View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 3 ? 8 มิ.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 3 ? 8 มิ.ย. 65 ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/412d48d1-6bb9-4916-b1de-c4296a644680)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/5f0f8495-c11a-4890-8d62-53970143f1a6)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/c47aa467-7f95-42e9-ac4f-019f86b93065)
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
แผนช่วยวาฬเพชฌฆาต กลับคืนสู่มหาสมุทร
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/c8c5963e-59b0-4eb9-a8c0-155effdf6835)
กลุ่มวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล GEEC เปิดเผยว่า วาฬเพชฌฆาตถูกพบครั้งแรกโดยลูกเรือของเรือประมงลากอวนห่างจากชายฝั่งทางเหนือของฝรั่งเศสราว 30 กิโลเมตรเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวาฬเพชฌฆาตก็ถูกพบเห็นหลายครั้งในแม่น้ำ แม้กระทั่งบริเวณต้นน้ำ ประมาณ 60 กิโลเมตรของแม่น้ำแซน
เมื่อ 16 พ.ค. มีการค้นพบวาฬเพชฌฆาตเพศผู้ ขนาด 4 เมตร ซึ่งพลัดหลงจากมหาสมุทรแอตแลนติกและมาหลงทางติดอยู่บริเวณต้นน้ำในแม่น้ำแซน ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความกังวลว่าสุขภาพของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลชนิดนี้จะแย่ลงเมื่อมันติดอยู่ในน้ำจืดของแม่น้ำ อีกทั้งผู้สังเกตการณ์ยังเห็นสัญญาณของการติดเชื้อราและเชื่อว่าวาฬผ่ายผอมลง มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ล่าสุดเจ้าหน้าที่ของจังหวัดแซน-มารีตรีมของฝรั่งเศสวางแผนใช้โดรนตรวจสอบตำแหน่งของวาฬก่อนจะปล่อยเสียงบันทึกของวาฬเพชฌฆาต เพื่อพยายามนำทางให้วาฬที่หลงทางหวนกลับสู่มหาสมุทร แอตแลนติกได้
เจ้าหน้าที่ระบุว่า การใช้วิธีการที่ไม่รุกราน เป็นอันตรายเหล่านี้จากระยะทางหลายร้อยเมตร จะช่วยหลีกเลี่ยงการใช้เรือในบริเวณใกล้เคียงกับวาฬได้ เพราะเสียงเรืออาจทำให้วาฬ เกิดความวิตกกังวลรุนแรงขึ้น จนอาจส่งผลอันตรายต่อการอยู่รอดของวาฬเอง รวมถึงความปลอดภัยของหน่วยกู้ภัยช่วยเหลือวาฬ.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2406910
*********************************************************************************************************************************************************
ทุ่นหุ่นยนต์ ช่วยปกป้องวาฬในมหาสมุทร
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Thairath_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/fb95dea3-543f-41fd-a01f-a8ac1da81e26)
วาฬเป็นชนิดของสัตว์ที่มีจำนวนน้อยในโลก และการจู่โจมทางเรือถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการดำรงอยู่ของเหล่าวาฬ เนื่องจากวาฬจะเดินทางผ่านมหาสมุทรที่มีเรือผ่านอย่างพลุกพล่านที่สุดบางแห่งในโลก พวกมันเสี่ยงที่จะชนเข้ากับเรือและเข้าไปพัวพันกับอุปกรณ์หาปลา ดังนั้น จำนวนประชากรวาฬจึงลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ล่าสุด บริษัท CMA CGM ยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่งของฝรั่งเศสและสถาบันสมุทรศาสตร์วูดส์โฮล ในสหรัฐอเมริกา ที่จับมือทำงานร่วมกัน เผยว่า ได้พัฒนาสร้างทุ่นหุ่นยนต์และเครื่องร่อนใต้น้ำเพื่อบันทึกเสียงวาฬในเวลาใกล้เคียงเวลาจริงหรือแบบเรียลไทม์ พร้อมระบุว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะบันทึกข้อมูลช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ ชาวประมงและสาธารณชนได้รู้ถึงตำแหน่งของวาฬ เช่น วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic right whale) ที่มีอยู่น้อยนิดและหายากมาก
การที่สามารถส่งข้อมูลไปยังชาวประมงที่กำลังเดินเรือได้อย่างรวดเร็ว น่าจะทำให้มีการดำเนินการชะลอหรือหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงที่เรือจะโจมตีเหล่าวาฬ ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าวเผยว่านี่เป็นความพยายามที่จะแบ่งปันมหาสมุทรกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลอย่างมีความรับผิดชอบและปกป้องสัตว์ใกล้สูญพันธุ์.
