เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565


สายน้ำ
06-01-2022, 02:57
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-15 องศาเซลเซียส และยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบนตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-14 องศาเซลเซียส และบริเวณยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-16 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 5 ? 11 ม.ค. 65 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ตลอดช่วง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650106_Forecast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/a2b4b8c2-0c12-4a61-90e8-0e899727dae5/p/1ad5dc0c-43d0-4618-b3bc-16051f959629)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650106_Wave_Sat.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/a2b4b8c2-0c12-4a61-90e8-0e899727dae5/p/205ee932-0281-4e73-869c-241a4ade6004)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650106_Warning.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/a2b4b8c2-0c12-4a61-90e8-0e899727dae5/p/11f44611-e308-47e3-8e61-eb7c4507baf2)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650106_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/a2b4b8c2-0c12-4a61-90e8-0e899727dae5/p/472f7337-f888-4391-a6bc-88888b4c91c5)

สายน้ำ
06-01-2022, 03:45
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ญี่ปุ่นเปิดประมูลทูน่ายักษ์รอบแรกของปี มูลค่าสูงสุดเกือบ 5 ล้าน

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650106_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/a2b4b8c2-0c12-4a61-90e8-0e899727dae5/p/21d7f94d-c71a-4a43-b860-57d76d3c885b)

ญี่ปุ่นเบิกฤกษ์ ประมูลทูน่ายักษ์ครั้งแรกในรอบปี โดยทูน่าตัวยักษ์ที่ถูกประมูลไปด้วยราคาสูงสุดในรอบนี้ มีมูลค่าถึงเกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว

บรรยากาศการประมูลทูน่ายักษ์ครั้งแรกของปี ภายในตลาดปลาโทโยสุ ในกรุงโตเกียว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาในท้องถิ่น นับว่าบรรยากาศคึกคักมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากซบเซาด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จนมูลค่าในการประมูลปลาในรอบปี 2564 อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โดยการประมูลเปิดศักราชของปีนี้ ปลาทูน่าครีบน้ำเงินยักษ์จากจังหวัด อาโอโมริ น้ำหนัก 211 กิโลกรัม เป็นปลาทูน่าที่ถูกประมูลไปในราคาสูงที่สุด ด้วยมูลค่า 16.88 ล้านเยน หรือราว 4 ล้าน 8 แสนบาท

สถานีโทรทัศน์ เอ็นทีวีของญี่ปุ่นรายงานว่า ผู้ที่ประมูลปลาตัวนี้ไปคือ อะกิฟูมิ ซากะกามิ ผู้บริหาระดับสูงของร้านซูชิชื่อดัง กินซ่า โอโนะเดระ โดยเตรียมจะนำทูน่าตัวนี้ไปเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าที่มาทานอาหารในร้านทั้ง 8 สาขา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ และหวังว่าลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้านจะมีโชคดีตลอดทั้งปีนี้

ทั้งนี้ การประมูลทูน่าครั้งนี้นับว่ายังมีมูลค่าไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 ที่สร้างสถิติ การประมูลทูน่าน้ำหนัก 278 กิโลกรัม ด้วยมูลค่าสูงถึง 98.27 ล้านบาท.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2280461