View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 24 กรกฏาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 23 - 24 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง
ส่วนในช่วงวันที่ 25 - 29 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 25 - 29 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
https://lh3.googleusercontent.com/1Q4_RpwbYo61eQ7LvusaqywAUFhy9UydIvdIGwOBGIH5QAH7iSfOCqFZJxDJuUWYKPJxh62kG_IcrcW02UpjiE8JLDPKuy6J05LFXSpwBBPgwEI0qm2lbqlAv_eUfc5aOGRI3evvtA67rtRu5K6lpfIXRyReTtISbC87PN2xAe_crKksnpuO2N2CkUgz4pjEwcXTT4SkKFRhKfCSxg_09g_Hhhd4HkO2Ei5QxpEG_j4btdVQ_rvvisNDuimKYe3ZcHH41JYb9wmnbk57QfmD6dfZZDgikvllpliwxe000UEBgcOyNRjgO6SoVhfjCsGw_qf-7ALMXOcpk1zPcZL2vQbv6p6JFaJVTjPP4tQRb02yKRiFHIA5mbnleKisHiR4F6x-UKfLkCUi3old8kGTqptKcCZaxEXXepHh83TPjLKHcP-kxviL3zUoPlT4qY4AyOIgoq0pcwWFt7ipJHWrhBX99t4Y3zsQ62u_WeQYjC_TUpf_ll0Av0Pyx90z_8gy5V7N5pcmm_bU-MOSgMP5PVonyGvSAdhlTpHilS9YbX7g0sFelNH4YGeBSu5HnkEXXrSDR9XFuiJEp5U2aUEyVZcyEhumgSWbnvufBPEV47_A-67_HZr0QYQ-_Nr97IVhV7_kBL5g4fCixV2VA6GEVD0TLRYEvcz3zbAJsWUxXXFcAKEgV3dP9yJ9BbkGB5M=w800-h552-no?authuser=0
https://lh3.googleusercontent.com/Oc0_P2zKGy-8Wpey64k82wfU2EMgJAxshlvNZP5tg2flWU0TZSrPYpHolAd-QZM2TJ0XQTSVUHQGvrJ73uH6pQrH4jtEP-oZ7hiBD5jrsRblCuEL1NmoUl8gHguknArkB1htcGNROnXEwUNWQ9_JXduS2xuaCEt6fPCwWsZPBHcwVYMXyLeXg-5CnlIarfwfVUpfLneQSkrPZFTkHgYRnJAQvV6MaNXfvoUpvthpnqrhaT8RiykPy_5ePfavRPuzY2-ZHy0SddRbszJ6e-DkH5ZfI1Ssed0GJia0rpLRoEFz9GHM1tbOvRrNeXZM9U-ZJTkBXwnErieYZKbUpw7on8qhDGoNSAS3V6tNgwtOWd3yGK7z0tJoKL-8cLcD_th6sEQxM4K0OIzCINU1PtOIx4TlasDYCxdvMozHeAU8Ytodu7pmTvkCDWIMgdmEnKmwsWrOLShjfqV_V23TfuL-P2_ttS7UGE1Viqy-zHtzEskMT_zHUFiFVy7VEI07pDNOM5ogryjrMbh8BFuJr-5nkIHDT0jif3TOB9z_jWc1JWnHEpCHizcuFj7sVLHH8Eqj9IQ76RfwKS488EmhFVL64RqdK9vFWo4DDNjnhgAHFF-Y00damOCF-cW4BKvnPTOkBidDoN8G8A-U1-w50D56CI4JpOmR_0MBwYkloVTaaETlVjuweuwOvvmaZkArWMA=w800-h510-no?authuser=0
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
พบไมโครพลาสติกจำนวนมากในท้องฉลาม 4 สายพันธุ์นอกชายฝั่งอังกฤษ
https://lh3.googleusercontent.com/3Jou_AusEYXnGMvKTeww3AmP0CRV02gKdhG_HlLyF3XBK8FA640yOuiOD5NISzPdtJNyxDFkNNS3BwjdkRvrFDtkEw20KZwlEQMnmYZ_uhgU65RfQGkz3uvTmdUVsOhClBK2si__T14PJAa29LLIJc7kaFAg5BWe5ShsAg9O9QuyWmzh4TxLgoEt4iVhXbQ-uOcOARFh44T7HiEnO0-TF56hfxv30BZ9h6HeVU8w2DxAK32Cp7UM2dNVOki-rkKJxgruWytgP9QMXfbaUZ-gT3OMFZQo2dDxevXVFbrFyrobn6Z8iSKc_WAeV0ZCbZRkEXKs07Stv9bCWIfdtKk5Eqr2hIUPz64B23ZkWD8dOeyB0C1-cjm-ERNpko79MBlaPvxMG8ZhOzvBj6pASu3zOtOtfqPvjfaUK7gvqh7khq1Cob-EnJ8jFNf8KjkLS16WK4ucYPn4vMcwj-h9IhGfct2xnY1802751yMfbZjvmyGfERUMDiAwmKcMDlaF6bz68NtuWtRr8ztL-8yM7rjBOEPKQSZEzXBWbkIZ2i0Q-DFcFSjoaKjtV7qGjp15RdoIfRs9OFipCcIcd6L6JaU-zfzauFd3perGvZ8gBWenv4g4bKvg4y1ycnF_dtBEvG2b7SzAVwqlLyXf-MRJCH13P-pPFsDc3OjClcUZAOqQXqS24kCY02r5P8xb0FUZiKw=w700-h393-no?authuser=0
นักวิจัยพบไมโครพลาสติกและเส้นใยไฟเบอร์จากสิ่งทอจำนวนมาก ปนเปื้อนในกระเพาะและระบบทางเดินอาหารของฉลาม 46 ตัว ที่แบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ อาศัยอยู่ก้นทะเลนอกชายฝั่งอังกฤษ
นักวิจัยมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ร่วมกับห้องปฏิบัติการวิจัยกรีนพีซ เปิดเผยหลักฐานชิ้นแรกที่ยืนยันได้ว่าไมโครพลาสติกและเส้นใยไฟเบอร์ เข้าไปปนเปื้อนในร่างกายของฉลาม โดยพบไมโครพลาสติกและเส้นใยขนาดจิ๋ว 379 ชิ้นในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารของฉลามร้อยละ 67 จากจำนวน 46 ตัว ที่อาศัยอยู่ก้นทะเลบริเวณนอกชายฝั่งคอร์นิช ในจำนวนนี้แบ่งออกเป็นฉลาม 4 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำลึก พบได้ที่ระดับน้ำเกือบ 900 เมตร หากินอยู่บริเวณก้นทะเล
เส้นใยที่พบส่วนใหญ่มีสีดำหรือไม่ก็สีฟ้า โดยร้อยละ 90 เป็นเส้นใยไมโครไฟเบอร์ เส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยผ้าผลิตจากโพลิโพรลีน ที่มาจากเสื้อผ้า และหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังพบไมโครพลาสติกมาจากเส้นใยอวนหาปลา
https://lh3.googleusercontent.com/8RIxXUROLHNYqODCZeL38LFIUggGSjutJn_vNcNfxGV160DnzPIkNzEkh1E0UHb4g4tuoIfSgA1owtAk9ptUrRX6Y0-9afTq1CNYoqeVSxNYqtweEXAxPzXSiHpi0vmKNgCaJNEK4L1MfDnsl6UsaH69IoiS6VsSiKakDVTT7R1zGOnj_DzGOqtxVURB_DvMyEl6MQLqCTl1sC9TL9kp8jQYWRlDGlVcfIg-m48l7LTIe7zykenSbwuc15x7_m5WLeu_HzOdGfAUG8Xp7-YaqfzvE3nV4LsxqQRCwOMt0bnm_COp4JVeXtwzpN6YaqrsJQLY21K_pejpANGOe4ug99u-jgBa4jJowZPDUdxtE_ltcwtf04x2UYXIuOzeioiAkY2v5vFcBXrD0uaNDwb2A87w7YZN5iH0koGs_B-j55I54wS9Q15ROKLJZBKH4S4KdZqA89umSdcOEd52yoljBhoyh0KYwT22Y1uA1GfrwlQRGKbrPwNY4szYa36Jf8MprsuOOdP8jw51PM8gfGOEBicrBTokTatKZsKmNhHNCcaLO7zxRm-6WpBBeBgUsv-6VgT_jqWcD_xuMmnfIqSH34aZ_0bBYcClEU0WZ9_McLq9IrCGCvkQg1ZxbWKmD7KZFCphcmgyAgyiYtUG1f1mZC4ZJ8u8270JU6mwrM4GcHBeHYrAJHo_V8Av6CuofWw=w700-h394-no?authuser=0
