PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 15 กรกฏาคม 2563


สายน้ำ
15-07-2020, 03:20
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือและภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 - 17 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้

ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 20 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังแรงขึ้นลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 18 ? 20 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย


https://lh3.googleusercontent.com/yx-9OFjCn6rE3L9TdqjV8hOO2EJbZuovwWtCfFFaSVR16rTcPkeEOGwO7ZELYQX8aspUYqVKEot816tuGUmbByvBWurkRXnjCfrsPqCeXo1Zj40L9yO8_LnX0VpS1S_A6-ND8qmisk14FOhFuGCl_NBlB770kwAwzdHOP51bZSv4M9ZCFblhYR6nV_KEaRVt5W27nNvdEzvFXJgdnZjFw4rNJ-ivTx4DN8O1dRp6SFvPSg88DGviDCXxAeSDx6wlkII1d_Cte6x-hBQiaTr8KjWmm8xH4yMpg7sFTuLjCuOVhPqm0qwgM7BFlVCzaxkxh7pICPJeiHJRPhFVDU2rxN_A1-sPq6LWDkzzYeKAd7i39iO6Orfy0f9DTvtffOIbNylL5PJZCdb-313TmxZS5dbyd7Rd-YD1xp1lDvJsfKsd17Y4YuNv_XOdxvyvVDZJXXnKrjkMRZN_dytQbBZU8hJQ7JjWMUGM0tWJvhVmKJCRhbNBVvqLN13t0N64OyuJh2eQResLnFa1dJ4kifiC7hp0WhIuyc-pSo13FAFuPxpp9g9BD9HIFbR_rtPmTvEUZGnWfr_ME8CLi2Ri0DxNigd2678nfafK1H4i9ZHsIyZ3vfoFHw3b-bjV0Z4O4VkWWvNtsQqxeyTP4C3VjR4P-A9Q3TDzAUff6LgiiIGEtBJKFP2q59lkoLd2noUdDmA=w800-h552-no?authuser=0


https://lh3.googleusercontent.com/jmTA9HCinALeXhmTYRi8RKRjQGjzHJ-u6cFU0ose3snloMo9DcoPezFjvSJwR3CM5GcXWCjYWRqBm5T1wIKvAx3C1dOsEVXW9Hyg5Zlq-O3w9N9FFhAXKf50-DmV_AbH91h_LTNnkXWIIDWauEx6BSA1yOuUPA7tL2g5eI5OIAmBNf6eATvJY30vb0TyVpU417UTplm72_Gr0PLyBB51IQyf-GWemofJIC3ffPtU5ILeiev3Sxd9paBYjv53pK5imGcWbikfZ655ghsewdmUM8ZBNIj8aBIYfDl3OeqRUzp1d9kvfuY_golq8GOL3YHPJQySzjZJ62GJj4SpKVpubbUOgdA8g5t5eOU9y-eNXD4bGzCAwvFMUjbTSbO5TSSdpQpDSIzJ3cuhs96TY4xkuP2USWuz0lHH4gAagKfXqukQGJ8yNAoFoog4ZKhh9RQL6dsXPuJC7-z2ORM5XgTL3_-8-ZQ5AU1EMQyDcsainYqfB7Xit9Ev5JXs2f08Jd41F0hut5lkBlNyX4Pj2_41oo7pg0Iw1g_EEadwGi-6tyvuLs0qrD1ORH-5WIrUbtcoBk5a7lb9k8bEwfsUUuqJ1sC2-2bio6xk4DV0lpo7as-0jEQsDU38_pZTkb-rf4zv9P7T14ZheVjT8uj1vd4m3T1KJwCza55juVZptgd5oOW0IfAf7Ty5iyz_MhP_c8Q=w800-h510-no?authuser=0

สายน้ำ
15-07-2020, 04:01
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


สุดยอดทีมวิจัยสตูลขยายพันธุ์ปลิงทะเลที่ใกล้จะสูญพันธุ์แห่งเดียวของไทยสำเร็จ

สุดยอดทีมวิจัยสตูล..ขยายพันธุ์ปลิงทะเลที่ใกล้จะสูญพันธุ์แห่งเดียวของประเทศไทยได้สำเร็จ แถมเป็นสินค้านิยมส่งออกขายมาเลเซียและจีน

