View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 18 - 20 และ 23 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่และมีฝนบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย
ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และจะมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน หลังจากนั้น ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบต่อไป ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวัง
ส่วนในวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกไว้ด้วย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Forecast_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/ca9ff125-5abc-4fba-ad12-f32380a1fa34)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Wave&Sat.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/a95a086c-ecb2-44c7-81cd-c9ea62ae1197)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Warning.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/98965e48-6a64-4c5f-9659-cf04f0674ec6)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Warning02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/560b978c-d5b6-4f62-9370-9903646819a5)
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ชมคลิป 'วาฬบรูด้า '4ตัวโผล่สมุย ชี้บ่งบอกอุดมสมบูรณ์
วาฬบรูด้า 4 ตัว โผล่อวดโฉมนักท่องเที่ยว เกาะสมุย ชี้เป็นสัญญาณบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ หลังไม่เคยได้รับรายงานแบบนี้มาหลายปี?
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Dailynews_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/4563a1ef-200d-41a7-99f7-aae01638fe6e)
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายณัฐวัฒน์ นุ้ยศรีราม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย ว่าได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจลาดตระเวนบันทึกภาพเก็บข้อมูลวาฬบรูด้าไปตรวจสอบ หลังมีนักท่องเที่ยวแจงว่า สามารถบันทึกภาพวาฬบรูด้ารวม 4 ตัว ขณะออกว่ายหากินระหว่างเกาะหนุมาน เกาะท้ายเพลา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง เกาะสามเส้า ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เบื้องต้นพบว่า 2 ตัวแรกเป็นแม่กับลูก ชื่อว่า "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" จึงส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อพิสูจน์ลักษณะวาฬบรูด้าที่พบดังกล่าว
นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลวาฬบรูด้า 2 แม่กับลูกที่พบนั้น มาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.64 ที่ผ่านมา และวาฬบรูด้าที่พบเพิ่มอีก 2 ตัว ได้ตามมาภายหลัง ถือว่าท้องทะเลบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวและชาวประมงพื้นบ้าน ได้ระมัดระวังในการเดินเรือ และการทำประมงห้ามกระทำการใดๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อวาฬบรูด้าดังกล่าว
mVsuZgm2inE
ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความแสดงความดีใจที่พบวาฬบรูด้า 4 ตัวหากินอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน พบในอ่าวไทยประมาณ 50 ตัวขึ้นไปและพบในทะเลอันดามันบ้าง แต่น้อยกว่าในอ่าวไทย โดยวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ประจำถิ่น ขนาดใหญ่ที่สุดในไทยความยาว 13-14 เมตร เป็นสัตว์เลือดอุ่นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมไม่ใช่ปลา อาหารหลักวาฬบรูด้าคือปลาขนาดเล็ก
"ช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม วาฬบรูด้าจะเข้ามาหากินในอ่าวไทยตอนใน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวน้ำจืดพาธาตุอาหารลงมาในอ่าวมากทำให้อุดมสมบูรณ์และปลาเล็กเข้ามากินแพลงก์ตอน วาฬบรูด้าจึงตามเข้ามากินปลาหลังจากนั้น วาฬจะแยกย้ายออกไปหากินตามแหล่งต่างๆในทะเลนอก เช่น เกาะเต่า ฯลฯ ปีนี้วาฬบรูด้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาหากินแถวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี โดยอยู่ติดต่อกันหลายวัน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีรายงานมาหลายปี ถือเป็นความพิเศษ ที่สร้างรอยยิ้มให้คนรักทะเลไทยได้แน่นอน" ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุ
https://www.dailynews.co.th/regional/831668
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
"สาหร่ายบูม" สาเหตุทำเม่นทะเลสีแดงถูกคลื่นซัดเกลื่อนหาดป่าตอง วอนอย่าจับกิน ช่วยกันปล่อยลงทะเล
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Mgr_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/572a7e48-a5f4-438c-a750-694fcd77ff4d)
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทช.เผยปรากฏการณ์เม่นทะเลสีแดงถูกคลื่นซัดเกยหาดป่าตอง ติดต่อกัน 3 ครั้ง เกิดจากเม่นทะเลตามมากินสาหร่ายที่สะพรั่งเต็มชายหาด ขอความร่วมมืออย่าจับกิน แต่ขอให้ช่วยนำปล่อยสู่ทะเล ตั้งคำถามปุ๋ยอาหารของสาหร่ายมาจากไหน?
