สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 25 กรกฏาคม 2563

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย โดยมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเข้าปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลาง และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 27-30 ก.ค. 63 คาดว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 25 - 26 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกจะเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง มีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 25 - 26 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้


https://lh3.googleusercontent.com/YT_DJh2nSGBYQYFfdyUrTjeAl8lUUxhSeiEk09eUYIutTZhIqpyyDD4s1bhNWBnSAUOF4HRelpWAuZVQtupd1V9Hjn3hyncbidRgJ0FXnQm-_fSpJm00tEFzdXhLA9vkvQ3etcoFqZOzekALcq6A07jZH01NOvyr3r8VRTgIe_Y11oeZUgQx9eVqEXzeeNI3irvZW13WwUCqX0nvq3vQIZ-fdsPCKuFKvb4OhzNj-DlZnuZw3zBaSmTipPWjzlnAeBeyIQ2Mmw5Z4mSAIaymaCF4avmBgzDUKQL5pB8v_ATmkqBtst_Wv-aSeYS6rgX6ElSYYWLyXuEvPygJxK4lZp-THlPpG03zKtM7OjeYLUwtCvaJFSIU2s9gSZcxtIDEvECBRVZkOCdVIC1LlOKgXUO955lC-aWhsu7AYCJ4Ba9_oGZwczU848FR4rgqmBvAVn7InXdBfk7AAwt0wwP-grXNE81NaH9X1taGO_cwpOMWhPphTJT5YyU2wiv1703m38orRftrxmeB8ZmcWGUOrPI1sGmiukjGOfz2zDHLfKyMxjXNH3jm4PIWvXsETKnzCjIxuz5f8VcNPn5tIZS-j3Uh79Rp9E3EAERrhduevrTdmyGfY6N45h2gbU22GzRwxjtA5cuJIU0tFI6FAC2iOhz1nI-PclRABZgoDEWn9x-NeQQ6nbrkGF8M5ASTu8I=w800-h552-no?authuser=0


https://lh3.googleusercontent.com/C6EcFYMsBVmBZtX7ZMUebMTGEiRfy0l2MGC-fTyP7qAZw9qCsle1t0pTNge0kRr_d5O3xaTqVYPwPxu2ZWNwXDyanSBde3NSFcCAGh5-s1Xwyiv3oUmfqgdJl62CtnqH0RI-i_5VDNSp0x4TVSU89Lt8-vznOf1koYWX7HfD-8gYyVBFQh8UrD5POQtUy6_0EZtqrVDoHnB9bFf8oglEUArOpiJ9fQeqj0pxA9VPqM82wzh_-OnUlTC8_kcIuH6wkVeQpYteNEl4y1mNY2n45FRkYrPUnvxCMqgPjfy0E0SJki1h8F1VDcjQaTq8TM-f4BqPYv7H_VhQBvbKOLpyQFIq78WKbnE-8rmt7sb43HQES5SPyEOpmc8EUPO7fgU_7Eg0iPXduVL6-Wb2p06MELzRVja5-XY7OGfzaKkrU_uPcYN0KbGMxoLhorG1u-Tp8gz6ofMIhdKCBK_S5ALbBqGmD9a7j6M96al9WacudAnF4ZqkENigsuIKyo5iSrM-dLF-eMU3bxm2RJ1acg3n-2ZigKJoencxfHW5o5_dHWKudDHiJbv8GxvlfXO9tWZsCNqSWWRgbGGiJkZhBxiC1pDPXfavpRThyUXmG32LBviqQTRgtgs1Rh8O-TI5U84mIFONY6pJ9ZZkmhgCylxWZYGLN9gbKGrG3tuA3FlkXGfyDdjegOozb_iWTG3BZvY=w800-h390-no?authuser=0


