PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 12 เมษายน 2565


สายน้ำ
12-04-2022, 03:02
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและร้อนขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย โดยมีฟ้าคะนองบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 12 - 15 เม.ย. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับ มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้

ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 17 เม.ย. 65 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

อนึ่ง พายุโซนร้อน "เมกี" และ "มาลากัส" บริเวณตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนที่ทางเหนือ โดยพายุทั้งสองนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16 - 17 เม.ย. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น และโปรดระมัดระวังในขณะที่เดินทางสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650412_Forecast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/239aa389-0b92-44ee-9af8-c7774e372c3b/p/b055588d-8b1e-457c-9dc1-b7b930438e6f)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650412_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/239aa389-0b92-44ee-9af8-c7774e372c3b/p/dc5daff6-bea2-4503-8d0d-c0776ab1e423)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650412_Warning.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/239aa389-0b92-44ee-9af8-c7774e372c3b/p/8d90b28d-5aea-4e12-8fd9-6b618dfe8e89)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650412_Warning03.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/239aa389-0b92-44ee-9af8-c7774e372c3b/p/634c7a24-f09b-4a1a-bec3-8954a24d3fbe)

สายน้ำ
12-04-2022, 03:43
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นทท.ฮือฮาพบ "ฉลามวาฬ" ว่ายอวดโฉมกลางทะเลกระบี่ เตือนห้ามเข้าใกล้

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650412_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/239aa389-0b92-44ee-9af8-c7774e372c3b/p/65457531-5cdb-448b-846d-b675f41ffb0d)

นทท.ฮือฮาพบ "ฉลามวาฬ" ว่ายน้ำอวดโฉมกลางทะเล เกาะสี่ จ.กระบี่ โดยแหวกว่ายเพื่อหาของกิน เพราะระบบนิเวศใต้ทะเลหลังไร้นักท่องเที่ยวทำให้สมบูรณ์ ประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อนเข้าสู่หน้ามรสุม ขณะที่ อช.หาดนพรัตน์ธารา เตือน หากพบเจอห้ามเข้าใกล้



เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 65 ที่ จ.กระบี่ บริเวณเกาะสี่ ต.อ่าวนาง นักท่องเที่ยวต่างตื่นตาเมื่อพบ ฉลามวาฬ ยาวประมาณ 6 เมตร กำลังว่ายน้ำโชว์ตัว และถูกบันทึกไว้ได้โดยนายวิชญ เพชรสุวรรณ ครูสอนดำน้ำของ บ.scuba expert โดยช่วงที่พบฉลามวาฬตัวดังกล่าว ได้นำ นทท.ไปดำน้ำชมความงามใต้ทะเลบริเวณดังกล่าว

ขณะที่ นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวว่า กรณีที่มีการพบเห็นฉลามวาฬเข้ามาหากินในพื้นที่บ่อยครั้ง เนื่องจากในระยะนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อนเข้าสู่หน้ามรสุม ทำให้แพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของฉลามวาฬมีอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาจำนวนเรือนำเที่ยว และ นทท.ลดลง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศใต้ทะเลมีการฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์ สัตว์ทะเลหายากต่างๆ เช่น ฉลามวาฬ ฉลามหูดำ วาฬโอมูระ จึงกลับเข้ามาหากินในน่านน้ำบริเวณดังกล่าวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและฉลามวาฬ เมื่อพบเห็นฉลามวาฬ ห้ามว่ายเข้าไปแตะ จับ หรือสัมผัสตัวฉลามวาฬ เพราะอาจทำให้ฉลามวาฬกลัว จนทำอันตรายกับนักดำน้ำ ควรรักษาระยะห่างจากฉลามวาฬประมาณ 3-4 เมตร โดยเฉพาะบริเวณหาง เพื่อป้องกันการถูกฟาดโดยไม่ตั้งใจ สำหรับนักถ่ายภาพใต้น้ำห้ามใช้แฟลชในการถ่ายภาพเป็นอันขาด เนื่องจากฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่มีประสาทรับรู้ไวต่อแสงมาก ห้ามโยนสิ่งของลงไปในน้ำ เพราะฉลามวาฬจะกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ๆ เข้าไป งดการตีน้ำแรงๆ หรือกระโดดลงน้ำ ใช้ความเร็วเรือไม่เกิน 2 นอต และไม่ควรนำเรือเข้าใกล้ฉลามวาฬ ต้องรักษาระยะห่างอย่างน้อย 20 เมตร.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2365120