่น จนทำให้ที่นี่เหมือนกับมรกตเม็ดงามแห่ง Sratly
แต่เมื่อกระโดดลงไปในน้ำ.....เราไม่ยักเห็นหน้าผากัลปังหา เห็นแต่ลานทรายที่มีปะการังขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆที่ความลึกเกือบ 30 เมตร
พวกเราในกลุ่มดิ่งลงไปดำน้ำอยู่เรี่ยๆแถวพื้นทราย ที่มีฉลามครีบขาวว่ายหากินอยู่ 2-3 ตัว
เราพยายามมองหากัลปังหาพัดที่ว่ามีมากมาย......
มองไปมองมา.... ..เห็นต้นกัลปังหาพัดยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนกองหิน แถมยังมีรอยโหว่รูเบ้อเร่อเหมือนถูกระเบิดถล่ม
น้ำใสมากจนมองได้ไกลกว่า 50 เมตร
สายชลพยายามมองหาหน้าผา....แต่ก็เห็นเพียงแนวปะการังแข็งที่ลาดเอียงลงไปถึงพื้นทรายขาวสะอาดที่อยู่ลึกลงไปกว่า 40 เมตร
ปะการังและกัลปังหาในบริเวณนี้มีสีทึมๆเทาๆ ไม่เป็นสีมรกตอย่างชื่อของจุดดำน้ำแห่งนี้ แต่ปลาในแนวปะการังที่ว่ายกันขวั่กไขว่ ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวากว่าที่ Dallas Reef
เริ่มมีกอกัลปังหาปรากฎให้เห็น แต่ก็ไม่ใช่กัลปังหาพัด แถมโพลิปยังหุบซะเป็นส่วนใหญ่.....
ยังดีที่ปะการังอ่อนชนิดสีเทาๆ น้ำตาลๆ โพลิปบานสะพรั่ง ทำให้บริเวณนี้ดูดีขึ้นเป็นกอง
ดำน้ำไปทางเหนือเรื่อยๆ.......เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่เริ่มเห็นกัลปังหาพัดยืนต้นอยู่เป็นหย่อมๆ
กอใหญ่ได้ใจเสียด้วยสิคะ....
จากนั้น.....เราได้เห็นกัลปังหาพัดต้นใหญ่ๆและสวยงามมากขึ้นๆเรื่อยๆ....
อากาศหมดไปครึ่งถัง......เราเพิ่งมาถึงหน้าผาที่ตัดตรงลงไปที่ความลึกที่มองไม่เห็นพื้น
กัลปังหาพัดมากมายเกาะติดอยู่ตามหน้าผา.....
ของลงไปถ่ายภาพชัดๆหน่อยนะคะ
คิดแล้วสายชลก็ทิ้งตัวลงไปตามหน้าผา เข้าใกล้กอกัลปังที่สวยงามอย่างสุขใจ
ปลากล้วยฝูงใหญ่ว่ายจากห้วงน้ำลึกผ่านกอกัลปังหาขึ้นไปเขตแนวปะการังเบื้องบนที่อยู่ใกล้ๆผิวน้ำ
กัลปังหาพัดหลากสีสันที่ขึ้นอยู่ตามหน้าผานั้น เกือบทั้งหมดจะตั้งตัวเป็นแผงในแนวตั้งฉากกับหน้าผา เพื่อให้โพลิปที่ฝังตัวในแผงที่เหมือนพัดนั้นสามารถจับกินแพลงก์ตอนที่พัดผ่านมาพร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลขนานกับหน้าผาและผิวน้ำได้สะดวก
พวกนักดำน้ำในกลุ่มบางคนดูจะไม่สนใจกับความงามของกัลปังหาพัดเหมือนสองสาย พากันว่ายอยู่บนแนวปะการังเหนือตัวเราขึ้นไป...
ใกล้หมดเวลาดำน้ำ......เราไต่ระดับสูงขึ้นไปตามแนวผา
ปะการังอ่อน Xenia sp. ที่มีโพลิปบานเหมือนดอกเดซี่ บานสะพรั่งเป็นดงอยู่ใกล้ริมหน้าผา
บนพื้นที่ราบเหนือแนวปะการังของ Marivelles ที่อยู่ห่างจากผิวน้ำเพียง 5-8 เมตร อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
ดงปะการังเขากวางที่สวยงามและสมบูรณ์หาดูได้ที่นี่....
กุ้งมังกรตัวโต หัวใหญ่กว่ากำปั้น และหนวดแต่ละข้างยาวกว่าเมตร ซุกตัวอยู่ใต้กอปะการังโขด....
เพรียงหัวหอมพันธุ์สามัญที่ประดับประดาอยู่ทั่วไปในบริเวณนี้นี่ก็ดูสวยดีค่ะ.....
เพรียงหัวหอมแบบไม่สามัญก็น่าดู.....
