เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565


สายน้ำ
05-02-2022, 03:07
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5 ? 6 ก.พ. 65 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 10 ก.พ. 65 ลมฝ่ายตะวันตกยังคงปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยเกิดขึ้นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 5 ? 6 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ และชาวเกษตกร และประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 10 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณภาคเหนือตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2565

ในช่วงวันที่ 5?6 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และกำแพงเพชร มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสในภาคเหนือตอนบน สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-11 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/8f23123a-0025-40c0-9dde-edbca0fc880e)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Wave_Sat.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/47c2287d-9ba8-445a-a5b2-a24168313369)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Warning.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/0cc389d5-531e-4161-86ea-73b7828ef2d1)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/2e8db0ae-1b21-42e1-88a6-f39ddfbaa6de)

สายน้ำ
05-02-2022, 03:46
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ตะลึง ธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ละลายเร็ว 'บางลง 54 ม. ในเวลา 25 ปี'

นักวิทย์พบธารน้ำแข็งบนยอดเขาเอเวอเรสต์ กำลังละลายเร็วกว่าอัตราสะสมถึง 80 เท่า ชี้ ธารน้ำแข็งบางลงไปถึง 54 เมตร ในเวลาแค่ 25 ปี ขณะที่ต้องใช้เวลาสะสมกว่าน้ำแข็งจะหนาขนาดนี้ถึง 2 พันปี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/252f43d8-66da-47b0-85a7-29ae97e3bd13)

เมื่อ 4 ก.พ. 65 เว็บไซต์ เมโทรและซีบีเอสนิวส์ รายงาน นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ที่น่าหวั่นวิตกของธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลก กำลังละลายอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อน โดยจากผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ นำโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมน ในสหรัฐอเมริกา ที่ถูกนำมาตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 3 ก.พ. 65 พบว่า ธารน้ำแข็งในบริเวณที่เรียกว่า South Col (เซาท์ คอล) บนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ละลายบางลงไปถึง 180 ฟุต หรือ 54.8 เมตร ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา

การละลายของธารน้ำแข็งเซาท์ คอล (บริเวณริมคมเทือกเขาระหว่างยอดเอเวอเรสต์ และ Lhotse) ที่บางลงไปถึง 180 ฟุต แสดงให้เห็นว่าธารน้ำแข็งในบริเวณนี้มีอัตราการละลายเร็วกว่าอัตราการสะสมของน้ำแข็ง จนได้ความหนาในระดับนี้ ถึงกว่า 80 เท่า หรือธารน้ำแข็งต้องใช้เวลายาวนานถึงเกือบ 2,000 ปี จึงจะสามารถสะสมน้ำแข็งจนมีความหนาในระดับนี้ได้

จากงานวิจัยนี้ได้ข้อมูลมาจาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก และภารกิจเพื่อโลกของโรเล็กซ์ ที่นำเครื่องตรวจวัดไปตั้งบริเวณธารน้ำแข็งเซาท์ คอลของยอดเอเวอเรสต์ ในปี 2562 ได้ยืนยันให้เห็นว่า ธารน้ำแข็งบนยอดเขาสูงที่สุดในโลกได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจากน้ำมือมนุษย์มาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990

การละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์ ในเทือกเขาหิมาลัย ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดหิมะถล่ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อนักปีนเขา และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในทวีปเอเชียกว่า 1 พันล้านคนที่ใช้น้ำจากแม่น้ำต่างๆ ซึ่งหล่อเลี้ยงโดยธารน้ำแข็งบนยอดเอเวอเรสต์.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2306702

สายน้ำ
05-02-2022, 03:50
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฮือฮา! พบ "กระเบนนก" สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ แหวกว่ายกลางน้ำสวยใสที่ "เกาะสุรินทร์"

อช.หมู่เกาะสุรินทร์ เผยคลิปหาชมยาก "กระเบนนก" แหวกว่ายอย่างสวยงาม ท่ามกลางนำทะเลสวยใสที่อ่าวไทรเอน เกาะสุรินทร์ จ.พังงา

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Mgr_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/ba755059-eab4-4834-9281-45f8429f4ea8)
พบกระเบนนกสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ระดับโลก ที่เกาะสุรินทร์ (ภาพจาก อช.หมู่เกาะสุรินทร์)

เพจ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - Mu Ko Surin National Park เผยคลิปสั้น ๆ แต่หาชมยากของ "กระเบนนก" กำลังแหวกว่ายอย่างสวยงาม ท่ามกลางน้ำทะเลสวยใส โดยแอดมินเพจระบุว่า พบกระเบนนกตัวนี้บริเวณอ่าวไทรเอน ซึ่งนาน ๆ จะพบเห็นสักครั้ง

