View Full Version : ข้าว... ข้อคิดเตือนใจจาก forwarded mail
ได้รับ forwarded mail จากน้องคนหนึ่ง ซึ่งได้รับมาจากคนอื่นๆ อีกหลายทอด จึง
ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของต้นฉบับเรื่องน่าคิดดีๆ เรื่องนี้
อ่านแล้วเห็นว่าน่าคิด น่าอ่าน น่าช่วยกันบอกต่อเป็นเรื่องเตือนใจ
..ขออนุญาตนำมาบอกเล่าไว้ตรงนี้..
และขอขอบคุณเจ้าของเรื่องไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ทำไมชอบเหลือข้าวไว้???..
ถ้าถามเรา เราคงตอบไม่ได้หรอกนะ
เพราะเราไม่ชอบกินข้าวเหลือมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่เรามักจะเห็นเพื่อน ๆ ของเรา กินข้าวเหลืออยู่ประจำทุก ๆ วัน
ไม่รู้ว่าไม่รู้สึกเสียดายในอาหารนั้นบ้างหรือ? ที่ต้องถูกเททิ้งไปเฉย ๆ รอวันบูดเน่า...
เคยถามเพื่อน ๆ เพื่อนเราบอกว่า "กินข้าวหมดจาน มันดูเหมือนคนตะกละ น่าเกลียด เลยเหลือไว้พอเป็นมารยาท"
เฮ้อ!!! ใครเป็นคนบัญญัติมารยาทข้อนี้เนี่ย กินข้าวหมดจานนี่มันดูน่าเกลียดตรงไหนกัน?
กลับดูน่ายกย่องซะด้วยซ้ำ ที่คนนั้นเห็นคุณค่าของข้าวที่กินทุกเม็ด
(เหลือไว้แค่นี้เพื่ออะไร???? ข้าวแค่คำเดียว ตักใส่ปาก มันยากมากหรือ?)
หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเห็นกันอยู่บ่อย ๆ เสียดายทำไม ข้าวจานละไม่กี่บาท
ถ้าทั้งประเทศไทยนี้มีแค่คุณคนเดียว คำพูดนี้อาจจะถูกต้อง
แต่ประเทศเทศไทยของเรานั้น มีถึง 60 กว่าล้านคน
ถ้าลองสมมติให้ทุกคนในประเทศกินข้าวเหลือแค่เพียงมื้อละเม็ด
ลองคิดดูสิ ว่ามันจะมากมายแค่ไหน
1 มื้อ = 60 ล้านเม็ดข้าว!
2 มื้อ = 120 ล้านเม็ดข้าว!!
3 มื้อ = 180 ล้านเม็ดข้าว!!!!!!!
นี่แค่เพียงวันเดียวเท่านั้น ยังมากถึงขนาดนี้
แต่นี้พวกคุณกินข้าวเหลือกันมากกว่า 1 เม็ด และทำทุก ๆ วัน
มันจะมากมายขนาดไหน กับเม็ดข้าวที่ต้องถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
ชาวนาผู้ยากไร้ ต้องตากแดด ตากลม เสียเหงื่อมากมาย ในระยะเวลาหลาย ๆเดือน เพื่อปลูกข้าวมาให้พวกเรากิน
กลับกลายเป็นว่า เมล็ดข้าวจำนวนมากมายเหล่านั้น กลับถูกนำมาเททิ้งอย่างเปล่าประโยชน์
เพราะพฤติกรรมการกินที่แย่ ๆ ของเรา แต่ชาวนากลับไม่มีข้าวกิน ต้องอดมื้อ กินมื้อ
ไม่รู้สึกสงสาร ชาวนาบ้างหรือ?
พูด ๆ ไป ก็นึกถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงสงคราม
ถ้าพ่อแม่เห็นลูกกินข้าวเหลือนะ ก็ตีลูกซะเกือบตาย เพราะช่วงนั้นข้าวปลาอาหารมันหายาก
เลยต้องประหยัด และเห็นคุณค่าในของทุก ๆ สิ่ง หวังว่าประเทศไทยคงไม่อยากจะเป็นแบบนั้นบ้างนะ...
