เข้าระบบ

View Full Version : 6 knights in Taal Volcano


Sugary
19-05-2009, 16:57
ชื่อเรื่องดูตื่นเต้นดีมั้ย อิอิ

ตอนแรกได้ทำรูปเล่าเรื่องฉบับการ์ตูนเรื่องเที่ยวที่ภูเขาไฟตาอัลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ตัดสินใจเขียนเรื่องขึ้นมาใหม่จะดีกว่าเพราะ พอมาย้อนอ่านดูแล้วมันแปลกๆ ด้วยความ

พยายามที่จะทำให้เรื่องราวมันดูสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ แต่ความทรงจำตอนไปเที่ยวมันไม่

ค่อยสนุกเท่าไหร่อ่ะ เรื่องมันก็เลยออกมาแป๊กมากๆ

เอาเป็นว่าเขียนเรื่องใหม่ลงจะดีกว่านะ การไปเที่ยวครั้งนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่ซักหน่อยตรง

ที่ไปเที่ยวก็ไปพร้อมกัน มีคนนึงมีความสุขสนุกสนานสุดขีด แต่ก็มีอีกคนนึงเครียดวิตกกังวลตื่น

กลัวสุดขีดอีกเหมือนกัน ส่วนคนอื่นๆก็หลดหลั่นกันลงมา
เรื่องราวจะเป็นยังไง มาติดตามดูกันค่ะ

Sugary
19-05-2009, 17:04
ภูเขาไฟตาอัล

ขี่ม้าชมยอดปล่องภูเขาไฟตาอัล นี่เป็นการเที่ยวต่อเนื่องหลังจากการดำน้ำที่ Puerto Galera และ

Anilao พวกเรามีสมาชิก 6 คนด้วยกันที่จองตั๋วเครื่องบินกลับให้ล่าช้าไปอีกหนึ่งวัน เพราะจะได้

ราคาถูกกว่า เลยทำให้เรามีเวลาว่างสำหรับอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ได้อีก 1 วัน โดยเอาส่วนต่าง

ราคาค่าตั๋วมาเที่ยวแทน แผนการท่องเที่ยวที่นี่จึงเกิดขึ้น

เริ่มจากหาข้อมูลค่ะ เราจะไปเที่ยวไหนดีที่อยู่ในระหว่างเส้นทางกลับจาก Anilao มา สนามบินนิ

นอย เมืองมะนิลา
เปิดแผนที่ดูแล้วก็ลากเส้นทางย้อนกลับมา ในแผนที่จะเห็นทะเลสาบกว้างใหญ่อยู่อันนึงใกล้ๆกับ

เส้นทางกลับของเราพอดี ทะเลสาบนี้มีชื่อว่า Taal Lake อืมดูน่าสนใจ แล้วก็หาข้อมูลต่อไป

Taal Lake นี้ เป็นทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟตาอัล ( Taal Volcano) แล้วที่น่าสนใจเข้าไปอีกก็

คือที่ยอดปล่องภูเขาไฟตาอัลนี้ก็ยังมีเป็นทะเลสาบอีกชั้นนึงด้วย จากรูปที่ลองค้นดูในอินเตอร์เนต

ได้นั้นดูดึงดูดใจให้ไปเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

Sugary
19-05-2009, 17:11
ที่ฟิลิปปินส์นี่ นอกจากจะเป็นประเทศพันเกาะ แล้วที่นี่ก็ยังเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟอยู่เยอะแยะ

มากมาย มีทั้งที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ ภูเขาไฟตาอัลนี่ก็เป็นภูเขาไฟอีกหนึ่งที่ที่ยังไม่ดับ ซึ่งหมาย

ความว่า วันดีคืนดีก็อาจจะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เรื่องราว รูปภาพและประวัติชักน่าสนใจ น่าจะไปเปิดหูเปิดตาซักครั้งนึงในชีวิตนะเนี่ย
หลังจากเสนอแหล่งเที่ยววันสุดท้ายให้กับเพื่อนๆ เมื่อได้รับความเห็นชอบกลับมาแล้ว ก็เริ่มวาง

แผนจองที่พัก ค้นหาทัวร์สำหรับพาเที่ยวชมยอดปล่องภูเขาไฟ และรถรับส่งก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

โดยมีแผนการคร่าวๆ คือ เช้าวันที่ 16 ออกเดินทางจากรีสอร์ทที่อนิเลา แล้วปีนขึ้นไปเที่ยวชมยอด

ภูเขาไฟกัน หลังจากนั้นก็พักค้างคืนกันหนึ่งคืนที่รีสอร์ทแถวๆนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นก็ต่อรถกลับไป

สนามบิน กลับกรุงเทพกัน

อืม ฟังดูดี ฟังดูดี เหมือนจะง่ายดายแต่การหาข้อมูลและจองที่พักที่นี่จะเรียกว่ายากก็ได้ เพราะ

กว่าจะลงตัว ใช้เวลาหาข้อมูลเป็นเดือน เฮ้อ นานจริง คงเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่ได้เป็นที่โด่งดังเป็นที่

รู้จักมาก แต่สุดท้ายก็ลงตัวในที่สุดแต่ก็ฉิวเฉียดก่อนเวลาเดินทางจริงไม่ถึง 2 อาทิตย์ดี ด้วยใจ

ตุ้มๆต่อม

Sugary
19-05-2009, 17:15
เจ็ดโมงเช้าของวันที่ 16 ที่ Balai Resort รถตู้ที่ที่นัดไว้ก็มารับพวกเราอย่างตรงเวลา พอคนขับรถ

เห็นกองสัมภาระของเราทั้ง 6 คนแล้วก็ตกตะลึงในความอลังการ ถึงขนาดใส่ในรถไม่พอต้องเอา

ขึ้นหลังคากันเลยทีเดียว

Sugary
19-05-2009, 17:17
ยกสัมภาระเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันได้ เส้นทางที่รถขับผ่านไปจะเลาะเรียบไปตามยอดเขา

สันเขาบ้าง ยิ่งขับก็ยิ่งลดเลี้ยว ชวนให้เมารถเป็นอย่างยิ่ง เลยตัดสินใจว่า หลับๆไปดีกว่า ไม่งั้นได้

มีการขอถุงมารองปากผูกคอไว้แน่ๆ หุหุ
ระหว่างทางคนขับรถก็แวะให้จอดชมวิวบ้างเป็นระยะๆ แถมคนขับรถก็ยังหันมาสบตาหวานเยิ้ม

กับพี่ติ่งเป็นระยะๆ อีกด้วย ... อึ๋ย ... มันยังไงกันแน่นะ

รถสองคันนี่เป็นรถพื้นถิ่นหน้าตาเก๋ไก๋มาก

Frappe'
19-05-2009, 17:20
รูปเปิดสวยจัง
รอชมต่อจ้า

Sugary
19-05-2009, 17:20
พอ 9 โมงเช้า รถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ T House Resort ในเมือง ตะไกไต (Taygay) เป็นบูติครีสอร์ทเล็กๆ ที่น่ารักเก๋ไก๋อีกแล้ว

เห็นแล้วชื่นชอบใจจัง แวะเช็คอินและเคลียร์เรื่องเงินๆทองๆ กันอยู่ซักพักนึง แล้วก็รีบลากสัมภาระกองโตๆ เข้าไปเก็บของในห้อง วางของและเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วพวกเราก็รีบออกเดินทางเพื่อไปเที่ยว

เพราะกลัวว่าแดดจะร้อน

Sugary
19-05-2009, 17:28
แล้วความขลุกขลักก็เริ่มเกิดขึ้น
เพราะหลังจากนี้ต่อไปก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรอีกแล้ว เรียกว่าเที่ยวกันแบบมั่วๆนิดนึง
ต้องขออภัยอัศวินทั้งหกไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

พวกเราก็เลยใชิวิธีพยายามถามเอาจากคนขับรถซึ่งก็บอกอะไรเราได้ไม่มาก แล้วเค้าก็มาส่งเราที่ริมทะเลสาบแนะนำให้รู้จักคุณป้าคนนึงแล้วคนขับรถก็หายตัวไป

คุณป้าที่มารับช่วงต่อ ถือเสื้อชูชีพมาแจกคนละตัว แล้วก็หมวกคนละใบเอามาขาย แต่ก็ไม่ได้มีการแนะนำอะไรมากมาย เค้ารางเริ่มเห็นท่าจะไม่ดีพวกเราเลยรีบต้องซักถามโปรแกรมและกำหนดการกันเป็น

การใหญ่ และที่จองมานี่ก็ไม่มีอาหารกลางวันรวมอยู่ด้วยมองไปรอบด้านก็ไม่เห็นมีที่พอจะให้กินข้าวกันได้ ก็สอบถามคุณป้าไปว่าจะทานได้ที่ไหนบ้าง คุณป้าก็บอกว่าที่นี่ก็มีขายให้สั่งเอาไว้แล้ว

พอกลับลงมาก็จะได้ทานกันได้เลย พวกเราก็ค่อยโล่งใจหน่อย ... เง้อ แล้วทำไมไม่รวมมาในแพคเกจด้วยเนี่ย
ในรูปนี่คือริมฝั่งทะเลสาบที่เราจะนั่งเรือข้ามไปยังภูเขาไฟตรงกลาง

chickykai
19-05-2009, 17:29
อุ๊ย รีสอร์ตน่ารัก ฮิปมาก

Sugary
19-05-2009, 17:31
หลังจากการเจรจาที่ดูตามมีตามเกิด เสร็จสิ้นลงพร้อมได้เสบียงและน้ำดื่มจากร้านค้าเล็กๆฝั่ง

ตรงข้าม แล้วก็คว้าเสื้อชูชีพคนละตัวใส่เสร็จก็เดินลงเรือที่มาจอดรออยู่ริมท่าเรียบร้อยแล้ว
เรือที่นี่ก็หน้าตาคล้ายๆเรือบังก้า ที่เราใช้กันตอนไปดำน้ำนั่นแหล่ะ แต่จะแตกต่างหน่อยก็ตรงที่รูป

ทรงของหัวเรือกับท้ายเรือของที่นี่ดูจะตั้งฉากเก๋ไก๋ไปอีกแบบ เอิ๊ก ชอบใจ

Sugary
19-05-2009, 17:32
ดูภายนอกแล้วเรือดูกว้างใหญ่แต่พอเข้ามานั่งภายในตัวเรือจริงๆแล้ว คับแคบมาก กว้างแค่ให้ 2

คนพอนั่งได้เท่านั้นเอง แล้วเรือก็ออกจากฝั่งมุ่งหน้าไปสู่ใจกลางทะเลสาบที่เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ

ตาอัลกัน

Sugary
19-05-2009, 17:34
เรือค่อยๆถอยออกมาจากท่า น้ำในทะเลนี่ใสเหมือนกันนะ ใต้น้ำก็มีต้นไม้ขึ้นเขียวเต็มไปหมดดู

แปลกตาดี

Sugary
19-05-2009, 17:36
มองออกไปยังผืนน้ำใสสีเขียว ทะเลสาบแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่มากเหลือเกิน น่าเสียดายที่อากาศ

วันนี้เป็นฝ้าๆ เหมือนมีหมอกจางๆคลุมอยู่ ทำให้มองเห็นภูเขาไฟไม่ชัดนัก ในระหว่างที่ชมวิวไป

เรื่อยก็หันไปสังเกตพี่ติ่งว่าทำไมเงียบผิดปรกติ แถมทำหน้ามุ่ยๆ อีก
งุงิ ลองส่งขนมที่ซื้อมาให้กินดูซิว่าจะเป็นยังไง อืม ... ก็รับไปกินแต่โดยดี สงสัยง่วงนอน เดี๋ยวก็หาย

Sugary
19-05-2009, 17:39
นั่งเรือชมวิวมาได้ซักพัก เรือก็มาเข้าเทียบชายฝั่งของภูเขาไฟตาอัล แต่ยังไม่ทันที่เรือจะจอดเข้าฝั่งดีก็ได้ยินเสียงตะโกนเอะอะโหวกเหวกโวยวายมาจากบนฝั่งพร้อมทั้งเห็นคนวิ่งกันวุ่นวาย .....

เอ้อ มันอะไรกันเนี่ย แล้วก็ได้ยินเสียงใครซักคนถามขึ้นมาว่า " นี่เค้าตะโกนอะไรกันนี่ " แล้วเสียงคำตอบที่

ตามมาจากพี่จ๋อมก็คือ "หมูมาแล้ว หมูมาแล้ว" เอิ๊ก

ในรูปจะเห็นยอดภูเขาไฟอยู่ทางขวามือ

Sugary
19-05-2009, 17:42
เนื่องด้วยทัวร์ภูเขาไฟนี่ เป็นทัวร์ที่หน้าวิตกกังวลที่สุดเลย เพราะหลังจากที่หาข้อมูลและอ่าน กิตติศัพท์อันลือลั่นของที่นี่ ประกอบกับคำเตือนของพี่จ๋อมแล้วว่า จะซื้อทัวร์จองทัวร์ที่นี่จะมีลูก

เล่นตุกติกมากมายให้ระวังให้ดี มีถึงขนาดตกลงจ้างม้าขึ้นภูเขาแล้ว แต่ถ้าลงจากม้าก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มไม่งั้นไม่ให้ลง
พอมาถึงได้ยินเสียงโวยวายประกอบกับได้ยินเสียงพี่จ๋อมว่างั้น ก็ใจแป้วหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เอาไงดีเนี่ย ....

