PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


สายน้ำ
31-08-2020, 03:10
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไมสัก" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศเหนือ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปยังประเทศเกาหลีในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 2563 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. ? 5 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไมสัก" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีการเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น ในระยะต่อไป พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. ? 5 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Forecast_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/cff54753-5e29-478d-9662-967b71651474)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/680831_Wave_Sat.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/a8cb902c-bb97-4d01-b886-444180e976f8)

สายน้ำ
31-08-2020, 04:08
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


มอริเชียสเร่งช่วยโลมาบาดเจ็บเกยตื้นหลังตายหมู่45ตัว

เจ้าหน้าที่มอริเชียส และอาสาสมัครชาวประมงท้องถิ่น พยายามช่วยชีวิตฝูงปลาโลมาบาดเจ็บหลายสิบตัว ที่ถูกคลื่นทะเลซัดเกยตื้นชายฝั่ง ใกล้จุดที่น้ำมั่นรั่วไหลลงทะเล จากเรือบรรทุกของญี่ปุ่น ที่แล่นชนแนวปะการังจนอับปาง เมื่อปลายเดือน ก.ค.

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Dailynews_01(1).jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/df8235e0-0d54-4807-86a0-59ae09284ed8)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงพอร์ตหลุยส์ ประเทศมอริเชียส เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่า นายยาสฟีร์ ฮีนาเย ชาวประมงท้องถิ่นมอริเชียส เผยว่า ฝูงปลาโลมาถูกคลื่นซัดเกยตื้น ชายฝั่งตะวันออกของมอริเชียส และตายลง 45 ตัวแล้ว นับตั้งแต่พวกมันถูกพบครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ส.ค. และตอนนี้มีโลมาอีก 6 ตัว กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด ภายในเวิ้งอ่าว

นายฮีนาเยเชื่อว่า น้ำมันที่รั่วไหลลงทะเลประมาณ 1,000 ตัน จากเรือบรรทุกน้ำมัน เอ็มวี วากาชิโอะ ของญี่ปุ่น ที่อับปางในทะเลนอกชายฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. ทำให้ปลาโลมาเหล่านี้สูญเสียการมองเห็น และว่ายน้ำชนปะการัง ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง

3ubhNJ4-x8Y

แต่นายแจสวิน ซอก เจ้าหน้าที่กระทรวงการประมงมอริเชียส เผยเมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ว่า น้ำมันรั่วไหลจากเรือญี่ปุ่น ไม่น่าจะใช่สาเหตุ เนื่องจากผลการชำแหละพิสูจน์ซากโลมาที่เกยตื้นตาย 2 ตัวแรก ไม่พบร่องรอยไฮโดรคาร์บอน ทั้งตามลำตัวและระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการชันสูตรซากโลมาที่ตายทั้งหมด เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


https://www.dailynews.co.th/foreign/792666

สายน้ำ
31-08-2020, 04:12
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


พบฝูง "โลมาอิรวดี-โลมาหลังโหนก" ว่ายโชว์ความน่ารักบริเวณอ่าวดอนสัก

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Mgr_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/b85d6852-58aa-4e55-8ee3-37398050d082)

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 63 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยตอนกลาง สำรวจและตรวจสุขภาพสัตว์ทะเลหายาก พื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช พบสัตว์ทะเลหายาก 2 ชนิด ได้แก่ โลมาอิรวดี (Orcaella brevirostris) ประมาณ 10-20 ตัว ว่ายน้ำรวมฝูงบริเวณด้านใต้เกาะนกเภาและท่าเรือเอนกประสงค์ดอนสัก

และโลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) 13 ตัว เป็นโลมาโตเต็มวัย 8 ตัวและลูกโลมา 4 ตัว และวัยรุ่น 1 ตัว บริเวณท่าเรือเอนกประสงค์ดอนสัก ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Mgr_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/60b1e8ec-66d9-450a-96fe-c45cca00ed4a)

โดยโลมาหลังโหนกมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ (body condition score 3/5) จากการเฝ้าสังเกตระยะไกลและภาพถ่าย พบพฤติกรรมส่วนใหญ่เป็นการว่ายน้ำ เลี้ยงลูก และไล่จับปลาตะกรับและปลากระบอกเป็นอาหาร บริเวณที่พบโลมามีขยะทะเลเล็กน้อย และมีการวางอวนบริเวณชายฝั่ง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของโลมาได้


https://mgronline.com/travel/detail/9630000088878


*********************************************************************************************************************************************************


พบสัตว์ประหลาดในท้องทะเล ที่แท้มันคือ Salp

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Mgr_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/5a527e4a-e37a-4850-986a-f60dd8525123)

ประจวบคีรีขันธ์ - นักท่องเที่ยวพบสัตว์ประหลาดในท้องทะเล บริเวณบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่แท้มันคือ Salp ไม่มีคุณค่าทางอาหาร แต่สามารถช่วยลดโลกร้อนได้

จากรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Sitthichoke Jitiwong โพสต์ถามเจอสิ่งมีชีวิตประหลาดในทะเล ว่า "มันคืออะไรครับ? จากทะเลบางสะพานใสๆ คล้ายๆ วุ้นมะพร้าว เหมือนไม่เคลื่อนไหวมีหลายขนาด" พร้อมกับลงรูปประกอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นมีผู้เชี่ยวชาญมาคอมเมนต์ในแนวทางเดียวกัน พร้อมชี้แจงว่าภาพดังกล่าวคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในท้องทะเล หรือที่นักวิทยาศาสตร์มักจะเรียก Salp สิ่งมีชีวิตตัวใสแห่งท้องทะเล หรือที่นักวิทยาศาสตร์มักจะเรียกพวกว่า Jelly Balls เป็นสัตว์ทะเลที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก ลำตัวใสจนสามารถมองทะลุได้ ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร แต่มักพบอยู่ร่วมกันเป็นแพยาวใกล้กับผิวน้ำ ในบางครั้งอาจยาวได้เกือบ 1 เมตร และใช้วิธีการเคลื่อนที่โดยการสูบน้ำผ่านลำตัว

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_Mgr_04.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/8bc22d47-045b-4185-b7d7-227663d62659)

กินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร มันจะเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสาหร่ายให้กลายเป็นของแข็ง แล้วปล่อยมูลตกลงสู่ก้นมหาสมุทร ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทะเลได้ และเมื่อตายลงก็จะดึงก๊าซคาร์บอนลงไปก้นทะเลไปพร้อมกับตัวเองด้วย มีวงจรชีวิตเพียงแค่ 2 สัปดาห์ไม่มีพิษภัยกับคน เป็นสัตว์ที่สามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วที่สุดในโลก แต่ก็น่าเสียดายที่พวกมันไม่มีคุณค่าทางอาหารใดๆ เลย แต่ว่าสามารถช่วยลดโลกร้อนได้


https://mgronline.com/local/detail/9630000088910

สายน้ำ
31-08-2020, 04:15
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


ปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ 6 ชนิด 360 ตัว เพิ่มประชากรสัตว์ป่าประเทศให้คืนความสมบูรณ์ของผืนป่า

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_NNT_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/0c9d72c0-8caf-4959-9be9-1969f925b845)

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดโครงการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ "ส่งสัตว์ป่าคืนวนา เพื่อป่าสมบูรณ์" บริเวณทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์สัตว์ป่าของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อนุรักษ์สายพันธุ์แท้ และเพิ่มความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ครั้งนี้ได้ปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ 6 ชนิด รวม 360 ตัว ประกอบด้วย ละอง หรือละมั่งพันธุ์ไทย 7 ตัว เนื้อทราย 20 ตัว เก้ง 10 ตัว นกยูงไทย 23 ตัว ไก่ฟ้าพญาลอ 200 ตัว และไก่ฟ้าหลังขาว 100 ตัว เพื่อปรับปรุงพันธุ์สัตว์ป่า แก้ปัญหาเลือดชิดและมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากขึ้น โดยคัดเลือกสัตว์ป่าจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียวที่มีสุขภาพสมบูรณ์ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่และได้เตรียมความพร้อมปรับสภาพให้สัตว์ป่าสามารถดำรงชีวิตในธรรมชาติได้ พร้อมทั้งยังเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจโรค การติดเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ เพื่อศึกษาและติดตามตัว และพฤติกรรมสัตว์ป่าหลังปล่อยคืนสู่ธรรมชาติด้วย

