View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) ?ไมสัก? บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ? 4 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง พายุระดับ 4 (โซนร้อนกำลังแรง) ?ไมสัก? บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีการเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น และคาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) ในระยะต่อไป พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ? 4 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Forecast1.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/05f7bbf5-9593-4579-845c-534a41d5e8d2)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Sat1.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/33f228fb-d627-41ee-b5af-d605e78e4444)
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ชาวมอริเชียสประท้วง รบ.จัดการน้ำมันรั่วช้า เชื่อต้นเหตุทำโลมาตาย 39 ตัว
ชาวมอริเชียสจำนวนมากออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันรั่วจากเรือสินค้าล่าช้า บางคนถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Thairath_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/ae6c356d-19ff-425a-93c7-4dc0a73dee09)
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประชาชนนับพันคนสวมชุดสีดำออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลในกรุงพอร์ตลูอิส เมืองหลวงของประเทศมอริเชียส ในวันเสาร์ที่ 29 ส.ค. 2563 เพื่อประท้วงรัฐบาลที่จัดการปัญญาน้ำมันนับพันตันรั่ว จากเรือสินค้าญี่ปุ่นที่มาเกยตื้นบริเวณชายฝั่งของประเทศล่าช้า จนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ
การประท้วงของประชาชนเกิดขึ้นหลังมีรายงานว่า พบโลมาถึง 39 ตัวเกยตื้นตายบริเวณชายฝั่งของมอริเชียส ซึ่งผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นเพราะผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วดังกล่าว และกล่าวโทษรัฐบาลว่าควรป้องกันเหตุน้ำมันรั่วได้ดีกว่านี้ รวมทั้งไม่พอใจที่รัฐบาลตัดสินใจจมส่วนหนึ่งของเรือที่หักเป็น 2 ส่วนลงก้นทะเลด้วย
ผู้ประท้วงหลายคนชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ขณะที่ผู้ชุมนุมหญิงคนหนึ่งบอกกับนักข่าวของบีบีซีว่า "ฉันมาในวันนี้เพราะเราต้องการความจริง พวกเขาไม่ทำอะไรเลยตอนที่เรือเข้าหาชายฝั่งของเรา 12 วันที่พวกเขาไม่ทำอะไรเลยกระทั่งน้ำมันรั่วออกมา แล้วตอนนี้ผู้คนนับพันและสัตว์น้ำได้รับผลกระทบแล้ว"
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Thairath_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/677a7eb0-1ae6-4f4a-ae4b-ba7bc1b5cf30)
ทั้งนี้ เรือสินค้า 'เอ็มวี วาคาชิโอะ' ชนกับแนวปะการังและเกยตื้นนอกชายฝั่งของเกาะมอริเชียส เกยตื้นที่ 'ปอนเต เดอนี' (Pointe d'Esny) พื้นที่ชุ่มน้ำทางตะวันออกของมอริเชียส ตั้งแต่ 25 ก.ค. โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติทางทะเล 'บลู เบย์' และชายหาดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างมากของเมืองมาเอบวร์ก
หลังจากนั้นราว 2 สัปดาห์น้ำมันก็เริ่มรั่วไหลออกมา ทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทางธรรมชาติ ก่อนจะจับกุมตัวกัปตันเรือและตั้งข้อหาก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ รัฐบาลยังสัญญาจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนเหตุน้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นด้วย
อนึ่ง ยังไม่มีการยืนยันว่าโลมาทั้ง 39 ตัวตายเพราะคราบน้ำมันที่รั่วไหลออกมาหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ชันสูตรซากโลมา 2 ตัว และพบรอยกัดของฉลาม แต่ไม่พบร่องรอยของสารไฮโดรคาร์บอนในร่างของมัน อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบอิสระ เพื่อหาสาเหตุการตายของพวกมันอย่างละเอียด
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1920679
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ชาวมอริเชียสประท้วง "โลมาตายเกลื่อน" ใกล้จุดน้ำมันเรือญี่ปุ่นรั่ว
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Mgr_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/73a396ba-1ac3-46a7-9d72-568d13796655)
รอยเตอร์ - ผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมในเมืองหลวงพอร์ตหลุยส์ของมอริเชียสในวันเสาร์ (29) เพื่อเรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุน้ำมันรั่วไหลจากเรือญี่ปุ่นลำหนึ่งและการตายของโลมาอย่างน้อย 40 ตัวที่ถูกพบใกล้จุดน้ำมันรั่วไหล
บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้มีการสืบสวนว่า โลมาเหล่านี้เสียชีวิตเพราะการรั่วไหลหรือไม่ หลังจากเรือขนส่ง MV Wakashio ลำนี้ ชนแนวปะการังเมื่อเดือนที่แล้ว
ผู้ประท้วงคนหนึ่งชูป้ายรูปโลมาตัวหนึ่งถูกชโลมด้วน้ำมันและมีข้อความว่า "ชีวิตเราก็สำคัญ" และอีกป้ายหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ธงชาติมอริเชียสถูกโบกทั่วจัตุรัสเซนต์หลุยส์คาธีดรัล
"เราไม่เชื่อใจรัฐบาลและข้อมูลที่พวกเขาป้อนให้พวกเราในเรื่องเกี่ยวกับการจัดการและการตอบสนองต่อการรั่วไหล" ฟาบิโอลา มอนตี วัย 33 ปี นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมชาวมอริเชียส บอกรอยเตอร์จากจัตุรัส