ถ้าเรารู้ตัวว่าตัวเราเป็นคนกินมากน้อยขนาดไหน ก็น่าจะตักข้าวในปริมาณที่เรากินอิ่ม
ไม่ใช่ตักแบบไม่คิด เพราะไม่มีใครมากินข้าวเหลือต่อจากเราหรอก
ทุกครั้งที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะอิ่ม ในขณะที่ข้าวเหลืออยู่ประมาณ 3-4 คำก็จะหมดจาน
ฉันจะท่องไว้ในใจตลอดว่า "ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องอดอาหารมื้อนี้ อีกนิดเดียว จงฝืนกินให้หมด!!"
แล้วฉันก็กินอาหารหมดทุกมื้อ แต่ถ้าครั้งไหนมันเหลือเยอะจริง ๆ ฉันก็จะยกจานข้าวขึ้นหัว
พร้อมกับอธิษฐานขอขมาพระแม่โพสพ ก่อนจะเทเศษอาหารทิ้งด้วยความรู้สึกแย่ ๆ (ฉันเป็นแบบนี้จริงๆ)
อยากให้ทุกคนดูภาพนี้ อยากรู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกยังไง
ด้วยความอดอยาก เด็กคนนี้จึงต้องมาหยิบเศษอาหารที่ถูกทิ้งเพื่อประทังชีวิต
ถ้าวันหนึ่ง คุณต้องเป็นแบบเด็กคนนี้ คุณจะรู้เลยว่า ข้าวแต่ละเม็ดนี่มันมีความหมายจริง ๆ
(จบข้อเขียนจาก forwarded mail)
อ่านแล้วสะกิดใจดีนะคะ
แม่หอยเป็นลูกชาวนาคนหนึ่ง
เห็นคุณค่าความยากลำบากของบรรพบุรุษชาวนามาตั้งแต่เล็กๆ..
เคยช่วยแม่ดำนา เกี่ยวข้าว นวดข้าว ฯลฯ..
ยังจำได้ดีถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า กับราคาขายข้าวเปลือกที่ตกต่ำจิ๊บจ๊อยน้อยนิด ขณะที่ข้าวสารแพงเอา แพงเอา..
ยังดีที่ยังไม่เคยเป็นแบบเด็กในภาพ
แต่โลกเรานี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอนนะคะ..
ช่วยกันถนอมใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อโลกของเรานะคะ
เห็นด้วยค่าาาา พ่อหนูก็สอนไม่ให้กินเหลือมาตั้งแต่เด็กๆ เลยติดมาจนโต (แต่ไขมันพ่อไม่ได้สอนให้เก็บไว้นะคะ คาดว่าคงสับสนแต่เด็กเลยพอกพูนมาจนโต 555)
ปื๊ดเอง...คุณยายก็ไม่ให้เหลือข้าวในจานซักเม็ดคร๊าบ
...
คุณยายปื๊ดไหว้ทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จจนวันสุดท้ายของชีวิต
คิดถึงคุณยายจัง!!!
เป็นบทความที่ชี้ให้เห็นคุณค่าของ "ข้าว" ที่ดีมากๆค่ะ...
ไม่ใช่แต่ข้าวเท่านั้น....สำหรับสายชลแล้วทั้งข้าวและอาหารที่ตักมารับประทานนั้น จะถูกตักรับประทานจนจานเกลี้ยงเกลามาตั้งแต่เล็กจนโตค่ะ
เช่นเดียวกับคุณสายน้ำและลุกๆ.....ที่คุณแม่และคุณย่าคอยพร่ำสอนอยู่เสมอว่า "กินอาหารให้หมดจาน....เด็กอินเดียไม่มีจะกินนะ รู้หรือเปล่า"
เมื่อเวลาไปทานอาหารแบบบุฟเฟต์ในงานหรือร้านอาหารต่างๆ....โปรดตักอาหารแต่พอทาน ถ้าไม่พอค่อยไปตักมาเติมใหม่ และควรรับประทานให้หมดเกลี้ยง ไม่ใช่ขนตักมาจนล้นจาน แต่เหลือทิ้งไว้บานเบอะ
ซึ่งนอกจากจะเป็นภาพที่ไม่น่าดูแล้ว................ยังน่ารังเกียจมากๆค่ะ....