https://lh3.googleusercontent.com/s4oK0iVnsnFCHv9PRdtMQgGbWb-7Q8BTynPFcIa0ZUw3vfSpIEtMynq5SQf4lHTfotAs2aT9jLASAAWnv77HgUnfenC2GFiF3oMLN4pysiB-_UDQJgGgwOEyr4Dm7hRrHQvIPfgfv6y_GLeWGn5C-uSp_H5uluv2e0W1f7-cxtcHPhRmvjg_aZly49xx5s7JsT_ROr6AsWBugskU21A3oXjP-DPsu7bKKYQWZmo9yIuTBuCTP4B9pmFxSH2cJDohnowm153mNl5svMglcM5va6ih5seAsTQU6QKq5VhWY1q0K0J2LSyd0yRKLQH5v1VG3klNFKD-N9qt6xA0v82EnfyBbsShsWwf6pxQ8nVPsJXnEAcaj1_6Xy6Tp7ThF_wnNN_FKrjxkwKFsD_v1wekPoY185UT-mh5S2X1QsV2_IpmDjJSVpxWzJVzJCmd3iODB7hKuCx4FC672lnhl6SbEKm_34d4dcuJquUYxnejmjcCWPROlEfaFhyQajrQoF7XuKTDoJtHAAc9ETZf6qtl9V7kqp9s_6MuLnyMRU1MKSm4ejRQDHhSAYxed_yndfogwT2g6f8Jz0kd74E6rOndHJ_LU2LW62lp0cLh8rdIqZnUzVokHEOIHxiPYUe88lNYeNqX_aJn7minoEJwzIqKbxk0mq8aTWzyZUI0NlPFkhNPm9YYXGFFRCx2coaturs=w800-h450-no?authuser=0

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ขยะพลาสติกในทะเลอาจพุ่งพรวด 3 เท่าในอีก 20 ปีข้างหน้า

ผลศึกษาชี้ ปริมาณขยะพลาสติกในทะเลจะเพิ่มปริมาณขึ้นถึง 3 เท่าตัวในปี 2583 หากทุกภาคส่วนยังไม่ร่วมมือและเร่งแก้ไข

https://lh3.googleusercontent.com/WrDTGOM823smw_Rle1DCTBQKgSldOqe-FYoUkKMRSbMXeAnQRblQTUu6OvCmZkrYTJ95p7yRf8JRO9dKjIkPvD7U0xwsX6-zEmlAMTwoyp7T6sJPyxzhsxbu1J6R_7s701tGuBkko8f7ad5i2ihmc9KAcmtdpbPPnc99O3xJmzjwvBrzWdH9b1ragorC7dm1BdgtLfEQ1dE0Qf_RHFa96bqJP_tmcx2xRzMgFQuVS0TSboEA2TNFJuv2cEbTPbB01CQ6clGtOzIRJNuvhDVR505A7-NYnBOGOTxXBDfEDE9ctgKKUkmM-TMfInS3rQKKeCXkWp3vzIE_eY__y2e0iCoUxC9i5Qtodk0cupXcWxmBN9Ruxu9RqLghDqNGug3MrQqdFx8ui-yfeiiigwXQZC-lVYOB0vLbtrBzLn-lzwNz9PKViuhjb6al4YcVq2-3RBA721KWkjXTe7EF6vqHpwXy9siVmhysXTneZUwMcUsLt_55N5y4m2uli85xv_V3Redj9Tq0oQjASwyQPfMfFHWq4Mev4EdRcRNKwFvPqDRJFuBDhu6xn0vTGJBBmvdELVonopsis_x2TIskmZRIDrbjpdYk4rmasH0P2-UbpeA8brQHCuiOUqcpss8y8fEszVW3B1ycz7aqHWM6t3P1IOYq-zAilwyk4-qnX-2yi-aqi9O1WaCHRuIkf1JG4FM=w700-h393-no?authuser=0

ขยะพลาสติกในทะเลที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของสัตว์ทะเล กำลังจะเพิ่มปริมาณขึ้นทวีคูณถึง 3 เท่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า หากบริษัทต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลของแต่ละประเทศยังไม่มีมาตรการจัดการกับขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลการศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม จากสำนักวิจัย พิว (Pew Research Center) ระบุว่า การใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งหน้ากากอนามัย ถุงมือยาง รวมทั้งกล่องพลาสติกใส่อาหารเดลิเวอรี่ ทำให้ปริมาณขยะพลาสติกทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งถ้าทุกหน่วยงานทั่วโลกยังไม่เร่งดำเนินการแก้ไข จำนวนขยะพลาสติกที่จะลงไปอยู่ในทะเลจะเพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านตัน ไปเป็น 29 ล้านตัน ต่อปี ทำให้ปริมาณขยะในทะเลสะสม จะสูงถึง 600 ล้านตันในปี 2583 เทียบเท่ากับน้ำหนักของ วาฬสีน้ำเงิน 3 ล้านตัวเลยทีเดียว