พี่จ๋อมก็พูดต่อว่า ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรเราค่อยไปเฉ่งกันที่โรงแรม
พลางคิดในใจว่า เราจะได้กลับมั้ยอ่ะโรงแรมเนี่ย .... ไม่ดี ไม่ดี คิดในทางที่ดีไว้สิหวานเอ๋ย

ว่าแล้วก็ก้าวลงจากเรือขึ้นไปเหยียบผืนดินด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ก้าวลงจากเรือมาทีละคน ทีละคน

chickykai
19-05-2009, 18:53
ลุ้นด้วย ระทึก ระทึก จะได้ลงจากหลังม้ากันโดนสวัสดิภาพมั้ย @^__^@

Sugary
20-05-2009, 01:33
ขอบคุณค่ะพี่ Frappe'
รีสอร์ท น่ารักมากๆ เลยค่ะ Chickykai

ติดตามกันต่อนะ

Sugary
20-05-2009, 01:34
ก็ไม่รู้เหมือนกันเนอะว่าแต่ละคนนี่คิดยังไง แต่สำหรับหวานนี่คิดว่า เป็นไงเป็นกัน มาถึงถิ่นเค้า
แล้วนี่
แต่ที่แน่ๆ ท่าทางลงเรือแต่ละคน ดูเกร็งมากๆ ฮา เพราะเก้าอี้และสะพานไม้ไผ่ผุๆนั่นดูมั่นคงซะเหลือเกิน

Sugary
20-05-2009, 01:36
เมื่อลงจากเรือมาครบกันแล้วด้วยความเงียบกริบของผู้ช่างกล้าอยากจะเป็นอัศวิน เดินมายืน

รวมกันแบบ เก้ๆ กัง จะเอาไงต่อกันดีคะ หันหลังกลับหรือจะเดินหน้าลุยต่อ

มองเลยเข้าไปทางด้านหน้าเพิงบ้านพัก ก็ถึงจะเห็นไกด์ท้องถิ่นเดินจูงม้ามาพร้อมส่งเสียงโหวก

เหวกโวยวายที่ฟังไม่รู้เรื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ..... ที่แน่ๆ ไม่ใช่เสียงแห่งความยินดีแน่ๆ น่าจะเป็น

เสียงสั่งการที่ตีความไปได้ว่า เดี๋ยวเอ็งแยกผู้ชายสองคนนั้นไว้เดี่ยวๆนะ แล้วข้าจะพาพวกผู้หญิง

ขึ้นไปบนยอดเขาเอง ที่นั่นเตรียมหม้อต้มไว้รอท่าแล้ว.... อึ๋ยยย เผ่ามนุษย์กินคน... คิดไปได้

Sugary
20-05-2009, 01:37
แล้วความคิดเตลิดเปิดเปิงก็ถูกขจัดออกไป เมื่อพี่น้อย จอมทัพของเราเหมือนจะตั้งสติได้และไม่

เกรงกลัวอันตรายใดๆ เดินนำเข้าไปก่อน

Sugary
20-05-2009, 01:39
มีคนนำแล้ว อัศวินช่างกล้าก็เดินตามๆกันเข้าไปใกล้ ไกด์และฝูงม้าที่เค้าจูงมารอท่าแล้ว อืม และ

ก็เหมือนจะเริ่มคุ้นเคยเป็นกันเองมากขึ้น เมื่อไกด์เค้าเริ่มส่งภาษาอังกฤษมาทักทายบ้าง พร้อมทั้ง

แข่งกันตะโกนเรียกมาดามๆ ให้มาขึ้นม้าของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
เอ้อ ทำไมต้องแย่งกันด้วยหล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆเลย

แล้วคุณป้าสวมหมวกสานเก๋ไก๋ก็จูงม้ามาขวางหน้าพร้อมเก้าอี้ 1 ตัววางแหมะเกือบทับเท้า ฮา

พร้อมทั้งบอกให้ขึ้นม้าเลย

Sugary
20-05-2009, 01:40
มองเลยหลังม้าเข้าไป เห็นท่านพี่เบิ๊ดอัศวินหญิงแกร่งเตรียมพร้อมกำลังจะขึ้นมา ก็เลยหันมาป๊ะ

หน้าสบตากะคุณป้า ที่เร่งเอาเร่งเอา ไม่รู้จะรีบไปไหน ขอถ่ายรูปก่อนซิ แต่ก็ตอบไปว่า ได้เลยจ๊ะป้า

เป็นไงเป็นกันวุ้ย ขึ้นม้าคุณป้านี่แหล่ะ อย่างน้อยแกก็เป็นผู้หญิงน่าจะคุยกันง่ายหน่อย

Sugary
20-05-2009, 01:41
ถ้าไม่นับรวมม้าหมุนกะม้านั่ง นี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นขี่ม้าตัวจริงเสียงจริง เหยียบเก้าอี้ แล้วก็

เหวี่ยงขาข้ามไป แล้วเค้าก็ให้เอาเท้าใส่ไว้ในเหล็ก อะไรซักอย่าง เสร็จแล้วก็หันมาถามว่าโอเคมั้ย
พยักหน้าไปหนึ่งหงึก แล้วเค้าก็เริ่มจูงเดิน

โอ้วๆ ป้า โอ้ว หยุดก่อน จะไม่สอนวิธีขี่ม้าหรือทรงตัวอะไรเลยเรอะ งั้น หยุดก่อน ป้ามามะ ขอถ่าย

รูป ทำความรู้จักคุ้นเคยกันซักหน่อยนะ คุณป้าเค้าก็ดูท่าจะชอบกล้องซะด้วยนะ หันมาโพสท่าเท่

มากให้ด้วย

Sugary
20-05-2009, 01:42
ถ่ายรูปเสร็จคุณป้าก็เห็นเราทำท่าเก้ๆกังๆ ก็บอกให้จับไม้ที่อานม้าไว้ แล้วก็เดินจูงม้าไป เอ้อ แค่นี้

เหรอวิธีขี่ม้า มันคงจะง่ายๆแหล่ะนะ แล้วก็หันไปเห็นพี่ติ่ง พี่ติ๋ว ขึ้นม้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่

น้อยกำลังขึ้นม้าอยู่

Sugary
20-05-2009, 01:43
และพี่จ๋อมอัศวินคนสุดท้ายขึ้นม้าเรียบร้อยแล้ว เหล่าอัศวินช่างกล้าทั้งหกคนก็เริ่มออกเดินทาง

ผจญภัยพิชิตยอดภูเขาไฟตาอัลกัน แต่น แต้น แต๊นนนนนน

Sugary
20-05-2009, 01:44
เพิ่งจะได้รู้ว่า การขี่ม้ามันทำให้รูปถ่ายสั่นไหว ปรับค่ากล้องใหม่ก็ทำไม่ได้เพราะมือไม่ว่าง ต้องเอา

ไปจับที่อานม้าเพื่อช่วยในการทรงตัว แค่ทำให้ตัวให้อยู่บนหลังม้าก็ลำบากพอดูแล้ว ถ้าต้องปล่อย

มือจากอานม้าอีก มีหวังร่วงลงไปแหงๆ โอ้ว แถมมีสิ่งกีดขวางระหว่างทางด้วย จะรอดมั้ยเนี่ย เรา
แต่ม้าก็ก้าวขาข้าม ทรงตัวได้นิ่งมากๆ เลยสบายใจได้หน่อยนึง
ระหว่างทางเค้าก็จูงม้าเดินผ่านหมู่บ้าน แต่ไม่ได้ชมวิวหรือถ่ายรูปใดๆ มาเลย อย่างที่บอก ลำพัง

แต่ทรงตัวอยู่บนหลังม้าก็จะแย่แล้ว แถมตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกว่ากล้องที่คล้องอยู่ที่คอชักเป็นภาระ

มากๆเลย

เดินมาซักพักขบวนม้าอัศวินก็หยุดลง แล้วเค้าก็ให้พี่ติ่งลงจากม้า แล้วก็ให้คนที่เหลือทั้งหมด

เดินนำไปก่อน

Sugary
20-05-2009, 01:46
ด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นแถมสีหน้าพี่ติ่งออกอาการบึ้งตึง บูดๆ มากๆ เลย บอกป้าที่จูงม้า

ว่าให้รอก่อน รอพี่ติ่งก่อนอย่าเพิ่งเดินไป แกก็ไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น แล้วก็จูงม้าตามคนอื่นๆไป จะ

กระโดดลงก็ทำไม่ได้ มันติดขา ในใจก็คิดว่าเอาแล้วไง จะเจอดีมั้ยเนี่ย

ยังไม่ทันไรพอเดินพ้นหมู่บ้านมาซักแป๊ปเดียวก็เป็นทุ่งโล่ง ที่ทุกคนถูกบอกให้หยุด แล้วก็ให้พี่จ๋อ

มเอาเป้มาสะพายไว้ข้างหน้า เพื่อที่จะให้คนจูงม้าขึ้นไปขี่ซ้อนได้ อ่ะน๊า เอาจริงเด่ะ ม้าตัวนิดเดียว

เองนะ ซ้อนสองเลยเหรอ
อ้อ ลืมบอกไปว่าตลอดทางที่เดินมา คุณไกด์ทั้งหลายเค้าตะโกนกันยังไม่หยุดและดูเหมือนจะ

ทะเลาะกันด้วย

Sugary
20-05-2009, 01:47
เมื่อจัดขบวนม้าใหม่เสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ พี่น้อย พี่เบิ๊ด พี่จ๋อม ดูท่าทางขี่ม้าเก่ง เดินนำ

ลิ่วๆ ไปแล้ว เดินไปซักพักยังไม่ทันพ้นเนินต้นมะพร้าวเลย ม้าตัวที่ขี่อยู่ก็เริ่มยกสองขาหน้า หวาน

เริ่มหน้าซีดพร้อมตะโกนบ้าง แล้วม้าเชื่องๆ ที่เค้าจูงมาเมื่อกี้ก็กระโดดสองขาหน้า สองขาหลัง

สลับกันอยู่ซักพักก็สงบลง ยังดีนะที่มือเหนียวแน่นทนทานไม่ถูกดีดตกลงมา แต่ใจอ่ะ หล่นไป

กองอยู่กับตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่าคุณป้าเค้าจะคุมม้าไม่อยู่ เลยต้องสลับให้แฟนเค้า

ที่จูงม้าพี่ติ๋วอยู่มาจูงม้าตัวนี้แทน

หลังจากเจอม้าขาแดนซ์เข้าไป หวานจ๋อยสนิทเลย กล้องเก็บเข้าที่สองมือจับอานม้าแน่น ตามอง

แต่หัวม้าคอยสังเกตอาการเผื่อเธออยากจะแดนซ์ขึ้นมาอีก ยังดีที่มีพี่ติ๋วขี่ม้าตามมาอีกคนนึงก็

ค่อยเบาใจหน่อย เพราะคิดว่าถ้าตกม้าไปไงๆ ก็มีอัศวินพี่ติ๋วพยาบาลทำแผลให้แน่ๆ

เดินมาเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ผ่านอะไรมาบ้างก็ไม่รับรู้แล้ว แล้วมุมมองโลกกว้างก็กลับคืนมาเมื่อได้

มาเจอพี่ติ่งขี่ม้ามาจากทางแคบๆอีกทางนึง

Sugary
20-05-2009, 01:48
ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง อย่างน้อยพี่ติ่งก็ไม่โดนหลอกไปต้มยำทำน้ำแกงที่ไหนแล้วหล่ะ แต่ก็ทำได้

เพียงแค่นั้น เพราะ หนทางที่เดินไปเนี่ย ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เดินบนสันเขาบ้าง สลับกับทางเดิน

สูงชันที่ฝั่งนึงเป็นหุบเหว อีกฝั่งนึงเป็นหน้าผาที่มีทางเดินแคบๆ ที่กว้างซักประมาณ 70 เซ็นติเมตร

เลาะสันเขาไปเรื่อยๆ พื้นดินก็เป็นดินฝุ่นแห้งๆ เดินที่เท้าจมลงไปทั้งเท้าพร้อมฝุ่นตลบ คนเดินตาม

มากินฝุ่นเข้าไปเต็มๆ
ดูสีหน้าหวานกับพี่ติ่งดิ อารมณ์ไม่ดีสุดๆ

Sugary
20-05-2009, 01:49
พื้นดินเป็นฝุ่นร่วนแห้งแบบนี้ไปตลอดทางจนรองเท้าแตะของไกด์ที่จูงมาขาดหายไปกลางทาง พี่

ติ่งกับพี่ติ๋วเลยได้เป็นอัศวินตัวจริง สละรองเท้าให้คุณไกด์ใส่

Sugary
20-05-2009, 01:50
นอกจากหวานจะได้ม้าขาแดนซ์แล้ว ยังได้ม้าเอาแต่ใจตัวเองอีกด้วย เดินๆอยู่อยากจะควบก็ควบ

ต้องดึงเชือกกันตัวโก่ง นึกจะหยุดถ่ายหนักถ่ายเบาก็หยุดเอาดื้อๆ แถมแวะกินหญ้ามาตลอดทาง

ก็เข้าใจนะว่ามันเป็นธรรมชาติ แต่ ตัวอื่นไม่เห็นเป็นนิ
แต่ก็อดสงสารไม่ได้ตอนที่เจ้าม้าต้องปีนขึ้นเขาชันๆ ตะกุยดินร่วนเป็นผง น่าสงสารมากๆ

และแล้วในที่สุด สามอัศวินช่างกล้า (ที่สองในสามปอดแหกไปแล้ว) ก็ดั้นด้นมาจนสามารถพิชิต

ยอดปล่องภูเขาไฟจนได้ ด้วยความทุลักทุเล ไม่เหลือเค้าโครงความเท่อย่างที่จินตนาการไว้เลย

ซักนิดเดียว ฮ่าๆ

Sugary
20-05-2009, 01:51
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะ วันนี้ง่วงนอนแล้วจ้า

Kungkings
20-05-2009, 09:57
รีสอร์ตน่ารักจัง...ช่างดีจิงๆ :):):) อัศวินทั้ง 6

เบลูก้าน้อย
20-05-2009, 10:00
อ่านแล้วลุ้นระทึุกไปด้วยตลอดเวลาเลย

ดีใจด้วยนะจ๊ะที่รอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน
เป็นประสบการณ์ที่ต้องจดจำไปเลยเน๊าะ ^^'

แม่หอย
21-05-2009, 06:08
โอ๊ย.. อ่านไปหัวเราะไป น้องแสนหวานนี่เล่าเรื่องได้น่าเอ็นดูเสมอเลย..
..รู้น่า ว่าปลอดภัยกลับมาแล้ว เลยหัวเราะขำได้ ที่จริงพี่แม่หอยตาแหกกว่าใครๆ ในโลก ดังนั้นถ้าเจอสถานการณ์จริงอย่างนี้ สงสัยขำไม่ออก อิอิ..