https://lh3.googleusercontent.com/c1zmh-1k4q-8AuNCbjsvS5KrGeizcWI12GQ8dQuPY8u6ztUil5Fj6nMyIPrSTq7JO4sjTRlEC43EA5bNjR-KY-m85WD_sr_ZXJOp65GS5Hc2pTvOsFihyE3qb5EDdRqslqMBoTPAItHeVnvYzivshgB-Rb4pQd-udRYNqS8pfK4t3XGlKffxK3YeHoosHtv6xL7gWRMqzFsGbvST0k8c7Mr0ztci0FLxi-5-LR4YzlVk6y7AByEzsAPMSwuwbmlaXFC-1yscR-a0mKetV_5te7kPI1S80rtMyHJa0PWWkoPUKVZnLJp1nPtY5gwZ_Ul9U6F6W5l6dJbLqi-sikcfFCFZVniEJm6-sOfXYwqMRC0bzjYFD6ZO9xp2L8BG0jTJ-v0Ln5M_BtTAv3aepEaStGKz-wXlXtdtWZonDElbAKlMl6fAuP-DgXubU6BmlqKW27xMveO1nkFXmhcb-b6GShERG9RApiAFgjoLgbxvqOpF1cbB7Y9ysD0nnxXOQztsxpSvW0k_cmDNCS3PtzpKhC8nDPOVfimhpzAfIzmHNYnd-0hJ8mrLMMjMPDzJuwIHzhW-biX1SmJn0JyOMpESYnbxwwz4mTu3ooZhXZmhmShJlgfo-CT9NvNLc5utg8U94Cxs3efEyjhcuwYeXcgLGpoDoqxlGxMuNRmDpY3Myb46CjricESYMy6XXbtBXHg=w700-h438-no?authuser=0

ที่ศูนย์วิจัยพัฒนาและพัฒนาประมง อันดามันตอนล่าง (สตูล) กรมประมง ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ทุกๆ วันเจ้าหน้าที่จะต้องดูดขี้จากปลิงกาหมาดจากบ่อพ่อแม่พันธุ์และบ่อลูกร่วม 300 ตัว ซึ่งเป็นการทำความสะอาดและนำเศษอาหารออกจากบ่อป้องกันน้ำเน่าเสียที่จะมีผลต่อปลิงกาหมาดได้

สำหรับ ปลิงกาหมาด เป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ เนื่องจากได้รับความนิยมในการจับมาเป็นอาหารและยารักษาโรคทำให้ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง อันดามัน (สตูล) นำมาทดลองเพาะขยายพันธุ์จนประสบความสำเร็จแห่งแรกของประเทศไทย

ปลิงกาหมาด มีหลากหลายพันธุกรรม สีสัน ไม่มีตา มีต่อมรับแสงทั่วตัว เท้าเหนียวเหมือนตีนตุ๊กแก มีปากและมีหนวดรอบปาก การดูว่าเพศผู้หรือว่าเมียจะไม่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่าจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีการปล่อยไข่น้ำเชื้อผสมไข่ด้านนอกตอนกลางคืนช่วง 13 ? 15 ค่ำ ออกไข่ครั้งละล้านตัวแต่อัตรารอดเพียงร้อยละ 19

ปลิงกาหมาด ตัวใหญ่สุดน้ำหนักมากถึงครึ่งกิโลกรัม ปลิงกาหมาดพบมากในพื้นที่ จ.สตูล นอกจากนี้ยังมีปลิงขาวและปลิงดำที่นำมาเพาะเพื่อขยายพันธุ์ด้วย ปลิงกาหมาด กินสาหร่ายบด ไม่ชอบแสง ชอบอาศัยอยู่ตามแนวปะการังน้ำตื้น