ไม่เคยทานข้าวเหลือเลยซักเม็ด.....เพราะแม่สอนไว้ว่าอย่ากินเหลือเพราะกว่าจะหาเงินมาได้นั้นแสนลำบากต้องทำกินให้พอดีอย่าเหลือทิ้งเหลือขว้าง...
ท้อปว่ามันอยู่ที่การปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก ๆ จากครอบครัวค่ะ
บ้านไหนไม่สอนหรือไม่กำชับให้กินข้าวให้หมดจาน ก็เห็นกินเหลือกันทั้งนั้น
(จากสถิติที่ถามมาจากเพื่อน ๆ ของตัวเองนะคะ)
ส่วนไอ้เรา เห็นของเหลือแล้วเสียดาย มัวแต่เก็บกวาด พุงป่องไม่รู้ตัวเลย แหะ ๆๆๆ
ตุ๊กแกผา
18-09-2009, 16:13
ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนกันหลายๆคน
เป็นหลานชาวนาค่ะ ปู่หนูเป้นชาวนา 100% ตอนนี้ที่บ้าน(หมายถึงญาติๆของพ่อ)ก็ยังทำนาอยู่ที่สุพรรณฯ บางปีก็ส่งข้าวมาให้เป็นกระสอบๆ (หลังๆเนี่ย ห่างๆไปแล้วหลังจากพ่อไม่อยู่) เรื่องตักข้าวเนี่ยตอนเด็กๆถูกตีเป็นประจำเพราะขี้เกียจ ชอบตักข้าวหนเดียว เลยโดนตีบ่อยมาก.....ถูกพร่ำสอนตลอดว่า....ข้าวทุกเม็ดมีคุณค่า หลังๆจึงไม่นิยมการรับประทานอาหารเหลือ (บางคนบอกว่าเราเป็นเทศบาล / สายแข็ง....เลยก็มี หุหุ)
ปัจจุบันเวลาทำค่าย จะมีบทพิจารณาอาหาร ให้เห็นคุณค่าของข้าวและอาหารทุกอย่างที่เป็นทรัพยากรของโลกที่สำคัญ ดังนี้ค่ะ
....ข้าวเอย ข้าวสุก
จะต้องกินทุกบ้าน ทุกฐานถิ่น
กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน
ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี
....ต้องทนแดด ทนฝน ทนลมหนาว
จึงได้ข้าวจากนา มาถึงนี่
คนกินข้าว ควรคิดดูให้ดี
ชาวนามีคุณต่อเรา ไม่เบาเลย
....ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง
อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า
ผู้คนอดอยาก มีมากนักหนา
สงสารบรรดา เด็กตาดำๆ.......
ดีจังค่ะ .. บทพิจารณาอาหาร
"...กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี..."
ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ
ดีใจมากมาย...ที่มีคนคิดเหมือนผม...แล้วผมก็คิดเหมือนหลายๆคน...ช่วยกันทานแต่พอดีอย่าให้มีของเหลือ...เสียดายครับ...สงสารชาวนา
marine_wi
17-11-2009, 19:35
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ
หนูต้องพัฒนาตนเองแล้ววววว
แน่ะ.. แสดงว่าน้อง marine_wi กินข้าวเหลืออยู่เรื่อยใช่ม๊า..
marine_wi
30-11-2009, 21:46
ก็มีบางที่กินเหลือค่ะ .....
หลังจากนั้นก็กินไม่เหลือแล้วค่ะ
คอยจะนึกถึงกระทู้นี้ตลอด......
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆค่ะ
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.