รออ่านต่อด้วยความระทึกนะจ๊ะ

ตุ๊กแกผา
21-05-2009, 08:46
และแล้วในที่สุด สามอัศวินช่างกล้า (ที่สองในสามปอดแหกไปแล้ว) ก็ดั้นด้นมาจนสามารถพิชิต

ยอดปล่องภูเขาไฟจนได้ ด้วยความทุลักทุเล ไม่เหลือเค้าโครงความเท่อย่างที่จินตนาการไว้เลย

ซักนิดเดียว ฮ่าๆ



555 ถ้าเป็นอัศวิน ก็ต้องเป็นอัศวินเท้าเปล่า(สุภาพ)น๊ะเนี่ย!!!!! หุหุ ไม่มีรองเท้า เท้าเหยียบบังโกลนเหล็ก แถมด้วยการสะเทือนอีก......อูย ยังเจ็บอยู่เลย

ดอกปีบ
21-05-2009, 08:53
แต่บรรยากาศสองข้างทางมันแห้งแล้งกันดารเหมือนกันนะครับ นึกถึงตอนสมัยไปฝึกรด.ที่เขาชนไก่เลย ฮ่าๆ

ตุ๊กแกผา
21-05-2009, 09:00
แต่บรรยากาศสองข้างทางมันแห้งแล้งกันดารเหมือนกันนะครับ นึกถึงตอนสมัยไปฝึกรด.ที่เขาชนไก่เลย ฮ่าๆ

5555 ยิ่งกว่านั้นอีกน้องเอ๋ย....นึกถึงเวลาที่คนกล่าวถึงทุ่งกุลาร้องไห้สมัยก่อนสิ ร้อนแบบนั้นเลย......น่าสงสารม้าจริงๆ ยิ่งม้าเราตามหลังม้าของหวานมาน๊ะ

เดี๋ยวมันหยุดฉี่......เอ้า! O.k.ธรรมชาติ

สักพัก....มันหยุดอีกแล๊ะ.....คราวนั้นปล่อยหนัก เกือบหลบไม่ทันแน๊ะ

พักใหญ่ๆมันก็หยุดอีก.......เฮ้อ! มันแสบจริงๆ เพราะมันปล่อยเบาบ้างหนักบ้างเป็นระยะ

.....เราสรุปในจริงว่า---->พยศจริงๆ ขนาดบรรทุกหวานคนเดียวน๊ะเนี่ย แล้วถ้ามันเป็นแบบม้าพี่จ๋อมหล่ะที่ขี่ 2 คน + กระเป๋ากล้องอีก 1 .....โอ้ย!!!ไม่อยากคิดเลย5555555

chickykai
21-05-2009, 11:39
ม้าของหวานมันท้องเสียป่าว ถ่ายตลอดทางเนี่ย:confused:

Birdie
21-05-2009, 16:33
แล้วได้ต่อรองเค้าป่าวว่ารองเท้าน่ะให้เช่านะ จะได้ลดราคาค่าม้า.... หุหุ... ถ้ากล้าต่อนะ

รีสอร์ทน่ารักมั่ก ๆ มีรูปภายในห้องมาฝากมั้ยจ๊า ไปเวียดนามมาเข้าเว็บไม่ได้เลยอ่ะ โหลดไว้ถึงเช้า ตื่นมาคลิกดูอ้าว ลิงค์เสีย บ๊ะ เวียดนามเนี่ยแย่จัง

Sky
21-05-2009, 18:47
ขี่กันไปกี่ชั่วโมงเหรอ... เจ็บก้นแย่เลย

ตุ๊กแกผา
22-05-2009, 08:35
แล้วได้ต่อรองเค้าป่าวว่ารองเท้าน่ะให้เช่านะ จะได้ลดราคาค่าม้า.... หุหุ... ถ้ากล้าต่อนะ

รีสอร์ทน่ารักมั่ก ๆ มีรูปภายในห้องมาฝากมั้ยจ๊า ไปเวียดนามมาเข้าเว็บไม่ได้เลยอ่ะ โหลดไว้ถึงเช้า ตื่นมาคลิกดูอ้าว ลิงค์เสีย บ๊ะ เวียดนามเนี่ยแย่จัง

ใครจะไปกล้าต่อหล่ะ.....พูดกันยังไม่รู้เรื่องเลย จะไปต่อรองเขาอีก
เดี๋ยวพี่แกไม่ยอมเดินหรอก (เพราะพื้นดิน(ปนทราย)ตรงนั้นร้อนมั่กๆ ตอนแกเดินเท้าเปล่าแรกๆ แบบว่ากระย่อยกระแย่งเลย เราเลยต้องส่งรองเท้า(แบบสุภาพน๊ะ)ไปให้แกใส่ซ๊ะ) ที่นี้จะเดือดร้อนกันทั้งกลุ่มเลยทีเดียว

บางคนถึงกับเลือดออก ต้องทำแผลกันเลยทีเดียว(สวมบท...หมอตีนเปล่าอีกต่างหาก55555)

ขืนไปคิดค่าเช่าเขา....เขาคิดDouble ค่าม้า.....ทีนี้แหล่ะ หมูของจริงเลย

แมลงปอ
22-05-2009, 11:10
ตื่นยังอ่ะ มาต่อเร็ว ๆ นะ:d:d

ตุ๊กแกผา
22-05-2009, 11:38
เออเนอะ.....ผูกเปลรอด้วยคนดีกว่า สบายดี

สายชล
22-05-2009, 12:55
ขี่ม้าสนุกออก.....อยากไปอีกจ้ะ

ขอบคุณหนูหวานและน้องติ่งที่ทำให้คนแก่สองคนมีความสุขและได้ลิ้มรสชาติแห่งชีวิตที่หาได้ไม่ง่ายเลย.....:d

สายชล
22-05-2009, 13:17
น้องติ่งน้องหวานจ๋า.....เช็คเมล์ด่วนจี๋ พี่สองสายจะขอให้นำอุปกรณ์สำรองเผื่อให้อีกสองชุดจ้ะ (BCD ของ Cressi Sub 2 ตัว และ Reg. อีก 2 ตัว) หนูช่วยชี้ให้ลำดวน เพื่อจัดลงกระเป๋าถุงตาข่าย ใส่รถตู้มาด้วยนะจ๊ะ


ใครเห็นข้อความนี้....กรุณาโทรบอกน้องหวานหรือน้องติ่งให้ด่วนด้วยจ้ะ.....


ขอบคุณหลายๆเด้อ....ค่ะ:D

เบลูก้าน้อย
22-05-2009, 13:34
หนูเห็น แต่หนูไม่มีเบอร์นี่สิ - -"

หรือ พี่สายชลให้เบอร์บ้านมา ให้หนูโทรบอกลำดวนมั้ยคะ

เบลูก้าน้อย
22-05-2009, 13:40
โว้เย โทรไปขอเบอร์จากพี่เบิ๊ด และโทรไปบอกน้ำหวานให้แล้วค่า

น้ำหวานบอกว่า " เช็คเมล์และทราบเรื่องแล้วค่าาา "
( เช็คก่อนโทรไปบอกอีก ... เก้อเลยเรา ^^')

Sugary
22-05-2009, 17:08
ไม่เก้อหรอกค่ะวาฬเผืิอก ต้องขอบคุณด้วยนะคะที่ช่วยโทรมาแจ้ง แล้วก็ขอบคุณพี่หลีด้วยนะคะ

ส่วนเรื่องเที่ยวต่อภูเขาไฟขอพักคั่นไปดำน้ำก่อนนะคะ กลับมาแล้วค่อยมาต่อ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ

marine_wi
23-05-2009, 19:11
ตื่นเต้นจังค่ะ เรื่องสนุกมากๆๆ

อยากเห็นภายในห้องพักเหมือนกันค่ะ

อะจึ๋ย....แล้วใส่รองเท้ากลับป่ะค่ะ......
คนไทยใจดี 555+

ตุ๊กแกผา
26-05-2009, 13:22
ใส่แบบธรรมดาค่ะ ใส่กลับไม่ได้ พี่เดินไม่เป็น55555555

marine_wi
26-05-2009, 19:20
ใส่แบบธรรมดาค่ะ ใส่กลับไม่ได้ พี่เดินไม่เป็น55555555

:eek: พี่ตุ๊กแก...........................................................ผา

พี่เดินไม่เป็น:confused: อะจึ๋ย สงสัยปีนผาเป็นอย่างเดียว คิคิ ล้อเล่นค่ะ

ไม่ใส่รองเท้ากลับค่ะ ใส่แบบธรรมดา ไม่พิเศษ คุคุ

พี่หวาน มาตามชมต่อค้า

Frappe'
27-05-2009, 16:27
รีสอร์ตดูฮิปมากๆ

โอ้ อ่านเรื่องตอนขี่ม้าแล้วลุ้นระทึกตามอัศวินผู้กล้าไปด้วยเลย

มาต่อเร็วๆนะ ^ ^

Coffee
28-05-2009, 17:25
เรื่องเดียวกัน แต่ต่างมุมมอง....

อย่างที่ Sugary ได้บอกไว้ครับ ว่าไปเที่ยวด้วยกัน คนหนึ่งสนุกสนานร่าเริงสุดๆ อีกคนก็วิตกกังวลสุดๆ ลองอ่านเรื่องเดียวกันกับที่ Sugary เล่า แต่เป็นมุมของคนวิตกจริตดูมั่งว่าจะฮาขนาดไหน อิอิ

เพิ่งทำใจได้ แล้วได้เข้ามาอ่าน พยายามลืมประสบการณ์ครั้งนี้อยู่หลายวัน สุดท้ายลืมไม่ได้ก็ขอเล่าให้ฟังเลยดีกว่า (ในขณะที่ Sugary ยังขี้เกียจสันหลังยาว หลับตลอดหลังจากกลับมาจากชุมพร)

ความเครียดของ Coffee เริ่มต้นตั้งแต่รถตู้ไปส่งเราที่ท่าเรือ ตอนที่คุณป้าเจ้าของท่าเรือเอาหมวกมาขาย และเอาเมนูมาให้สั่งอาหาร ในใจก็คิดว่าอ้าวเฮ้ย ถ้าเอ็งรู้ว่ามันต้องใช้หมวกก็มีไว้บริการสิฟะ หรือไม่ก็ตั้งร้านขายให้มันเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ได้ไหมอ่ะ นี่เล่นเอามายื่นให้ พอจะยื่นมือไปรับ บอกว่า 150 เปโซ... จะบ้าเหรอะ แถมยังเรื่องอาหารอีก เอาเมนูมาให้พร้อมเตรียมจดรายการอาหารเสร็จ อย่างกับว่าถ้าไม่สั่งอาหารเอาไว้ ก็อย่าหวังว่าจะได้กินอีกเลยตลอดชีวิตนี้... อึ๋ย

เครียดๆๆๆ อะไรกันฟะ

ลงเรือข้ามไปอีกฝั่ง ไอ้เราก็พยายามชวนคนขับเรือพูดคุย มันดันเงียบซะงั้น... ไม่เป็นไรคงพูดปะกิตไม่เป็น ไม่พูดด้วยก็ได้... พอใกล้ๆจะถึงฝั่งมันดันถามด้วยภาษาอังฤษซะชัดเจน Have you been to Taal Vocano before? อ้าวเฮ้ย พูดได้หนิหว่า พูดชัดด้วยแล้วตรูชวนคุยไหงไม่พูดอ่ะ... ไม่เคยโว้ย ไอ้เวร... แล้วมันก็เงียบไป ทำให้สงสัยมาถึงทุกวันนี้ว่ามันเลือกว่าจะเอาพวกเราไปส่งที่ไหน เพราะคำถามประโยคเดียวของมันนั่นหรือเปล่า แล้วถ้าตอบมันไปว่าเคยมาแล้ว อะไรๆมันจะดีกว่านี้ไหม???

พอมาถึงฝั่งภูเขาไฟ เจอชาวบ้านโวยวายอย่างที่หวานเล่าให้ฟัง แวบแรกก็สงสัยว่าทำไมมันจะไม่รู้กันเลยเหรอะว่าพวกเราจะมา จองล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ กว่าเรือจะข้ามทะเลสาบมาก็ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่มีการติดต่อสื่อสาร เตรียมตัวล่วงหน้ากันเลยเหรอะ หรือว่า.....

หรือว่าเพราะตอบมันไปว่าไม่เคยมา มันเลยเปลี่ยนจุดหมาย แทนที่จะเอาเราไปส่งให้ขี่ม้าตามที่ได้จัดเตรียมไว้ ก็เอามาส่งให้กลุ่มโจรเรียกค่าไถ่ในคลาบชาวบ้านซะ... และแล้ว ภาพเหตุการณ์ในหนังเรื่องโปรด Proof of Life ก็ถาโถมเข้ามาในจินตนาการ

ในหนัง สามีนางเอก เป็นวิศวกรสร้างเขื่อน ซึ่งรับเหมาจากรัฐบาลประเทศ เทคาล่า ให้สร้างเขื่อนเพื่อที่น้ำจะได้ท่วมหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อยที่มีกองทหารส่วนตัว และปลูกกัญชาส่งออก (ตอนดูก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าคนทำหนังตั้งชื่อประเทศขึ้นมามั่วๆ แต่นึกขึ้นมาได้ในทันทีตอนนั้นว่า เทคาล่า กับ ตากาล็อก มันโคตรจะคล้ายกันเลย) ทีนี้กองทหารก็ทำการจับตัว สามีของนางเอกไป มีทหารชาวบ้านเดินคุมตัวไปตามทาง (สำหรับอัศวินทั้งหกคงไม่ต้องอธิบายว่า ทหารชาวบ้าน หน้าตาเป็นยังไง เพราะที่ไปเจอมาหน่ะใช่เลยแค่ในหนังมันถือปืนเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง...จริงๆ) พอบังคับให้สามีนางเอกไปถึงหมู่บ้านได้ พวกที่หมู่บ้านกำลังพี้ยากันอยู่ ก็ต้องรีบร้อนทำลายหลักฐาน ส่งเสียงเอะอะโวยวาย วิ่งกันพล่าน ทะเลาะกันไปมา (สำหรับคนที่เคยดู หมู่บ้านและลักษณะการโวยวาย ทะเลาะ ตระเตรียมการให้พวกเราขึ้นม้านั้น เหมือนฉากที่ สามีนางเอกโดนลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ในหนังนั่นแหละ เป๊ะๆ)