จากกรณีที่เกิดปรากฏการณ์เม่นทะเลสีแดงเกยหาดป่าตองแล้วจำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2564 และล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้โพสต์ข้อความว่า "ทำไม เม่นทะเลสีแดงสดจึงเกยหาดป่าตองจำนวนมาก" ของนายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน
โดยระบุว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบน เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นการสะพรั่ง (Bloom) ของสาหร่าย (Macro algae) บริเวณอ่าวป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยสาหร่ายเหล่านี้เป็นอาหารของ "เม่นทะเล? (Sea urchin) เมื่อสาหร่ายนี้เจริญเติบโตมากๆ และถูกพัดพามาตามกระแสน้ำเข้าสู่ฝั่ง เช่นเดียวกันกับพวกเม่นทะเลที่ตามอาหาร คือ กอสาหร่ายเหล่านี้เข้ามาจนถึงเขตที่ตื้น
ปรากฏการณ์ที่พบเม่นทะเลเกยตื้นบนหาด จึงอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์ที่มีการสะพรั่งของสาหร่ายเหล่านี้ และประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงน้ำใหญ่ (Spring tide) ที่มีระดับน้ำขึ้นลงแตกต่างกันในระดับที่สูงมาก ทำให้เม่นทะเลขึ้นมาแล้วกลับลงไม่ทันในช่วงน้ำลง ทั้งนี้ หากพบเจอปรากฏการณ์แบบนี้ขอความร่วมมือทุกท่านไม่นำเม่นทะเลเหล่านี้ไปกิน/ทิ้ง แต่ควรช่วยส่งคืนให้พวกเขาได้กลับลงสู่ทะเล เพื่อทำหน้าที่เป็น "ผู้ทำความสะอาดท้องทะเล" ต่อไป ประเด็นที่น่าคิดคือ สาหร่ายจะสะพรั่งได้ก็ต้องมีอาหารเหมือนปุ๋ยที่เราใช้รดต้นไม้ แล้วปุ๋ยเหล่านี้มาจากไหน ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือองค์ประกอบของน้ำเสียที่เราปล่อยลงสู่ทะเลนั่นเอง
https://mgronline.com/south/detail/9640000025563
*********************************************************************************************************************************************************
ท้องทะเลหมู่เกาะอ่างทองสมบูรณ์ พบวาฬบรูด้าโผล่เล่นน้ำโชว์แล้ว 4 ตัว
สุราษฎร์ธานี - ท้องทะเลหมู่เกาะอ่างทอง สมบูรณ์สุดๆ พบวาฬบรูด้า 4 ตัว ทั้งแม่ลูกโผล่เล่นน้ำโชว์ ทั้ง "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" พร้อมเพื่อนอีก 2 ตัว
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Mgr_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/4165c9ba-35fe-4322-9a4b-1fea403e774d)
วันนี้ (17 มี.ค.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายณัฐวัฒน์ นุ้ยศรีราม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย ว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจลาดตระเวนบันทึกภาพเก็บข้อมูลวาฬบรูด้าไปตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่า สามารถบันทึกภาพวาฬบรูด้า จำนวน 4 ตัว ออกว่ายน้ำกินปลาระหว่างเกาะหนุมาน เกาะท้ายเพลา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง เกาะสามเส้า ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เบื้องต้น พบเป็น "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" ส่วนอีก 2 ตัวจะส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าเป็นตัวใด
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า ข้อมูลวาฬบรูด้า 2 แม่ลูก "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" ได้มาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา และวาฬบรูด้าที่พบเพิ่มอีก 2 ตัวได้ตามมาภายหลัง ถือว่าท้องทะเลบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว และชาวประมงพื้นบ้านได้ระมัดระวังในการเดินเรือ หรือกระทำการใดๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อสัตว์ด้วย
ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความแสดงความดีใจที่พบวาฬบรูด้า 4 ตัวหากินอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน พบในอ่าวไทยประมาณ 50 ตัวขึ้นไป และพบในทะเลอันดามันบ้าง แต่น้อยกว่าในอ่าวไทย โดยวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ประจำถิ่นขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ความยาว 13-14 เมตร เป็นสัตว์เลือดอุ่นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมไม่ใช่ปลา อาหารหลักวาฬบรูด้าคือ ปลาขนาดเล็ก
"ช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม วาฬบรูด้าจะเข้ามาหากินในอ่าวไทยตอนใน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำจืดพาธาตุอาหารลงมาในอ่าวมากทำให้อุดมสมบูรณ์และปลาเล็กเข้ามากินแพลงก์ตอน วาฬบรูด้าจึงตามเข้ามากินปลา หลังจากนั้น วาฬจะแยกย้ายออกไปหากินตามแหล่งต่างๆ ในทะเลนอก เช่น เกาะเต่า ปีนี้วาฬบรูด้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาหากินแถวหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยอยู่ติดต่อกันหลายวันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีรายงานมาหลายปี ถือเป็นความพิเศษที่สร้างรอยยิ้มให้คนรักทะเลไทยได้แน่นอน" ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุ
https://mgronline.com/south/detail/9640000025801
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
สวยตะลึง! ใต้ท้องทะเลตรังช่วงไฮซีซันนี้ หลังธรรมชาติได้ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด-19
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Mgr_03.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/63e4fb62-5457-42c0-bdb9-7887431a3e34)