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบันพบเนื้อทรายที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย สืบต่อสายพันธุ์และกระจายออกจากบริเวณที่ปล่อยไปยังพื้นที่ข้างเคียงมากขึ้นกว่า 200 ตัว แล้วยังปล่อยเนื้อทรายในพื้นที่อนุรักษ์ต่างๆ ต่อเนื่อง ทำให้ประชากรเนื้อทรายเพิ่มขึ้นจนถูกถอดชื่อออกจากบัญชีสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ถือเป็นความสำเร็จของการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าหายากและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ

การดำเนินโครงการครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐภาคเอกชนโรงเรียน วัด พี่น้องประชาชน ในพื้นที่อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ซี่งทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดหวังว่า จะมีละอง หรือละมั่งพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์สามารถอาศัยและดำรงชีวิตในพื้นป่าตามธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์รักษาป่าภูเขียว รวมถึงสัตว์ป่าที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในวันนี้จะดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย สามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติและเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบนิเวศอำนวยประโยชน์แก่ประชาชน สร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศสืบต่อไป


http://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG200830071424772

สายน้ำ
31-08-2020, 04:26
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลขยายตัว เพื่อผลิตอาหารและเชื้อเพลิงแห่งอนาคต ................โดย เอเดรียน เมอร์เรย์

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/24f12e21-c4e2-4308-aecf-c3663c5f8e28)
น้ำเย็นรอบหมู่เกาะแฟโรเหมาะสำหรับการเลี้ยงสาหร่ายทะเล ที่มาของภาพ,ADRIENNE MURRAY

ลมและฝนกำลังตกลงมา ขณะที่เรือยนต์กำลังแล่นผ่านฟยอร์ดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะแฟโร

"ที่นี่ลมค่อนข้างแรง" โอลาเวอร์ เกรกาเซน กล่าว "เดี๋ยวก็รู้ว่าเราจะเข้าไปใกล้เรือเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากแค่ไหน"

ไม่นาน เราก็ไปถึงจุดกำบังที่เป็นภูเขาสูงชัน ส่วนบนท้องทะเลก็มีทุ่นหลายร้อยอันลอยอยู่เต็มไปหมด

"ทุ่นเหล่านี้ยึดเชือกแนวตั้งไว้" นายเกรการ์เซน กรรมการผู้จัดการของบริษัทโอเชียนเรนฟอเรสต์ (Ocean Rainforest) ผู้ผลิตสาหร่ายทะเล อธิบาย "ทุก ๆ หนึ่งเมตร จะมีเชือกห้อยอยู่ ใช้เป็นที่เลี้ยงสาหร่ายทะเล"


ปะทะคลื่น

แท่นเพาะเลี้ยงสาหร่ายนี้ถูกสมอยึดไว้กับท้องทะเล ประกอบด้วยเชือกที่มีลักษณะเหมือนโครงตาข่ายยาว 50,000 เมตร ออกแบบมาเพื่อต้านทานต่อคลื่นลมแรงในทะเล

"โครงสร้างหลักอยู่ลึกลงไป 10 เมตร การทำเช่นนั้นช่วยให้เราเลี่ยงการปะทะกับคลื่นลูกใหญ่ที่สุดได้" เขาเล่า

แม้ว่าจะหมู่เกาะแฟโรของเดนมาร์กจะตั้งอยู่ในแอตแลนติกเหนือที่อยู่ห่างไกล นายเกรการ์เซน บอกว่า น่านน้ำที่ลึกจะอุดมไปด้วยสารอาหารและเหมาะสำหรับการเลี้ยงสาหร่ายทะเล นอกจากนี้ยังมีอุณหภูมิคงที่ระหว่าง 6-11 องศาเซลเซียส

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/ac11ab5c-a576-461a-bb24-704b002f6cd2)
โอเชียน เรนฟอเรสต์ (Ocean Rainforest) มีแผนเพิ่มการผลิตเป็นสองเท่า ที่มาของภาพ,ADRIENNE MURRAY

บริษัทของเขาเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตสาหร่ายทะเลจำนวนมากที่ผุดขึ้นมาทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ สืบเนื่องมาจากปริมาณความต้องการสาหร่ายทะเลจากอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่น ๆ

"คุณมีชีวมวลที่สามารถใช้เป็นอาหารคนและอาหารสัตว์ได้ และใช้แทนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฟอสซิลอย่าง วัสดุในการบรรจุหีบห่อที่ทำจากพลาสติก" เขากล่าว


เครื่องจักร

สาหร่ายทะเลเป็นสาหร่ายที่โตเร็ว พวกมันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และดูดซึมสารอาหารและคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำทะเล นักวิทยาศาสตร์ บอกว่า สาหร่ายทะเลอาจช่วยต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกได้ และช่วยชดเชยการปล่อยคาร์บอนได้ทั้งหมด

โอเชียน เรนฟอเรสต์ เพิ่งได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ เพื่อสร้างระบบที่คล้ายคลึงกันนี้ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้องการพัฒนาการผลิตสาหร่ายทะเลระดับอุตสาหกรรมสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคต

บนเรือเก็บเกี่ยวผลผลิต คนขับเรือควบคุมแขนกลที่ยกเชือกขึ้นมาจากน้ำ สาหร่ายถูกตัดออก และนำไปใส่ในถังเก็บ มันเป็นงานที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ดูวุ่นวาย จากนั้นเชือกจะถูกหย่อนกลับลงไปเลี้ยงสาหร่ายใหม่ คาดว่าปีนี้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตสาหร่ายทะเลได้ราว 200 ตัน

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/a064fc34-effd-41a3-892a-5b3c20cca1e9)
โอเชียน เรนฟอเรสต์ (Ocean Rainforest) เพิ่งได้รับเงินทุนจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ที่มาของภาพ,ADRIENNE MURRAY

แต่ทางบริษัทกำลังขยายตัว และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้เป็นสองเท่าภายในปีนี้ นายเกรการ์เซน บอกฉันว่า มันยังไม่ได้กำไรหรอก แต่ก็คงอีกไม่นาน

"เราเห็นได้ว่า เราใช้เครื่องจักรเข้ามาทำมันได้ เราผลิตมันได้ในปริมาณมากและมีประสิทธิภาพ" เขากล่าว

"มีบริษัทไม่กี่แห่งที่ทำที่ได้กำไรจากการทำเช่นนี้"


เครื่องสำอางและยา

สาหร่ายทะเลจำเป็นต้องผ่านการแปรรูปอย่างรวดเร็ว ที่โรงงานขนาดเล็กแห่งหนึ่งในหมู่บ้านคาล์ดบากของหมู่เกาะแฟโร เครื่องจักรกำลังทำความสะอาดผลผลิตที่เก็บมาได้ บางส่วนถูกทำให้แห้ง และส่งไปให้ผู้ผลิตอาหาร ส่วนที่เหลือถูกนำไปหมักและส่งไปให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_04.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/d4f952ae-a5ae-4a2f-800f-8b3e0ba7bd36)
สาหร่ายทะเลถูกใช้ในการผลิตสารปรุงแต่งอาหาร สิ่งทอ และเชื้อเพลิง ที่มาของภาพ,ADRIENNE MURRAY

สาหร่ายทะเลที่ถูกเพาะเลี้ยงในฟาร์มส่วนใหญ่ถูกบริโภคเป็นอาหาร แต่สารสกัดถูกนำไปใช้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน เครื่องสำอาง ยา หรืออาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid) ที่มาจากสาหร่ายทะเล ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความหนืดหรือความข้น

นอกจากนี้กำลังมีผลิตภัณฑ์อีกจำนวนมากที่ต้องการใช้สารสกัดจากสาหร่ายทะเล โดยมีบริษัทหลายแห่งที่กำลังผลิตวัสดุที่จะนำมาใช้แทนสิ่งทอและพลาสติก รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ แคปซูลน้ำ และหลอดดูด