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดถึงผลกระทบของไมโครพลาสติกที่มีต่อสุขภาพร่างกายฉลาม แต่ในบรรดาฉลามทั้ง 4 สายพันธุ์ที่เป็นปลาน้ำลึกสายพันธุ์ดั้งเดิมของอังกฤษ ประกอบไปด้วย ฉลามแอตแลนติก ฉลามหิน ฉลามกบ และฉลามวัว ซึ่งต่างก็เป็นอาหารของคน หรือไม่ก็ถูกจับมาเป็นเหยื่อตกปลา ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะเข้ามาสู่ระบบทางเดินอาหารของคนเรา
คริสเตียน พาร์ตัน หัวหน้านักวิจัยเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ไมโครพลาสติกจัดได้ว่า พบได้ทั่วไปในระบบนิเวศวิทยาทางทะเล เมื่อลงสู่แหล่งน้ำ ไมโครพลาสติก และไมโครไฟเบอร์ บางส่วนจะลอยอยู่บนผิวน้ำและบางส่วนจะตกลงก้นทะเล และอาจถูกกินไปพร้อมกับอาหารของฉลาม อย่างกุ้ง กั้งและปู และยังติดผ่านเข้าไปในระบบทางเดินอาหารของสัตว์ทะเลหลายชนิด แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับไมโครพลาสติกในฉลามมาก่อน ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรก.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1895708
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ตะลึงวาฬยักษ์ ลำตัวยาว 23 เมตร เกยตื้นตายใกล้ชายหาดอินโดนีเซีย
yT3CLTJIyIY
ตะลึงวาฬยักษ์ - วันที่ 23 ก.ค. เอเอฟพี รายงานว่า วาฬยักษ์ ขนาดลำตัว 23 เมตร เกยตื้นใกล้ชายหาดเมืองกูปัง บนเกาะติมอร์ ทางใต้สุดของอินโดนีเซีย ท่ามกลางชาวบ้านที่ต่างมุงดูด้วยความสงสัย หลังมีผู้พบครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 21 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ซากวาฬถูกคลื่นซัดกลับทะเลวันพุธที่ 22 ก.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกนำกลับเข้าฝั่งในสภาพขึ้นอืดเพื่อตรวจสอบการตาย ลิเดีย เทซา ซาปูทรา เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ท้องถิ่น ระบุอาจเป็นวาฬสีน้ำเงิน และเหมือนตายมาจากที่อื่นสักพักแล้ว
วาฬสีน้ำเงินเป็นวาฬขนาดใหญ่สุดเท่าที่มีด้วยน้ำหนักมากถึง 200 ตัน เฉพาะลิ้นอย่างเดียวมีน้ำหนักพอกับช้าง 1 ตัว และลำตัวยาวถึง 32 เมตร อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 80-90 ปี
ก่อนหน้านี้ ใกล้เมืองกูปัง วาฬนำร่อง 7 ตัว เกยตื้น เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ส่วนปี 2561 วาฬสเปิร์มเกยตื้นตายที่อินโดนีเซียพร้อมแก้วและถุงพลาสติกมากกว่าร้อยชิ้นในกระเพาะ เพิ่มความกังวลต่อปัญหาขยะทะเลของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ น้ำทวนกระแสนอกชายหาดสร้างอันตราย ทำให้เหล่าวาฬติดค้างระหว่างแนวประการังใกล้ชายหาด
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_4566103
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ไอ้ต้าวตัวน้อยลืมตาดูโลก! ชาวเกาะสมุยลุ้นกลางดึกเอาใจช่วย 'ลูกเต่าตนุ' ฟักเป็นตัว