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2408081
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
เรือเล็กแตะฝั่ง "6 มิ.ย. ท่ารัฐสภา" ร้องรบ.บังคับใช้กม.ห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำ
เรือเล็กจะแตะฝั่ง 6 มิ.ย. "ท่าเกียกกาย รัฐสภา" เรียกร้องรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำอย่างเป็นรูปธรรม ประกาศ "หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน"
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650603_Greennews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/4068c16e-f0ac-4159-b722-ef18b57c3c3e/p/65b2be80-1c1b-4c83-804b-dd19b7717cb8)
(ภาพ : เครือข่ายประมงพื้นบ้านฯ)
วันที่ 7 "จากปัตตานี สู่กรุง"
เครือข่ายประมงพื้นบ้านล่องเรือทางไกลรณรงค์เคลื่อนไหว "ทวงคืนน้ำพริกปลาทู ? หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน" ด้วยการแล่นขบวนเรือเล็กประมงพื้นบ้านจากปัตตานี มุ่งสู่กรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำที่เป็นรูปธรรม
"วานนี้นับเป็นวันที่หกในการเดินทางสิบห้าวันจากทะเลใต้สู่กรุงฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำที่เป็นรูปธรรม จัดโดยสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยและสมาคมรักษ์ทะเลไทย
วันนี้ (2 มิ.ย.2565) ตัวแทนนำธงรณรงค์พร้อมข้อความ "หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน? ส่งต่อจากชุมชนประมงพื้นบ้านอ.ปานาเระ จ.ปัตตานี ให้ชุมชนประมงบ้านทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเดินทางบนเรือประมงพื้นบ้านอาสาจากชุมชนประมงตลอดชายฝั่ง
และวันนี้จะมีการปล่อยขบวนเรือเพื่อเดินทางไกลไปยังกรุงเทพมหานคร โดยการใช้วิธีการล่องเรือประมงพื้นบ้านเป็นระยะทางยาว จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ท่าเกียกกาย กรุงเทพมหานคร " เครือข่ายฯ เปิดเผย
แถลงย้ำข้อเรียกร้อง "ปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อความมั่นคงอาหาร"
"การกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย กำลังส่งผลกระทบถึงระบบนิเวศ ต่อชุมชนชายฝั่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงอาหารทะเลได้น้อยลง เราได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ครั้งนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนทุกฝ่าย ได้ตระหนักถึงปัญหานี้
ถึงวันนี้ ประจักษ์ชัดว่า การจับ ? การซื้อ ? การขาย ? การบริโภค "สัตว์น้ำวัยอ่อน" ได้ทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาทต่อปี ทำร้ายชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กหลายแสนคนที่จะมีรายได้เลี้ยงชีพ สิ่งสำคัญคือ ทำลายโอกาสของประชาชนคนเล็กคนน้อยทั่วประเทศที่จะได้เข้าถึงอาหาร ด้วยการปล่อยให้มีการนำ "อาหารทะเล" น้ำหนัก มากกว่า "300,000,000" กิโลกรัม (สามร้อยล้าน) ถูกป่นในราคาถูกๆ โดยผลประโยชน์ตกอยู่กับ กลุ่มทุนอุตสาหกรรมประมง และ กลุ่มประกอบการอาหารสัตว์
ในสถานการณ์ที่ ทั่วทั้งโลกกำลังขาดแคลนอาหาร เรากลับปล่อยให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ซื้ออาหารคุณภาพในราคาที่แพงขึ้น ๆ ทั้งที่เรามีอาหารทะเลจำนวนมากมายมหาศาล แต่กำลังจะกลายเป็นอาหารที่มีราคาสูงจนผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางไม่สามารถเข้าถึงได้
การรณรงค์ด้วยการเดินทางไกลด้วยเรือลำเล็กของเราในครั้งนี้ จึงมีความจำเป็น และมีความหมายยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหารของลูกหลานของเรา ในวันนี้ และในอนาคต" แถลงการณ์เครือข่ายระบุ
6 มิ.ย. เทียบท่ารัฐสภา
"แน่นอนว่า ทุกภาคส่วนควรต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งชาวประมงผู้จับสัตว์น้ำต้องมีจิตสำนึก ผู้ซื้อผู้ขายคนกลางต้องตระหนักรู้ถึงผลกระทบ ส่วนผู้บริโภคก็จะต้องมีรับผิดชอบไม่สนับสนุนการทำประมงที่จับสัตว์น้ำวัยอ่อน
เราเห็นว่า ภาครัฐซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิใช่ใช้วิธีการบ่ายเบี่ยง โยนภาระว่า หากผู้บริโภคไม่ซื้อ ผู้ขายไม่ขาย ผู้จับไม่จับ ย่อมไม่มีปัญหาเกิดขึ้น หรือกรณีอ้างบ่ายเบี่ยงถ่วงเวลาทำศึกษามากว่า 7 ปี จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เลวร้ายลง
นับตั้งแต่วันนี้ ขบวนเรือลำเล็กของเรา จะเอาเราความหวังของเราเอง ความหวังของเพื่อนๆ ความหวังของคนทุกข์ยากที่จะมีอาหารครบมื้อ เราจะเอาความความหวังที่จะ "ทวงคืนปลาทูให้กลับมา"
เราจะเดินทางด้วยทางเรือตลอดเส้นทาง เพื่อไปให้ถึง กรุงเทพ เทียบท่า ณ สัปปายะสภาสถาน รัฐสภา และขอเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป" เครือข่ายออกแถลงการณ์วันนี้ ณ ชายหาดบ้านทุ่งน้อย กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์
https://greennews.agency/?p=28885
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.