https://lh3.googleusercontent.com/ghzdLVD7hO6vTfokfKrM5L9RWcT79IrMQuilDqioBxn0fs1pU9tFlef7Z-QcZGspmgLcRIHFPJTz0MFD0cCrMiKwPFRFC8FvyKCmCdZFMZf3yq-ATvxI_W8UXUTF40LpbrlBnI-B2Q-GCHnLqgSAJ5KabybEiKw1nHmSxHpEZY8EZAz9cgKtXduKK-mlocyZxkTP1HezseMnq3H0Fs-n2TtfNxSS9LuNkRPoduZyca_ek-ZICP4gbCBh8CN0xwO7xpI4OCtr3cUHrHckL5KOjG1F0m4CXzCk3DCsbmKMO2Uf-ejBUDLUVE1Co4k0QewzXmylIpQ2oV9nvfemuWyAKDz-JlyfosTHFWVZZWRclCv9EpQzc6Onw86Hk6t4fQCwZGkdizs3w2VUk5qwUYK0GpaVGvaXW5Qy4f-h9CN3iDm-C-QddEdg8N4nDKDy0bzvcwtoftacWCd73vAHVkYgCKuG4oBRlNU2kHAJtEWsaGqhpd3Y2rAgAACFZKGtg_XkMmwYRdH45490BSes5utOtqfPcF7CfPOE3UA_-5nAAejtpxjkOffOtdW27Qjq4_0aj5gtAfJ1u0eMGg99oUPC7pegikoEN_Uc_HpwD0rlvuyqOTUwDPIz8zSJ_cUyGz1hiSSt4gs-8XtrOrA46QUNRZD2sKaoWg7fU0zy3Hf--182YbwsQzyUshclXRTCBak=w700-h392-no?authuser=0

วินนี่ เลา ผู้จัดการอาวุโสสำนักวิจัยพิวและผู้ร่วมเขียนงานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า ปัญหาขยะพลาสติกเป็นเรื่องที่กระทบต่อทุกคนไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาของคนใดคนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง และจะเลวร้ายลงหากทุกคนไม่เริ่มแก้ไขไปพร้อมกัน

ซึ่งนอกจากงานวิจัยชิ้นนี้จะชี้ภาพที่จะเกิดขึ้นแล้ว ยังได้ให้แนวทางแก้ปัญหาที่จะสามารถลดปริมาณขยะที่จะลงไปสู่ทะเลได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารไซแอนซ์ด้วย โดยแนวทางแก้ปัญหาที่สำคัญได้แก่ การหันไปลงทุนกับบรรจุภัณฑ์ทางเลือกแทนการใช้พลาสติก ให้ตั้งโรงงานรีไซเคิลและแหล่งเก็บรวบรวมขยะในประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่อุตสาหกรรมพลังงานต้องหันมาเปลี่ยนแนวทาง โดยเน้นการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ส่วนรัฐบาลควรบังคับใช้กฎหมายให้เลิกผลิตพลาสติก และหาวัสดุอื่นมาเป็นทางเลือกทดแทน

ทั้งนี้ ปริมาณพลาสติกที่ถูกผลิตออกมาใช้งานต่อปี เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2493 โดยมีปริมาณสูงถึง 2 ล้านตัน จนเมื่อปี 2560 ปริมาณพลาสติกที่ถูกผลิตออกมามีมากถึง 348 ล้านตัน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2583.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1896837

