เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564


สายน้ำ
03-05-2021, 03:30
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 - 4 พ.ค. 64 ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน มีลมตะวันออกพัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 5 - 8 พ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศเมียนมาเข้า ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ มีลมตะวันออกพัดปกคลุมทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 5 - 8 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงที่ รวมถึงฟ้าผ่า ที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640503_Forecast.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/9972ad40-8ea5-4cab-b699-3860d004c48c/p/d75a44f4-8b57-45b1-99a6-ff314c8a21c3)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640503_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/9972ad40-8ea5-4cab-b699-3860d004c48c/p/9f2df63c-500e-411a-b7a4-db32a7eeada1)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640503_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/9972ad40-8ea5-4cab-b699-3860d004c48c/p/da7e4624-d276-4bfe-8e55-fac138d3e0e5)

สายน้ำ
03-05-2021, 04:12
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


คลื่นยักษ์ใต้น้ำถล่มอาจเป็นสาเหตุทำให้เรือดำน้ำอินโดจมลง

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640503_PostToday_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/9972ad40-8ea5-4cab-b699-3860d004c48c/p/522e1e2e-9890-4847-a134-f40fe7e5391b)
ภาพจาก Oceanic Nonlinear Internal Solitary Waves From the Lombok Strait

จากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเรืออินโดนีเซียที่บอกกับสื่อของออสเตรเลีย

ขณะที่เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียกำลังตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้เรือดำน้ำ KRI Nanggala (402) จมลงในน้ำลึก 800 กว่าเมตรนอกชายฝั่งบาหลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกล่าวว่าเรืออาจถูกคลื่นใต้น้ำอันทรงพลังดึงลงสู่พื้นมหาสมุทรจนกระทั่งเรือได้รับความเสียหายและจบลงด้วยความตายของลูกเรือทั้งลำ

ทีมงานสืบสวนกล่าวว่าภาพถ่ายดาวเทียมระบุว่ามีคลื่นใต้น้ำรุนแรงในพื้นที่ในช่วงเวลาที่เรือหายไป คลื่นดังกล่าวมองไม่เห็นบนพื้นผิวมหาสมุทร แต่คลื่นนี้เคยถูกจับภาพได้โดยองค์การ NASA เช่นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2016 ดาวเทียม Aqua ของ NASA ขณะเคลื่อนผ่านประเทศอินโดนีเซียจับภาพสีจริงที่น่าทึ่งของคลื่นรูปทรงผิดปกติได้แถบช่องแคบลอมบอก (โปรดดูภาพประกอบข่าว)

รายงานของ NASA ในเวลานั้นระบุว่า "ช่องแคบลอมบอกซึ่งเป็นทางเดินที่ค่อนข้างแคบระหว่างบาหลี (ตะวันตก) และลอมบอก (ตะวันออก) ช่วยให้น้ำไหลจากมหาสมุทรแปซิฟิกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย พื้นทะเลของช่องแคบมีความซับซ้อนและขรุขระประกอบด้วยสองช่องหลักช่องหนึ่งช่องตื้นและช่องหนึ่งลึก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนที่ของน้ำเนื่องจากความซับซ้อนของช่องทางและส่วนต่อของมหาสมุทรกระแสน้ำในช่องแคบจึงมีจังหวะที่ซับซ้อน แต่ทุกๆ 14 วันมันจะรวมพลังกันเพื่อให้เกิดกระแสน้ำที่รุนแรงเป็นพิเศษ เป็นการรวมกันของภูมิประเทศที่ขรุขระ, กระแสน้ำที่แรง และน้ำที่แบ่งชั้นจากการแลกเปลี่ยนในมหาสมุทร ทำให้ช่องแคบลอมบอกมีชื่อเสียงในด้านการสร้างคลื่นภายในที่เข้มข้น"

"เมื่อน้ำพัดพาเรือและดันมันลงไปแล้วเราจะทำอะไรได้อีก ไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้" พลเรือตรี อิวน อิสนูรวันโต (Iwan Isnurwanto) ของกองทัพเรืออินโดนีเซียกล่าวกับ Australian Broadcasting Corporation หรือ ABC

ABC รายงานว่าพลเรือตรีมูฮัมหมัด อาลี (Rear Admiral Muhammad Ali) อดีตผู้บัญชาการเรือดำน้ำลำที่จมลงกล่าวว่าเงื่อนไขดังกล่าวอาจสร้าง "กระแสน้ำที่แรงซึ่งสามารถลากเรือในแนวตั้งเพื่อให้จมลงเร็วกว่าที่ควร"

ทั้งนี้ เชื่อกันว่าแรงดันน้ำทำให้เรือดำน้ำแตกออกจากกันเมื่อจมลงต่ำกว่าระดับความลึกสูงสุดในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม นอกจากคำอธิบายนี้แล้วยังมีบางคนบอกว่าเรือลำดังกล่าวอาจถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากเรือต่างชาติหรือแม้กระทั่งไฟดับ แต่เจ้าหน้าที่ทหารเรือกล่าวว่าเรือดำน้ำยังคงถูกตรวจพบในขณะที่เริ่มดำน้ำเพื่อซ้อมยิงตอร์ปิโดและ "ไฟยังติดอยู่" ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่ไฟฟ้าดับจะเป็นสาเหตุ

ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ชี้ให้เห็นถึงความทรุดโทรมของเรือหรือ "ความล้าของโลหะ" (Fatigue) จากรอยแตกหรือการสึกกร่อนและอายุของเรือดำน้ำเป็นสาเหตุที่น่าจะทำให้เรือจม เนื่องจาก KRI Nanggala 402 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2521 และได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2555 ซึ่งเป็นเวลาเกือบทศวรรษที่ผ่านมา


https://www.posttoday.com/world/651818