และแล้วเจ้าอ้วนก็เรียกหวานให้ไปขึ้นม้าของตัว (อ้าวเฮ้ย ทำไมต้องเลือกด้วยหล่ะ มันจะพาขึ้นไปเที่ยวหรือจะพาไปทำอะไรหว่า) โชคดีที่คุณป้ากับม้าขาวมาขวางเรียกหวานขึ้นไปก่อน เอาวะไอ้อ้วนนี่ท่าทางจะหื่น เจอตรูหน่อยเป็นไง... ระหว่างทางจากพวกเราหกคน ม้าหกตัว ไกด์อีกหกคน (อย่าคิดว่ามีผู้หญิงกับเด็กแล้วจะไม่น่ากลัว ทหารชาวบ้านในหนังที่ว่าก็มีครบอย่างนี้เป๊ะๆเลย) ก็เกิดการแยกทาง พี่สองสาย และพี่เบิร์ด แยกไปทางหนึ่ง พี่ติ๋ว กับหวานไปอีกทาง ส่วน Coffee ที่อยากลองของว่าเจ้าอ้วนมันจะหื่นจริงไหมก็โดนสั่งให้หยุดและลงจากหลังม้า แล้วพี่ติ๋ว กับหวานก็หายไป... เอาแล้วไง การแบ่งแยกกำลังศัตรูทางยุทธวิธี ค่อยๆหาวิธีแบ่งศัตรูออกทีละครึ่ง... เป๊ะแลย พี่สองสายกับพี่เบิร์ดโดนแบ่งไปตั้งแต่แรก ตอนนี้หยุดตรูไว้ เดี๋ยวคงหาวิธีแยกหวานกับพี่ติ๋วออกจากกัน แล้วก็จัดการทีละคนแน่ๆเลย ไม่ได้แล้ว.... ไอ้อ้วน เอ็งจะทำอะไรก็เร็วๆ ตรูไม่อยากแยกกับกลุ่ม... ไอ้อ้วนก็จัดอานม้าใหม่ แล้วก็ให้ Coffee ขึ้นขี่ แล้วมันก็ขึ้นขี้ด้วยแล้วบังคับม้าจากทางด้านหลัง... แล้วมันก็บอกว่า จะพาไปอีกทางเป็น shortcut.... อ่านั่นไง หลอกล่อทุกวิถีทางเลยนะ... เลยบอกมันไปว่าไม่เอาไปทางธรรมดานี่แหละ

ในใจก็นึกว่า ที่ไอ้อ้วนนี่เรียกหวานให้ขึ้นม้ามันมา ก็ตั้งใจจะมาเล่นลูกนี้หรือเปล่าหว่า หรือมันอาจจะคิดว่าไหนๆไอ้พวกนี้ก็ตายแหงแก๋อยู่แล้ว ขอหื่นสักหน่อยก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร.... ไม่ได้โว้ยตรูนี่แหละว่า

แล้วตลอดเวลาที่ขึ้นไปที่ปากปล่องก็มีความพยายามจะแยกไปอีกทางอยู่ตลอดเวลา จน Coffee ต้องบอกว่าอย่าออกนอกเส้นทาง และให้หยุดคอยสองคนข้างหลังด้วยอยู่ตลอด.... จนขึ้นมาถึงปากปล่องภูเขาไป ก็พบกับพี่สองสาย และพี่เบิร์ด ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็กลับมารวมกันอีกครั้ง.... แต่ทำไมพี่สองสายกับพี่เบิร์ดกินน้ำอัดลมกันใหญ่ เอามาจากไหนหว่า ตอนที่ซื้อมามีแต่น้ำเปล่าหนิหว่า... เอาแล้วไง อย่างนี้มันเล่น ยุทธวิธี ทำให้ตายใจ เดี๋ยวพอเราไว้ใจมัน มันก็จะวางยาพวกเรา อยู่ในน้ำอัดลมพวกนี้แน่เลย...

นึกถึงคำพ่อแม่เคยสอนไว้ตอนเด็กๆ อย่ากินน้ำหรือขนมจากคนแปลกหน้า... เอาวะทนหิว อย่างน้อยถ้าคนอื่นเป็นอะไร เราก็ยังพอจะดูทาง หรือเก็บรายละเอียดอะไรไว้เป็นข้อมูลใช้สำหรับหลบหนีได้...

เล่าถึงแค่นี้ จะได้ถึงยอดเขาพร้อมๆกับที่ Sugary เล่าไว้

เบลูก้าน้อย
28-05-2009, 17:32
โอ้โห ... 6 knights in Taal Volcano ในเวอร์ชั่นของพี่ coffee นี่ไ่ม่ธรรมดาจริงๆ

O_o!

ตุ๊กแกผา
28-05-2009, 17:43
ฟังกี่ทีๆ ฟังแล้วฟังอีก ก็มันส์จริงๆ ขำทุกช็อต ท่านผู้กำกับการแสดงคนใหม่ชื่อนายกาแฟเนี่ย.....55555555555555555555555555555555

สายชล
28-05-2009, 17:56
กีากกกก......:D


หัวเราะซะเหนื่อย......เดี๋ยวน้องติ่งกับน้องหวานเล่าจบ ต้องขอลง version ของสองสายบ้างแล้วล่ะค่ะ.....:rolleyes:

แมลงปอ
28-05-2009, 17:57
กาแฟก็น่าจะเครียดอยู่น่า....ต้องดูแลสาว ๆ ไม่ให้คลาดสายตา....ยกให้เป็นฮีโร่เลยอ่ะ งวดนี้ คิดรอบคอบดีมาก......ป้องกันไว้ก่อน....เดี๋ยวนี้เมืองไหนเมืองนั้น...เชื่อได้แต่อย่าไว้ใจอ่ะ.....:D:D:D แต่อย่าเครียดมากนะ เล่าแล้วก็วางไว้ตรงนั้นพอแล้วนะ :p

แมลงปอ
28-05-2009, 17:58
ว่าแต่ เห็นหน้าเจ้าอ้วนไม่ชัดอ่ะ ดูไกลๆ เหมือนยังเด็กอยู่เลยอ่ะ...:mad:

ตุ๊กแกผา
28-05-2009, 18:18
ก็เด็กอะดิ.....
แต่นี่ยังไม่เห็นคนจูงม้าหวานน๊ะ.....โหดกว่านี้อีก ไว้ติดตามต่อไปดิ มันส์ส์ส์ส์ส์ส์

marine_wi
28-05-2009, 19:45
โอ้ยพี่ ขำจนท้องแข็ง
ฮาน้ำตาล่วง ไม่ไหวแล้ววววววว

ปล.ถ้าพี่กาแฟไม่ดูหนังจะจินตนาการได้ขนาดนี้ไหมค่า 555+

Super_Srinuanray
28-05-2009, 20:12
I think his name Mr.Goh-Thee....joker from Thailand....:)

ดอกปีบ
28-05-2009, 21:40
อ่านสนุกจริงๆ น้องติ่งระบายความอึดอัดใจให้ฟังอย่างท้องคัดท้องแข็งเลย ฮ่าๆ ..
แต่ถ้าเจอสถานการณ์แบบนั้นจริง จะไม่คิดเรื่องพวกนี้ก็คงไม่ได้เหมือนกันนะเนี่ย

แต่ น้องอ้วนของน้องติ่งนี่ พี่เห็นด้วยกับพี่หนูติ่งว่า หน้าตาละม้ายคล้ายโก๊ะตี๋จริงๆ เอิ๊กๆ

Birdie
28-05-2009, 21:50
ฮามาก coffee เตรียมเป็นสามีนางเอกในเรื่องนั้นเลยนะ แหม เรื่องมันช่างเหมาะเจาะ เพราะน้อง sugary เหมือนถูกลักพาตัวไป หุหุ

เบิ๊ด
28-05-2009, 23:35
ขำกล้ิงเมื่อนึกถึงหน้าติ่งตอนนั้น
ก๊ากกกกกกกกกกกก
ส่วนพี่เองนั้น....สาหัสตอนม้ามันควบแบบเมามันส์อ่ะ...สะ....เ....ทื..อ...น....ทุกส่วน!!!

เบิ๊ด
28-05-2009, 23:37
แถมยังถามอีกนะ enjoy madam??
เออ...เอ็งอ่ะจอย
ส่วนตัวข้านั้น...เอ็น...จะขาด

Birdie
29-05-2009, 07:44
ขำกล้ิงเมื่อนึกถึงหน้าติ่งตอนนั้น
ก๊ากกกกกกกกกกกก
ส่วนพี่เองนั้น....สาหัสตอนม้ามันควบแบบเมามันส์อ่ะ...สะ....เ....ทื..อ...น....ทุกส่วน!!!

แถมยังถามอีกนะ enjoy madam??
เออ...เอ็งอ่ะจอย
ส่วนตัวข้านั้น...เอ็น...จะขาด


เคยแต่ขี่ ม้าหมุน ในสวนสนุกอ่ะค่ะ ถ้าขี่ม้าจริง ๆ กลัวม้าหลังแอ่น + กลัวโดนโยกเสียจนตาลาย เดินไม่ตรงทางน่ะสิคะ 5555 เอ็นจาขาด....

Sugary
29-05-2009, 09:13
เข้ามาอ่านเรื่องพี่ติ่งเขียนแล้ว ฮามาก ฟังกี่ทีกี่ที ก็ขำก๊ากก ได้ทุกทีเลยอ่ะ



ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เข้ามาอ่านนะคะ เดี๋ยวมาอ่านต่อกันเลยดีกว่า ขาดตอนไปนาน

Sugary
29-05-2009, 09:16
บนยอดเขามีเพิงพักอยู่อันนึง
เมื่อสามอัศวินตะกายขึ้นมาจนถึงยอดเขาได้ในที่สุด ก็ได้เห็นหน้าพี่ๆ อัศวินอีก 3 คนที่ขึ้นมารอท่าแล้ว
สีหน้าบึ้งๆของหวานก็ต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย กลายเป็นสีหน้าแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะยังไม่ทันจะถึงเพิงพักดี ก็ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานอย่างร่าเริงดังลอดออกมาจากเพิง พร้อมเสียงซักถามว่า เป็นไงบ้างสนุกมั้ย

ก็แน่นอนหล่ะ ต้องตอบไปว่า " ไม่สนุกเลยค่ะ " แล้วก็ได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา เอิ๊ก ทำมายถึงอารมณ์ดีกัน

ขอลงจากม้านี่ก่อนละกันนะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

Sugary
29-05-2009, 09:18
ความทรงจำบนยอดเขานี่ดูรางเลือนเหลือเกิน แต่ความกลัวตอนขี่ม้าขึ้นมานี่จำได้แม่นแท้
ขึ้นมาถึงยอดเขาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเล็กน้อย พอลงมาจากม้าเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
อย่างน้อยก็ไม่โดนม้าดีดแล้วหล่ะ กัดฟันหยิบกล้องที่คล้องอยู่ที่คอขึ้นมาถ่ายยอดปากปล่องภูเขาไฟ ที่ตั้งใจจะมาดูไว้ซะหน่อย ........ อืม

ถ้าไม่ต้องขี่ม้าขึ้นมา เราคงซึมซับความงามได้มากกว่านี้นะเนี่ย

นี่หล่ะ ยอดปล่องภูเขาไฟตาอัล

Sugary
29-05-2009, 09:20
ยกกล้องถ่ายไปได้ซัก 2-3 รูป ได้มาแค่นั้นจริงๆ แล้วก็เดินอย่างหงอยๆ เข้าไปในเพิงพัก
พี่ติ๋วกับพี่ติ่งได้รองเท้าคืนแล้ว
พี่น้อยที่ยังคงสดใสร่าเริงอยู่ ก็เดินเข้ามาบอกว่าให้ซื้อโค้กดื่มซะพร้อมทั้งให้ซื้อให้คนจูงม้าด้วย
ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเลยทำตามที่พี่น้อยบอกทุกอย่าง เหมือนดีใจได้ที่พึ่งพิงแล้ว
รับโค้กที่ไม่ค่อยเย็นแล้ว มาดื่ม แล้วก็ส่งให้พี่ติ่งแต่พี่ติ่งไม่รับไปดื่ม ถามว่าเป็นไงมั่งก็ไม่มีเสียงตอบ เอ้อ สงสัยไม่ชอบเหมือนกัน ตบไหล่ไปสองที เดี๋ยวลงไปแล้วกลับถึงที่พักเข้าห้องแอร์เย็นๆนะ ทนอีกหน่อยนะ
ส่วนอีกฟากของเพิงพักก็มีความชุลมุนเล็กน้อยเพราะอัศวินพี่ติ๋วต้องไปทำแผลให้ไกด์จูงม้าคนนึง

Sugary
29-05-2009, 09:23
พอได้พัก ในเพิงพักแล้วก็รู้สึกดีขึ้น ได้เห็นพี่น้อยพี่จ๋อม และพี่เบิ๊ดสนุกสนานร่าเริง ก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นมากเข้าไปอีก
เอ้อ คิดมากไปนะเองเลยไม่สนุก
พี่เบิ๊ดก็ชวนไปทักทายม้าของตัวเองและคนอื่นๆ เค้าบอกชื่อมาแล้วหล่ะ แต่จำไม่ได้ ลูบหัวกันได้ซักพักก็ นึกขึ้นมาได้ว่า
ฮ่าๆๆๆ ตอนลงยังต้องขี่ม้าลงด้วยนี่นะ หน้าซีดลงไปอีกนิดนึง เก็บกล้องเข้ากระเป๋าเป้ เตรียมพร้อมดีกว่า อดทนอีกนิดนึง
ที่นอนนุ่มๆ ห้องแอร์เย็นๆรอเราอยู่

Sugary
29-05-2009, 09:24
นั่งอยู่ให้เพิงได้ซักร่วมชั่วโมง ให้ทั้งม้าทั้งคนหายเหนื่อย ก็ชักชวนกันกลับ
ก่อนจะกลับก็มีเฮลิคอปเตอร์โฉบมาที่ปากปล่องภูเขาไฟ (รูปคงต้องขอดูจากกล้องพี่จ๋อม) ให้ตื่นเต้นเพิ่มอีกเล็กน้อย
ตอนขี่ม้าขาลงนี่ก็สบายหน่อย สบายใจขึ้นนิดนึงเพราะไม่มีลูกเล่นตุกติกอะไรให้ว้าวุ่นใจ แถมด้วยพี่น้อยสอนเทคนิคขี่ม้าทรงตัวง่ายๆให้ ได้เอามาใช้ตอนขาลงสบายไปเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