กระเบนนก (Spotted Eagle Ray) หรือกระเบนจุดขาว หรือกระเบนเนื้อดำ หรือกระเบนค้างคาว (ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Aetobatus ocellatus)

กระเบนนก ได้รับฉายาว่าเป็น "วิหคแห่งท้องทะเล" เป็นสัตว์ที่อยู่ในบัญชีแดง (Red List) ของ IUCN องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มีสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) ในระดับโลก

กระเบนนกมีลักษณะลำตัวเป็นทรงขนมเปียกปูน มีจุดสีขาวกระจายทั่วไปบนหลัง ส่วนหางยาวมากเมื่อเทียบกับลำตัว ที่โคนหางมีเงี่ยง 2-6 อัน โดยจะออกลูกครั้งละ 1-6 ตัว ขนาดโตเต็มวัยลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร

ปัจจุบันกระเบนนก พบกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ส่วนในน่านน้ำของท้องทะเลไทยทั้งอ่าวไทยและอันดามัน จะพบเจอกระเบนชนิดนี้ได้ยาก นาน ๆ จะเจอสักครั้ง อาทิ ที่เกาะเต่า เกาะพีพี และที่หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นต้น

สำหรับ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์" ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความสมบูรณ์ สวยงาม จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดไทย

"หมู่เกาะสุรินทร์" ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี (เกาะสตอร์ค) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะไข่ (เกาะตอรินลา)

อช.หมู่เกาะสุรินทร์ นอกจากจะเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามแล้ว ยังมีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสวยใส และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ อ่าวช่องขาด อ่าวไม้งาม อ่าวสุเทพ อ่าวแม่ยาย อ่าวผัดกาด อ่าวเต่า อ่าวจาก อ่าวไทรเอน และหมู่บ้านมอแกน เป็นต้น


https://mgronline.com/travel/detail/9650000011743

สายน้ำ
05-02-2022, 03:53
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


การคุกคามเขตแดนทางทะเลจากเรือประมงต่างชาติ ................. โดย ณัชชา สุขะวัธนกุล คณะนิติศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Bkkbiz_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/8402ae4e-fef5-4a90-8f0b-300bd9eae42c)

เป็นที่ทราบกันดีว่า น่านน้ำของไทยนั้นถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่อาณาเขตทางทะเล หลากหลายส่วนแตกต่างกันไป บ้างเป็นพื้นที่ที่รัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตยเต็ม บ้างก็เป็นพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐ

การทำกิจกรรมประมงร่วมกันกับรัฐอื่น หรือการอนุญาตให้รัฐอื่นทำประมงในเขตน่านน้ำของประเทศไทย ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีมีข้อตกลง หรือมีความร่วมมือกันระหว่างรัฐภายใต้กรอบของความตกลง สนธิสัญญาและกรอบของกฎหมาย เช่น กฎหมายในระดับสากลอย่างอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (The United Nation Convention of the Law of the Sea; UNCLOS) รวมถึงกฎหมายภายในเกี่ยวกับการทำประมงของแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น กฎหมายเกี่ยวกับสัญชาติเรือ พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2558 พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 และ พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เป็นต้น อันสืบเนื่องมาจากการที่ความต้องการบริโภคสัตว์น้ำและทรัพยากรพันธุ์ปลาที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการทางทะเล ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำประมงในเขตน่านน้ำไทย เช่น ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หน่วยลาดตระเวนทหารเรือและกองเรือไทย ประกาศถึงการจับกุมเรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้านขณะแอบเข้ามาคราดปลิงทะเล

อีกทั้งลักลอบจับปลามังกร ในบริเวณห่างจากปากแม่น้ำบางนรา จ.นราธิวาส ประมาณ 26 ไมล์ทะเล และในพื้นที่บริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางทิศเหนือประมาณ 40 ไมล์ทะเล พร้อมรวบตัวลูกเรือต่างชาติ

การเข้าตรวจสอบกลุ่มเรือประมงต่างชาติ การไล่จับกุมเรือ เมื่อมีการหลบหนีจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเตือนตามหลักการตรวจค้นของกองทัพเรือแต่ก็ไม่เป็นผล อีกทั้งยังเร่งเครื่องหนีและปล่อยเชือกลากบริเวณท้ายเรือเป็นอุปสรรคต่อการไล่ติดตาม มีเหตุการณ์ที่จุดไฟเผาเรือและลูกเรือกระโดดลงทะเล