เพรียงหัวหอมตัวโตใสแจ๋วตัวนี้ยิ่งสวยและน่าชมเป็นพิเศษ เมื่อมีปูแมงมุมตัวเล็กจิ๋วเกาะอยู่ภายในปากบางใสเหมือนแก้วเจียรนัย...
เพรียงสีเหลืองอมส้มสดใสชนิดนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ....
ชอบมากๆ...
เพรียงหัวหอมเล็กๆที่ Marivelles Reef อีกชนิดหนึ่ง ที่สีสันสดใสและรูปทรงแปลกๆ
ฟองน้ำสีเหลืองสวยสดใสอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะอยู่กันเป็นอาณาจักร....
ส่วนฟองน้ำครกตัวนี้ก็ดูเหมือนลูกฟองน้ำครกแบบธรรมดาๆ แต่สีแดงเข้ม และสวยขึ้นมาทันตาเมื่อมีเพรียงหัวหอมและฟองน้ำสีเหลืองมาประดับประดา
นักวิชาการทั้งหลายช่วยตอบหน่อยค่ะ ดาวทะเลลายและสีสันสวยงามที่นอนหงายท้องมีเม็ดแดงๆเป็นพวงเกาะอยู่ที่ท้อง กำลังออกไข่อยู่หรือเปล่าคะ....
ปูเสฉวนตัวจิ๋วที่ห้อมล้อมด้วยปะการังอ่อน Xenia sp. และ Hydroid
หอยเกลียวส้มกำลังเอร็ดอร่อยกับการกินตัวปะการังถ้วยส้ม จนเกลี้ยงเกลา....
ทากทะเลที่นี่ก็พอจะมีให้ดู แต่เป็นชนิดสามัญเป็นส่วนมาก
แต่สองตัวนี้หน้าตาและรูปร่างประหลาดดี...........ดูไม่เหมือนทากเท่าไร
ปลาก็มีให้ดูแต่ก็เป็นประเภทสามัญเช่นกัน
ลองหาตำราเปิดดูนะคะว่าเป็นปลาอะไรบ้าง....
ติดตามมาตลอดขอบอกว่าสวยสุดยอดครับ
ป ปลาตากลม กับ ป ปลาตัวยาว
ในไดฟ์แรกที่ Emerald Reef เราเพลิดเพลินกับการดำน้ำตื้นจนใช้เวลไปกว่าชั่วโมง
ขึ้นมาจากน้ำแล้ว เราถึงได้รู้ว่า เราไปผิดจุดดำน้ำที่ได้วางแผนกันไว้ แต่เราไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใดค่ะ เพราะมีความสุขกับการดำน้ำในไดฟ์นี้มาก
ในไดฟ์ที่สองของการดำน้ำที่ Emerald, Marivelles Reef เราไม่ผิดหวังเลยค่ะ
พอทิ้งตัวลงไปก็พบกับหน้าผาที่ตัดตรงลงไปใมนความเวิ้งว้างสีคราม
บริเวณชะง่อนผามีกอกัลปังหาพัด สีแดงเพลิงต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านออกไปดูสวยงาม
ใกล้ๆกันมีกัลปังหาสีเหลืองทองต้นเล็กๆ เกาะอยู่.....
สีเหลืองและสีแดงมาอยู่ใกล้กันอย่างนี้ ดูสดใส ให้ความรู้สึกดีๆกับเราได้จริงๆค่ะ...
ถัดไปที่มุมหนึ่งริมเวิ้งผา.....มีแส้ทะเลสีแดงสดใสกอใหญ่สองกอ ขึ้นอยู่ใกล้ๆกัน....
อืมมม.....ชื่อว่าผามรกต แต่อะไรๆดูจะออกสีแดง ไม่เป็นสีเขียวมรกตตามชื่อเลยล่ะค่ะ
พอเคลื่อนตัวไปตามหน้าผาที่สูงชัน เราจึงได้เห็นกัลปังหาพัด (Gorgonian) สีเขียวอมเหลือง ห้อยย้อยระย้าอยู่บนหน้าผา เรียงรายเต็มไปหมด
กัลปังกาสวยสมบูรณ์แบบอย่างนี้ หาดูได้ที่นี่ค่ะ....
อย่างนี้ต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อยแล้วล่ะค่ะ....
กัลปังหาที่เกิดใหม่ก็มีมากมาย....
และที่ฉีกขาดเว้าแหว่งไปก็มีให้เห็น.....
ไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรถึงฉีกขาดอย่างนี้.....
กัลปังหาบางต้นก็เริ่มเฉา.....จะด้วยอายุที่มากขึ้น หรือเพราะเหตุใด.....
ซากอวนเก่าผืนใหญ่ห้อยร่องแร่ง อยู่บนหน้าผา.....
นี่คือสาเหตุที่ทำให้กัลปังหาฉีกขาด และซบเซา.......หรือมิใช่กันนะ.....
