เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ 24 ตุลาคม 2563


สายน้ำ
24-10-2020, 03:05
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออกแล้ว ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนบางแห่ง ในบริเวณภาคเหนือ สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "โซเดล" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 25-26 ต.ค.63 และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนบางแห่งกับมีลมแรง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก และอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 24 - 29 ต.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในขณะที่พายุไต้ฝุ่น "โซเดล" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าบริเวณอ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 25-26 ต.ค. 63 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีลมแรง โดยในช่วงวันที่ 25-29 ต.ค. 63 จะมีฝนบางแห่ง ในภาคเหนือ รวมทั้งทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคระวันออกเฉียงเหนือ สำหรับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 24-29 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ขอให้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************


ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุไต้ฝุ่น "โซเดล" (พายุระดับ 5)" ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2563

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (24 ตุลาคม 2563) พายุไต้ฝุ่น "โซเดล" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.7 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 25-26 ตุลาคม 2563 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนกับมีลมแรง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Forecast1.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/0c6a0fc3-f916-48e9-bedb-cb7f02c5e173)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Wave_Sat.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/5b31af00-33be-47fc-b450-7ee9e5b5c9e7)

สายน้ำ
24-10-2020, 03:11
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สุดแปลก! พบปลิงทะเลเกยตื้นเกลื่อนริมหาดบางกะไชย จ.จันทบุรี

ภาพเหตุการณ์ที่สร้างความแตกตื่น หลังชาวบ้านอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี พบปลิงทะเลนับหมื่นตัว ถูกคลื่นซัดลอยเกยตื้นเกลื่อนชายหาด ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งที่ตายและยังไม่ตาย ชาวบ้านระบุเป็นปรากฏการณ์สุดแปลกยังไม่เคบพบมาก่อน

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Mgr_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/c5666a50-0970-43b3-94b4-2b185ddbcff3)

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. เพจ "ฅนเจาะข่าว จังหวัดจันทบุรี" ได้โพสต์ภาพปรากฏการณ์ปลิงทะเลเกลื่อนหาดบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี

โดยระบุรายละเอียดว่าว่า "นายวิภัตร ลิปยากร อายุ 35 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ ต.บางกะไชย เผยว่า พบความผิดปกติบริเวณริมชายทะเล เนื่องจากมีปลิงทะเลลอยตายมาติดตามริมชายฝั่งเป็นจำนวนมาก จากการสังเกตด้วยสายตาน่าจะประมาณนับหมื่นตัว และไม่เคยพบเห็นปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน และปลิงที่ลอยมาเกยตื้นนี้พบว่าบางตัวที่มีชีวิตอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจในโพสต์ดังกล่าว และแสดงความคิดเห็นไปในหลายทิศทาง บางรายตั้งคำถามว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนจากธรรมชาติหรือไม่ และวอนให้ผู้เกี่ยวข้องนักวิชาการออกมาชี้แจงอีกครั้งโดยโพสต์มียอดแชร์ไปกว่า 700 ครั้ง และกดไลก์อีก 600 ครั้ง ด้วยกัน


https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000108511


*********************************************************************************************************************************************************


WWF เผยผลสำรวจโลมาอิรวดีแม่น้ำโขงในกัมพูชาจำนวนไม่เพิ่มไม่ลด คงที่ตลอด 4 ปี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Mgr_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/d9dfd642-672b-471f-b094-f2323a2abffc)

ซินหวา - รายงานการสำรวจสำมะโนประชากรฉบับใหม่ที่เผยแพร่วานนี้ (22) โดยกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) พบว่าประชากรโลมาอิรวดีในแม่น้ำโขงในกัมพูชา มีจำนวนคงที่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

การสำรวจสำมะโนประชากรที่ดำเนินการโดยกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) และกรมประมงกัมพูชา ระบุว่า ประชากรของสัตว์สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์นี้ มีจำนวนอยู่ราว 89 ตัว ในปี 2563 โดยมีค่าความเชื่อมั่น 95% ระหว่าง 78-102 ตัว และในการสำรวจปี 2560 ประชากรโลมาอิรวดีอยู่ที่ประมาณ 92 ตัว โดยมีค่าความเชื่อมั่น 95% ที่ระหว่าง 80-106 ตัว

"โดยรวมแล้ว ผลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าประชากรโลมาอิรวดีมีจำนวนคงที่ หากเทียบกับจำนวนประชากรช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560" ผู้อำนวยการกองทุนสัตว์ป่าโลกประจำกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าว

ผู้อำนวยการ WWF กัมพูชา กล่าวว่า การสำรวจสำมะโนประชากรใหม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะปัจจุบัน และประชากรของโลมาอิรวดีในแม่น้ำโขงสำหรับการตรวจสอบในระยะยาวที่จะช่วยเสริมการป้องกันและการจัดการ

รองอธิบดีกรมประมงกัมพูชา กล่าวว่า โลมาอิรวดีถือเป็นสมบัติประจำชาติที่มีชีวิตของกัมพูชา และกรมประมงจะเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวนในแม่น้ำเพื่อลดภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของสัตว์สายพันธุ์นี้

"ภัยคุกคามสำคัญที่โลมาแม่น้ำโขงต้องเผชิญ คือ การใช้อวนติดตา การทำประมงผิดกฎหมาย เช่น จับปลาด้วยการช็อตไฟฟ้า และการใช้เหยื่อพิษที่มีสารเคมี และการตกปลามากเกินไปเนื่องจากการเติบโตของประชากรมนุษย์" รองอธิบดีกรมประมง กล่าว

ในการสำรวจสำมะโนประชากรอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2540 ประเมินว่าโลมาอิรวดีในแม่น้ำโขงมีจำนวนอยู่ราว 200 ตัว ตัวเลขดังกล่าวลดลงต่อเนื่องจากการจับและการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย จนกระทั่งเหลือเพียง 80 ตัวในปี 2558