ทั้งนี้ ได้ช่วยเหลือลูกเรือขึ้นเรือและควบคุมตัวกลับมายังท่าเทียบเรือประมงนราธิวาสเพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดี และเนื่องจากเป็นการจับกุมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะจึงได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดไว้ 5 ข้อหา ดังนี้

การร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตทำการประมง (ตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 129 วรรคสอง) ทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 11 วรรคหนึ่ง) เป็นคนต่างด้าวร่วมกันทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมงโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482 มาตรา 5 ทวิ มาตรา 11 ทวิ)

รวมถึงการไม่เข้าออกตามช่องด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานีหรือท้องที่ที่กำหนด ไม่เข้าออก ตามเวลาที่กำหนด (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 62) และการเข้ามาหรือออกไปโดยไม่ยื่นรายการและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบมาตรา 62)

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650205_Bkkbiz_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/fe38e16e-6258-4d60-bedd-3ffc22793081/p/b20338df-bbd0-4419-9215-82c4bd823b48)

เป็นที่น่าสังเกตและพิจารณาว่า ในยุคปัจจุบันยังมีเรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศซึ่งมีความร่วมมือในระดับภูมิภาคในด้านต่าง ๆ กับประเทศไทยยังคงเข้ามาทำการประมงโดยรุกล้ำน่านน้ำไทย เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทางน้ำของตนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ และความมั่งคั่งทางทะเลที่มีความตกลงร่วมกันมาและการพัฒนาต่อไปในด้านอื่น ๆ

ทั้งยังขัดกับหลักการสร้างความมั่งคั่งทางทะเล (Blue Economy) ของธนาคารโลกอันเป็นแนวนโยบายสากลเป็นอย่างมาก หากแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความต้องการบริโภคสัตว์ทะเลแปลกและความชอบเฉพาะตัวก็ยังเปิดช่องทางให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่เนืองๆ

เมื่อวิเคราะห์จากการที่เรือประมงจากประเทศเพื่อนบ้านได้พุ่งชนเรือทำความเสียหายต่อเรือของกองทัพเรือนั้น ถือเป็นการกระทำที่รุนแรง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือได้ทำการจับกุมอย่างละมุนละม่อมโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง โดยได้เพิ่มความเข้มงวดตามมาตรการในการจับกุมให้มากขึ้น

แต่เนื่องจากเรือประมงต่างชาติกลุ่มนี้อาจจะมีสายข่าว ที่คอยแจ้งเตือนเมื่อเจ้าหน้าที่จะออกดำเนินการจับกุม รวมถึงในยุคปัจจุบันเรือประมงที่ลักลอบเข้ามา ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีศักยภาพที่สามารถตรวจจับเรือของเจ้าหน้าที่ของไทยได้เมื่ออยู่ในระยะใกล้ก่อนเข้าจับกุม จึงทำให้เรือประมงกลุ่มนี้มีเวลาเพียงพอในการหลบหนี

ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์การก้าวไปในยุคแห่งความล้ำสมัยและการเติบโตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ การรักษารากฐานทางการค้าและผลผลิตจากอุตสาหกรรมประมงแห่งน่านน้ำไทยให้คงอยู่อย่างมั่งคง เบื้องต้นการดำเนินการในทางกระบวนการยุติธรรมยังคงต้องมีอยู่ต่อไป เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายไทยและผลักดันผู้กระทำความผิดและเรือที่ชักธงสัญชาติดังกล่าวกลับประเทศต่อไป

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งแม้ในปัจจุบันจะได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว อาจต้องเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้มากขึ้น อาทิเช่น การเพิ่มสายข่าวซึ่งเป็นกลุ่มชาวประมงของไทยในการแจ้งข้อมูล เพิ่มเทคโนโลยีเพื่อติดตามจับกุมเรือประมงที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในประเทศ เพื่อปกป้องและรักษาทรัพยากรทางทะเลของประเทศให้ได้อย่างเต็มความสามารถ

รวมถึงในระดับความรับรู้ในเวทีโลกและในภูมิภาคอาเซียน ควรจัดให้มีการประสานความร่วมมือในทางกฎหมาย ซึ่งมีการบังคับใช้และมีบทลงโทษระหว่างรัฐต่อความผิดดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย

มิเช่นนั้นเมื่อมีกรณีการกระทำความผิดก็จะต้องอาศัยความเกี่ยวพันกับรัฐเจ้าของธงเป็นหลัก ทำให้มิอาจปราบปรามขบวนการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย โดยอาศัยกฎหมายของราชอาณาจักรไทยได้อย่างเต็มที่.


https://www.bangkokbiznews.com/columnist/986547