View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 13 กรกฏาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 13 - 14 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้
ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 18 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 13 ? 14 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย
https://lh3.googleusercontent.com/SKcRdw0pHWL58iY95D2wpXt5_jWFXPmkR_PFEd_u5P-WCvu7_-EadPxKa4jyOD0eEmbtJF7KExrM1EQRW1dTArExUXRTqbqT4iq4F-qCcmmrzxmjnqTtg2cvjWJz506W2IfJoWhda6nY-6NH7I44-_lZv0SSbFBDLzjrJ7PQzUHYXeh2hAaqqxPEfmMvxk3DIODtavu6r1F3sYsQUuh8MsmtezfrbAaZ4Hv8cTdYMURcAq8uUX9LQaAFIfR7tauiYtO_YoxaBDy13Ag98GawnLtcqAjnZYPgdXPVJ-iW43azyLdqR19mRokWydDcTTC6p8JvGpoZXi3lDTho7SWwl_Y8FMwhofAC6OhBngNimK9WbmDzO8vf2AaeYImsd2oS6Yr9HE01gav8dkK8-9UrkVUE0B96jcBmUtqPIOJSaCEJ2YsHJEFnw6JQCACTNPn2PdV_juMyVHJBvgfk75MHrlgGnbgN3aNmFMGdIHwXSDs2TGHyLMvkEnXj2ugjhELUC9dxHNV-4qTvGz6hhBWibpQk9LOwmZ2mBnnSSUJ7ZLfLJbbznET3d03gAY_uazIa-g2MtPw0aRB0zbOzUo9K-x1WsC5F_rwnE5SsTVrMBlHJcxEVIQJAYxkS2Z4dCGMAI5FDt4cbRu_O1FuKp-xmmrb-wgCDZOuSPxczefaWOPb04H6rbR2lUd_NSCPGJhg=w800-h552-no?authuser=0
https://lh3.googleusercontent.com/HzV7wpaDwidPrdGtDwg1NKNVy3FaeiEnOGBg0zraNkK55-z5kF243eK8FcO-_Mm3Dq6IpoAanv1H1vLHU0C4v1dDCiTuV91ywk0_c5DQZ_Z_ekY9D7e-dBw8qAZP6OAuSUCuPAc02l0fvTldYlNIv7tHbQRZVadaxbr6x06S6aIPMwmZDqJLNu8Ey3br6-vm5WtW3w3rLwkGFNRZnb6CAbWQY_RpyTy2gs-XLgm8KpWEJnpr7LRjaI0yZGzMTZDiLDvD68VoYAQTHxuM3zedvwtpYXelZBsugC0FA3KzF9EE3mWWkHzCCSjxFjaN2WSMaby7MxTM-28Ov5Lm-EMyI7r4RQ3CwQ-Xqx57QNfJdtMh_EZQdcSpYCxj21y1_BnfSubXXwYhG93yqvVEOJogsGRggZLUysWxUSpQyZhFzMGNElUwtZhnB2bNk2-5dz_ZH7RSVhTBxlHpODc2KOI9KncsvEGa1nCmQ5C7sz4EKip--OMFt5KlXoyXQqq7MpSNq6WFHI16z_l9QgmsKp7TdsWi3VDGJrh_2zh4_vr8x-A6xAQQ2BtfUNaHv5Ztlms6CsjU9teMo4Ev9jtdbF-neL6I5gbwChw_0BpVURLd1POcWxHzt4BT45ceUh88uNrzeE89jSaG2yk_BZmeKnCakvbFdqMEy8laJY2D6nXnfNYJsqdZXScqKuML7NEygUw=w800-h390-no?authuser=0
https://lh3.googleusercontent.com/pSsQESs9R7_QTQAkHuyCDZvqQt7_KFHw96aPAhkB36AwPVbepb7p-E5QHFzBatSNOR3Wr2h9DhxeriHSHqse9o6RCNm9E7NjHHwtnAW0QunM9YJkupVVKYcx4XMjjuHLWDMpB4piqMqBGLXGDTcft1BpG0MZCV5keUX5wWPhk10ElihrW80f_PZLcxLdCX-au2SJuQKSieF7KJTJ5mdYpr8Q1qzcvU1YCe_CPJbr_g5fsJx9XaQxTnQKz1bEmiAMKjr2NAT1kf4y64BwNlp7rGFIwQJjikcV6JNhUH1_fIEoQvyWvmdq3S6Wioe4sBaOmDnqnM-YtOK2c12tPj8aH5pOjLOxyf962TNFWvNkQPSFunWd7rIquRHHATNKj-cH20DHL0ESYpoHjG9lyp22X6nwiglXJOnrzMp5HaXHV4nxRsS2kaXQ9LE0cECCeHmklV64aGM3cPKHduWUCnpXuK73yrxlABvFtXHR-Aq14XvSxZVjvwprFnYxC4BVY5bezsKtLXVTpN-9g4gUS7xSimzxBxMGoo_2s06EDF8tLc6E81URUqdQa67Jrg8DYR5oBL39pRvvijy7kSmvs-f29FUp5JbcU34nQkbziIhu5vytM_2sHMX0dMi6bKbNe8OK49OWkrrl04QmWW1x0Q1tv_vxh-jFqrxRWTuYxuJJf4RsuA9Y2tAqCl6lvesZBx0=w800-h510-no?authuser=0
