เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565


สายน้ำ
18-03-2022, 03:19
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน รวมถึงระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18 - 21 มี.ค. 65 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง

ส่วนในช่วงวันที่ 22 - 23 มี.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณใกล้เกาะสุมาตรามีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น โดยคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเมียนมาและปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน ในช่วงวันที่ 19 - 22 มี.ค. 65 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 22 - 23 มี.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งฟ้าผ่าที่จะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/7563391b-b581-42f7-ba68-ba0ca4bcf68b)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/83a5ff2d-df2b-4885-acf5-3bb6f7f14b61)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Warning02(1).jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/b81d511f-5c36-442c-8050-f93e15f91b5d)

สายน้ำ
18-03-2022, 03:25
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สึนามิไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากต้องเจอกับตัวเองจะต้องรับมืออย่างไร

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/010378ba-aa1b-48e8-ba9a-ef3cbfa75c93)

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวถึง 7.3 แมกนิจูด ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนภัยว่าอาจเกิดคลื่นยักษ์สึนามิตามพื้นที่บริเวณชายฝั่งได้ โดยล่าสุดเช้านี้ญี่ปุ่นได้ยกเลิกเตือนภัยสึนามิแล้ว ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นที่บ้านเรา แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยเกิดขึ้น และถ้าหากบังเอิญว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ควรต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อป้องกันตนเองจากสึนามิ เรารวมข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์ข้อมูลข่าวสารกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาให้ดังนี้

1. เมื่อรู้สึกว่ามีการสั่นไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเล หรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงทันที โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางการ เพราะคลื่นสึนามิเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

2. เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้เตรียมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดคลื่นสึนามิตามมาอย่างเร่งด่วน

3. สังเกตบริเวณชายฝั่ง หากทะเลมีการลดระดับของน้ำลงมาก หลังการเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงออกห่างจากฝั่งให้มากที่สุด และควรอยู่ในพื้นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึง

4. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าว ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เนื่องจากคลื่นสึนามิที่อยู่ไกลจากชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก

5. คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการแกว่งไปมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสักระยะเวลาหนึ่งจึงสามารถลงไปชายหาดได้

6. ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

7. อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็ใกล้เกินกว่าจะหลบหนีได้ทัน

8. คลื่นสึนามิในบริเวณหนึ่ง อาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กในสถานที่หนึ่ง จงอย่าประมาท ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

9. หากอยู่ที่โรงเรียน อย่าตื่นตระหนก ปฏิบัติตามคำแนะนำของครูอาจารย์ และไปรวมกับคนอื่นๆ บนพื้นที่สูง หรือที่ปลอดภัยอื่นๆ

10. หากอยู่ในรถ และอยู่ใกล้กับชายฝั่ง ให้หยุดรถแล้วออกจากรถทันที จากนั้นอพยพไปสู่พื้นที่สูง หรืออาคารสูงที่มั่นคง ไม่ควรหลบภัยในรถ


ผลกระทบจากคลื่นสึนามิ

หากเกิดสึนามิขึ้นจะส่งผลกระทบมากมายทั้งต่อผู้คนและทรัพย์สินอย่างมหาศาล ดังต่อไปนี้


ผลกระทบต่อผู้คน

- เสียชีวิตหรือสูญหาย

- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนไม้หรือสิ่งของกระแทก

- เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า

- สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลที่รักและทรัพย์สิน

- ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจการค้าต่างๆ หยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ


ผลกระทบต่อทรัพย์สิน

- อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน พื้นที่สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

- การสื่อสารระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย

- แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศชาติ

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Thairath_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/821df896-a4f0-4225-9db7-17d07be3efe5)
ผลกระทบจากคลื่นสึนามิที่จังหวัดพังงา ประเทศไทย เมื่อ 18 ปีก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ประเทศไทยเคยพบกับเหตุการณ์สึนามิที่บริเวณ 6 จังหวัดภาคใต้ คือ จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก ไม่รวมถึงความเสียหายด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อมอีกมหาศาล โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว สึนามิเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ประสบเหตุไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์มาก่อน จึงไม่มีการเตรียมพร้อม ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

โดยเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นเกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลก ในรอบทศวรรษที่ 90 ในบริเวณทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดภัยจากคลื่นสึนามิขึ้นที่ประเทศต่างๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย เมียนมา มัลดีฟส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและใกล้เฉลิมฉลองปีใหม่ จึงทำให้มีผู้คนทั่วโลกเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ.


https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2343620


*********************************************************************************************************************************************************


ครึ่งศตวรรษแห่งการพิทักษ์คุ้มครองเต่าทะเล

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Thairath_03.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/590ff3b6-c46b-4c4b-8e99-07f21d3dbf6e)

เต่าตนุ (Green turtle) เป็นสัตว์ทะเลที่เคยถูกล่าอย่างกว้างขวางในแนวประการังอัลดาบรา อะทอลล์ (Aldabra Atoll) ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอัลดาบรา ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะชั้นนอกของประเทศกลุ่มเกาะเซเชลส์ จนกระทั่งถูกห้ามล่า เต่าชนิดนี้ในปี 2511

ผลจากการสั่งห้ามล่าเต่าตนุในพื้นที่ดังกล่าวก็ทำให้เกิดความพยายามในการอนุรักษ์อย่างกว้างขวางมามากกว่า 50 ปี โดยนักวิจัยได้มีการติดตามตรวจ สอบการวางไข่ของเต่าตนุเป็นประจำทุกปี ล่าสุดทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ในอังกฤษ รายงานว่า การวางไข่ของเต่าตนุต่อปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากงานอนุรักษ์ที่จริงจังและกว้างขวาง ทีมพบว่าเต่าตนุวางไข่เพิ่มขึ้นจาก 2,000-3,000 ฟองต่อปีในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และก็มาเป็นจำนวนมากกว่า 15,000 ฟองในปี 2562

จำนวนเต่าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดถูกพบที่หาด Settle ment Beach บนเกาะพิคาร์ด ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในกลุ่มเกาะเซเชลส์ นักวิจัยเผยว่าจำนวนประชากรเต่าตนุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการคุ้มครองในระยะยาวที่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องช่วยกันอนุรักษ์ติดตามกันต่อไปในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2342345

สายน้ำ
18-03-2022, 03:30
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ศรชล.จับต่อเนื่อง 'ไอ้โง่' เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650318_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/ef912f4a-88e8-4b54-9ff1-1e98de3cbd85/p/649ead68-cb4f-46a0-abd4-cb10192600e6)

17 มีนาคม 2565 นาวาเอก กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง รองผู้อำนวย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดชุมพร มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชุมพร บูรณาการร่วมกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ออกตรวจพื้นที่ ตามที่ได้รับแจ้งว่า มีการทำประมง ด้วยเครื่องมือลอบพับ หรือ "ไอ้โง่"

ทั้งนี้ ได้ทำการกู้ลอบพับบริเวณพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 10 ลูก โดยที่ลอบพับ ดังกล่าวเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และ พ.ร.ก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้าง ใช้สำหรับดักสัตว์น้ำ มีความผิดตามมาตรา 67 มีโทษตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่า ของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่ากัน ของกลางทั้งหมดเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะชุมพร


https://www.naewna.com/local/642167