Sugary
29-05-2009, 09:25
ตอนขากลับนี่ไม่มีภาพถ่ายอะไรมาให้ดูกันเลยนะคะ ต้องขออภัยด้วย เพราะเก็บกล้องไปเรียบร้อยแล้ว
เก็บแล้วเก็บเลยรูปในกล้องพี่ติ๋วพี่เบิ๊ดก็ไม่มี ตอนนั่งเรือขากลับตลอดจนมาถึงฝั่งที่นั่งกินข้าว ก็ไม่คิดจะหยิบกล้องออกมาถ่ายรูป คงต้องรอดูรูปจากกล้องพี่สองสาย
แต่อาหารเค้าอร่อยดีนะคะคุ้มค่าคุ้มราคา ทานอาหารกันเสร็จแล้วก็นั่งรถตู้คันเดิมกลับมาที่พัก ตอนแรกกะว่าจะชวนกันไปแวะซื้อกาแฟร้านไฮโซพร้อมแลกเงินเพิ่มกันอีก แต่คนขับรถตู้ขอเก็บเพิ่มอีก 1,000 เปโซ โอ้ว งั้นเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วกลับที่พักเลย

เมื่อกลับมาถึงที่พักได้ แต่ละคนดูอ่อนเพลียเลยแยกย้ายกันเข้าห้องนอน นัดแนะเจอกันอีกทีตอนอาหารเย็นโน่นเลย

Sugary
29-05-2009, 09:26
เข้ามาให้ห้องพัก ได้เปิดแอร์เย็นฉ่ำ อาบน้ำเย็นๆ สบายใจขึ้นเยอะเลย เห็นสีหน้าพี่ติ่งแล้วก็ดูดีดูสบายใจขึ้นเยอะแล้ว
ก็เลยถามว่าเป็นไงมั่ง คราวนี้ตอบได้ซะทีหลังจากถามไปหลายรอบแล้ว แล้วเรื่องที่ตอบมาก็นั่นแหล่ะค่ะ
เล่ามาให้ฟังเป็นชุดเหมือนที่พี่ติ่งเขียนไว้ข้างบนตอนนั้นฟังไปก็ขำไป หัวเราะไป เอ้อแฮะเป็นหนักกว่าเราอีกนะเนี่ย
พี่ติ่งเล่าเสร็จเห็นหวานนั่งขำก็งงเข้าไปอีก จะขำทำมายยย ก็ตอนนี้กลับมาปลอดภัยแล้วไงมันเลยขำได้....ฮา

แล้วก็ชวนกันไปหาอะไรกินดีกว่า คลายเครียดๆ เผื่อแถวนี้พอจะมีร้านค้าให้ซื้อขนมขบเคี้ยวกินบ้าง
เดินออกมาหน้าที่พัก พอเห็นป้ายชื่อรีสอร์ทที่ดูชั่วคราวมากๆ มิเตอร์น้ำ โคมไฟ ที่อยู่นอกรั้วถูกใส่กรงเหล็กหมด
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่พี่ติ่งกลัวว่าจะโดนหลอก แล้วก็ เอ้อ...ฮาต่อ

Sugary
29-05-2009, 09:30
เดินออกมาข้างๆที่พักเป็นโบสถ์คริส เดินเลยไปหน่อยก็เห็นมีป้ายร้านขายยา เลยชวนกันไปดูเผื่อมีของกินขายบ้าง
พอเดินเข้าไปใกล้ๆ โอ้ ร้านขายยา แต่ขายบ้าน มันยังไงกันนะ

Sugary
29-05-2009, 09:32
เลี้ยวเดินอ้อมไปหน่อยนึงเห็นมีป้ายไอติมโลโก้เหมือนไอติมบ้านเราแต่ที่นี้ยี่ห้อ Selecta รีบปาดเข้าไปหยิบมาได้คนละแท่ง
มองซ้ายขวาหาที่จ่ายเงิน เห็นมีป้ายเขียนไว้หลังลูกกรงเหล็กให้กดกริ่ง เดินไปกดรอซักพักก็มีสาวร้านขายยาโผล่หน้ามาจากหลังลูกกรงเหล็ก เพื่อรับเงิน อืม... แปลกดี เค้าคงกลัวเรา เหมือนที่เรากลัวพวกเค้าตอนไปขี่ม้าเนอะ

Sugary
29-05-2009, 09:34
พอได้ไอติมกินแล้วก็นึกถึงพี่ติ๋วขึ้นมาทันที เดินกลับไปเคาะห้องพักเห็นว่ายังไม่หลับเลยชวนออกมาซื้อไอติมกินกัน
กลับออกมาอีกทีคราวนี้มีรถเข็นขายไอติมเหมือนบ้านเรา แต่ที่นี่มีไอติมรสสีม่วงสดด้วย แปลกดี เลยซื้อมากินอีกคนละแท่ง

Sugary
29-05-2009, 09:35
แล้วก็กลับไปร้านขายยาร้านเดิม คราวนี้ซื้อโค้กมานั่งกินกันในซุ้มไม้ไผ่หน้าร้าน คุยกันออกรสชาติมาก ไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆเลย ถึงแม้ว่าร้านขายยาเค้าจะติดลูกกรงเหล็กเอาไว้ก็ตาม ยิ่งให้พี่ติ่งเล่าเรื่อง Proof of Life อีกที นะฮาสุดๆ
กะว่าถ้าพี่น้อยพี่จ๋อมตื่นแล้วจะไปเล่าให้ฟังอีกรอบ รับรองได้ว่าต้องฮาสุดๆไปเลย......แล้วก็เป็นจริงดังคาด

Sugary
29-05-2009, 09:41
เรื่องราวการผจญภัยของเหล่าอัศวินทั้งหก ภาคป๊อด อัศวินช่างกล้าทำไปได้ ก็จบลงด้วยประการฉะนี้

จริงๆแล้ว การมาเที่ยวภูเขาไฟที่นี่ราบรื่นมากๆ เลยทีเดียว หากคนชอบขี่ม้าแล้วยิ่งสนุกใหญ่ แต่ที่เรื่องราวดูเครียดๆนี่เป็นเพราะจินตนาการอันเตลิดเปิดเปิงส่วนตัวทั้งนั้นนะคะ โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมด้วยค่ะ

ขอความกรุณาพี่น้อยช่วยเสริมรูปภาพ ฉบับสดใสร่าเริงหน่อยนะคะ กลัวจะไม่มีคนไปเที่ยวเพราะอ่านแต่ภาคอัศวินขี้ขลาด เอิ๊กๆ

ต้องขอขอบคุณอัศวินทั้ง 6 คนด้วยนะคะที่ทำให้การไปเที่ยวด้วยกันครั้งนี้สนุกสุดๆไปเลย และมาช่วยเสริมเรื่องราวให้ดูสนุกสนานยิ่งขึ้น ขอบคุณมากๆค่ะ

Sugary
29-05-2009, 10:00
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ


โอ๊ย.. อ่านไปหัวเราะไป น้องแสนหวานนี่เล่าเรื่องได้น่าเอ็นดูเสมอเลย..
..รู้น่า ว่าปลอดภัยกลับมาแล้ว เลยหัวเราะขำได้ ที่จริงพี่แม่หอยตาแหกกว่าใครๆ ในโลก ดังนั้นถ้าเจอสถานการณ์จริงอย่างนี้ สงสัยขำไม่ออก อิอิ..

รออ่านต่อด้วยความระทึกนะจ๊ะ

ตอนอยู่ในเหตุการณ์มันไม่ค่อยหน้าเอ็นดูนักหรอกค่ะ เพิ่งจะมาขำออกก็ตอนกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้วค่ะพี่แม่หอย

ม้าของหวานมันท้องเสียป่าว ถ่ายตลอดทางเนี่ย:confused:

ตอนม้าถ่ายหวานหันหลังไปมองไม่ได้ อันนี้ต้องถามพี่ติ๋วว่าม้าท้องเสียป่าว เห็นทุกช๊อต ไม่รู้ได้รับชิ้นส่วนกระเด็นไปบ้างป่าว เอิ๊ก


ขี่กันไปกี่ชั่วโมงเหรอ... เจ็บก้นแย่เลย

ขาขึ้นก็ราวๆ 45 นาทีได้มั้งคะ ไม่ได้ดูเวลาเลย นึกอย่างเดียว เมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง ส่วนขาลงก็สบายหน่อยแต่ก็ลงมาถึงคนสุดท้าย โดนม้าพี่จ๋อมวิ่งแซงทางโค้งบนภูเขา เอ้อทำไปได้

ขี่ม้าสนุกออก.....อยากไปอีกจ้ะ

ขอบคุณหนูหวานและน้องติ่งที่ทำให้คนแก่สองคนมีความสุขและได้ลิ้มรสชาติแห่งชีวิตที่หาได้ไม่ง่ายเลย.....:d

เอ้อ ดีใจค่ะที่พี่น้อยชื่นชอบ พี่อยากไปอีกเหรอขี่ม้าเนี่ย ไปที่อื่นอ่ะขอไปด้วยแต่ถ้าขี่ม้านี่ขอคิดดูก่อนนะคะ พี่มาลง version ของพี่สองสายเร็วๆนะคะ รออ่าน รออ่าน



ใครๆ อ่านเรื่องของพี่ติ่งเป็นต้องฮาทุกคน ขนาดฟังมาหลายรอบแล้วก็ยังฮาทุกรอบเลยนะเนี่ย

น้องวิ พี่ถ่ายรูปภายในห้องพักมาได้รูปเดียวแต่มันเบลอสุดๆ เลยไม่กล้าเอามาลงอ่ะจ้า

สายชล
29-05-2009, 10:06
โฮ้ยยยยย......ขำกลิ้งจะดิ้นตายทุกครั้งที่นึกถึงหน้าน้องติ่งและเบื้องลึกในใจที่เผยออกมาภายหลัง....


ขอบคุณหนูหวานและน้องติ่งอีกครั้งที่ทำให้พี่สองสายได้หัวเราะ....ซึ่งก็หวังว่าจะทำให้อายุยืนยาวขึ้นอีกสักหน่อย จะได้ชวนกันไปห้อม้าผจญภัยแบบนี้ได้อีก....


คุณสายน้ำเตรียมภาพ Taal Lake ให้ด่วนจี๋ อยากเล่าบ้างแล้วล่ะค่ะ....:rolleyes:

Birdie
29-05-2009, 12:09
เมิเตอร์น้ำ โคมไฟ ที่อยู่นอกรั้วถูกใส่กรงเหล็กหมด

สงสัยมิเตอร์น้ำ โคมไฟทั้งหลายจะเป็นผู้ต้องสงสัย เลยถูกจับขังกรงหมดเลย น่าสงสาร ไม่มีใครประกันตัวด้วย แย่จัง.... 555555

ทะเลเหงา
29-05-2009, 13:21
อ่านไปก็ลุ้นกันไป...อัศวินทั้ง 6 จะกลับมาอย่างปลอดภัยมั้ยนะ?
จะเจออะไรรายทางระหว่างไปชมปล่องภูเขาไฟ...
ยังกะอานนิยายแฟนซีแน่ะค่ะ...อ่านไป...ขำไป...เอิ้กๆๆ

รอชมภาคของพี่สองสายต่อค่ะ...

Equal1
29-05-2009, 13:31
Great Trip !!!

^^ ^^ ^^ ^^ ^^

* Power of Imagine *

P'Songsaay Version PLEASSSSS....

ตุ๊กแกผา
29-05-2009, 15:14
ตอนม้าถ่ายหวานหันหลังไปมองไม่ได้ อันนี้ต้องถามพี่ติ๋วว่าม้าท้องเสียป่าว เห็นทุกช๊อต ไม่รู้ได้รับชิ้นส่วนกระเด็นไปบ้างป่าว เอิ๊ก

คงไม่ใช่ท้องเสียหรอกค่ะ มันกวนมากกว่า อาจจะไม่อยากทำงานอ๊ะ เลยพยศซ๊ะ(หนูหวานเกือบตก) เพราะมันหยุดตลอดทางเลย ชิ้นส่วนที่เป็นชิ้นๆไม่ได้รับ ได้รับแต่กลิ่นจ๊ะ ไม่รู้กลิ่นอะไรต่ออะไร มันตลออบอวลไปหมดเลย....

แต่ที่ชอบสุดๆต้องขากลับ

เรื่องมีอยู่ว่า....คุณป้าที่จูงม้าของเรา(ต้องบอกว่าจูงจริงๆ เพราะม้าของพี่สองสาย พี่เบิ๊ด และนายน้ำตาลน๊ะ คนดูแลม้าขึ้นขี่ด้วย แล้วควบไปเลย) เนี่ย แกโวยวายตั้งแต่ขาไปแล้ว ม้ามันคงหงุดหงิดเหมือนเราแหล่ะเน๊อะ ขากลับแกเดินนำหน้าเราแล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ม้าตัวที่เราขี่อยู่ มันก็เลยใช้จมูกดันก้นแกเล่น แกโวยวายใหญ่เลย....แต่เราขำว่ะ ปล่อยมาก๊ากใหญ่ แกก็เลยค้อนเข้าให้ เดินไปอยู่ด้านหลัง

สักพักก็ได้ยินแกโวยวายอีก....หันไปดู โอ้!!!!!!! ม้าตัวหลังเราก็แกล้งแกเหมือนกัน โอ้ย!!!! ไม่รู้จะหัวเราะกันอีกกี่รอบเลยเรา...แต่แกก็เข้าใจแก้ปัญหาดีน๊ะ แกหยุดม้าเรา(เราก็งงดิ หยุดทำไมหว่า) ตอนแรกนึกว่าอ๋อ ให้ม้าพี่สายน้ำควบนำไปก่อน.....สักพัก อ้าว! แกให้ทุกตัวแซงไปหมดเลย....เรารั้งท้าย ดูดู๊ดู ดูเธอทำ หันมายิ้มแบบเปิดเผยช่องปากกับเราอีก 5555555

แมลงปอ
29-05-2009, 15:34
ขอบคุณหวานและติ่งที่มาเล่าสู่วีรกรรมให้ฟังนะ ....ทริปหลายหลายกิจกรรมดีจัง.......