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เมืองจีนงัดหมัดเด็ด พาหอยเป๋าฮื้อกว่า 50 ล้านตัว "กลับบ้าน"
https://lh3.googleusercontent.com/ms2NzZvBK4NEfmVgRJqdlmzbnw9IaIxp9oH09EdK75na5Nb5LPcGK4B_FcVrbMnN3i77ZynrviBJdf5u3UoLgRJiAPivT-9CmlKfoThK76PtaeSqY2FiKZjI3MrRthCx3_N8ayfdlVd1k5poW_V_ox_ebqYiydI-OQ-s3H-EHlsjia6TD2uOXIzCR2zlIfuSW4MnaYU2DXYzDdIAAQ7yjPk_Y2ueGa19_xXPfrYR3wV2AmyBdaRgzEt1Y2PuwCsd8eZdRn30gTK0LW3efGjSFipUSBLmQJV8zhKZdpFLB53KhwDLmfbpuEdw2MvU_uvACuokHRqw47DBnrQ7muHsyiWDSbWizSEVpPFhlYlspYEOqc-ew4DtdSRJqIVEu83VHLhla_0DnNbfZc5jmSdhT-tB3xFZkdl6zKwkTCTefDt57YGYAIAJauX2ehMnI5tf6iB6tGEdBZBah2LiYczm4dXVDwtjSmEBipNjJKslyPAstBOb7Gcr3mVtFHN07i0gQBXM80u57MOOxKakD6I7zGIcZxuO-O7KuWpLzA57BhG3OhFm9MG9OzrtfrArX85VG7CO4VtlFFsPJWDiR6h2ehusXsfNLUuLtF0hjtEUejf5v_r6AGE7nmEoACQj5T7BiJjIYbV_TjTLcTDpVkW4kdRbGxuvtlnPZfQNvulI26t1lBjcEuefQYVVxs3zfSg=w700-h491-no?authuser=0
หอยเป๋าฮื้อที่เขตเพาะพันธุ์หอยเป๋าฮื้อในอำเภอหลี่ต่าว เมืองหรงเฉิง มณฑลซานตง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เพาะพันธุ์หอยเป๋าฮื้อแห่งหลักของประเทศจีน (เครดิตภาพ ซินหัว)
ซินหัว?เขตเพาะพันธุ์หอยเป๋าฮื้อในอำเภอหลี่ต่าว เมืองหรงเฉิง มณฑลซานตง นับเป็นหนึ่งในพื้นที่เพาะพันธุ์หอยเป๋าฮื้อแห่งหลักของประเทศจีน โดยมีพื้นที่มากกว่า 10,000 หมู่ หรือราว 4,166 ไร่
เมื่ออุณหภูมิน้ำลดลงในฤดูหนาว หอยเป๋าฮื้อจะเข้าสู่ช่วง "จำศีล" หรือนอนหลับไป ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ปี 2014 เมืองหรงเฉิงจึงได้ร่วมมือกับพื้นที่อื่นๆเช่นเมืองผูเถียน ในอำเภอเหลียนเจียง มณฑลฝูเจี้ยน ดำเนินโครงการผลัดเปลี่ยนที่เพาะเลี้ยงระหว่างเหนือ-ใต้ ในช่วงฤดูร้อน-หนาว
https://lh3.googleusercontent.com/rU42iywhmv6NTuwlQ2oTIvqxryhshOmRlsHVkw55ETlugxDD5qOa6bktr1PnZETp_EXzdtPaoHWjw1b33pXekpRaWob1KT9Se7Zlm6uogQMXyZgtbCLXawY5_9kylzNXBoPSs1T9lSLjbhK9J02A4Cp61jc_xzJqFOWM9oIqW1Ve9pgqsSJ2sURES7RuTDBG61bZkrLlGQP2TEe6tCUNVZ2_sPt-qiLPp4iL59Pt3PKbshNNIBha4fMZ-8aVuVUs6mEx0wpTMDFK3sCawxBmkGQrHXRhpKRhQHcIGnIn-szn0nfMYwqg-S6Hu5G0EkifiQ1gRMFsdMTnJiZIR3RkUkZPi9gN936HC6Fyj1nF9-_kghjQVysWOZAke3SRZksACAEdXhW62BFUv8htH5vB3jB7NNhXQGKWmbLjeWsckpQS6-2FD-SGFs2FVOUpPnoyjnGum6851aED2o5kTLu-rd4plWld06d6VgBVwvnHBJ7zr8NgCtDlqxn93ipPGxSCDajKNJ9B9AnTuuCgp_3jivZr_CG--hwqlaIGwh06FFsAXWEdpIt_W_6_12ANECbbjT8KpVvuD7otC9gPltRB0wZzVtptnueP6ZHgSwUAfyn5f8vpbQAPItm3VdDSledoyVOs52Ye2rYnkpSSsms1HTzv-_TNV1RLiYSkNUaVTZ1amy0TrfLX1UdaBT8Zq-o=w700-h425-no?authuser=0