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Mgr_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/5950c5d5-b4ae-46e0-816d-80ca17284a1b)

การสำรวจสำมะโนประชากรโลมาอิรวดีครอบคลุมร่องน้ำหลักของแม่น้ำโขงใน จ.กระแจะ และ จ.สตึงเตรง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยาว 180 กิโลเมตร ประกอบด้วยทีมถ่ายภาพโลมาและเปรียบเทียบลักษณะจำเพาะบนหลังและครีบของโลมากับข้อมูลพื้นฐานโลมาที่รู้จัก

โลมาอิรวดีแม่น้ำโขงถูกขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์ในบัญชีแดงไอยูซีเอ็นตั้งแต่ปี 2547.


https://mgronline.com/indochina/detail/9630000108530

สายน้ำ
24-10-2020, 03:20
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ภัยร้ายทิ้งขยะไม่เป็นที่ เม่นแคระถูกห่วงฝาขวดน้ำพลาสติกรัดคอ

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_Khaosod_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/f5792474-100a-4485-9055-7595634ccd32)

ภัยร้ายทิ้งขยะไม่เป็นที่ - บีบีซี รายงานถึงภัยขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ เมื่อเม่นแคระเคราะห์ร้ายถูกห่วงฝาขวดน้ำรัดคอ ยังโชคดีที่มีคนช่วยชีวิตไว้ได้

เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือสัตว์ป่าไบลธ์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่าเม่นแคระมีแผลลึกที่คอเพราะห่วงคับคอเมื่อเม่นตัวโตขึ้น ซึ่งคาดว่าเม่นตัวนี้น่าจะอายุประมาณ 6 สัปดาห์ และหวังว่าอาการจะดีขึ้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าทิ้งขยะไม่เป็นที่

จัสมิน ธอมสัน แพทย์อาสาสมัครช่วยเหลือเม่นแคระเมื่อมีคนนำมาให้รักษา หลังจากพบเม่นตัวนี้เมืองเบดดิงตันของอังกฤษ

จัสมินกล่าวว่ามันอ่อนแอมากและไร้เรี่ยวแรง ตนนำห่วงฝาขวดน้ำออกแล้วและทำความสะอาดแผลที่เต็มไปด้วยหนอนและไข่แมลงวัน พร้อมกับสันนิษฐานว่าเม่นแคระตัวนี้อาจจะออกจากรังไปสำรวจและพบห่วงฝาขวดน้ำจึงมุดหัวเข้าไปและเอาไม่ออก

กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้เป็นปกติและทำให้สัตว์บาดเจ็บเพราะคนมักง่ายทิ้งขยะเกลื่อนกลาด ซึ่งจัสมินหวังว่าคนจะมีจิตสำนึกมากขึ้นและลดการทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง


https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_5175735

สายน้ำ
24-10-2020, 03:23
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ทธ.ตรวจสอบเหตุหินเกาะทะลุ จ.กระบี่ ถล่ม ชี้่กระทบระบบนิเวศน์

กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับ กรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งธรณีวิทยาเหตุหินถล่มในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - เกาะพีพี จ.กระบี่

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_TPBS_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/f34d04e8-fdb5-4d4c-aa99-74530609c9b6)

วานนี้ ( 22 ต.ค.63 ) กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-เกาะพีพี จ.กระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบธรณีวิทยากรณีเรื่องหินถล่มบริเวณเกาะทะลุ จ.กระบี่

จากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 โดยหินจากเขาทะลุขนาดใหญ่แตกเป็น 2 ก้อน ถล่มลงในทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พายเรือ ดำน้ำ ในช่วงเวลาที่มีพายุดีเปรสชัน ฝนตก คลื่นลมแรง โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลในบริเวณดังกล่าว

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_TPBS_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/5c23cf3b-cfdb-43cd-b1ee-b14cd932bda7)
ภาพ : กรมทรัพยากรธรณี

เกาะทะลุมีลักษณะเป็นภูเขาลูกโดดในทะเล เกิดจากการกัดเซาะ ผุผัง ตามธรรมชาติ มีลักษณะธรณีวิทยาเป็นหินตะกอนเนื้อประสานชนิดหินปูนเนื้อโดโลไมต์ (dolomitic limestone) สีเทา เนื้อแน่นเป็นมวลหนา ไม่แสดงลักษณะชั้นหิน มีรอยแตกร้าวมาก เปราะแตกหักง่าย พบรู โพรง และถ้ำ อยู่ทั่วไป ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูมิประเทศแบบคาสต์ (karst topography ) ซึ่งประกอบด้วยหินปูน หินโดโลไมต์ และหินปูนเนื้อโดโลไมต์ ซึ่งละลายได้ในนำ้ทึ่มีฤทธิ์กรดอ่อนๆ

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/631024_TPBS_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1e722af4-88db-4b31-bfe4-0b9b433f46f5/p/7446f492-9678-4b07-81e7-a7bb2899b6a2)
ภาพ : กรมทรัพยากรธรณี

โดยทั่วไปพื้นที่ภูมิประเทศแบบคาสต์ สามารถเกิดโพรง ถ้ำ หลุมยุบ หินร่วง หินถล่ม ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ประกอบด้วยยอดเขาสูง ชัน และหน้าผา เช่น หน้าผาคาสต์ ( karst Wall ) ภูเขาคาสต์รูปโคน( karst cone) และภูเขาคาสต์รูปตึก ( karst tower) ซึ่งต้องระมัดระวัง เฝ้าระวัง การเกิดหินร่วง หลุมยุบ และหินถล่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ช่วงเวลาฤดูมรสุม


https://news.thaipbs.or.th/content/297682