Super_Srinuanray
29-05-2009, 16:19
Very funny story........5555555555555555555555555555

Do you have more?????

marine_wi
29-05-2009, 22:09
ว้าวววววววววววววว
ท่านอัศวิน เจ๋งกันสุดยอดเลย

พี่ตุ๊กแกผาคงโดนค้อนวงใหญ่เลย อิอิ ป้าเลยจัดให้อยู่ท้ายเลย คุคุ

Sugary
30-05-2009, 09:06
5555 พี่ติ๋วใจกล้ามากๆ ถ้าเป็นหวานนะคงต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้สุดๆเลย เพราะกลัวป้าแกจะงอนแล้วทิ้งม้าทิ้งคนไว้กลางป่า เอิ๊ก แต่ป้าแกเค้าก็โวยวายดีเนอะ

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าม้าพี่จ๋อมวัยรุ่น ขาลงออกตัวมาคนสุดท้าย กลับแซงดะไปหมดอิอิ แซงทางโค้งแคบๆด้วยนะ กลัวตกเหวจริงๆ

รอดูรูปเวอร์ชั่นพี่สองสายนะคะ :d:d

สายชล
30-05-2009, 13:36
ได้อ่านเรื่อง Taal Lake ของน้องติ่งและน้องหวาน ที่สร้างความตื่นเต้น...สนุกสนานเฮฮาให้กับพวกเราไปแล้ว ลองมาอ่านเรื่องของสองสายกันบ้างนะคะ


เรื่อง Taal Lake ของสองสายนี่ดูจะสุขสันต์หรรษา สบายอกสบายใจ ไม่มีเรื่องวิตกกังวลเหมือนเรื่องที่น้องติ่งและน้องหวานเล่ามาเลย...


เมื่อน้องหวานเสนอว่าหลังจากดำน้ำที่ Puerto Galera และ Anilao เสร็จแล้ว เราน่าจะหาที่เที่ยวก่อนบินกลับ ซึ่งดูแล้วภูเขาไฟ Taal ที่มีทะเลสาบซ้อนกันอยู่สองชั้น หรือที่เรียกว่า Taal Lake นั้นน่าสนใจที่สุด เพราะอยู่บนเส้นทางกลับไป Manila และสวยงามน่าเที่ยวมาก

สายชลเริ่มค้นหาข้อมูลของ Taal Lake จากหนังสือที่มีอยู่และใน Internet ทันที และก็เห็นด้วยว่าเราน่าจะไป Taal Lake อย่างน้องหวานว่าไว้ แต่ก็ต้องระวังกลโกงของคนที่นั่นให้ดี

เมื่อนั่งเรือจาก Puerto Galera ไป Anilao....สายชลได้เห็นภูเขาไฟ Taal ที่สูงตะหง่านอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่ง ก็ตื่นเต้นดีใจ ที่อีกไม่กี่วันข้างหน้าเราก็จะได้ไปเที่ยวที่นั่นแล้ว

สายชล
30-05-2009, 13:48
หลังการดำน้ำที่ Anilao จบสิ้นลง....เช้าวันรุ่งขึ้น รถตู้จาก T House ซึ่งจะเป็นที่พักของเราระหว่างที่ไปเที่ยว Taal Lake ก็มารับเราเดินทางออกจากเมืองAnilau มุ่งลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่สวยงาม เพื่อมุ่งหน้าสู่เมือง Tagaytay เมืองบนยอดเขา ที่มี Taal Lake ทอดตัวอยู่ในหุบเขาเบื้องล่าง

ระหว่างเดินทาง....สายชลนั่งชมความงามของทิวทัศน์รอบตัวอย่างสบายอารมณ์

สายชล
30-05-2009, 14:52
เมือง Tagaytay เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของฟิลิป ปินส์ อยู่ห่างจาก มานิลาไปทางใต้ราว 56 กม.ที่นี่จะมีอากาศเย็นตลอดปี เหตุเพราะอยู่บนภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 700 เมตร (2,500 ฟุต)


คนขับรถเล่าให้เราฟังว่า คำว่า Tagaytay มาจากภาษาตากาล็อกสองคำคือคำว่า "TAGA" ซึ่งหมายถึง “to cut” หรือ "(ฟาด)ฟัน" และ “ITAY” ซึ่งแปลว่า "พ่อ" เรื่องที่เล่าขานกันนั้น มีอยู่ว่า ขณะที่นายพรานพ่อและลูกชายคู่หนึ่ง ออกไปล่าสัตว์กันในป่าแถวๆริมทะเลสาบ ปรากฎว่าถูกหมีตรงเข้ามาโจมตี ลูกจึงตะโกนลั่นว่า “TAGA- ITAY” ซึ่งแปลได้ว่า "พ่อ...ฟันเลยๆ" เสียงที่ลูกตะโกน ได้ยินไปถึงพรานคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้น จึงพากันมามาช่วยกันฆ่าหมี และเรียกบริเวณนี้ว่า "Tagaytay" หรือ "พ่อฟันเลย"....หรือ...."ฟันเลยพ่อ"


นอกจาก มีภูเขาไฟ Taal ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นที่เล็กที่สุดในโลก แถมมีทะเลสาบน้ำจืดล้อมอยู่สองชั้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษแล้ว....ที่นี่ยังมีน้ำตก สนามก๊อล์ฟ สวนสนุก และสถานคาสิโน เป็นที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนที่นี่ได้มากมาย


ภาพจาก http://en.wikipedia.org

สายชล
30-05-2009, 15:06
เราใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงจึงเดินทางถึง T House สถานที่พักที่น่ารักของเรา...

เมื่อน้องติ่งและน้องหวานจัดการลงทะเบียนให้เราเสร็จสรรพ เราก็พร้อมจะออกเดินทางไป Taal Lake กันแล้วล่ะค่ะ

สายชลยังกระดี๋กระด๋า ดีใจที่จะได้ไปลงเรือ แล้วขี่ม้าขึ้นภูเขาไฟอยู่อย่างเดิม....

สายชล
30-05-2009, 15:10
คนขับรถตู้ขับรถจากรีสอร์ตลัดเลาะลงเขาไปทางทะเลสาป ปากก็บอกเราว่า ก่อนจะลงเรือไปภูเขาไฟ เราควรจะสั่งอาหารเที่ยงที่รีสอร์ตไว้ กลับมาถึงจะได้ทานกันเลย


สายชลนั้นคิดว่าเราต้องสั่งอาหารที่ T House ซึ่งเราก็ออกมาไกลแล้ว ทำไมถึงไม่บอกเราแต่ต้น แต่ก็ยังคิดว่าไม่ได้สั่งก็ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวกลับไปหาอะไรทานในเมืองกันก็ได้ อาจจะอร่อยและถูกกว่าในรีสอร์ตอีก


ที่ไหนได้...เขาพาเราไปส่งที่ร้านอาหารเล็กๆที่เป็นท่าเรือไปด้วยในตัว มองอย่างไงๆก็ไม่เป็นรีสอร์ต แต่ป้ายนี้ยืนยันว่าที่นี่เป็นรีสอร์ตจริงๆค่ะ....


เอ้าสั่งอาหารก็สั่ง...ดีเหมือนกัน กลับมาถึงจะได้ทานอาหารเที่ยงพื้นเมืองกันให้อร่อย (หรือไม่อร่อย) ให้หมดเรื่องหมดราว

สายชล
30-05-2009, 15:16
พอเขาให้ขึ้นเรือได้....สายชลก็ยิ้มระรื่นกระโดดขึ้นเรือเป็นคนแรก


อ้าวววว....นึกว่านั่งหันไปด้านหน้าเรือ กลายเป็นนั่งหันไปท้ายเรือเสียนี่ เลยถูกเจ้าคนขับเรือหน้าตาบึ้งตึง สั่งให้นั่งเสียใหม่ให้เรียบร้อย....


ทุกคนพร้อม...แต่เรือไม่พร้อม ต้องรอคนขับเรือเติมน้ำมันไปหนึ่งขวด เรือจึงออกจากท่าได้....

พวกเรายังยิ้มกันได้....ยกเว้นน้องติ่งที่หน้าตาเคร่งขรึม นั่งประกบคนขับเรือที่หน้าตาเครียดพอๆกัน....

สายชล
30-05-2009, 15:24
ทะเลสาปของที่นี่ใสแต่เป็นสีเขียวมรกต ไม่ได้ชิมว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่เขาบอกว่าจืดสนิท แม้จะเคยเป็นน้ำทะเลมาก่อน


สายชลระรื่นชื่นใจกับลมเย็นๆ และละอองน้ำที่กระเซ็นมาถูกหน้าตาเนื้อตัว.....


ฮืมมม....ต้องหายใจแรงๆ ฟอกปอดซะหน่อย ทิวทัศน์และบรรยากกาศรอบตัวช่างบริสุทธิ์และสวยงามเหลือเกิน....


อาชีพของชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆทะเลสาปแห่งนี้ คือการทำประมง ทั้งจับปลาและเลี้ยงปลาในกระชัง การงมสาหร่ายขึ้นมาขาย และการให้บริการกับนักท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ...

สายชล
30-05-2009, 15:29
ปริมาณปลาที่ผลิตได้ที่นี่คงมีมากมาย เราจึงเห็นเรือลำใหญ่ๆเข้ามารับซื้อปลาที่กระชังปลา....

อยากรู้จังว่าเขาเลี้ยงปลาอะไรกัน...

สายชล
30-05-2009, 15:31
เรือแล่นเร็วรี่...ใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ถึงเกาะภูเขาไฟ Taal....


นั่นไง....เห็นม้าแล้ว.....

สายชล
30-05-2009, 15:43
มีคนวิ่งออกมาจากหมู่บ้าน...


คนขับเรือส่งสัญญาณมือว่ามี 6 คน.....


จากนั้นเสียงเอะอะโกลาหลก็ดังขึ้น.....ทั้งเสียงคน....เสียงม้า....


สายชลยิ้มด้วยความขบขัน....และคิดว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดและก็สายมากแล้ว ชาวบ้านคงดีใจที่มีลูกค้ามาให้บริการ หลังจากนั่งหง่าวและไม่คิดว่าจะมีลูกค้าแล้วในวันนี้...


คนแรกที่สายชลเห็น....เป็นเด็กอ้วนกลม หน้าตาน่ารักเหมือนโก๊ะตี๋ ผมสีทอง (ไม่ทราบว่าเกิดจากการย้อมหรือถูกแดดเผา) ด้านหน้าหวีเรียบ ส่วนผมกลางหัวใส่เจลและเสยไว้สูงโด่เด่อย่างกับดารา

เขาจูงม้าสีน้ำตาลไหม้วิ่งตรงรี่ออกมารับเราทันทีที่ลงจากเรือ...

สายชล
30-05-2009, 15:47
จากนั้น...ม้าอีกหลายตัวก็ถูกจูงออกมาโดยคนอีกหลายคน ทั้งหญิงและชาย...ทั้ง ผู้ใหญ่และเด็ก...


คนอื่นๆถูกต้อนขึ้นม้าหมด เหลือเพียงสองสายที่ไม่ยักมีใครมาต้อนขึ้นม้า...

สายชล
30-05-2009, 15:55
ยืนสังเกตอยู่สักพัก.....


อะฮ้า....รู้แล้วว่าทำไมเราจึงไม่ถูกต้อนขึ้นม้า....


คนที่รูปร่างบอบบางจะถูกแย่งตัวไปขึ้นม้าที่ตัวเล็กๆก่อน ส่วนคนตัวใหญ่ปานกลางจะถูกจับไปนั่งม้าตัวที่ใหญ่ปานกลาง...


ส่วนคนตัวใหญ่มากๆอย่างสองสาย ต้องรอม้าตัวใหญ่ๆที่ยืนรออยู่วงนอก ซึ่งเจ้าของม้าคงกำลังช่างใจว่าจะยอมให้ขี่ม้าของตัวเองดีหรือไม่...

สายชล
30-05-2009, 16:05
ในที่สุด....ด้วยความเห็นแก่เงิน เจ้าของม้าจึงยอมให้สองสายขึ้นขี่ม้าสองตัวที่ใหญ่ที่สุด....


พอขึ้นขี่ได้....ม้าก็เผ่นโผนออกจากที่...


ทางที่ม้าวิ่งไปเป็นทางแคบๆ ข้างหนึ่งเป็นเหว อีกข้างหนึ่งเป็นเนินดินเตี้ยๆหรือป่า ฝุ่นดินปนทรายแห้งกรังฟุ้งตรลบเมื่อม้าวิ่งโขยกผ่าน สนุกสนานดีจริงๆค่ะ


พวกเราแต่ละคนถูกทิ้งให้ขี่ม้าอยู่ห่างๆกัน ซึ่งสายชลเข้าใจว่าเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นผงที่จะฟุ้งกลบหน้ากลบตาเรานั่นเอง


"Balance....Balance" เสียง JJ เด็กเจ้าของม้าที่วิ่งตามม้านาม Catalina บอกกับสายชล เมื่อต้องเลี้ยวซ้าย....เลี้ยวขวา....ขึ้นเขา...ลงเขา

สายชล
30-05-2009, 16:17
ช่วงที่สนุกสนานตื่นเต้นที่สุด....คือช่วงสุดท้ายที่จะขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟ ซึ่งเป็นทางโล่งสูงชันราว 45 องศา ที่สองข้างทางเป็นเหวลึกทั้งสองข้าง


JJ ตะโกนเตือนให้สายชลโน้มตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุด จากนั้นก็ตีที่ก้นม้าสุดแรง พร้อมตะโกน ฮี้ฮอ...ฮี้ฮอ....ดังลั่น


แม่ม้าสาวที่เหนื่อยจนน้ำลายฟูมปาก กระโจนตะกายดินทรายร่วนๆไปสุดแรงเกิด....


อิๆ...สนุกจัง ถึงยอดภูเขาไฟซะที...


JJ เหนื่อยพอๆกับ Catalina แถมด้วยนิ้วเท้ามีแผลเปิดเลือดไหลโกรก....

สายชล
30-05-2009, 16:21
คุณสายน้ำและน้องเบิ้ดนั่งยิ้มคอยอยู่แล้ว....ขวดโค๊กและน้ำเย็นๆถูกยกขึ้นดื่ม...


อู้ยยยย.....กระหายน้ำจัง.....คอแห้งหมดแล้ว....

Super_Srinuanray
30-05-2009, 16:35
ช่วงที่สนุกสนานตื่นเต้นที่สุด....คือช่วงสุดท้ายที่จะขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟ ซึ่งเป็นทางโล่งสูงชันราว 45 องศา ที่สองข้างทางเป็นเหวลึกทั้งสองข้าง


JJ ตะโกนเตือนให้สายชลโน้มตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุด จากนั้นก็ตีที่ก้นม้าสุดแรง พร้อมตะโกน ฮี้ฮอ...ฮี้ฮอ....ดังลั่น


แม่ม้าสาวที่เหนื่อยจนน้ำลายฟูมปาก กระโจนตะกายดินทรายร่วนๆไปสุดแรงเกิด....