https://lh3.googleusercontent.com/KI_cisRuTuAlH5sQ2Li1cFnIj3aK8W0ZTc8dgyXW01H6Ut6TkHmTJOmBMJR8egl1EBlji1OFuE8od0ypAbxDLP8pxph18fajHwCA5tWxc-QmewU6J9i6vNp5hPkmi2ERNjbSDT3MWRAlyu9C665tLIBNhtOQy9L5rzv5IrqGmB_4oCHbT2ddeinszGhXpQBtUnpEbfFfsHwgUy1arMf5p_g-irrEQPjKUUeoN177I-n4P2qXSsbxLbPQsP7yrUdIdQyQduTaXJtId2OROr5iCcjtAyqhX0cadynxy57mlW2AIbDSxK-Rx8eu_5j9hiL3HkIOHMCyl7MPojQHjz5aFZZJ2cqEOcRobXHU_I__ElZ0XXefaKuVqdnnu3rJyMsJvKWwI7bPni5oSKXCPAnkClasRDuaVVVsVLA9t2vBufxYDLVMPqoAdUy3kmeBbatxFWAXHOhVT-ukNwdebZeUFhxpwWXKIliQZD49qQhk0k36x1yCWjXlVVR_VH-Qfq7uAarijVBl7igv3i5l0UdMn-G2IJfgQ6XZOdYxfz4fUksMMHM1KYHrjpLQes6dhNnNoqFX3hKfbQnSgIolpjxOGanVDgfsvzUaA9-P6uqGOh2FZuNd8bET5AsTptWeNNRZjKWdVFH_5AruYDV1kWXeYBjT5UwOW2bUXLjpAUIILMFo5JHT1c8zgBAR5IESh9k=w700-h438-no?authuser=0

จากความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ปลิงทะเลของทางศูนย์วิจัยพัฒนาประมงฯ สามารถปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติไป 1,200 ตัวขนาด 8-10 เซนติเมตรตามแนวปะการังน้ำตื้นชายฝั่ง อ.ละงู และเกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูลแล้ว

นางสาวพัชรา แมเราะห์ นักวิจัยศูนย์วิจัยพัฒนาและพัฒนาประมง อันดามันตอนล่าง (สตูล) กรมประมง กล่าวว่า แม้จะไม่ใช่สัตว์คุ้มครองแต่พบว่าใกล้จะสูญพันธุ์เนื่องจากชาวบ้านนิยมจับมารับประทานและทำเป็นยารักษาโรค จึงมีการเพาะพันธุ์ขยายพันธุ์พ่อแม่ปลิงทะเลเพื่อปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเนื่องจากปลิงทะเลจะขยายพันธุ์ช้าอาจสูญพันธุ์ได้ และที่ จ.สตูลเป็นแห่งเดียวของประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ปลิงทะเลเหล่านี้

ชาวบ้านนิยมนำปลิงกาหมาด มาทำยาสมานแผลน้ำมันกาหมาดหรือนำมาดองน้ำผึ้งให้สตรีทานหลังคลอดบุตรเพราะเชื่อว่าเป็นการสมานแผลสดได้ดี อีกทั้งเป็นสินค้านิยมส่งออกขายมาเลเซีย และจีน โดยปลิงขาวกิโลละ 500 บาท ตากแห้ง 3,000 - 10,000 บาท ปลิงกาหมาดกิโลละ 200 บาท ไม่นิยมตากแห้ง ปลิงดำสดไม่มีราคาตากแห้ง 450 บาท


https://www.naewna.com/likesara/505302

สายน้ำ
15-07-2020, 04:05
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


ไขคำตอบ "ปลาทะเลไม่มีพยาธิ" จริงหรือ?

ความเชื่อของหลายๆคนที่คิดว่า "ปลาทะเลไม่มีพยาธิ" เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วันนี้มีคำตอบ .

https://lh3.googleusercontent.com/E7Maf7SC21sEuo5fWHke-0tcJUdsn-sFYdEqkADVAjG4QiJ5cAVAv6tjcwKfY8xaO8F5fJ10qayLFSMiOjh-BQ0Y1XwUa0m6gqu9AH4J7tWOKooSz8WVRTyWdX3z1aH4eSZEHNzmlnylrSMNdNk_70Y_R2-n0cKYpbLy9f1XzZJNFgrLPHharou6gMk4TWyZrNH1haNktLb0sXmm5R5LKvfjhlApPTLIfTz8RDfE4LINgCIIYq25c4Rcmi7D4pPruLLmMwCGgvrSjr8JPU71FDFAbEzCnCRYMmb_WQoAawGeHKGsVYs9HbNWRNhTINd3ihV11RmDt3LaJ3aEjDt3x10Wp5mcnt6lNj-H1-ComYQgpKAG6NU9hC1fpzcFMq8tsW7uyjy4PYT9Oy1nhGJABmiLgUIUx5uCk6jctdcMhcuNL1b8PB-LhgTlDd3YtPJRNE8A60jsCzmYxNCC_xYentow-uhl5tJYCjcpLbeQECwjbHsnLhNf7zLzQ-feJsc9vocZletfsO1V0OqahGl_aA8M1e93qa3TCjkOeXhGeT-SqwayEUYb64TULLNxb7QPD8uCvMKw2Lh77j61YM636yS1WqBhGdZJd96PcBa7xfjRjxrOLa-hbPJpJG3mezPf83ECT4NqPh8hR0IPjKLQpZU3uzZECwH0y3h1lVb41ewUpDDI76DGRKAd0w6HYvg=w700-h393-no?authuser=0

