PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564


สายน้ำ
16-06-2021, 03:03
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 16 ? 17 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 18 ? 21 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังมีฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16 ? 17 มิ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/a133e547-9293-43f2-b6b4-a3a15933b3ce)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Wave_Sat.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/c59f13c1-9a9e-410f-b5e5-7b93d62cd8cf)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/b0200d16-9ccc-43ba-8393-a889427d1b34)

สายน้ำ
16-06-2021, 04:01
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ปรากฏการณ์ "เมือกทะเล" ปกคลุมผิวน้ำนอกชายฝั่งตุรกี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/7f36b464-b39e-4dc1-87f2-5636ef617222)

ทางการตุรกีเร่งหาทางแก้ปัญหา หลังพื้นที่ชายฝั่งของตุรกี ถูกปกคลุมไปด้วยเมือกทะเล หรือน้ำมูกทะเลจำนวนมาก ซึ่งจะเกิดอันตรายต่อชีวิตสัตว์น้ำและการทำประมง

น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ของตุรกีในทะเลมาร์มารา ไปจนถึงทางใต้ของนครอิสตันบูลในตุรกี แปรสภาพไปเป็นสีขุ่นเหลือง หลังเกิดปรากฏการณ์เมือกทะเล หรือน้ำมูกทะเล จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยเมือกเหนียว ซึ่งไม่เพียงก่อให้เกิดความรำคาญและลดความสวยงามของผืนทะเลเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์น้ำ และเป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือและการทำประมง เพราะแม้สารที่เป็นครีมและเจลาตินโดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย แต่สามารถดึงดูดไวรัสและแบคทีเรีย เช่น อีโคไล ที่คุกคามพืชและสัตว์ในทะเล ตลอดจนมนุษย์ที่สัมผัสกับน้ำปนเปื้อน นอกจากนี้ ยังไปเคลือบเหงือกของสัตว์ทะเล ทำให้สัตว์ขาดออกซิเจน และตายในที่สุด

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารริมทะเลต่างได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยว หลังจากต้องปิดกิจการยาวนานในช่วงโควิด-19 แต่พอภาครัฐให้เปิดกิจการได้ก็ต้องมาประสบปัญหาเรื่องเมือกทะเลที่ทำให้ทัศนียภาพแหล่งท่องเที่ยวเสียไป จนไม่มีใครอยากมาพักผ่อน

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Thairath_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/364dc1cf-0ede-4b1f-9d36-ef1065c7ad52)

ด้าน มุสตาฟา ส่าหรี ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลของตุรกี ระบุว่า สาเหตุหลักสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็คือการปล่อยของเสียลงทะเล จนมีการสะสมของมลพิษที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้อุณหภูมิในทะเลสูงขึ้น ทำให้เกิดเมือกทะเลจำนวนมากเช่นนี้ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเมือกทะเลในตุรกี แต่นับว่าครั้งนี้มีความรุนแรงมากที่สุด และเกิดเมือกทะเลในปริมาณที่มากผิดปกติ ซึ่งทางการต้องเร่งหาวิธีแก้ปัญหาโดยเร็ว

โดยรัฐบาลตุรกีได้ร่วมประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และกำลังหาแนวทางในการจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยจะตั้งทีมเฉพาะกิจจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ลงปฏิบัติการทำความสะอาดเก็บกวาดเมือกทะเลให้หมดโดยเร็ว.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2116106

สายน้ำ
16-06-2021, 04:05
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ศรชล.ส่ง จนท.เข้าเก็บกู้อวนขนาดใหญ่ถล่มทับแนวปะการังเกาะโลซินแล้ว

โฆษก ศรชล.แจงการแก้ปัญหาหลังตรวจพบอวนขนาดใหญ่ปกคลุมแนวปะการัง บริเวณเกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการเก็บกู้อวนแล้ว

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/640616_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/6f61357c-8782-4ba0-ac57-e125bbf9ea06/p/c9a5ed14-b3e6-4bf4-a88e-e00a8eee33b6)

วันที่ 15 มิ.ย.64 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีการจัดการแก้ปัญหาการตรวจพบอวนขนาดใหญ่ ปกคลุมแนวปะการัง บริเวณเกาะโลซิน จ.นราธิวาสว่า ตามที่ได้มีนักท่องเที่ยวไปดำน้ำบริเวณแนวปะการัง เกาะโลซิน จ.นราธิวาส ในระหว่าง 11-13 มิ.ย.64 พบเครื่องมือประมง อวนขนาดใหญ่ ปกคลุมแนวปะการัง ทางทิศตะวันตกของเกาะโลซิน ทำให้ปะการังบางส่วนได้รับความเสียหาย ตามที่ปรากฎตามข่าว

พล.ร.ต.ปกครอง กล่าวต่ออีกว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวโดยร่วมกับนักดำน้ำอาสาสมัครจำนวน 30 คน ปฏิบัติการเก็บกู้เครื่องมือประมง อวนขนาดใหญ่ที่ปกคลุมแนวปะการัง และสำรวจประเมินความเสียหาย ผลกระทบ จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยใช้เรือ Liveaboard จำนวน 1 ลำ เรือบรรทุกเครื่องมือประมงอวน จำนวน 1 ลำ และเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ

นอกจากนี้ พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 ได้สั่งการให้ เรือหลวงราวี และเรือ ต.991 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใต้น้ำ จำนวน 14 คนพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ ไปปฏิบัติภารกิจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับทางสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 โดยมี นาวาเอกสุวรัฐ รัชยากรณ์ เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการร่วม โดยจะแจ้งผลการปฏิบัติให้ทราบความคืบหน้าต่อไป


https://www.naewna.com/local/580564