อิๆ...สนุกจัง ถึงยอดภูเขาไฟซะที...


JJ เหนื่อยพอๆกับ Catalina แถมด้วยนิ้วเท้ามีแผลเปิดเลือดไหลโกรก....


This pictures look like mon teaching a naughty son...... :D

สายชล
30-05-2009, 16:37
พวกเราที่เหลือทะยอยมาถึงยอดเขา....


น้องติ่งยังหน้าบึ้งตึงอยู่เหมือนเดิม.....


เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่....

สายชล
30-05-2009, 16:40
น้องหวานยังยิ้มได้....แสดงว่าทุกอย่างน่าจะราบรื่นสนุกสนาน....

ส่วนน้องติ๋วยิ่งไม่น่าจะมีปัญหา....

สายชล
30-05-2009, 22:50
ทุกคน(ยกเว้นน้องติ่ง) สั่งน้ำขวดเย็นๆจากแม่ค้าพ่อค้าคู่สามีภรรยาที่ขี้ม้าหอบน้ำขึ้นไปขายบนยอดภูเขาไฟ พร้อมกับสั่งน้ำขวดให้เด็กและคนแก่ที่จูงม้าด้วย (ตามคำแนะนำของคนขายน้ำ)

พอเริ่มสบายใจหายเหนื่อยก็เริ่มมีอารมณ์จะชมความงามของปล่องภูเขาไฟ.....


สวยดีค่ะ....แต่เสียวไส้ดีจัง ถ้าตกลงไปละก็ จะเหลือซากไหมนะ...

สายชล
30-05-2009, 22:58
น้ำในทะเลสาบนั้นมีแร่กำมะถันเข้มข้นมาก แต่ก็มีผู้พิสมัยไปนอนดมกลิ่นกำมะถันเล่น

ตัวอย่างก็เช่น Brad Pitt และ Angelina Jolie ที่เมื่ออาทิตย์หนึ่งก่อนหน้าที่เราจะไปเยือน Taal Lake ทั้งคู่เพิ่งไปกางเต๊นท์นอนอยู่ที่หาดทรายริมทะเลสาปที่เห็นลิบๆอยู่ข้างล่างโน่นอยู่หลายวัน

สายชล
30-05-2009, 23:03
วิธีที่สะดวกที่สุดที่จะลงไปที่ทะเลสาปก็คือการโดยสารเฮลิคอปเตอร์ บินลงไปจอด


ในระหว่างที่เราชื่นชมความงามของทะเลสาปอยู่นั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์มาบินวนเวียน ฉวัดเฉวียนอยู่ลำหนึ่ง

สายชล
30-05-2009, 23:17
jjทำรองเท้าขาดและได้แผลลึกถึงเนื้อที่นิ้วหัวแม่เท้า น้องติ๋วทำแผลที่เท้าให้กับ jj แล้วก็ยอมเสียสละรองเท้าข้างหนึ่งให้ไปใส่


ส่วนน้องติ่งก็ยอมเสียสละรองเท้าให้เจ้าอ้วนโก๊ะตี๋ ที่รองเท้าหายไปทั้งคู่ และร้องโวยวายๆเมื่อยามเท้าสัมผัสกับพื้นทรายร้อนๆ


เมื่อเราเริ่มเดินลงเขา.......น้องติ่งและน้องติ๋วจึงอยู่ในสภาพไร้รองเท้าอย่างนี้.....


ส่วนเจ้าอ้วนยิ้มร่าชอบใจ คงหวังจะได้รองเท้าคู่ใหม่ ถ้าน้องติ่งจะเมตตา....

สายชล
30-05-2009, 23:28
วิ่งไปได้พักเดียว.....เจ้าอ้วนและสาวที่จูงม้าให้น้องหวานกับน้องติ๋ว ก็กระโดดขึ้นเกาะหลัง ไม่ยอมลงไปจูงม้าเหมือนเคย....


หันไปดูม้าของน้องเบิ้ดและคุณสายน้ำ.....ก็เห็นว่าตกอยู่ในสภาพเดียวกัน


สงสารม้าจัง.....

สายชล
30-05-2009, 23:32
สงสารม้าของคนอื่นอยู่เหม็บๆ.....เจ้าหนูน้อย jj ซึ่งถึงจะได้รองเท้าน้องติ๋วมาข้างหนึ่งแล้ว แต่เดินไม่ไหว ก็กระโดดขึ้นม้ามาเกาะท้ายสายชลหมับ แล้วก็ควบม้าลงเขาห้อเร็วรี่ พร้อมกับเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือและร้องเพลงดังลั่นตามไปด้วย


ช่างมีความสุขแท้...พ่อคุณเอ๋ย

สายชล
30-05-2009, 23:40
วิ่งไปได้พักใหญ่.....สายชลเห็นเจ้าอ้วนควบพาม้าของน้องติ่งวิ่งออกไปนอกเส้นทาง แล้วไปหยุดอยู่กลางทุ่งหญ้าที่มีม้าอีกตัวหนึ่งถูกผูกให้กินหญ้าอยู่ตามลำพัง....


น้องติ่งหน้าเริ่มหงิกมากขึ้นกว่าเดิม


เจ้าอ้วนจะทำอะไรน้องติ่งหรือเปล่านะ....


สายชลกำลังคิดเพลินๆ.....มีม้าตัวหนึ่งวิ่งห้อแน่บแซง Catalina....ม้าที่เรานั่งควบอยู่ไปอย่างรวดเร็ว...


แม่ Catalina คงนึกสนุก วิ่งเร็วรี่ตามม้าตัวนั้นไปชนิดห้อเต็มฝีเท้า เล่นเอา JJ ต้องดึงบังเหียน และตะโกนลั่น แม่ Catalina จึงยอมลดความเร็วลง


แหม....ไปดึงไว้ทำไมก็ไม่รู้ ม้ากำลังห้อสนุกเชียว....

สายชล
30-05-2009, 23:49
สายชลถาม JJ ว่าม้านั่นของใคร ทำไมถึงวิ่งมาอย่างนั้น...


ได้ความว่า เป็นม้าของเจ้าอ้วนที่นำไปผูกให้กินหญ้าอยู่ตั้งแต่เช้า เจ้าอ้วนเพิ่งไปปล่อยให้วิ่งกลับบ้านเมื่่อครู่นี่เอง


ที่นี้ก็เลยเข้าใจแล้วว่า ทำไมเจ้าอ้วนจึงพาน้องติ่งออกนอกเส้นทาง.....


สายชลเริ่มเห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆ......แต่ JJ เริ่มพาม้าออกนอกเส้นทางไปทางสวนมะม่วงบ้าง แล้วก็พูดแต่คำว่า Short Cut......Short Cut......


Short Cut...... ก็ Short Cut...... แต่ขอชมสวนมะม่วงหน่อยได้ไหม ลูกดกซะเหลือเกิน....


ว่าแล้วสายชลก็ขอให้ม้าเดินช้าๆสลับกับหยุดเป็นระยะๆเพื่อถ่ายภาพ จนม้าของพวกเราคนอื่นๆตามมาทันแล้ว จึงยอมให้ม้า Catalina ควบต่อไปจนถึงหมู่บ้าน.....


ทำอย่างนี้แล้วทำให้รู็สึกสบายใจว่าเราน่าจะปลอดภัย หากเกิดถูกหลอกพาออกไปนอกเส้นทางจริงๆ.....

สายชล
30-05-2009, 23:53
เสียดายจัง....ได้ขี่ม้าไม่นานก็ถึงหมู่บ้าน และต้องลงจากหลังม้าซะแล้ว อยากขี่ขึ้นเขาซะอีกรอบหนึ่ง จริงๆนะ.....



เอ.....ทำไมน้องติ่งถึงยังไม่ยอมยิ้มนะ.....ไม่สนุกเหรอจ๊ะ....

สายชล
30-05-2009, 23:59
เราร่ำลาคนจูงม้าและม้าที่เหนื่อยแฮ่กๆ และเดินไปลงเรือเพื่อกลับไปที่ฝั่ง Tagaytay.....

สายชล
31-05-2009, 00:01
ดูสีหน้าของทุกคนที่ได้กลับขึ้นเรือ แล้วทายสิคะว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไร.....

สายชล
31-05-2009, 00:06
กลับถึงฝั่งแล้ว......


อาหารเที่ยงที่แสนอร่อยก็รอท่าอยู่.....


พอเห็นปลาเผาบนโต๊ะ....สายชลรู้แล้วค่ะว่าปลาที่เขาเลี้ยงที่ในกระชังนั้น ที่แท้ก็ปลานิลแบบบ้านเรา ที่ได้รับประทานมาหลายมื้อตั้งแต่ที่ Puerto Galera และ Anilao นั่นเอง


เฮ้อ....มาอยู่ประเทศเกาะกลางมหาสมุทรทั้งที ไม่ได้ลิ้มรสปลาทะเลสักมื้อ มีแต่ปลานิล...ปลานิล....และปลานิล....

สายชล
31-05-2009, 00:13
วันนั้น....สายชลสนุกสนานเต็มที่ แต่พอกลับถึง T House ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ อาบน้ำได้ก็ขึ้นเตียงนอน หลับไปตั้งแต่สี่โมงเย็น จนถึงสองทุ่มกว่า ตื่นขึ้นมาทานแซนวิชที่คุณสายน้ำสั่งไว้ให้ตอนไปรับประทานอาหารมื้อเย็นกับน้องๆ ทานเสร็จแล้วก็ขึ้นเตียง หลับต่อจนถึงเช้าวันใหม่.....



ระหว่างอาหารเช้า..............สายชลได้ฟังเรื่องที่ทำให้น้องติ่งของเราหน้าหงิกหน้างอตลอดเวลา ที่ได้ไปเที่ยว Taal Lake แล้ว ก็หัวเราะงอหาย อายุยืนขึ้นอีกหลายปีเลยล่ะค่ะ....

สายน้ำ
31-05-2009, 06:53
ถ้าใครคิดจะไปขี่ม้าที่นี่นะครับ ผมขอแนะนำให้ใส่รองเท้า CROCS แบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก หัวโตๆไป รับรองว่าได้รสชาติของชีวิตบนหลังม้าแน่ๆ

..... เมื่อคุณขึ้นหลังม้า แล้วเสียบเท้าเข้าไป แล้วหัวรองเท้ามันติดกระชับแน่นอยู่กับห่วงใส่เท้า จะดึงก็ไม่ออก จะดันก็ไม่เข้า
..... เป้ใบใหญ่ใส่กล้อง ถูกบังคับให้สะพายกลับข้างมาอยู่ด้านหน้า จะร่วงจะหล่นอยู่ตลอดเวลา
..... สองมือต้องคอยประคองกล้อง พร้อมจับปุ่มบนอานม้าที่โยกไปโยกมาไปด้วย
..... ไอ้หนูที่คุมม้า มันกระโดดขึ้นมานั่งด้านหลัง สั่งให้ม้าควบซิ่งอยู่ตลอดเวลา ทั้งขาขึ้นขาลง ทั้งทางลาดทางชัน ทั้งทางเรียบทั้งขอบเหว ที่จะกว้างหรือแคบ มันสามารถสั่งม้าให้แซงได้ตลอด

ผมได้แต่เกร็งตัว มือข้างหนึ่งต้องยึดอานม้าไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างต้องคอยประคองเป้กล้องที่ไพล่มาอยู่ด้านหน้า ระหว่างที่ม้าควบผ่านดงไม้ ผมโยกจนแทบจะหล่นลงมาหลายครั้ง ขณะที่ใจคิดตลอดเวลา ว่า เราคงไม่หล่นลงไปหรอก เพราะเท้ามันติดแน่นชักไม่ออกแน่ๆ อย่างมากก็เอียงกะเท่เร่ลงไปเสียบกับกิ่งไม้ที่ยื่นระเกะระกะตลอดทาง สภาพศพจะสวยมั๊ยหนอ ....

อาศัยที่เคยเรียนอยู่ที่ Texas เมืองคาวบอย จึงพอจะเดาทักษะที่ถูกต้องในการขี่ม้าได้บ้าง (เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย) เวลานั่ง โดยเฉพาะตอนม้าควบ ต้องไม่นั่งเต็มก้น ใช้เท้ายันพยุงตัวและรับน้ำหนักแทนก้นไว้ตลอดเวลา จึงพาชีวิตรอดมาได้ แต่ไอ้ที่จะพาตายจริงๆคือเป้กล้องนี่แหล่ะ

ขาขึ้น ได้ขึ้นม้าเป็นคนสุดท้าย เริ่มด้วยการที่ไอ้หนูเดินจูงไป แต่คงไม่สะใจมัน ผมจึงถูกบังคับให้ไพล่เป้กล้องไปไว้ด้านหน้า เพื่อเปิดพื้นที่ด้านหลังให้ไอ้หนูมันขึ้นมานั่งได้ด้วย แต่พอมันขึ้นมาได้เท่านั้นแหล่ะ มันสั่งควบตลอด แซงดะ จนขึ้นไปถึงยอดเขาเป็นคนแรก .... ขาลงก็ขึ้นม้าเป็นคนสุดท้าย และเริ่มด้วยการสั่งให้ม้าไปดุนก้นยัยป้าที่จูงม้าน้องติ๋ว แกคงบ้าจี้ ไอ้หนูนี่ก็ยิ่งแหย่ จนแกทนไม่ไหวให้แซง หลังจากนั้นมันก็ห้อม้าแซงหมด ยกเว้นของคุณสายชลที่ควบแหลกเข้าเส้นชัยเป็นคนที่หนึ่ง ผมเป็นคนที่สอง

กลัวตายก็กลัว แต่มันก็มันส์ ยิ่งเห็นสภาพของคนอื่นๆ รวมทั้งได้ยินเรื่องของน้องติ่งก็ยิ่งขำกลิ้ง .... คิดไปด๊าย

Coffee
31-05-2009, 15:43
โอ้ พี่จ๋อม เล่น post เดียว ได้ใจความ เห็นภาพ เลย
อิอิ

สรุปว่า เพื่อนๆได้ฟังเรื่องเดียวกัน จาก 4 มุมมองแล้ว พร้อมกับ พี่ติ๋วที่คอยแจมเป็นระยะๆ.... แล้วพี่เบิร์ดไปไหนหล่ะ

สายชล
31-05-2009, 20:19
สายชลชอบขี่ม้า (ยิงปืน) มาตั้งแต่เด็ก.....เสียดายที่ไปอยู่ Texas กลับไม่ได้ขี่ม้า แต่ได้ไปขี่ม้าขึ้นเขาและลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำที่ Colorado แทน


บ้านเราน่าจะมีบริการขี่ม้าพาเที่ยวขึ้นเขาลงห้วยบ้างนะคะ.....จะขอไปใช้บริการบ้าง...