รัฐบาล ระบุว่า พวกเขาจะทำการชันสูตรซากโลมาทั้งหมดและจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน ได้มีการสืบสวนเกิดขึ้นแล้วสองทิศทาง ทางคือโดยตำรวจเกี่ยวกับความรับผิดชอบของลูกเรือ อีกทางหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงการขนส่งทางเรือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือลำดังกล่าว
จนถึงตอนนี้ สัตว์แพทย์ได้ตรวจสอบซากโลมาไปเพียงสองซาก ซึ่งมีร่องรอยบาดแผล แต่ไม่มีร่องรอยของน้ำมันในร่างกาย อ้างจากผลการชันสูตรเบื้องต้น
การชันสูตรซากโลมาสองตัวแรกดำเนินการโดยศูนย์วิจัยการประมงอัลเบียนภายใต้รัฐบาล
ผลการชันสูตรซากโลมา 25 ตัวที่ถูกซัดเกยฝั่งเมื่อวันพุธ (26) และวันพฤหัสบดี (27) คาดว่าจะออกมาในอีกไม่กี่วัน อ้างจาก จัสวิน ซอก อัปปาดู จากกระทรวงการประมง
กลุ่มด้านสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น Eco-Sud ซึ่งมีส่วนร่วมในการประท้วงวันเสาร์ (29) ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์ (28) ว่า ตัวแทนจากกลุ่มประชาสังคมควรมีส่วนร่วมในการชันสูตรด้วยและเรียกร้องความคิดเห็นอีกด้านจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ
https://mgronline.com/around/detail/9630000088750
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
สุดตื่นตาธรรมชาติใต้ทะเลหมู่เกาะพีพีพบปะการังงอกงามเพียบ เหมาะแก่ นทท.ดำน้ำ
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Naewna_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/de83c2bf-7fe7-49ef-9207-8bd040d22d53)
วันที่ 29 ส.ค.63 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า วันนี้ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ วันที่สองของแผนดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่ทั้ง 2 แห่งอยู่ติดกันรวมเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก
แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้อง และบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามันจำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการัง จึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Naewna_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/295c4dee-f6ad-40c8-b50d-9dd5a46ef85b)
นายวรพจน์ กล่าวต่อไปว่า การออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นมีปะการังหลายๆ ชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้
https://www.naewna.com/likesara/514888
*********************************************************************************************************************************************************
กระบี่ฟื้นฟูเกาะพีพี รอนักท่องเที่ยวไปเยือน
หัวหน้าเกาะพีพีเผยสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลเกาะพีพีแหลมหินจ้องหินกลางมีปะการังเกิดขึ้นมากพร้อมกู้ซากลอบดักจับปลา รอรับนักท่องเที่ยวไปเยือน
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_Naewna_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/0bdf0331-463b-4123-9632-b16c5359c428)
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ วันที่สองของแผนดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่ทั้ง 2 แห่งอยู่ติดกันรวมเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก
แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามัน จำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการังจึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม
นายวรพจน์ กล่าวต่อไปว่าการออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีปะการังหลายๆชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้
https://www.naewna.com/local/514993
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
กู้ซากลอบดักปลาสวยงาม
กระบี่ - อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ สำรวจพื้นที่ใต้ทะเลเกาะพีพีเลแหลมหินจ้อยหินกลางเกาะพีพีมีปะการังเกิดขึ้นมากพร้อมกู้ซากลอบดักจับปลาสวยงามทำลายทิ้ง
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_NationTV_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/5f4b3985-ceb5-4354-a0e9-2459aa3f5ae4)
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.63 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_NationTV_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/a1a07e2e-04c0-4073-aadb-ed54a512efef)
แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามัน จำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการังจึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม
ซึ่งการออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630830_NationTV_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/2eba53a1-e558-4f0b-8e5a-c56c89102653)
จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีปะการังหลายๆชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้
https://www.nationtv.tv/main/content/378792978/?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=recent
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.