การผลิตสาหร่ายทะเลกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ในช่วงปี 2005-2015 ปริมาณการผลิตเพิ่มเป็นสองเท่า เกิน 30 ล้านตันต่อปี ธุรกิจการผลิตสาหร่ายทะเลมีมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก หรือราว 1.85 แสนล้านบาท

แต่มีการผลิตจำนวนไม่มากอยู่นอกภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นแหล่งทำฟาร์มสาหร่ายทะเลมายาวนาน แต่ส่วนใหญ่จะใช้แรงงานคน


(มีต่อ)

สายน้ำ
31-08-2020, 04:30
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลขยายตัว เพื่อผลิตอาหารและเชื้อเพลิงแห่งอนาคต ............. ต่อ


"ใช้เครื่องจักรมากขึ้น"

"ต้นทุนค่าแรงในยุโรปสูงมาก และนั่นเป็นส่วนสำคัญของการผลิต" แอนเนตเตอ บรูห์น ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยออร์ฮูส (Aarhus University) ในเดนมาร์ก อธิบาย

"จำเป็นต้องทุ่มเทความพยายามในการใช้เครื่องจักรเพิ่มมากขึ้น

การทำฟาร์มให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เธอบอกว่า "ผลตอบแทนจำเป็นต้องเพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนจำเป็นต้องต่ำลง"

แต่ระบบการทำฟาร์มไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ง่าย ๆ "พื้นที่ต่างกันในน่านน้ำที่ต่างกัน จำเป็นต้องมีการดัดแปลง ไม่มีคำตอบตายตัวที่ใช้ได้กับทุกอย่าง" นางบรูห์น กล่าว

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_05.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/0c73a96c-cd7b-4a87-8cf2-7ef9a6b56ad7)
สาหร่ายทะเลใช้คาร์บอนไดออกไซด์จากทะเล ที่มาของภาพ,HARALD BJORGVIN


อย่างไรก็ตาม เธอหวังว่า จะมี "หลายพื้นที่ที่ทำสำเร็จ"

นั่นคือนวัตกรรมที่ ซินเทฟ (Sintef) กำลังพยายามทำ กลุ่มวิจัยวิทยาศาสตร์ของนอร์เวย์กำลังพยายามหาเทคโนโลยีใหม่ในการทำให้การทำฟาร์มสาหร่ายทะเลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"ปัจจุบัน สาหร่ายทะเลส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นอาหาร แต่ในอนาคต เราต้องการใช้มันเป็นอาหารปลา ปุ๋ย ก๊าซ ชีวภาพ เราต้องการสาหร่ายทะเลปริมาณมหาศาลและเราจำเป็นต้องผลิตให้เร็วขึ้น" ซีเยียล ฟอร์บอร์ด นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัย กล่าว


ห้องปฏิบัติการแห้ง

เครื่องจักรต้นแบบอย่างเช่น "เครื่องปั่นสาหร่ายทะเล" จะช่วยนำต้นอ่อนสาหร่ายทะเลจากสายพานไปพันไว้รอบเชือก เตรียมพร้อมนำไปหย่อนลงในทะเล

อีกแนวคิดหนึ่งคือ สโปก (SPoke ย่อมาจาก Standardized Production of Kelp หรือ การผลิตสาหร่ายทะเลที่ได้มาตรฐาน) ประกอบด้วยกระสวยเลี้ยงสาหร่ายทรงกลมสำหรับนำไปติดไว้บนเชือกในทะเล มันถูกออกแบบมาเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถจับเคลื่อนย้ายซี่ลวดที่มีลักษณะคล้ายวงล้อ ไม่ว่าจะติดตั้งบนสายพานที่ลำเลี้ยงต้นอ่อนของสาหร่าย หรือใช้ในการเก็บเกี่ยวสาหร่าย

"เราสร้างแล้วหนึ่งแขนพร้อมกับหุ่นยนต์หนึ่งตัวที่ขยับเดินหน้าถอยหลัง มันถูกทดลองในห้องปฏิบัติการแห้งแล้ว" นางฟอร์บอร์ด อธิบาย แต่ยังต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_06.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/f1fc69a1-17af-461a-83d2-5ba4feec9c0e)
การเลี้ยงสาหร่ายทะเลบนบก ที่มาของภาพ,ALGAPLUS