คนชอบกินปลาดิบอาจต้องระวังให้มากขึ้น เมื่อศูนย์วิจัยโรคปรสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (PDRC) ได้เผยแพร่บทความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุถึงการพบพยาธิมากมายในปลาซาบะ รวมถึงปลาทะเลชนิดอื่นๆ ซึ่งสามารถลบล้างความเชื่อของหลายๆคนที่คิดว่า "ปลาทะเลไม่มีพยาธิ" ไปได้อย่างชัดเจน โดยเพจดังกล่าวระบุข้อความดังนี้...


พยาธิตัวกลมทั้งหมดนี้พบในปลาซาบะสดที่ซื้อมาจากห้างแห่งหนึ่งในบ้านเรา ตัวเล็กๆเป็นเส้นๆ จำนวน 30 กว่าตัวจากปลาซาบะตัวเดียว

พยาธิระยะตัวอ่อนจะอยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องและกล้ามเนื้อของปลา มองเห็นด้วยตาเปล่าขนาดประมาณ 1-2 ซม. X 0.3-0.5 มม.

ปกติแล้ว ปลาทะเลเมื่อนำมาจากทะเล จะแช่แข็ง -20 ถึง -35 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อกำจัดพยาธิ เวลาท่านชำแหละเนื้อปลาหากพบพยาธินิ่งสนิทแสดงว่าตาย แต่หากพบเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งอาจจะพบได้เช่นกัน ก็ควรงดการรับประทานดิบ

หลายท่านอาจจะมีความเชื่อว่า ปลาทะเลไม่มีพยาธิ ความจริงแล้วมีเยอะมากเช่นกัน มีการสำรวจชนิดพยาธิในปลาซาบะ หลายงานวิจัย พบพยาธิ Kudoa sp., didymozoid sp., Anisakis sp., Rhadinorhynchus sp., Pseudokuhnia sp. เป็นต้น

https://lh3.googleusercontent.com/1TG6oisOR4svkkzpZ2MXb3qS4FD8I-0AXSE2fi_f9blORm3ONWH9mTnGfCs1eHeb0YYrH-QVw7UCHcJfgfc0ed3R8Bnncy8gJT6F7svLdTnNPurrLwD3K_anVoLXIJM3ZR99jZT6asARZ3_6iJnBZQQkfUvrF8hzhzTeqmNnF8TxiiTE0SjCkaHB8DfIb9brCJKZ_uPzNNI1VW9fGwDKOvf-PP7UqH-lIR54aixFy4zcfwFhEx_FB4Myz9gbSZZcHL0NK98VoZ5qt05lJxMPgW2usR0vZ01aAtJkss_hLhHgyf3bxM4n1_RFHYqdVe2WAcLCHzwsmV6TxyV8FcIAUswyEpdb5LfS41D9nhwsqFRPq0vIzBh9GKHEsdq0AI5weqJVOkIoF8cSpGzDbq6wiDx6FzwrDxj4YaJCbpsfe_nKwt6WwmN_4cH7ieSKRY2JGZYy44hA12ULLuKAhuoxT6ElsDI-6sZl1NEbAPUsNmMM5dx7OmM4C1AqSyQnWnr2NH-ryGH2-9urGjvlHtjfgdwwWp0Tucm_N5KGS6wrc8l7q2tYwYWCCRkr2N4Fo9eYILUif9iNr66YFUO3iMdaQ9E6Rtni8D2R2qB0qKoniqtFkj7FtGRLj0ZLZmaz61bhI9fnW7fkCyPIuhSLpBIqykvY2Y3UYfEUj7DT7qukLvAoQDJSnxD9l9CLFuR6bZY=w700-h674-no?authuser=0

ที่เห็นในภาพนี้ จำแนกด้วยสายตาระบุได้ยากว่าคือชนิดใด จำเป็นต้องตรวจทางชีวโมเลกุล แต่เทียบเคียงคร่าวๆได้ใกล้เคียงกับพยาธิ Anisakis ที่พบได้บ่อยในปลาทะเล อาทิ ปลาเซลม่อน ปลาเทร้าท์ ปลาคอด ปลาเฮอริ่ง ปลาซาบะ เป็นต้น