https://lh3.googleusercontent.com/k53v_1cnV7QslwtZlxLT8QXGkuXbUwKeAj4pPibVXybeaU49skte1XaR5O_nJAT7M4gJRvz78c5KsdAiZB2o2VaJaHhDeMjhIfjsD9l20AH4NXGcrt4lij6FYwFnzEYiPFTdC2ZtvIhSPG4yMzbaKsVT6wHm7NjHxJUXLa3c9s3nC6drzhYX3M-5_e3pvDbVMQIgIXIDFd-ys8ReoKEF43LHOU14BduuYRTDrCU_7Q7xj6nU6YVZhH-f7nuOPdiqorhBIssQcpHADQADAVgIWk8fuPGWk6r38un2yoBf_EC7n2GkiOil8VKhI0l562s2FB9i6yy2nqP9KlZuDoHh7MzklsmLSjvhnDrLZjqYkcEWQEcYR5mV4seolBWlKO33-lUcGGoENbMwsiEwdRhlku4EblxITwIxp4FdsNzIa6w3NAoKL7syIxCvFKD5ELcsJl6-xYFDHx5pfUzLKlCyHn_Wh6jhF2yfQptcv8i3LbQuuom8S8Z_fwIPzuAaA0txhYe6l4p0e_4xGX1FQAVLM03SZnG7uLtJBXvXmmDxrH7_Nc8Y_mVz6Or-mrkBcm8zLQjNF-jr7DNvxAWIvbiej1a02Y-XpQ2navk_MflsP4MfEQ6Ebdh5torw5G0S2yk5jtJOp0tmkeaKWb1oByJ27U9bNiyBXGKZ9djVyeHWw1rkU579ad12pC7W1gEtCH4=w700-h438-no?authuser=0
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 นายวีรพล วัชรสินธุ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่าบริเวณหน้าร้านไอ บีช บาร์ ที่ตั้งอยู่ชายหาดแหลมสอ ซึ่งเป็นชายหาดที่แม่เต่าตนุขึ้นมาวางไข่บริเวณดังกล่าวเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาได้ฝักออกเป็นตัวจำนวนหนึ่งตัว จากนั้นสัญชาตญาณของเต่าเมื่อขึ้นจากหลุมทรายแล้วได้รีบวิ่งลงสู่ทะเลทันที สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน และผู้ที่เฝ้าสังเกตบริเวณหลุมที่แม่เต่าได้วางไข่ไว้ สำหรับลูกเต่าที่ฝักเป็นตัวแล้วจำนวนหนึ่งตัวเป็นหนึ่งในจำนวนไข่เต่าทั้งหมดกว่า 60 ฟอง
สำหรับ หลุมที่แม่เต่าตนุขึ้นวางไข่หลุมดังกล่าวชาวบ้านได้นำตระแกรงเหล็กมากั้นเพื่อป้องกันสัตว์ประเภทต่างๆ จะมาขุดขุ้ยไข่เต่าทะเลไปกิน โดยในวันนี้เป็นวันที่ครบกำหนด 2 เดือน ที่ไข่เต่าจะต้องฝักเป็นตัว ซึ่งหลุมนี้เป็นหนึ่งในจำนวนสิบแปดหลุมที่แม่เต่าขึ้นวางไข่บนชายหาดเกาะสมุย
นายวีรพล วัชรสินธุ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อมีชาวบ้านแจ้งว่าไข่เต่าบริเวณดังกล่าวได้ฝักเป็นตัวแล้วจำนวนหนึ่งตัว โดยมีผู้ที่ได้ถ่ายคลิปขณะลูกเต่าตนุกำลังขึ้นมาจากทรายจากนั้นได้รีบวิ่งลงทะเลทันที จึงขอฝากให้ชาวเกาะสมุย และนักท่องเที่ยว ช่วยกันดูแลธรรมชาติและสิ่งล้อมเพื่อให้ธรรมชาติยังคงความงามสวยงามแบบนี้ตลอดไป
นางสาวเทพสุดา ลอยจิ้ว ผู้จัดการส่วนงานรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โรงแรมบันยันทรี สมุย กล่าวว่า ตนเองได้ติดตามความคืบหน้าของเต่าทะเลที่ขึ้นมาวางไข่ตั้งแต่บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมซึ่งตนเองได้มีความชื่นชอบอย่างมากที่ธรรมชาติของเกาะสมุยกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากที่บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมบันยันทรี สมุย ได้มีแม่เต่าตนุขึ้นวางไข่และฝักเป็นตัวก่อนที่จะวิ่งลงทะเล ซึ่งเป็นที่ตื่นตาตื่นใจต่อนักท่องเที่ยวที่เข้าพักรวมถึงพนักงาน ที่ได้เห็นลูกเต่าฝักเป็นตัวโผล่ขึ้นมาเหนือชายหา