ภาพอวนผืนนั้น.....ทำให้จิตใจของเราห่อเหี่ยว
เราอยากให้ที่นี่และไม่ว่าทะเลที่ไหนๆในโลก สวยงามและอุดมสมบูรณ์อย่างภาพนี้ที่เราได้เห็นมากกว่า.....
จาก Marivelles Reef เรือแล่นล่องใต้กลับไปที่ Layang-Layang เพื่อจอดเรือนอนค้างคืน และดำน้ำอีกหนึ่งวันก่อนจะแล่นกลับไป Labuan
พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า....
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น......การเดินทางท่องเที่ยวดำน้ำของเราจะยังคงดำเนินต่อไป....
เราไม่เคยอยากจะลาจากที่นี่เหมือนที่เราไม่เคยอยากจะร่ำลา....
เราได้แต่หวังว่า.....หากมีโอกาส เราคงจะได้มาดำน้ำที่ Labuan....Layang-Layang แห่งหมู่เกาะ Spratly อีกสักครั้ง หรือมากกว่านั้น....ตามที่หัวใจของเราปรารถนา.....
ลาทีมิใช่ลาก่อน.......Labuan....Layang-Layang....Spratly Islands......
กำลังติดตามอ่านและชมภาพเพลินๆอยู่ อ้าว ... จบเสียแล้ว
ภาพสวยจริงๆครับ ฝีมือใครกันบ้างเนี่ย .... งานนี้ ได้รับการเอื้อเฟื้อ Strobe Inon Z240 จากน้องหนุ่ม ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้อีกครั้ง ประหยัดพื้นที่และแบตเตอรี่ไปได้พอสมควรเลยครับ
ไฮไลท์ของทริปนี้คือ ฉลามหัวฆ้อน และฝูงกระเบนนก .... สองสายยังโชคดีได้เจอฉลามหัวฆ้อนในวันสุดท้ายที่ลายัง ลายัง แต่ฝูงกระเบนนกไม่ได้บินผ่านมาให้เห็นเลย เห็นเพียงตัวเดียวที่ Dallas Reef แต่ก็เพียงแว๊บเดียวไกลๆแล้วก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว
ขอขอบคุณคุณสายชลที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างละเอียดมากๆๆ ช่วยกระตุ้นความจำให้คนสมองเสื่อม ความจำสั้น สันหลังยาวอย่างผมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
หวังว่าทุกๆท่านที่ได้เข้ามาชม คงจะสนุกกับการดำน้ำที่ Spratly ไปกับสองสายด้วยนะครับ ...
Super_Srinuanray
07-08-2009, 15:02
ขอบพระคุณพี่สองสาย สำหรับเรื่องและภาพที่นำมาถ่ายทอดให้พวกเราได้ความรู้และเพลิดเพลิน เจริญใจ เจริญตาด้วยค่ะ เหมือนเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เองนะคะ ลายังลายัง
arttaporn
07-08-2009, 17:12
เป็นเรื่องยาวที่ดูเพลินจริงๆ ครับ ขอชื่นชมจากใจจริง
ขอบคุณจ้ะคุณสายน้ำ น้องติ่ง และน้องอ้น.....ดีใจที่ชอบทั้งเรื่องและภาพนะจ๊ะ...:)
ทริปนี้....สองสายใช้กล้องใส่เลนส์ Wide กับ Macro สลับกันถ่ายไปมา ไม่ใช่แค่ระหว่างไดฟ์ แต่ในไดฟ์เดียวกัน ก็แลกกล้องกันถ่ายสนุกสนาน
ถ้าถามว่า.....สายชลจำเกี่ยวกับจุดดำน้ำและจำได้ว่าถ่ายภาพอะไรถ่ายที่ไหนในแต่ละไดฟ์ได้อย่างไร ทั้งที่เวลาผ่านไปนานหลายเดือน
ขอตอบว่าจำได้สิคะ....เพราะเผอิญสมองก็ไม่เสื่อม ความจำก็ไม่สั้น แถมยังไฮเปอร์อีกต่างหาก อนึ่ง สายชลเขียน Logbook ทุกไดฟ์ที่ได้ดำน้ำ ซึ่งช่วยกระตุ้นเตือนความจำได้เป็นอย่างดี ไม่มีลืมเลยล่ะค่ะ....
ภาพอวนผืนนั้น.....ทำให้จิตใจของเราห่อเหี่ยว
เราอยากให้ที่นี่และไม่ว่าทะเลที่ไหนๆในโลก สวยงามและอุดมสมบูรณ์อย่างภาพนี้ที่เราได้เห็นมากกว่า.....
เห็นด้วยอย่างที่สุดเลยครับพี่สายชล :mad:
เด็กเรือกอและ
20-08-2009, 10:59
ขอบอกว่าถ่ายรูปสวยมากม๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณค่ะน้องสะดี.....
จริงๆแล้ว Photoshop ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ
ถ้าต้องการจะใช้ภาพไหนไปใช้งาน....แจ้งมาได้นะคะน้องสะดี
แล้วพบกันที่โลซินค่ะ...
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.