สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนน้อยในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไห่เฉิน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นและคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 - 11 ก.ย. 63 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไห่เฉิน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นและคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 6 - 9 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_Forecast1.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/438d138e-b43c-4db0-9a3e-01a6282b8e9f)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_Wave_Sat.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/7327bb28-afae-45cd-9c13-ddb1e50c7dd5)

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ยังไม่ทราบสาเหตุ! พบพะยูนเพศเมียยาวกว่า 2 เมตร ลอยตายที่เกาะมุกด์ จ.ตรัง

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_Mgr_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/32b53ed9-26a4-484e-9a45-9bffca84ab0d)
ขอบคุณภาพจากอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

ตรัง - พบพะยูนเพศเมียยาวกว่า 2 เมตร หนัก 200 กิโลกรัม ลอยตายที่บริเวณเกาะมุกด์ อ.กันตัง แต่ไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ก่อนนำซากส่งชันสูตรหาสาเหตุที่ชัดเจน

วันนี้ (5 ก.ย.) นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านเกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ว่า พบพะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังลอยตาย 1 ตัว ที่บริเวณเกาะมุกด์ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเพศเมีย ลำตัวยาว 2.72 เมตร กว้าง 1.70 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 200 กิโลกรัม

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_Mgr_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/5affbacf-2149-4ac6-b394-384326893fec)
ขอบคุณภาพจากอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

จากการตรวจสอบภายนอกร่างกายของพะยูนตัวดังกล่าวในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ดังนั้น อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จึงได้นำซากของพะยูนส่งไปยังทีมสัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง เพื่อทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9630000091120

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


วาฬสีน้ำเงิน ว่ายมาให้เห็นเป็นขวัญตา ครั้งที่ 3 รอบ 100 ปี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_Khaosod_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/a8d61c9e-dee2-4be2-ab0d-d59fe3e41eaf)

วาฬสีน้ำเงิน - บีบีซี รายงานการพบเห็นวาฬสีน้ำเงิน วาฬขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และหายากยิ่ง นอกชายฝั่งซิดนีย์ของออสเตรเลียซึ่งเชื่อว่าเป็นครั้งที่ 3 ในรอบเกือบ 100 ปี

วาฬตัวนี้ มีผู้เห็นเมื่อเดือนที่แล้ว ใกล้กับชายหาดมารูบรา รัฐนิวเซาท์เวลส์

หน่วยบริการอุทยานและสัตว์ป่านิวเซาท์เวลส์ หรือ เอ็นพีดับเบิลยูเอส ยืนยันว่าวาฬสีน้ำเงินพบเห็นได้ยากยิ่งเพราะไม่ค่อยว่ายน้ำเข้ามาใกล้ชายฝั่งมากนัก

แอนดริว มาร์แชล เจ้าหน้าที่เอ็นพีดับเบิลยูเอสกล่าวว่าแม้วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดในโลก อาจมีความยาว 25 เมตรและหนักกว่า 100 ตัน แต่ก็ไม่ค่อยมีคนพบเห็นนอกชายฝั่งซิดนีย์เพราะวาฬมักอาศัยในทะเลไกลโพ้นและอยู่กระจัดกระจายกัน ทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับวาฬชนิดนี้จำกัดมากทั้งการแพยพและถิ่นอาศัยที่กำลังวิกฤต

แต่อย่างน้อย ช่างภาพคนหนึ่งถ่ายภาพวาฬสีน้ำเงินไว้ได้ขณะที่มันว่ายน้ำใกล้กับชายหาดมารูบรา และเขียนบรรยายความรู้สึกตื่นเต้นผ่านอินสตาแกรมว่า พูดไม่ออกเลยจริงๆ แต่มีสิ่งนับล้านที่อยากจะพูดในเวลาเดียวกัน

"เมื่อวานนี้ ไปดูวาฬหลังค่อมที่ว่ายน้ำมาทางใต้ตามปกติซึ่งมักจะเห็นในมารูบรา แต่สิ่งมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทรปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า วาฬสีน้ำเงิน" ช่างภาพกล่าวและว่าตกตะลึงสุดๆ ที่เห็นวาฬสีน้ำเงิน รู้สึกราวกับถูกรางวัลแจ็กพ็อต

ด้านมาร์แชลกล่าวว่าการพบเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกอย่างถูกต้องว่าเห็นวาฬนอกชายฝั่ง

ขณะที่มีสัญญาณว่าประชากรวาฬหลังค่อมเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาร้อยละ 10-11 แต่แทบจะไม่มีข้อมูลประชากรวาฬสีน้ำเงินเลย ดังนั้น การพบเห็นวาฬสีน้ำเงินสักตัวหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามหาศาลและทำให้เข้าใจถึงการดำรงชีวิตของสปีชีส์ดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์ต่อไป


https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_4851197

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


เศร้า! พบพะยูนเพศเมีย เกยตื้นตายตัวแรกในรอบปี

พะยูนเพศเมีย ตายตัวแรกในรอบปี ถูกคลื่นซัดเกยตื้นตายบนชายหาดเกาะมุกด์ เร่งนำซากผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แน่ชัด

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/630906_PPTV_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e5789356-bc6d-4a3d-a02f-1640ee04d77a/p/f9cef507-cd7d-4839-b53d-a01812f23637)

วันนี้ 5 ก.ย. 2563 นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้รับแจ้งจากนายพัน หมาดบู ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านเกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ว่ามี พะยูน เพศเมีย ความยาวประมาณ 2.60 เมตร น้ำหนักประมาณ 220 กก.ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้น โดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณชายหาดบ้านเกาะมุกด์

เบื้องต้นจากการตรวจสอบซาก มีสภาพสด มีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่บริเวณปาก หลังจากรับแจ้งจึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าตรวจสอบโดยทันที หลังจากนั้นได้ประสานไปยัง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง จ.ตรัง ก่อนจะรับซากมาขึ้นยัง สำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และนำไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กันตัง และนำซากไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอย่างละเอียดต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า พะยูนตัวดังกล่าวได้เสียชีวิตเป็นตัวแรกของปี 2563 ภายในท้องทะเลตรัง ขณะเดียวกันทะเลตรังช่วงนี้มีมรสุมคลื่นลมลมแรงเป็นอย่างมาก ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/132671