https://lh3.googleusercontent.com/k7Elmx0WD8vn_xHMzaXAaUcLJN-Tyq18TRpaE8uESyOiOIgKAKjKrPygMhiTQ2D4vlYDFnGMI9bjF9F4dNqSRqBUZ6ETrvED6cvACJHaIIFQY3uKAJjrxLJcz8R8liQxOcVchwHLvAC-7OZbRFqfzjsxmH-KOep2kYmNpvbLBTHMrW5jcalZvtJ-CZ_IKWeoPQBnrN1CUbsE7I6wxaoOw1GoproaWwEGg5xKPYkU9iyZuwXJfIdBYRabn36IQgc16oVf7Uh9SB4HhjLJDeOsCVWOLluyqZ5zOkF3F6KAEaxpv3YBEKntqWT59Ip8oVFLcUUiMmHRyLYdf5U7LC36NBicqHC7PymER-m8pPn9Rn9PNfloUJ7L2cK3MbCUqvjTnQ1Tsb3GJlklIkGSm2hgUgWHxxWoa7JlqxptI0sk0yflxrMWzF-gzl19E-d3yOH5_UihOqCXq8L6W7Dddp2ju--KlIE6yXcDHn8Z20E9juujnC17SYECY36K1EPVLJl8brkEurFfdIJRo-oX4EaWaw0UFfvmC2t6-ny-YeUehftUb5FLBP_acCd1WH0Q4eDbtDRp8HbhOF2JOMK62RR1XUPa4RLc4z6yfTBsYslDbmDmGYm5s-rlXMdi3tFJE5eo4nU1vq2HatrbZ8DvZawqHKzEQ5tMiH3-Knr29cfytxDIHExsSiNtHGOF8gPShtM=w700-h438-no?authuser=0
สำหรับ หลุมที่นี้มีไข่เต่าตนุประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบฟอง แต่มีความแปลกตรงที่หลุมไข่เต่าตนุนี้เพื่อมีการฝักเป็นตัวแล้ว ทรายที่อยู่บริเวณปากหลุมจะต้องยุบกลับเป็นเนินสูงขึ้นจะต้องเฝ้าต่อไปว่าไข่เต่าตนุจำนวนกว่าหกสิบฟองจะฝักเป็นตัวเมื่อไหร่ ถึงแม้วันนี้จะครบกำหนดฝักแล้วก็ตาม การเฝ้ารอคอยไข่เต่าที่เหลือให้ฝักนั้นได้มีสองสาวชาวต่างชาติได้นะเต็นท์มากางบริเวณชายหาดเพื่อเฝ้าดูการฝักเป็นตัวของไข่เต่าตนุในครั้งนี้
เต่าตนุเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าสงวน พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกินสี่ปีปรับสี่หมืนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับหากฝ่าฝืนดังนี้ เช่นการล่า การครอบครอง และเป็นสัตว์ทะเลที่ห้ามซื้อขาย และ พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งเต่าตนุเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมากเมื่อโตเต็มที่ โดยมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม หัวป้อมสั้น ปากสั้น เกล็ดเรียงต่อกันโดยไม่ซ้อนกัน กระดองหลังโค้งนูนเล็กน้อย บริเวณกลางหลังเป็นแนวนูนเกือบเป็นสัน ท้องแบนราบขาทั้งสี่แบนเป็นใบพาย ขาคู่หลังมีขนาดเล็กกว่าขาคู่หน้ามาก ขาคู่หน้ามีเล็บแหลมเพียงข้างละชิ้น สีของกระดองดูเผิน ๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น
https://www.naewna.com/likesara/507123
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
"แมลงสาบทะเล" สัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดยักษ์ ที่เพิ่งถูกค้นพบในทะเลอินโดนีเซีย