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


28 ก.ค. นี้ เข้าฟรี! "อุทยานแห่งชาติ" ทั่วไทย

https://lh3.googleusercontent.com/gHWkGYBIsa_CgDaTj1Dq8LFuh8US0I5iZ_O3cx-QF5iI0YiSeBOXT6ZqkbTa1-pn9Bv93iyAbSPg_NsdLCAunqMmUOWTydvAfi2nV6Ovh8ImfbxpON8_8smshulqD6O_dQFpAcOkhQAzeMz7-vdHY50y9azv7QGv91V_Bhj0T_0CnN8XiWoPbto4OGmr-LEzOx_a7esX9U7B6eZT9rEYJMg-loy3QsFOS2zoTlPEikTG6-wun8ubKAAXLU50Tt921HOeyJCjluWfEDc1komAbcC_37vbqHy03DKl2acISJ8_HLvHraNkXVprLRCvPsfNVRRB3DfiFBVz-KkFoH4KovIPZU3L8tOoKkp61phTz5Izv30kmwY__quALYN9LHZqOk2XkrVr2eQxUhqIrNQXxrYBt-D9vXxL8ELtAO8F67CXd4fHzVi_ACBX4CZ7NvIDmdxfuuQ1dCzaKZ039WCkVmfb8il09qHNLwkMc-GziSGAIS7CDM0B28oobrLeWl7drpJB1IHgY60yVgvJwWQ9yHpxs94btpihUnxnTkt6HDzDfg2bKN_0hElJbNTM9YZyYRAD2HP4xvDDuwyKdpU80cyOx72ab0kOngWHIqoUQ7alTFEFMk2xNPsV7ZG4b_CG1TsTzve_KfRASM4BnREGp7jJ1pC4iZQHAP1S2lQ1UgBFwA-k_lSr4JNgz9CbZ2g=w700-h467-no?authuser=0
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกประกาศยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติสำหรับบุคคลชาวไทยและยานพาหนะในวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี ดังนี้

เนื่องด้วยวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูรฯ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมถวายความจงรักภักดีสนองต่อพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดความรักความผูกพันของบุคคลในครอบครัวปลูกจิตสำนึก และตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 6และข้อ 8 แห่งระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าไปดำเนินกิจการท่องเที่ยวและพักอาศัยในอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2547 จึงยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติสำหรับบุคคลชาวไทยและยานพาหนะในวันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปี

โดยการยกเว้นค่าบริการ สำหรับเข้าอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทั่วประเทศ สำหรับบุคคลชาวไทยและยานพาหนะ

ทั้งนี้ ผู้ที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติต่างๆ ยังต้องจองการเข้าท่องเที่ยวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน QueQ (คิวคิว) เนื่องจากอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งจะมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว


https://mgronline.com/travel/detail/9630000076157

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ชิม "หอยยักษ์ลิบง" กิโลละเกือบ 1,000

https://lh3.googleusercontent.com/uFihdCINQ-FYusACVCvwMVW5BpVLsUHx1H9nC8AGmCFq4qNtUNop5aj_-eMizFjvNmFzgVCfKG4F9y2igRpm2yG6gLCSbEAv7Yis9uXNnJ5Ps8LeWx1Y6rGpQoVZihQuQoftDHc_VfHacTZXRMUj_IE800e-3UySAOKlAr8MaZ27awJ6zfhW6H-XtSA47cPdCc6jgbTO695GFIC2Hgvy_PEq1Esh0CCpSeDQlaVGsvQHIP-TItRsOq4hMA09-F-fHVXEzIx_-huE_xb87bfU3vNqwyJSo00LRrWsIvFqQlM6Icbp8PpFnwxVIt_LUVb7rJNpMtlZRAYV2YyHvrwY7wJefl6hJBiF5ZBkTtvD83a8dL7exr_ghxXwxiKh_UqspOxa8ZsH7BXll4-AxPiobnEQoQgOit5b-BDbF2h1Ti44kwRAQ_gcGmaAM1BboXEvngILKlEfj34XSsaexFiebF62-ZeiltLw1Zh12gFV9LDcqAjnYJmca-QvKl-xcUYrfTFFai-ivFVhVb891m3WQvDnZVRVt761hwyuqJJyxNrGP0VK7LrKO9wkDVBCp1HrRNBIlN1tNffCs6mvGDVzaRuLhV_L3GOT7m8A3PrpgiyzrjqnfwNIt9-vqQyVkGy0nFlT5XQy3kYezLZXFUSBj9zfUZVjsgO-UMvL6CcreQG3aJXEXzV8ZtoDgK_aKn4=w700-h366-no?authuser=0