แหล่งเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อเมืองหรงเฉิง จับมือกับแหล่งเพาะเลี้ยงในภาคอื่นๆ ดำเนินโครงการผลัดเปลี่ยนที่เพาะเลี้ยงระหว่างเหนือ-ใต้ ในช่วงฤดูร้อน-หนาว เพื่อรักษาหอยเป๋าฮื้อ ไม่ให้ถูกน้ำเย็นจัดทำลายเสียหายในช่วงฤดูหนาว (เครดิตภาพ ซินหัว)
ผู้เชี่ยวชาญได้คิดค้นวิธีการนี้ขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลที่เย็นเกินไปในช่วงฤดูหนาวส่งผลต่อการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ ในเดือนที่ผ่านมามีหอยเป๋าฮื้อกว่า 50 ล้านตัวที่ถูกส่งออกจากแหล่งเพาะเลี้ยงเมืองหรงเฉิงไปในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา กำลัง "หวนคืนบ้านเกิด" ที่หลี่ต่าว
https://mgronline.com/china/detail/9630000071390
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
กลุ่มฮูตีเปิดทางยูเอ็น ตรวจเรือน้ำมันดิบล้านบาร์เรล จอดทิ้งที่เยเมน 45 ปี หวั่นหายนะสิ่งแวดล้อม
กลุ่มฮูตีเปิดทางยูเอ็น - วันที่ 12 ก.ค. เอเอฟพี รายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี เตรียมประชุมด่วนในวันที่ 15 ก.ค. เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับ เรือบรรทุกน้ำมันดิบ 1.1 ล้านบาร์เรล อายุ 45 ปี ที่จอดทิ้งโดยปราศจากการบำรุงรักษามานานกว่า 5 ปีแล้ว ที่เมืองท่าฮุไดดะฮ์ เยเมน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของกลุ่มฮูตี กองกำลังติดอาวุธนิกายชีอะฮ์
https://lh3.googleusercontent.com/zEy8x12M1MdDmzQDE1k1SmfhulfGPe_XJyPv5RmEF9q1eYHuKGhhrk9iP8QYxf6HnQWsicZz5OtDC2s7E-DsE5egEEsfP-kPLC64SVTL8V-LrWKMRgAWhqsqjlwM4oSH0taHsTKZZlGIC6kfhF_fq6fb6_Yn7_HmUoK1PELqVR7UR_Z1TFXyqGcQ1YZ0Ee543T4bMaoU6nCvxsedVpym6NDUOZAPV5Yo0EImxggHixiEjEjFjs3nojOkN97bO9dpsw2QRVkHwxRLzTcewzxOyTm5XloXaGr-LbMMzfT6WI9WcigY35ovg19PbMZW-RmY6AlHZSbpnTSZqtS5sEJ2-Xhk8u3BcMDyz625vfSwv4R0PlorLlTLx71GWJ0zPAhRz9TuE_J0BeJcxem9NllXigIPH-wUEmB6gY1qNHYOLVrVCmUWOOsoeskc0mbZCmvLoOhaz3gK394oPi9NCVIbTw6UHYuwb4TdGO4k9S1ZetDsrcPfawgL_CLJprWpcpuPTWgvpnW4I5O2sddgxW9XV0RU2nRvSIomskIvFY8eTcw1koqQjfii23lBrZJggpAjj19I73v5KJIJ4mHw6Kuc3Tm4gXjDC86yasAzULr9zpb6i_nKkFfK4wYP2NaKYfbSXhGoBiETMNqPzy-cvbEoqWnky_8wPBstRxsg-6bBzFahr7SM6J-q1QQiF2fZpP4=w700-h394-no?authuser=0
ขณะที่แหล่งข่าวยูเอ็น 2 แหล่ง เปิดเผยข้อมูลล่าสุดกับ รอยเตอร์ ว่า กลุ่มฮูตียินยอมให้สหประชาชาติเข้าถึงเรือบรรทุกน้ำมันดิบแล้ว ระบุว่า กลุ่มฮูตีที่มีความใกล้ชิดกับอิหร่านส่งจดหมายอนุมัติให้ช่างเฉพาะทางของยูเอ็นเข้ามาตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันได้
สวนทางกับปฏิกิริยาก่อนหน้าที่ นายโมฮาเหม็ด อาลี อัล-ฮูตี ผู้นำกลุ่มฮูตี ทวีตข้อเรียกร้อง ต้องการหลักประกันว่า เรือลำนี้จะได้รับการซ่อมแซม และ ขายน้ำมันดิบราว 1.2 พันล้านบาทในเรือเพื่อนำเงินมาสนับสนุนกลุ่ม