https://lh3.googleusercontent.com/TuewnZb7ErFrFMLOIsFqQAfg5MnsJMwa7fhH21lP9J_-7xzwCUm4c0WNMNuNG40oE1VNT6jkmdBn7HaOU0eIYzxpfs_FtsHT4nnFnsTDXc5W9gzHHkJtW9lFSK0vWmJ41D0p4tGOPl4IqMqYvtlTYG4hLKr42lzBI32jPpChwoBJhFbC-zXvHO2VNykjG9vfvN5qXIu1rL23rbfS-hgzU3NZFqrIFYXOtL5pvC56YHv0zJZVemJtrNLf8bCde1YMyzzZxTeVRJ_x_ZUjwDvc7dfZ9bfmoeFYaGH0DJMlk3FmkIkuNiCCQ0l7XBrbuD7PYcRNKDEZnEwPrTNlqtlCXZTX20gy2LOadsOkBg14OZx3jYkkgCZ8caivNX0SVnQBTf7ZgDvrHMRmFBAWQfrLK-sPQHHUnVe_YruPPziU1DSDeWoidgooxcHF_hylQZJ5PmB5C7Plt7tYoBcomQytqKgxTBo_S5JNHIznwSmveu2l_uwXnqhnJ_8IYr4rSxzuimf0xvC7QAqNSOr409aUP32-Pf7V-BbfB65rul1mNgldnDhFqq3mLiyM5HOt8yGhlb4X-a7Rjhd6MsgKuEaCHKbblsItEMJZPiECUPSnL7Sgz9NOHbfwkBenmGr0RhC3SL3x9MGWrXzxZxE0TFEiC-YtZdLlwRW3IjB0b-E7dPIumjV6DJMpzCXBwCIZxwE=w700-h394-no?authuser=0
บาทีโนมัส รักซาซา (Bathynomus raksasa) เป็นหนึ่งในสัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดยักษ์ 8 สายพันธุ์ ที่ถูกค้นพบแล้วในโลก
นักวิทยาศาสตร์ในอินโดนีเซีย ประกาศว่า พบสัตว์น้ำเปลือกแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า แมลงสาบทะเลยักษ์
สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้จัดอยู่ในตระกูลบาทีโนมัส (Bathynomus) ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดใหญ่ มีลำตัวแบนและแข็งคล้ายกับแมงคาเรือง (woodlice) อาศัยอยู่ในน้ำลึก
บาทีโนมัส รักซาซา (ซึ่งแปลว่า "ยักษ์" ในภาษาอินโดนีเซีย) ถูกพบที่ช่องแคบซุนดาที่อยู่ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา บริเวณใกล้เคียง คือ มหาสมุทรอินเดีย ที่ระดับน้ำทะเลลึก 957-1,259 เมตร
เมื่อโตเต็มวัย มันมีขนาดเฉลี่ย 33 เซนติเมตร และถือว่า มีขนาด "มหึมา" สัตว์จำพวกบาทีโนมัสสายพันธุ์อื่น ๆ อาจมีขนาดตั้งแต่หัวถึงหางยาว 50 เซนติเมตร
https://lh3.googleusercontent.com/rFp5z-s3LyuOIOqekQDlkzwL-yPhCi9VE3DpNkq89xPBEbNLVE1jFZv1rm0WSnq_Cshxn3LsZVyT6W6gWHdTNpfVRd6grWmsZ2p8NDWclGLqzL9qbxuIkfu2tUFTVEJZIrX7YBLwYMj-HuYkVMs1_YOD2Y6h4-6KNcOBnzAYiP8nO6S9kVQHHLQTwiN9nRIx9BF3wllCnGONGF_R9kliGQJvog-cVZpWBzQTXCB0_uxA9K4zJLXbpDxxEsGFvQGVzXNMQeJXptoqJ4RO6qPRV6fC8-7JzI2NhwUDtPBdzBZZukQn911QJs9cD1yNXzTROe6gErUYmsOac0Eb_8ezKahuWLItI0k7knWeriH0-8dQ24qFqy0LEe7Kiwg7xfmFuV-L6wQ6CNT124iYeCzZ3SLD6qIkHVgsEioN3ZxAfZQxFGIY8rUYDdxG6dhxvA3KDAX4GjvAnMt9gh3ZzrXjp57lfluQA-ltW7e2dK-faOM9ah0kRMEze-BXqF7AQJhbCjGli3EAGLhDcI0OzyzRGblVQwORVBjCtflCBAKOas6QpPOhqioNw0PxrOp_F0prishZIUSX6MWmbWOL_PBQh06NFjQ3shXC2-6mgc3ISc337OoOZ05zoBNBrnE-q8OFHpwlOnda2Vg7WyrIczs4fa_U1dCBLF0bdS-46JQFO_l0DJ3e_lPiJ7fNJVJka7I=s549-no?authuser=0