ตรัง 24 ก.ค.-หอยสังข์ยักษ์ หอยใหญ่แห่งเกาะลิบง จากเดิมเป็นหอยที่ไม่นิยมนำมาบริโภค ชาวประมงจึงมักทุบทิ้งเพราะมีความแหลมคม แต่สุดท้ายมีชาวบ้านเห็นคุณค่าและรับซื้อมาแปรรูปจนกลายเป็นหอยยักษ์ที่ส่งขายได้กิโลกรัมละ 950 บาท

ที่ร้านอาหารซีฟู้ด ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ช่วงนี้มีเมนูหอยสังข์ยักษ์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเกาะลิบง ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน โดยลูกค้าหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยรับประทาน นางอนัญญา เบ็ญสอาด หรือ "จะไหน" เจ้าของร้าน จะนำมาให้ชิมฟรีพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งแต่เดิมนั้นหอยสังข์ยักษ์ไม่ได้ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเหมือนในปัจจุบัน เพราะมีเนื้อเหนียว เคี้ยวยาก มีความแหลมคมตรงส่วนปลาย มีน้ำหนักที่มาก บางตัวน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม เมื่อติดอวนของชาวประมงพื้นบ้าน ก็มักจะถูกทุบทิ้งและโยนลงทะเล เพราะทำให้อวนของชาวประมงขาด

https://lh3.googleusercontent.com/Er4j2is5SNyH29RDkQdJ3ihf-ymgTheEvE6H9yoQBEkERLKpzhzR8GNVGIvOhcP8e4rEhNvISx36d1PyPSUindOV_Fjiz8CeIjMU6TK7Brsr3sSNv-Yd1187Eu6tOj7LRWNk9Za9U80o51NwhswPuVyJcK67W0hh1yNDMzswSQ19LdS3p_Ke-ZI640bnNmt7r-y3KfE1gkkMxiNnT3j0SllvHrXREG4QD1T9YRyxL1JAnKa-7A48GHm3SDLj6bzH4zl4rACyNfMurIipSvkUcDhU1ZSJqNldzRcRPwj6ji2E-GFBwH7qwQ5BuupHPOtjl6lyIy9i8NEoKE30ldXG5mbJ7kHxJpPXFowQNcP741HRDzAX0GLcN-SLxc8G9s-gB-GA1O5eA7jj8sA8Q2e7PzvLvOTgPUbRLXmoCf5GNLWAo91LhPHGrIwit49Cuq8t-7PxNBbdtvYnFSVY4Fv49f4C2i54ymRg1p8-8C87j0zE9Q-sa9OWoNk6tPPR1o5QnZwk8AAhInAEQr-gnQxr3UqISlclWb53_seVxNqY0QI695tGmhwrxUFfBZ3MxG5r2bFJM_NsKTZBODy9NY6JySW-Vl8JDugFG7k0-ouem9KLQ3hhQJgjoHnenjQdnHyCIK7YYrrNGqCMDEWsoCL-3iDin7aOzGZfn6_-g2rE0-LT2zdmBkaH9DZwyvvNpBw=w700-h413-no?authuser=0

จะไหนซึ่งเคยรับประทานมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อมีโอกาสเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จึงคิดนำเนื้อหอยสังข์ยักษ์มาทำให้นุ่ม หอมและมีรสหวานตามธรรมชาติ คิดสูตรอยู่นานจึงนำออกมาขายได้ โดยผ่านกรรมวิธีการต้มนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะนำสับปะรดมาใส่และต้มต่อไปอีก 2-3 ครั้ง ๆ ละ 20 นาที จึงจะได้เนื้อหอยสังข์ยักษ์ที่นุ่มหอม นำมาสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ เสริฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดฉบับชาวเกาะ ขายผ่านโลกออนไลน์ได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 950 บาท ซึ่งตอนนี้มียอดสั่งซื้อไม่พอกับความต้องการของลูกค้า เพราะหาไม่ได้ทุกวัน และเป็นช่วงน้ำขึ้นน้ำลง จึงต้องตระเวนรับซื้อมาสะสมไว้วันละ 1-2 ตัวเท่านั้น ส่วนเปลือกหอยสังข์ยักษ์นำมาขัดถูให้เงางาม ส่งขายได้อีกตัวละ 100-400 บาทด้วย .


https://www.mcot.net/viewtna/5f1ac7c9e3f8e40aef4674e1