อาการที่พบเมื่อติดพยาธิ จะเริ่มเกิดหลังรับประทานอาหารที่มีพยาธินี้ เป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน มีอาการ ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด คล้ายกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร อาจมีอาการท้องเสีย หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด อาการเหล่านี้จะเกิดจากการเคลื่อนที่ไชในกระเพาะอาหาร และลำไส้


https://www.nationtv.tv/main/content/378785204/?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=recent

สายน้ำ
15-07-2020, 04:10
ขอบคุณข่าวจาก Greennews


โลกยังร้อนไม่หยุดแม้เจอโควิด ย้ำนานาชาติเร่งลดปล่อยคาร์บอน ก่อนหลุดเป้าความตกลงปารีส ................ โดย ปรัชญ์ รุจิวนารมย์

นักภูมิอากาศเตือน โลกเสี่ยงพลาดเป้าหยุดสภาวะโลกร้อนตามความตกลงปารีส และอาจต้องเผชิญกับผลกระทบใหญ่หลวงจากภัยการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศแบบสุดขั้ว หลังองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดการณ์ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยโลกยังคงมีแนวโน้มไต่ระดับสูงขึ้น จนอาจพุ่งทะลุเส้นตายคุมโลกร้อนที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2563 WMO เปิดเผยรายงานการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกช่วงระหว่างปี พ.ศ.2563 ? พ.ศ.2568 ซึ่งชี้ว่า สภาวะโลกร้อนจะยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยในขณะนี้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกได้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว และคาดว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็นอุณหภูมิของโลกทะยานขึ้นในระดับ 0.91 ? 1.59 องศาเซลเซียส ทะลุกรอบเส้นตายการควบคุมสภาวะโลกร้อนตามเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่ตั้งเป้าควบคุมไม่ให้อุณหภูมิโลกพุ่งสูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส

https://lh3.googleusercontent.com/iIiaS8t7wic6ftQoSuwgHkq7Q-ZpPWAk-5EqokVrm9NxBOFBB5sItaVZYZYx1QCeoiEQzBVOd8bf9sk5sMJdJTql0oZOa8K5ypmzyERh0cBcg7GvSdJF6Xx-NT3CEyCEdtrW4iCMOCKMLKbfs4wdr1dpItasbyQZOVOmDTaxu_e9iiwEgZJXjxuy3XR99HVkqP6UQwFAidrjwcv5mNnD9lOBr5S3VSUIH6P329KMQnPypYBl0O4-COw_9lUAilkKEtXPZ-HUiyzsjtvr74582EaJuka_Q2oxhfE5VN8JPjB8rmia2pgnGR_c082YX5guRVuyr_Zz-5KKb20SY7x47MMkffJMB4zLNKfc-bbX1H08ahFVCkUHkQmsAZnPiEHN6F21MBwruXRFNZHCAStc3qcqkqkWIA-5uDRS8mkqM4evpqnTocCyrcFqb20VUKNFr0BPbvJcytktILg4xDvolnTxzH7hHsVyCeqEsJysw1Gb_yz_62pBba6YYb9aMx2ty48Bfsiov-zdY4NgidIpqDhlo0mjQxltHtfSkQrmO3b-czlPHBy-CKcc9FpZq6A7j-ENElqq9lybztK14KTWfuso6Vm1UqZkSvG5ifVMaJXE-8t5fEKKTQ76W_hyWBmjZtaXb5Dw-s9-BeAMlw8DlD05SQLuV5XE6ODP5bdQKM149aIh25mImoVcPuobB4Y=w700-h434-no?authuser=0
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นกลุ่มควันไฟพวยพุ่งจากทุ่งทุนดราที่กำลังถูกไฟป่าเผาผลาญ บริเวณแม่น้ำ Berezovka ในประเทศรัสเซีย //ขอบคุณภาพจาก: Maxar Technologies

จากการประเมินปัจจัยผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ ตลอดจนปัจจัยด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ส่งอิทธิพลต่อสภาพภูมิอากาศโลก โดยใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ชั้นนำ ทีมนักอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ในระหว่างช่วง 5 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มประมาณ 70% ที่อุณหภูมิเฉลี่ยในบางช่วงเดือนจะมีอุณหภูมิสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียสจากช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มราว 20% ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีจะมีอุณหภูมิสูงแตะระดับ 1.5 องศาเซลเซียส นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขนานใหญ่ทั่วโลก