บาทีโนมัส รักซาซา (Bathynomus raksasa) มีขนาดจากหัวถึงหางยาวเฉลี่ย 33 เซนติเมตร ที่มาของภาพ,LIPI
คอนนี มาร์กาเรทา ซิดาบาล็อก นักวิจัยอาวุโส จากสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย (Indonesian Institute of Sciences--LIPI) กล่าวว่า "ขนาดของมันใหญ่มากจริงๆ และมันมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในสัตว์จำพวกบาทีโนมัส"
ก่อนหน้านี้ มีสัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดมหึมาที่ถูกค้นพบแล้วเพียง 7 สายพันธุ์ในโลก
คณะนักวิจัยได้รายงานในวารสาร ซูคีย์ส (ZooKeys) ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พบสัตว์จำพวกบาทีโนมัสในทะเลลึกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการศึกษา
จาโย ราห์มาดี รักษาการหัวหน้าฝ่ายสัตววิทยาของ LIPI กล่าวว่า การค้นพบนี้เป็นการบ่งชี้ถึง "ความหลากหลายทางชีวภาพของอินโดนีเซียที่ยังรอการค้นพบ"
https://lh3.googleusercontent.com/J5D5I-yahDH3ZCfd-588A0I_7FGG8S2KebwwDEeFgr_TWOv_Sdn_fYk80xUH3II-zCaCSo2xj89IYnsSqQlCVJ7iBm7wbnceQkmR23nshhgm-XZQBK9-2rtTufsKKLyG8bez863w-Hp-iYwTYR3SgXsFGk8ZGHoNXdK_UXhShwO_c9WZb3NbKv3IdgN67Lkw2AzloKFM8l6kJ3qkHHtn0OrrXAvH2sGudjm9Io7ZfQqDW3pDuMlcgTh0eq248JT0Op_xuKXB3b3Pu6YU5-U5Oj5vtQRvDOm3TWIWwtx_rk9u44qwrztIGMcF-1soE6Ut_lbZML5RvrLw5iu02tHBQeGefccMcyn0W1_yIf57brWqoXnj8vqa5hxKQ1-53at2DGhG1M9aLwNugmV5iVMYRSsoifngWIYcuQChdig7n7mVGiNyBZNzwRsKF7dQpC_AvLfNhqUvwmXjWdJGU7AX56bFWKp_ZjqcoO4Fv4LdH71NRD2mHhDXgk1rOY2IBuHYyOoxTMnjsmUxfwQt4hQO6J8hQGurVxNw4SIVj3W-d2f0hcQU_I_SmRzVtFna3pR98cAbC1jV8UJxPsoYNAFrQONhtGydBL7W8hWMsgb4Eo8sxaHBtOGnDA1-zfKTRtt0_B1HG1OroS0WnQwYnBmbaJmLgQGJcsL7TdmxkurUamX5vICRrX6TP9Bhmoe1lGM=w700-h394-no?authuser=0
สัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดมหึมา อาจโตได้ถึงขนาด 50 เซนติเมตร ที่มาของภาพ,LIPI
จากข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum--NHM) ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ มีหลายทฤษฎีในการอธิบายถึงสาเหตุที่สัตว์น้ำเปลือกแข็งในทะเลลึกมีขนาดใหญ่
ทฤษฎีหนึ่งบอกว่า สัตว์ที่อาศัยอยู่ในระดับน้ำลึกขนาดนั้น จำเป็นต้องสะสมออกซิเจนมากกว่า ดังนั้นจึงมีร่างกายที่ใหญ่กว่า มีขาที่ยาวกว่า
อีกปัจจัยหนึ่งคือ ไม่มีสัตว์นักล่ามากนักที่ทะเลลึก ดังนั้นพวกมันจึงเติบโตจนมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้โดยไม่เป็นอันตราย
นอกจากนี้ สัตว์จำพวกบาทีโนมัส ยังมีเนื้อน้อยกว่าสัตว์น้ำเปลือกแข็งชนิดอื่น อย่างเช่น ปู ทำให้พวกมันไม่เป็นที่ดึงดูดของสัตว์นักล่า