ขณะที่รัฐบาลเยเมนเรียกร้องให้นานาชาติจัดการกับกลุ่มฮูตี ระบุใช้หายนะสิ่งแวดล้อมเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่จากประชาคมโลก
https://lh3.googleusercontent.com/BvOomXvt1Zc6B-hZP4dSg7-lNwa8fyogXpnNAL2VDtrYt_Df95JaAgEDDJoJ0JczuKKtKp5qtRtyL7v0WuvIwLk37EiAt3wDMyDCOpVxWNsKL5PRtsvTV_hmu5wGZTJ2RTW-LRZ-lb6lKICyyUStREfRKbL5t0mDFu9u-cQM3ml85G7m0FyI9tts6AUTh1iCU7XsQ0ephWO71AjZL5HhdWkDk2cbAQ08DyasNrRI1JVT1NXQF01Vz5lGXMLpa3uVl7UsbsQSThvBkpxLlXXIwvtHaBD52XPpE50XFqi-bWxs3FqTkysxfpjXRh95KAktuDkhjcekb1rJ3EF4uxk42ZR5rksL0llf0jP4uuay67WJUsFLaZyo1PwnVY_cex0nfs5D3-m9U8u8-MCdSNJ2_-rCIgLKZbt76HEJcEri_6nWrolhm05pKXuP40XKYPo0IxZyvc4sezz7Xm4zAgO-Yeg9A2aqCz-CsJ4CUThuH615wHfzCEVQerLHhWABcbKPSBiswOzePDjNlAnLtZxRe5FO-ntBV0xQmKHDc57yCkEL_ZcLNG8JXSYd8kcRDp41bywRQn_LEMG4k9Eqr2yyph0sFkPqYGHhxnBAydlL02gCGkR1JtW-2kGDF6wb1j92G1h74RujCaqKBMJrXueK1Z5Vha1FT9WjqQMt7dM9OezDZYdR9NtDqHa7ucvA2iA=w700-h519-no?authuser=0
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเรือเริ่มผุพังจากแรงดันในถังน้ำมันและเกิดรอยแตกทำให้น้ำไหลเข้าท่วมห้องเครื่อง เสี่ยงต่อการที่เรืออาจระเบิด หรือน้ำมันรั่วไหล ขณะที่กลุ่มฮูตีส่งนักประดาน้ำลงไปพยายามแก้ไขได้เพียงบางส่วนเพื่อประวิงเวลา
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากน้ำมันทั้งหมดรั่วออกมาจะต้องใช้เวลาถึง 30 ปีกว่าระบบนิเวศจะฟื้นคืนทั้งในทะเลแดง ถึงอ่าวเอเดน และคาบสมุทรอาหรับ กลายเป็นหนึ่งในหายนะสิ่งแวดล้อมร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_4490439
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
ก.อุตฯ จับมือ เอสซีจี แก้ปัญหาน้ำเสียคลองเปรมประชากรด้วยนวัตกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกกำลัง เอสซีจี และกทม. ทำโครงการจิตอาสาฯ แก้ปัญหาน้ำเสียด้วยนวัตกรรมชุดบำบัดน้ำเสียชุมชนและทุ่นกักขยะ นำร่องครั้งแรกที่คลองเปรมประชากร พร้อมเตรียมเดินหน้าโครงการต่อเนื่อง ที่คลองแสนแสบและแม่น้ำท่าจีน
https://lh3.googleusercontent.com/0DeVRP_isW_ix4PVux6J5TC__D89NFSwkKDW4Sz8UN26N4sl7GDpW5MzTc5fHx1xdAPX0JHWR_y_GmSQ0TeVSMVmx0MF--SLA6wozF-qOMA3yhJGhs2ASPjFYLMwoRPmJA4RPX3T2axQRSNYC8e96YGdZuqjH8bduy3CLgIwxGWL-s_A0I0xGgstgYCAQICXRwH2fo1QFqbMUMWi-WzgSv3ee58FSxHgIG3pbn9XuwK1yN3PLyRM1hBNVafLujMuSZep62np_cj0Sw6QYqSTl6I76gDtMsN95YXSh2fjT--aaPZH03vmK1XW8mWBgFixF-Ldum8s-EGEZ7riZr7gwhbcTOeZzez6UmjBkVa1YfoyXM-T0-uGUQNMz7Hiu-Le4aVmGrxOe3kedWYu60bdmqUCfjzVLAIqz0Jw2WVzPeXsAGE4FSppb5eiyERFMGyw3dT8NVRlwSDVqKLVtatCwkSj-hJ4W5D34V7fyF9nY-ccwScWhf2xS5OSAjZIuhiUTnUthbyYKt3oY3dzJ8B4GbL5jIb1No_CRB7siYR2z4EUqP9qrDy4PtPvlPppUdUk0SR_yEyfYzKVKVa85DHDxfgyxkmhTcZU-sYhclTQjx3GejW9JAOYftN_i5fYnxHcqgq9MPZUzJpe4WaxuYoPUZh8rDVwO7L7VxBgWh1F397x4WzUf36XFkCZC5I610M=w700-h467-no?authuser=0
กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) ให้ร่วมบูรณาการพัฒนาคุณภาพน้ำในคลองเปรมประชากร เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10)
น้ำเสียเอสซีจีร่วมสนับสนุนโครงการฟื้นฟูคุณภาพน้ำคลองเปรมประชากร ด้วยนวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ HDPE-Bone //ขอบคุณภาพจาก: เอสซีจี
"จากการตรวจวัดคุณภาพน้ำในคลองเปรมประชากรตลอดสายในกรุงเทพฯ พบว่า เขตดอนเมืองและหลักสี่ เป็นพื้นที่ที่มีชุมชนอาศัยอย่างหนาแน่น และมีน้ำเน่าเสียมากที่สุด จึงเหมาะสมต่อการดำเนินโครงการฟื้นฟู จึงได้ประสานความร่วมมือกับเอสซีจี ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีศักยภาพร่วมดำเนินการออกแบบและจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียก่อนระบายน้ำลงคลองเปรมประชากร" กอบชัย กล่าว
"นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังจัดกิจกรรมจิตอาสากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ จำนวน 200 คน เพื่อสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมกับในการรักษาสิ่งแวดล้อม ขยายผลร่วมมือในใจคนให้เกิดความยั่งยืนของการฟื้นฟูคลองเปรมประชากร"
ยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวเพิ่มเติมว่า เอสซีจีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในโครงการ "จิตอาสาสำรวจ ออกแบบจัดหาและติดตั้งชุดกรองน้ำเสียในคลองเปรมประชากร เฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10" เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำในลำน้ำสาธารณะ และลุ่มน้ำสายหลักของประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเสียในคลองเปรมประชากร ยังเป็นโครงการต้นแบบในการทดลองแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในเขตชุมชนเมืองในบริเวณที่มีอาคารบ้านเรือนพักอาศัยติดกับลำน้ำสาธารณะ
ทั้งนี้ ยุทธนา กล่าวว่า เอสซีจีได้สนับสนุน ชุดบำบัดน้ำเสียจากครัวเรือน ได้แก่ ถังดักไขมัน นวัตกรรมแบบดีไอวาย ที่เอสซีจีพัฒนาขึ้น จำนวน 185 ถัง เพื่อนำไปใช้กรองเศษอาหาร และช่วยแยกไขมันออกจากน้ำก่อนปล่อยน้ำทิ้งสู่ท่อระบายน้ำ และนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสียไซโคลนิก (Zyclonic) จากเอสซีจี ซึ่งสามารถขจัดของเสียและฆ่าเชื้อโรคในน้ำเสียจากครัวเรือน และห้องน้ำ ด้วยกระบวนการทางชีวภาพและเคมีไฟฟ้า จนสามารถได้น้ำที่ปราศจากสีและกลิ่น จึงสามารถนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยถังบำบัดน้ำเสีย 1 ถัง จะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ถึง 600 ลิตรต่อวัน