ในบ่อและถังเลี้ยงสาหร่ายทะเลทางตอนเหนือของโปรตุเกสหลายแห่ง กำลังเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลบนบก บริษัทอัลกาพลัส (AlgaPlus) เป็นหนึ่งในนั้น

"มันควบคุมได้ดีกว่ามาก" เฮเลนา อาบริว กรรมการผู้จัดการซึ่งคิดว่าการทำฟาร์มบนบกมีข้อดีมากกว่าการทำฟาร์มในทะเล

"เรารักษาระดับอุณหภูมิและทุกอย่างภายในถังได้" เธอกล่าว "คุณผลิตได้ตลอดทั้งปี"

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_07.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/cd6bcf26-cfb4-4d19-87ed-f5fec121057c)
นางอาบริวบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสารอะไรเข้าไป ไม่ต้องใช้ปุ๋ย ที่มาของภาพ,ALGAPLUS

นางอาบริว ร่วมก่อตั้งบริษัทนี้ หลังจากใช้เวลา 5 ปี ทำงานเป็นนักชีววิทยาทางทะเลในเมืองอะโซร์สของโปรตุเกส สาหร่ายทะเลที่มีคุณค่าสูงและมีขนาดเล็กถูกผลิตส่งให้แก่บริษัทอาหาร ผู้ผลิตเครื่องสำอาง และภัตราคารหรูหลายแห่ง


นวัตกรรม

น้ำทะเลจากลากูนริมฝั่งทะเลไหลเข้ามายังบ่อเลี้ยงปลา จากนั้น มันจะถูกสูบผ่านระบบกรองเข้าไปเก็บในถังเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล นอกจากนี้ยังมีที่เพาะต้นอ่อนสาหร่ายด้วย

เธอบอกว่า "เราต้องคิดค้นขึ้นมาใหม่หมด"

น้ำเหล่านี้อุดมไปด้วยไนโตรเจน ซึ่งสาหร่ายดูดซึมไปเป็นอาหาร เลียนแบบสภาพแวดล้อมในธรรมชาติ "เราไม่จำเป็นต้องเพิ่มสารอะไรเข้าไป ไม่ต้องใช้ปุ๋ย เราใช้น้ำจากการเลี้ยงปลาในการเลี้ยงสาหร่ายทะเลของเรา" เธอเล่า

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630831_BBC_08.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (http://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/97ef0711-6ab5-482d-a032-4ce95c5cdac0/p/2d040030-3743-4c04-80b8-ca29821b58b9)
อัลกาพลัส ผลิตสาหร่ายทะเลขนาดเล็กที่มีคุณค่าสูง ที่มาของภาพ,ALGAPLUS

นางอาบริว ไม่คิดว่า เรื่องที่ดินจะเป็นข้อจำกัด เธอบอกว่า ที่ดินที่เคยใช้ทำนาเกลือและฟาร์มเลี้ยงปลาเดิมสามารถนำมาใช้เลี้ยงสาหร่ายทะเลได้ โดยชี้ว่า มีที่ดินจำนวนมหาศาลที่เอามาใช้ทำฟาร์มได้ทั้งในโปรตุเกส ฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ และตุรกี

มีการทำฟาร์มสาหร่ายทะเลบนบกในแคนาดาและแอฟริกาใต้ด้วย โดยสาหร่ายขนาดเล็กถูกเพาะเลี้ยงในระบบถัง แต่ยังมีความท้าทายอีกหลายอย่าง

"ปัญหาหลักก็คือ ต้นทุนพลังงาน การทำงานโดยใช้ถังจำนวนมาก คุณต้องสูบน้ำและเติมอากาศเพื่อให้น้ำไหลเวียนอยู่ตลอด" นางอาบริว กล่าว

ขณะนี้ ทางบริษัทไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการพึ่งยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่นางอาบริว เชื่อว่า ตลาดสาหร่ายทะเลจะเติบโตขึ้นต่อไป

"มันเป็นแนวโน้มที่มาแรง" เธอกล่าว "แต่ละปี มีบริษัทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มีบริษัทหน้าใหม่เข้ามาในทุกขั้นตอนของสายการผลิตนี้"


https://www.bbc.com/thai/international-53958657