ตรัง - สุดตะลึงในความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลตรังช่วงไฮซีซันนี้ โดยเฉพาะที่บริเวณหัวเกาะมุกต์ หัวเกาะกระดาน และหัวเกาะแหวน ซึ่งเป็นจุดดำน้ำยอดนิยม หลังธรรมชาติได้ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด-19
ทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยวทะเลตรัง นำโดย นายพฤกษ์ อุบลเกิด ผู้จัดการ "มดตะนอย รีสอร์ต" ได้ชักชวนกันดำน้ำลงไปสำรวจโลกใต้ท้องทะเลอันดามันในช่วงไฮซีซันนี้ ปรากฏว่า หลายจุดมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากช่วงไฮซีซันของหลายๆ ปีก่อน อันเนื่องมาจากการที่ธรรมชาติได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2563 จนมาถึงการระบาดในระลอกใหม่ อันเป็นผลให้ต้องมีการสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลายครั้ง และนักท่องเที่ยวเองก็หวั่นเกรงการระบาด จึงเดินทางมาท่องเที่ยวไม่มากนัก
โดยเฉพาะที่บริเวณ "ถ้ำมรกต" ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะมุกต์ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand แห่งเมืองตรัง ทีมนักดำน้ำต่างตะลึงกับฝูงปลานานาชนิด ฝูงขนาดมหึมาที่ว่ายน้ำไปมาบริเวณปากทางเข้าถ้ำมรกต ซึ่งเป็นภาพที่มิได้เห็นกันบ่อยนัก ขณะเดียวกัน แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ใต้ท้องทะเลอันดามันในช่วงไฮซีซันนี้น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นกัลปังหาหลากสีสัน ทั้งที่บริเวณหัวเกาะมุกต์ หัวเกาะกระดาน และหัวเกาะแหวน ซึ่งล้วนแต่เป็นจุดดำน้ำที่มีความสวยงาม และนักท่องเที่ยวให้ความนิยมทั้งสิ้น
https://mgronline.com/south/detail/9640000025792
*********************************************************************************************************************************************************
ทช. ตรวจสอบ "ก้อนน้ำมัน" ที่หาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ไม่กระทบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Mgr_04.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/a19d3130-49fd-444b-a731-dd2b161b93ce)
เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม 2564) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออก ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ในเบื้องต้นไม่พบคราบน้ำมัน แต่พบก้อนน้ำมันดินเกยหาดทรายแก้ว บริเวณท่าเรือไปทางทิศตะวันออกของหาด ระยะทาง 350 เมตร (แนวเส้นสีแดง) ความหนาแน่น 5.1005 กรัม/ตารางเมตร
จากนั้นได้เก็บตัวอย่างและตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไป 3สถานี (SM1-SM3) พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำทะเลชายฝั่งประเภทที่ 2 และ 4 เพื่อการอนุรักษ์แหล่งปะการัง และเพื่อการนันทนาการ (กรมควบคุมมลพิษ, 2560)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Mgr_05.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/d8b15c2d-9228-4add-895d-88e728c326f8)
กรม ทช. รายงานด้วยว่า ได้สัมภาษณ์ นายอิทธิกร สุขกระจ่าง ผู้ประกอบการ ทราบว่าพบคราบน้ำมันลอยมากับถุงขยะในช่วงสายๆ และก่อนหน้านี้พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดในลักษณะเดียวกัน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 26 มกราคม และ 5มีนาคม 2564 ทั้งนี้ เคยพบก้อนน้ำมันดินบริเวณดังกล่าวในเดือนมกราคม 2564โดยไม่ทราบแหล่งที่มา สำหรับปริมาณปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนรวมในน้ำทะเลอยู่ระหว่างวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9640000025636
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
พบซากโลมาเพศเมีย ถูกของมีคม กรีดยาว ต้นคอถึงหลัง คาดฝีมือมนุษย์ใจเหี้ยม
พบซากโลมาเพศเมีย ถูกของมีคม กรีดยาว ต้นคอถึงหลัง คาดฝีมือมนุษย์ใจเหี้ยม เร่งหาหลักฐานติดตามตัว
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Matichon_01.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/459a7eb0-cac4-406e-ae98-b56719239669)
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่า พบซากโลมาขนาดใหญ่เกยโขดหิน บริเวณอ่าวไสคู ในเขตอุทยานฯ หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบเป็นซากโลมา มีร่องรอยของมีคมตามลำตัว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ก่อนจะทำการเคลื่อนย้ายซากมายังที่ทำการอุทยานฯ เพื่อทำการตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ มาถึงได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นโลมาลายจุด ความยาวประมาณ 170 เซนติเมตร วัยรุ่น เพศเมีย มีรอยของมีคมบริเวณด้านหลังลำคอและกลางหลัง จึงรับมอบเพื่อนำไปชันสูตรสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640318_Matichon_02.jpg?width=590&height=370&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/e67c1539-e059-4529-b994-72bf87326be0/p/271ffad3-0be8-41af-a462-839be8d27a99)
อย่างไรก็ตามในส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เร่งตรวจสอบและติดตามพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับผลการชันสูตร เพื่อแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากโลมาลายจุด เป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และจากบาดแผลที่พบดังกล่าว คาดว่าเป็นการกระทำของมนุษย์
https://www.matichon.co.th/region/news_2628868
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.