เอสซีจียังได้ติดตั้งนวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ HDPE-Bone ซึ่งสามารถรองรับขยะได้สูงสุดถึง 700 กิโลกรัม จำนวน 4 ชุด มอบให้เขตหลักสี่ และเขตดอนเมือง เพื่อจะช่วยให้การกักเก็บขยะในลำคลองสะดวกรวดเร็วขึ้น ทำให้การสัญจรทางน้ำสะดวกขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำในลำน้ำและลุ่มน้ำสายหลักของประเทศ ดำเนินการแล้วเสร็จ 2 โครงการ ได้แก่ คลองเปรมประชากร กรุงเทพมหานคร และคลองอู่ตะเภา/ทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเผยว่า สำหรับแผนดำเนินโครงการฟื้นฟูคุณภาพน้ำในลำดับถัดไป กระทรวงฯ จะดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ณ แม่น้ำท่าจีน ซึ่งมีโรงงานหลายแห่งตั้งอยู่ และคลองแสนแสบ ที่อยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน
https://greennews.agency/?p=21386
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
ฉลามกัด นักโต้คลื่นวัยรุ่นดับคาหาดออสเตรเลีย
หนุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปี ถูกฉลามจู่โจมกัดเสียชีวิต ขณะเล่นกระดานโต้คลื่นในทะเลนอกชายฝั่งของรัฐนิว เซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย
https://lh3.googleusercontent.com/Aedqh1G7UIlAOrybEipfJgS0GpUO50erMgMHnizCm_lSSUOdDES6Ye0zCEqYtSez3_vFDVyXPRoQLz3nGMaOgkRYeyaxWW8Z2ERAjXiEIwTUz2YjGaKsLsfJhUO54qSZWKCQVpTa5zdYKYnLHdppCuIP2EtdQVw2YZayL69QCV01VSAPZ8sJsXPub1uSI9SWVZQYDLyWKTiLNVWIw7QhHERdo3k_0hXdaViS8DtJf0LNBUVRJ7r6_GTOnQIsIJaDE-8OkijulhzFbK6k-reLBhY-nZQ92YL47oPMovise-LBBCEVr0oX1QewMlJS_0BK5Ez7iMHsR_c59kMbTtW3yZanoBR0TzyBrpSVfBpJ14CzbwDA6EQPPIOUtFkMAI5793trI6f5Ln6W_yxRhOEMDbkTzD143N8hDoCpGGjJUxygm356HjWlwF-ePll0Q3ZKqIc7H5cJQYIiLhndMw92ga6XTTZ-VgW45zNGL8tIw8f4r4NScWzPLHNTxAEOajquVRTd36YK0UKCTdg50dK1ggeEtnEFmEEHxZTw_ZBYlwAYtQhWQrqjf21dnTm_AbYXJvmoNmb9PmgpuIdNu1GM3YcaztE9qDDkmrlhcpInYOm5W0hXjaQgeLr3C6apuy7KmsCAdsuVgNeVvIb3EN77aPGC7hELmb0grxRfIpJYSUHZYe7J-S_wJBP09rnywMs=w700-h358-no?authuser=0
ตำรวจออสเตรเลีย เปิดเผยว่า เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปีคนดังกล่าว ถูกฉลามเข้าจู่โจมและกัด ส่งผลทำให้ได้บาดเจ็บสาหัสรุนแรงที่บริเวณขา ระหว่างเล่นกระดานโต้คลื่นนอกชายหาดวูลี (Wooli Beach) ห่างออกไปทางตอนเหนือของนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประมาณ 630 กิโลเมตร
ด้าน นักโต้คลื่นหลายคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เข้าให้การช่วยเหลือทันที และพยายามไล่ฉลามออกไปจากพื้นที่ ก่อนจะช่วยกันนำตัวผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาบนชายหาดและทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มคนดังกล่าวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ในตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการการสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ถือเป็นเหตุฉลามโจมตีมนุษย์ในออสเตรเลียเป็นครั้งที่ 5 ของปีนี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อของวัยรุ่นรายนี้ออกมาแต่อย่างใด
ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ฉลามตัวที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นฉลามขาว ที่มักจะป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่และพบเห็นได้เป็นปกติในช่วงเวลานี้ของทุกปี
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/129233
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
ลีเมอร์ วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ หนูแฮมสเตอร์ยุโรป สัตว์ชนิดล่าสุดที่ถูกขึ้นบัญชีเสี่ยงสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต
https://lh3.googleusercontent.com/mvKfhWox_y14CU3InfcSRti-B2hWSHbVwSjKwb73gMjWQEYXit6RZWPp4hZ5Wll7tW7ls50zpTHCyIbSQz_evKPw4oC3jmnHSNGYdeHFcF7p-kwYNt_Hfs3HZLJpx6VYctnrmE_dN2qfnFD43Fc6AHOxQCf8sTdXTG_uwDsHLZqhe2xg-YfnB1T7_fusRoObkoRVEo6cV_5ESVst31B-MZMWuZFbgwgh8-vh6FHPnAla1VDppmXCMeAsMUolfYY5D095-Vkl5meccq5ubBICvLOJynXBaJjQQqNDdQ96phQY4mbfBa_wOCIXWCFAwpTnL_d6qXAPfKKC2DEjYonH_PqtfnLPparQyqO6kw6HvXbIvixAopr_gPIzKsFYwsPjQ7wvTA5v1GrltIB2Dda-18ygH0Yu5sW12heKb2JIhmFg8P0baSYPtdBhs_0ANvGGdMB8GF2WD4LzHgp7Cmo9otWCkBfiFYNrpjZkN-uzRMbwnhCyvWAxEcok4h6O9GZ68qOJ6VzULoyaX9ZVRVgMFuiCBvftKc4sVk8inS4IFBnnkwEOVQyb_v0-mzDOh32YT9rercS3PpkEAVuqp4keELxAzEUGcP5wAvHMZAzxQxByUegyjMbRezvyki-Sxx6PNe_x0ae2lfBSPaX1v7sOMRRaU-EIWIeHnFStvTTARjduN1N26Fnl37UARlinLrI=w660-h371-no?authuser=0
ที่มาของภาพ,BBC NHU/JULIAN RAD
องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) เผยบัญชีสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์ในการจัดลำดับสถานะของสัตว์และพืชที่ถูกคุกคามครั้งล่าสุด โดยได้จัดสถานะให้ ลีเมอร์ วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ และหนูแฮมสเตอร์ยุโรป เป็นสัตวที่ "มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์" (critically endangered)
หนูแฮมสเตอร์ยุโรป เป็นสายพันธุ์แฮมสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าหนูแฮมสเตอร์ซีเรีย และแฮมสเตอร์แคระ ซึ่งนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง
การปรับปรุงบัญชีแดง (Red list) ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคามครั้งล่าสุด ชี้ว่าประชากรหนูแฮมสเตอร์ยุโรปลดลงถึง 75% ในพื้นที่แคว้นอาลซัสทางตะวันออกของฝรั่งเศส เยอรมนี และยุโรปตะวันออก เนื่องจากแฮมสเตอร์ตัวเมียออกลูกน้อยลงกว่าในอดีต ในศตวรรษที่ 20 แฮมสเตอร์ยุโรปตัวเมีย สามารถออกลูกได้ปีละเฉลี่ย 20 ตัว แต่ขณะนี้พวกมันออกลูกได้เฉลี่ยปีละ 5-6 ตัวต่อปีเท่านั้น