Petteri Taalas เลขาธิการ WMO กล่าวว่า ผลการพยากรณ์ดังกล่าวได้ย้ำเตือนถึงความท้าทายใหญ่หลวงของประชาคมโลกในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกภายในศตวรรษนี้ ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีส

"แม้ว่าอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงระหว่างการระบาดไวรัส COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงปีนี้ลดต่ำลงด้วย อย่างไรก็ดี WMO ย้ำเตือนว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวไม่สามารถทดแทนการดำเนินมาตรการแก้ไขโลกร้อนอย่างเป็นระบบได้ เนื่องจากการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ชั่วคราวจากผลพวงการระบาดไวรัส COVID-19 ไม่สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศ ที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้" Petteri ระบุ

"ในขณะที่ปีนี้เราได้เห็นพิษภัยของไวรัส COVID-19 ที่ก่อให้เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจไปทั่วโลก ผลพวงจากความล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะยิ่งส่งผลกระทบใหญ่หลวงและยาวนานต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ดังนั้นประชาคมโลกจึงควรใช้โอกาสนี้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อน เพื่อให้เราสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤต COVID-19 ได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน"

https://lh3.googleusercontent.com/R7pJPCkwcVOrTwrL8I-8VvpDjpm5YidhYGQcn2DEw1gqXNyQTt6AbAA-KxoIi0ip66BYuBz6FdIC9keNuvP1y43N3U7UBygmgB8AXlI8K584tKqa_CoUhqVP4MQC3WcB27Cc4ksDdD31GSQQhjjrxvW8Pgz-TSNgDh7Bu9O-1HhW9qNSQ_7EBQfkqmtvbCxbVbhSz-qp_Etjv5MNNoudEfitxlQQcASWoX_GwA4Sag5shZiXAkCzVZTVwbY47QD8xz2oU16gbM1zX4K5eMbrzx2ywLJcb6SshAuI64ncoj2fGAAT4T_qjFeuWtHQRN0cO7Tkht4I1a5rpXMXqKOBSGGXNCLtkXdXnkUFIOlJtj8g-kagTSRkOWCCgdKYLnGlRQakuGWK9okprY8dX8JVKHjIkgvN9LMviRgrt5h8M3Zb0ckaSLLDtCxzMcX1Sz2X3ymUAQO6QLXVGtrdXER8rNsPKC-FLn5ROyYXcQrcioQckc0ScxM1DTaFdS9r3ZzVw9QmMiveZfTnFqFwo-cOaMFWLpqiJgQQh0QPVYzSQOm-wky1ehP6HUQy4JzKJAK893kbnEReVaKSo_dC8_G_ud0_jJWREfEd1BY1z2o95r73Q8Mo-A9Qr-zlw9OzRB474mBCyPDea9Ata9KnLpZuYXnrJnmX-pRR6EUL_Pq6fkd4EC61CDtZzgcn_vQrpYM=w700-h636-no?authuser=0
กราฟสถิติอุณหภูมิเฉลี่ยเดือนพฤษภาคมของโลก แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิของโลกกำลังทะยานสูงขึ้นจนเข้าใกล้จุดอันตรายที่ 1.5 องศาเซลเซียส //ขอบคุณภาพจาก: NASA GISS Data

ในขณะที่ Niklas Hagelberg ผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) กล่าวย้ำว่า ผลการพยากรณ์ที่ชี้ถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมาวงการวิทยาศาสตร์ได้แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงสภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นแทบทุกๆ ปี อย่างไรก็ดี เราได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพงจากวิกฤตการระบาดไวรัส COVID-19 ทั่วโลกในปีนี้ว่า มนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพิงความมั่นคงของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงมีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างยิ่ง

"วิกฤตการระบาดไวรัส COVID-19 เปิดโอกาสให้มนุษยชาติได้ตั้งคำถามต่อระบบต่างๆ ที่ขับเคลื่อนสังคมของเรา ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่เราจะกลับมาทบทวนระบบเศรษฐกิจและสังคมโลก เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่แนวทางการพัฒนาที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" Niklas กล่าว

UNEP อธิบายว่า อุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่เพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการป้องกันผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบสุดขั้ว เพราะเมื่ออุณหภูมิโลกขยับขึ้นไปถึง1.5 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม จะส่งผลให้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ต่อทั้งระบบนิเวศ สังคม และความเป็นอยู่ของมนุษย์