Sugary
01-06-2009, 01:31
เหมือนไปคนละทริปเดียวกัน เลยค่ะ อิอิ

ใครมาอ่านเรื่องฉบับพี่น้อยแล้วต้องอยากไปขี่ม้าเที่ยวภูเขาไฟกันแน่ๆ
จินตนาการต่างกันสุดขั้ว



คนขับเรือส่งสัญญาณมือว่ามี 6 คน.....

จากนั้นเสียงเอะอะโกลาหลก็ดังขึ้น.....ทั้งเสียงคน.. ..เสียงม้า....

สายชลยิ้มด้วยความขบขัน....และคิดว่าวันนี้ไม่ใช่วัน หยุดและก็สายมากแล้ว ชาวบ้านคงดีใจที่มีลูกค้ามาให้บริการ หลังจากนั่งหง่าวและไม่คิดว่าจะมีลูกค้าแล้วในวันนี้ ...




พอมาถึงฝั่งภูเขาไฟ เจอชาวบ้านโวยวายอย่างที่หวานเล่าให้ฟัง แวบแรกก็สงสัยว่าทำไมมันจะไม่รู้กันเลยเหรอะว่าพวกเร าจะมา จองล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ กว่าเรือจะข้ามทะเลสาบมาก็ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่มีการติดต่อสื่อสาร เตรียมตัวล่วงหน้ากันเลยเหรอะ หรือว่า.....

หรือว่าเพราะตอบมันไปว่าไม่เคยมา มันเลยเปลี่ยนจุดหมาย แทนที่จะเอาเราไปส่งให้ขี่ม้าตามที่ได้จัดเตรียมไว้ ก็เอามาส่งให้กลุ่มโจรเรียกค่าไถ่ในคลาบชาวบ้านซะ... และแล้ว ภาพเหตุการณ์ในหนังเรื่องโปรด proof of life ก็ถาโถมเข้ามาในจินตนาการ








คนแรกที่สายชลเห็น....เป็นเด็กอ้วนกลม หน้าตาน่ารักเหมือนโก๊ะตี๋ ผมสีทอง (ไม่ทราบว่าเกิดจากการย้อมหรือถูกแดดเผา) ด้านหน้าหวีเรียบ ส่วนผมกลางหัวใส่เจลและเสยไว้สูงโด่เด่อย่างกับดารา

เขาจูงม้าสีน้ำตาลไหม้วิ่งตรงรี่ออกมารับเราทันทีที่ ลงจากเรือ...






และแล้วเจ้าอ้วนก็เรียกหวานให้ไปขึ้นม้าของตัว (อ้าวเฮ้ย ทำไมต้องเลือกด้วยหล่ะ มันจะพาขึ้นไปเที่ยวหรือจะพาไปทำอะไรหว่า) โชคดีที่คุณป้ากับม้าขาวมาขวางเรียกหวานขึ้นไปก่อน เอาวะไอ้อ้วนนี่ท่าทางจะหื่น เจอกันหน่อยเป็นไง...








พอขึ้นขี่ได้....ม้าก็เผ่นโผนออกจากที่...


ทางที่ม้าวิ่งไปเป็นทางแคบๆ ข้างหนึ่งเป็นเหว อีกข้างหนึ่งเป็นเนินดินเตี้ยๆหรือป่า ฝุ่นดินปนทรายแห้งกรังฟุ้งตรลบเมื่อม้าวิ่งโขยกผ่าน สนุกสนานดีจริงๆค่ะ


พวกเราแต่ละคนถูกทิ้งให้ขี่ม้าอยู่ห่างๆกัน ซึ่งสายชลเข้าใจว่าเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นผงที่จะฟุ้งกล บหน้ากลบตาเรานั่นเอง






ระหว่างทางจากพวกเราหกคน ม้าหกตัว ไกด์อีกหกคน (อย่าคิดว่ามีผู้หญิงกับเด็กแล้วจะไม่น่ากลัว ทหารชาวบ้านในหนังที่ว่าก็มีครบอย่างนี้เป๊ะๆเลย) ก็เกิดการแยกทาง พี่สองสาย และพี่เบิร์ด แยกไปทางหนึ่ง พี่ติ๋ว กับหวานไปอีกทาง ส่วน coffee ที่อยากลองของว่าเจ้าอ้วนมันจะหื่นจริงไหมก็โดนสั่งใ ห้หยุดและลงจากหลังม้า แล้วพี่ติ๋ว กับหวานก็หายไป... เอาแล้วไง การแบ่งแยกกำลังศัตรูทางยุทธวิธี ค่อยๆหาวิธีแบ่งศัตรูออกทีละครึ่ง... เป๊ะแลย.......








คุณสายน้ำและน้องเบิ้ดนั่งยิ้มคอยอยู่แล้ว....ขวดโค๊ กและน้ำเย็นๆถูกยกขึ้นดื่ม...

อู้ยยยย.....กระหายน้ำจัง.....คอแห้งหมดแล้ว....






มาถึงปากปล่องภูเขาไป ก็พบกับพี่สองสาย และพี่เบิร์ด ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็กลับมารวมกันอีกครั้ง.... แต่ทำไมพี่สองสายกับพี่เบิร์ดกินน้ำอัดลมกันใหญ่ เอามาจากไหนหว่า ตอนที่ซื้อมามีแต่น้ำเปล่าหนิหว่า... เอาแล้วไง อย่างนี้มันเล่น ยุทธวิธี ทำให้ตายใจ เดี๋ยวพอเราไว้ใจมัน มันก็จะวางยาพวกเรา อยู่ในน้ำอัดลมพวกนี้แน่เลย...





เอาแค่นี้ก่อนเนอะ แค่นี้ก็ขำจะแย่แล้ว คิก คิก

สายชล
01-06-2009, 09:28
เป็นการมองต่างมุมกันจริงๆค่ะ.....;)


สายชลเข้าใจว่า....ชาวไทยกับชาวตากาล็อก มีความเหมือนในความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ เพราะนอกจากหน้าตาเนื้อตัวและผิวพรรณจะใกล้เคียงกันแล้ว จิตใจและนิสัยใจคอก็ดูจะคล้ายๆกันอีก


คนขายน้ำที่เป็นผู้หญิงนั้น ดูเธอจะชื่นชมคนไทยและประเทศไทยมาก......เธอเล่าด้วยการใช้ภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดีและชัดเจนว่า เธอชอบเมืองไทยมากเพราะดูงดงามและอุดมสมบูรณ์ดี เธออยากไปเที่ยวเมืองไทย แต่คงไม่มีปัญญาจะไปเพราะไม่มีเงินมากพอจะไปได้


ตอนที่น้องติ๋วช่วยทำแผลให้กับ jj แถมยอมสละรองเท้าให้ jj ใส่ รวมทั้งการที่เรามีน้ำใจซื้อน้ำขวดให้คนจูงม้าได้ดื่มแก้กระหายนั้น คงทำให้พวกเขาชอบใจและประทับใจกันมาก สังเกตได้จากแววตาและท่าที่ของพวกเขาที่แสดงต่อพวกเราอ่อนโยนขึ้นมาก และดูจะให้ความเคารพนับถือพวกเราเพิ่มขึ้นอีกด้วยนะคะ....:)

เบลูก้าน้อย
01-06-2009, 13:07
อ่านเรื่องของแต่ละคนแล้ว ได้คนละมุมมองจริงๆค่ะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นมุมไหน ก็สนุกสุขสันต์กันไปคนละแบบ ^^

..


ที่เที่ยวแห่งนั้นจะทำให้เรารู้สึกอย่างไร .. มันอยู่ที่ใจเราเอง จริงๆเลยนะคะ ;)

สายชล
01-06-2009, 14:03
"ทุกอย่าง.....อยู่ที่ใจ...."


โลกของเราแต่ละคน....เป็นอย่างน้องวาฬเผือกน้อยว่าไว้จริงๆค่ะ

Frappe'
01-06-2009, 16:28
^ ^
ป.ล. คิดถึงไอคอน penquin จัง...

สายชล
01-06-2009, 17:24
แม่นแล้วค่ะน้องเป้......(อิๆ....ตอนนี้ตื่นมานั่งประจำที่แล้วค่ะ...ต้องใช้กลิ่นปลาหมึกม้วนมาล่อ ถึงตื่นขึ้นมาได้)

เดี๋ยวไปยกน้อง penquin มาไว้ให้ที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะคะ....

Frappe'
01-06-2009, 23:21
เพนกวินมาแล้ว
http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_162.gif
ขอบคุณค่า

เบิ๊ด
02-06-2009, 11:06
คือ...อยากบอกทุกคนว่าพี่เบิ๊ดน่ะไม่ได้ดื่มนำ้อัดลมนะคร๊าบ
คือ...ดื่มนำ้ที่เราเตรียมมานั่นแหละ ตุนมา 4 ตกข้างทางระหว่างม้าควบไป 3 เหลือ 1
คือ...ดื่มไปได้ 2 อึก!!! อ่า...แล้วต้องเอาน้ำขวดนี้ไปล้างแผลให้เจเจ
คือ...มิทราบว่า เจเจ ติดเชื้อบ้าไปรึยัง??? (-_-)!
คือ...อยากให้ติ่งกลับไปดูแลถามไถ่ให้อีกรอบ!!!
คร๊าบบบบ

สายชล
02-06-2009, 11:24
ก๊ากกก....ป่านนี้ JJ วิ่งไล่บิดหัวนมคนทั้งหมู่บ้านแล้วมั๊งคะ....http://www.saveoursea.net/boardapr2007/Smileys/default/lipsrsealed.gif

ตุ๊กแกผา
02-06-2009, 11:45
อ่านกี่ทีๆ ก็ขำอ๊ะค่ะ.......แบบว่า มันเป็นรสชาติของชีวิต

ว่าแต่ว่า สงสัยที่หวานสงสัยจะเป็นจริง คุณป้าที่จูงม้าเราไม่ยอมขึ้นม้าซ้อนท้ายเหมือนของคนอื่น ถึงแม้ว่าเราจะบอกเขาว่าให้เอาเป้เรามาไว้ข้างหน้าแบบพี่จ๋อมอ๊ะเปล่า แกส่ายหน้าอย่างเดียวเลย (สงสัยว่าแกจะไม่ถนัดในการบังคับไอ้แสบทั้ง2(หมายถึงม้าของหวานกะของเรา) 55555) นึกแล้วก็ยังขำที่แกโดนม้าแกล้งตลอด ตรงไหนที่เดินดีๆก็ได้ มันวิ่งถูลู่ถูกังแกไป ให้แกด่าซ๊ะะะะ (ที่รู้ว่าด่าแน่ๆ เพราะสำเนียงเหมือนคนบ้านเราเวลามีปากเสียงกันมั๊กๆเลย) ตรงไหนที่วิกฤต (เช่นตรง45องศาที่พี่สายชลบอก มันหยุดกลางทางเฉยเลย แถมเดินไปทางที่ป้าแกไม่ให้ไปตลอด......คิดๆก็น่าสงสัยป้าแกเนอะ นู๋หวานเนอะ55555555

เบิ๊ด
02-06-2009, 11:46
....น่ากลัวมั๊ยคร๊าบบบบบบ ฮี่ ฮี่ ฮี่

ตุ๊กแกผา
02-06-2009, 11:50
พี่น้อยขา...ไอ้โรคที่น้องjj คาดว่าจะเป็น อาการแบบนี้ไม่มีในตำราเลยค่ะครู

หรือจะเป็นโรคที่พี่เบิ๊ดของนู๋คิดค้นขึ้นมาใหม่.....ท่าทางจะร้ายกว่าไข้หวัด2009เป็นแน่แท้

โอ้!!!! น่ากลัวจริงๆ อย่างนี้ต้องให้นายกาแฟของเราพร็อตเรื่องใหม่อีกสิเนี่ย5555555

ว่าแล้วก็หนีไปแม๊คโครจรัลฯดีกว่า.......เขาว่ากาแฟแถวนั้นอร่อย....ใช่ม๊าาาาาา

สายชล
02-06-2009, 11:58
อิๆ.....ถ้าให้พี่สันนิษฐาน.....พี่คิดว่าเธอคงหน้าเหมือน "แม่แก้วหน้าม้า" ตอนยังไม่ถอดรูปมากๆ (โดยเฉพาะฟันที่ยื่นออกมานอกปาก)


กิริยาท่าทางก็เหมือนม้าดีดกระโหลก หน้าเป็นม้าตัวเป็นคน แถมยังไม่ต้องให้ใครขี่เหมือนม้าตัวอื่นๆอีก


ม้าตัวอื่นเลยอิจฉา พากันรุมแกล้งเธอกันสนุก.....


http://www.saveoursea.net/boardapr2007/Smileys/default/lipsrsealed.gif http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_32.gif

ตุ๊กแกผา
02-06-2009, 12:00
5555555 ชอบจังเลย
5555555 ขอขำต่ออีกทีค่ะ

สายชล
10-11-2010, 20:17
http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_60.gif


อู๊ยยยยย.....กลับมาอ่านกี่ครั้งๆ ก็หัวเราะได้ทุกครั้ง....


อยากไปเที่ยวแบบมีความสุขสนุกสนานอย่างนี้อีกจัง.....


http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_60.gif

สายชล
08-08-2012, 22:50
มาอ่านอีกรอบแล้วค่ะ....หัวเราะท้องแข็งได้เหมือนเดิม


น้องติ่ง & น้องหวาน ไปผจญภัยอย่างนี้กันอีกสักรอบ ดีไหมคะ...:)

สายชล
03-06-2013, 16:50
มาอ่านอีกรอบ....อ่านกี่ครั้งๆ ก็หัวเราะได้ทุกทีค่ะ...555555