สาเหตุการลดลงของการขยายพันธุ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ไอยูซีเอ็นระบุว่า การเพิ่มขึ้นของการปลูกพืชเชิงเดี่ยว การพัฒนาอุตสาหกรรม ภาวะโลกร้อน และปัญหามลพิษ อาจเป็นสาเหตุของการลดลงของการเจริญพันธุ์ของสัตว์ชนิดนี้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ด้วยว่า หากไม่ดำเนินการอะไรเพื่ออนุรักษ์หนูแฮมสเตอร์ยุโรปอาจสูญพันธุ์ได้ในอีก 30 ปีข้างหน้า
ในสารคดีสัตว์โลกของบีบีซีที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว นำเสนอชีวิตของหนูแฮมสเตอร์ยุโรปที่อยู่ในกรุงเวียนนาของประเทศออสเตรียว่าพวกมันต้องดำรงชีวิตอยู่ในสุสานแทนที่จะเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เนื่องจากพื้นที่เหล่านั้นถูกพัฒนาให้กลายเป็นเมือง
ไอยูซีเอ็น ยังจัดให้ลีเมอร์อีก 33 สายพันธุ์ อยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤตเช่นกัน ทำให้ขณะนี้ลีเมอร์ 103 ชนิด จากทั้งหมด 107 ชนิด ถูกคุกคามจนใกล้สูญพันธุ์แล้ว สาเหตุหลักของการภัยคุกคามมาจากการบุกรุกพื้นที่ป่า บางสายพันธุ์ถูกคุกจากการล่าของมนุษย์
https://lh3.googleusercontent.com/7iNxaVN9eSqCuCaRUh_hDq74YcBcV0SEURxbQO6sp1ZCxMEm3-M872OhLzfH6s-bi2LYKXjmj9LDe5Z185UvWIvfFPbAGgRjonlzgRK79U0s3xSKnzKkqAFQJqkisNrBFWTHXzLfw26TppsyFpQDI4PBK8bcTgq05kriA1ad-wL0aGTSPZvdCNYxArJ16D0bWjgdaMlXndSi_Z9X6n21xx9BLPx4mL11oInl2tOcqm2seNddRemAmx1ggNm-ceXLkZk13Wn4cDbss8hNvHgcC-5f3pCQupcL3qid8S5s6ZchnULMo_ifJHxVDJprdPe4_-grPKrcHm7G4TEb230r2Nh400QHM96CViAZtkKjE2rPkLcJNIM13IVB2pfy1LuX5cwY-kZqO9W4Tmdjb-dGEOQXoOYhjCs74S1WfqJnVAeFVFo7oDh-jXzjGlO_hv5oXqe-mJrrpVias-IeA7NVdb67Sutk7_otlhX-7nSQz4SGsf0LmDY7Um2B79AGj2MNeg6KMQZnQwltn3EmcYGM_2CD713X2yUqlwA6r47hIU-PUt7ZtgMK7pASmP6R8hJ9Pn1PQcvvpkg7PS_mC_l528dPwC1MqV6ndSsyEUnpPqZ1qFeT6VFUp-6-HCQrtne-ocUFPePNCCDs3F6KDfwYdKb4ag-OEBMIbUdJYvD1JPwPWoXT__-CwBAmo3M6SfE=w624-h351-no?authuser=0
GETTY IMAGES
นอกจากนี้วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ ยังเป็นสัตว์ที่เข้าใกล้การสูญพันธุ์อีกขั้น ข้อมูลประชากรวาฬชนิดนี้จนถึงปลายปี 2018 เหลืออยู่ไม่ถึง 250 ตัว ลดลง 15% จากปี 2011 การตายที่เพิ่มขึ้นของวาฬชนิดนี้มาจากหลายสาเหตุตาข่ายที่ใช้ในการทำประมง การถูกชน จากเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ และอัตราการขยายพันธุ์ที่ลดลงเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา
จากสถิติระหว่างปี 2012-2016 พบว่า วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ 30 ตัว ตายหรือบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือของมนุษย์ และอีก 26 ตัวตายเพราะตาข่ายการทำประมง
https://www.bbc.com/thai/features-53379511
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.