"มีการศึกษาและงานวิจัยวิทยาศาสตร์จำนวนมากยืนยันว่า หากโลกร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกกว่า 70% ฟอกขาว, ภัยพิบัติเกี่ยวกับสภาพอากาศจะยิ่งเกิดถี่และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น, นอกจากนี้ ถิ่นที่อยู่อาศัยครึ่งหนึ่งของประชากรแมลงจะถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อพืชที่พึ่งพิงแมลงผสมเกสร และนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนอาหารในที่สุด" UNEP ระบุ

https://lh3.googleusercontent.com/cRhNMwvXES1SMXr585B5ykIY0Qejit7ldWI4qfZwqWvQzEL9Em6Zk2an_6RkaOf78sNU5DBl93ISgJJGUnf-zeXXk2OPfwArCjclWaVLKhV217lqlhFgjyxJClN-SGrbkUVYPK2KKP74oEuEgUNlZNn8cZi5q53pt3EYWBjbBZY-oMpp07CBy1XtTIo3aRlETl0k7oc4D9J7PICubwmpAWSZdGDPCQpFbiX6_Vb078n8zGpZDpsd1X796zU8US5Cmq5GTiny49qyHBVg1KQQhLmM3nAQDNdtPZDRCJDEaUUYR0z38-Wyb21HL1YBZ_wIrEyKjfNRxHPQx8wkPdrZgly-cZEirNjqWTBzbi2IVpDD2iDOueGgOQC75pfLI9EBL-EXI8Vf-WB6m-c3g42lqAjG9GCY3U-um5A0FMHjmNIyiJgIz42hD--04UJa5jkEMVO--zlE-VR-oGSRIBEd3W11r7U_jB_cNDzvMhn0LHM9446YXrnYWDjSosxnVxsSTWcGoaO9ReHMvGb4MPEeTx6pUQLwWo_6tPBeCKONKgIlzCBM9Cj7Jjw4ZzSk-ZXdl6aNFl3_cMst7RLNPSym1g6fDvSaUmyTxvP91X3hQUis4xiWoryGQO-tD1ueKULbN80rWztFxbxKYxNmJCskmPdCl1aH4-4rxvDK63O3I0csxR57Yv09EubOgSR7jSM=w625-h394-no?authuser=0
แผนภาพเปรียบเทียบอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในเดือนพฤษภาคมปีนี้ กับค่าเฉลี่ยมาตรฐาน แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังร้อนขึ้นอย่างชัดเจน //ขอบคุณภาพจาก: UN Environment

UNEP ยังรายงานอีกว่า ปี พ.ศ.2563 ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งในปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการตรวจวัด โดยระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพุ่งสูงจนทำลายสถิติเดือนพฤษภาคมที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ในขณะที่เดือนมิถุนายนนี้ก็ร้อนไม่แพ้กัน และรั้งตำแหน่งเดือนมิถุนายนที่ร้อนที่สุดเป็นลำดับสอง สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติช่วงเดือนมิถุนายนในแถบขั้วโลกเหนือยังก่อให้เกิดไฟป่าครั้งร้ายแรง เผาไหม้ทุ่งทุนดราในแถบไซบีเรียเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณกว่า 59 เมกกะตัน ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เสริมให้อุณหภูมิโลกยิ่งสูงขึ้น

แนวโน้มสภาพอากาศทั่วโลกที่ร้อนขึ้นอย่างผิดปกติในปีนี้ สอดคล้องกับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงที่ทำลายสถิติสูงสุดอีกครั้ง จากการตรวจวัดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ สถานีตรวจวัดบนยอดเขา Mauna Loa โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (NOAA) ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศในวันดังกล่าวพุ่งสูงถึง 418.32 ppm

ในขณะที่ในปีนี้ ประเทศไทยก็เผชิญกับสภาพอากาศร้อนผิดปกติเช่นกัน จากการเก็บข้อมูลสถิติสภาพภูมิอากาศทั่วโลก โดย Maximiliano Herrera นับตั้งแต่เริ่มวันขึ้นปีใหม่ จนถึงวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในของประเทศไทยในเดือนมีนาคม และเดือนมิถุนายน ได้พุ่งสูงจนทำลายสถิติอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนสูงสุดเท่าที่เคยมีการตรวจวัด


https://greennews.agency/?p=21389