บาทีโนมัส ยังมีหนวดที่ยาวและตาที่ใหญ่ ลักษณะทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้มันเดินทางในความมืดบริเวณถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันได้ดี
แม้จะมีรูปร่างแปลกประหลาดแต่พวกมันไม่ได้มีพิษมีภัย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เร่ร่อนอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร หาเศษซากสัตว์กินเป็นอาหาร
จากข้อมูลของ NHM การเผาผลาญของพวกมันต่ำอย่างเหลือเชื่อ สัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่ถูกเลี้ยงไว้ในญี่ปุ่น มีรายงานว่า มีชีวิตอยู่รอดได้นาน 5 ปี โดยไม่ได้กินอาหารเลย
https://lh3.googleusercontent.com/uqei0khNlBNbmb0TZlQ4mCCEbCoHX2pPykpYlNsA6RgWsl0_JK9oIoorcIPugbsRe49gUewQO1pJOXwTcCAkYwfk3GF2SytflM_AT-eWCmnex3--bh58xT2CAOTAhLgXI-MZzf9TzlQjNXdFzCPKCZUvo1BWIW6q3RdYU6EGeKgYnOm3qGfstG5zv7O-N4qpQYdv8QN-jCmr6qDoIvMw-eqTSPpDb1k7RLPU1CktZA5PGANN3fwO4F7O3PH6W0jkIYd_13W7upJlJcV8NceP98dVKI0OhebYN-178hqJ4GMJ4FrP-d1zvX89R1enoIuY-52AVfNpC-YUWAjDph1uXetig91stEHhs3HuYejnGmUuNHzD_FYx1VMOJR-aES_1nxr87fCPCykvNYPIeFn7C5IeDqN4oPJKckE0zciku1KKtgBcXFznO6bWlw6Jqq_NaXWMPopqggn63S2_0t8Si6chuc74NJ4V7-atsmk3YJwl6uEbQ6P5NEFROyJcLxXi10-nKGmx3UJL9IVKXn9spI-F4SYeWjT-u7sLNNPThnex6H3hi2UadZx7q5w7vGxxnVaZbeozZvTuMI36XlAnWpGQZC3Gb6yXPPz1hYwJSKyMl7vV0CnXiaZEfd-ZkUTIP7yg6Tl7ICDTSXCLS4Ixoy3jtqEqJyoZqx074Et9tVUl2T2SF9rtns7gkG0mfL4=s549-no?authuser=0
บาทีโนมัส เป็นสัตว์กินซากสัตว์ โดยมันจะหาซากสัตว์ที่จมลงมาใต้ทะเลกินเป็นอาหาร ที่มาของภาพ,LIPI
การวิจัยนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง LIPI, มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ หลี่ กง เจียน (Lee Kong Chian Natural History Museum) ของสิงคโปร์
ในช่วงการสำรวจเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ในปี 2018 คณะนักวิจัยได้ค้นพบและเก็บสิ่งมีชีวิตหลายพันชนิดมาจากจุดต่าง ๆ 63 แห่ง และได้พบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่กว่า 10 สายพันธุ์
คณะทำงานบอกว่า ตัวอย่างของบาทีโนมัส ตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัว มีขนาดวัดได้ 36.3 เซนติเมตร และ 29.8 เซนติเมตร ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีการเก็บตัวอย่างบาทีโนมัสที่ยังไม่โตเต็มวัย 4 ตัวอย่าง มาจากบริเวณช่องแคบซุนและทางใต้ของเกาะชวาด้วย แต่ ซิดาบาล็อก บอกว่า ไม่สามารถระบุสายพันธุ์พวกมันได้ เพราะลักษณะบางอย่างยังไม่พัฒนา
https://www.bbc.com/thai/international-53496868
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.