PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 22 กรกฏาคม 2565


สายน้ำ
22-07-2022, 03:14
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 22 ? 23 ก.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่กับมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 24 ? 27 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 22 ? 24 ก.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 22-24 กรกฎาคม 2565)" ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2565

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


วันที่ 22 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย รพิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง


วันที่ 23 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัด ระนอง พังงา และภูเก็ต


วันที่ 24 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก และกำแพงเพชร

ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง และพังงา


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650722_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1b75fe54-f673-4d7f-a705-fb1b8e635f22/p/7e4c174c-c0f7-4f3f-b3ea-2b2ceb20b203)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650722_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1b75fe54-f673-4d7f-a705-fb1b8e635f22/p/7e3475d3-51bd-4fbb-93d3-b13d7c03fd2b)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650722_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1b75fe54-f673-4d7f-a705-fb1b8e635f22/p/1aac215d-9e5c-4692-89ba-1e91c26cf293)

สายน้ำ
22-07-2022, 03:59
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


อิสราเอลเจอฝูงแมงกะพรุนบุก ลอยยุบยับเต็มชายฝั่ง

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650722_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1b75fe54-f673-4d7f-a705-fb1b8e635f22/p/2ea11390-9810-4ae7-b8bb-287af8008d90)

พบฝูงแมงกะพรุนจำนวนมากลอยอยู่ในน้ำทะเล บริเวณนอกชายฝั่งของเมืองไฮฟา ของประเทศอิสราเอล สาเหตุจากภาวะโลกร้อน และมลพิษจากฝีมือมนุษย์

สำนักงานอุทยานสัตว์ป่าและธรรมชาติของอิสราเอลนำคลิปวิดีโอ ที่บันทึกภาพทะเลบริเวณนอกชายฝั่งของเมืองไฮฟาทางตอนเหนือของอิสราเอลมาเผยแพร่ โดยจะเห็นฝูงแมงกะพรุนนับพันๆ ตัวลอยอยู่เต็มทะเล ซึ่งถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นเป็นจุดขาวๆลอยเต็มไปหมด ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ช่วงเดือนกรกฎาคม อิสราเอลจะเจอกับฝูงแมงกะพรุนอพยพหนีกระแสน้ำอุ่นมาบริเวณนี้เป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้พบว่าแมงกะพรุนมีจำนวนมากผิดปกติ

หัวหน้าสำนักงานอุทยานสัตว์ป่าและธรรมชาติ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ฝูงแมงกะพรุนอพยพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ หลังจากที่ในช่วงหน้าร้อนมีแมงกะพรุนจำนวนมากลอยมาเกยชายฝั่งอิสราเอลไปแล้ว โดยสาเหตุหนึ่งมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้ระบบนิเวศในทะเลเปลี่ยนแปลง รวมทั้งพฤติกรรมมนุษย์ที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานข่าวในหลายประเทศอย่างที่กรุงเบรุสของเลบานอน ที่พบแมงกะพรุนจำนวนมากบุกชายฝั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเช่นเดียวกัน

คาดว่า แมงกะพรุนเหล่านี้จะมาจากมหาสมุทรอินเดีย และอพยพมายังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผ่านทางคลองสุเอซ ซึ่งหากแมงกะพรุนมีจำนวนมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าของอิสราเอล เพราะโรงไฟฟ้าจะมีการดูดน้ำทะเลเข้าไปในกระบวนการหล่อเย็น ทำให้แมงกะพรุนเหล่านี้เข้าไปขวาง หรือติดอยู่ในเครื่องจักรจนได้รับความเสียหายได้.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2450686

สายน้ำ
22-07-2022, 04:03
ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


จากอ่าวไทยถึงรัฐสภา : บันทึกเดินเรือทวงคืนน้ำพริกปลาทู .............. โดย Songwut Jullanan

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650722_Greenpeace_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/1b75fe54-f673-4d7f-a705-fb1b8e635f22/p/96423108-9351-4e1f-951a-b27ef16c1259)

ปลาทูเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน เพราะราคาถูก รสชาติอร่อย และเต็มไปด้วยสารอาหาร มันจึงช่วยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนไทยมานานหลายชั่วอายุคน

แต่ปลาทูไทยวันนี้ไม่ได้มีราคาถูกและหาง่ายเหมือนดังแต่ก่อน ที่วางขายในตลาดหรือห้างร้านนับวันยิ่งตัวเล็กลง และส่วนมากนำเข้าจากต่างประเทศ

เมื่อเทียบปี 2557 และ 2562 ผลผลิตปลาทูไทยลดลงเกือบ 6 เท่า[1] และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราปล่อยให้มีการทำประมงเกินขนาดและจับสัตว์น้ำวัยอ่อนโดยไร้การควบคุม

หลายปีที่ผ่านมา ชาวประมงพื้นบ้านจึงรวมตัวกันรณรงค์ให้หยุดซื้อ-จับ-ขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน พวกเขาร่วมกันทำบ้านปลา ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน สร้างข้อตกลงในชุมชนไม่จับสัตว์น้ำบริเวณดังกล่าว สื่อสารวิกฤตครั้งนี้กับสังคม หรือแม้กระทั่งเดินทางมายื่นหนังสือต่อห้างร้านในกรุงเทพฯ เพื่อขอความร่วมมือให้หยุดรับซื้อสัตว์น้ำวัยอ่อน

"ปัจจุบันมีการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนมากขึ้น ทำให้ประมงพื้นบ้านที่เป็นประมงขนาดเล็ก ที่จับปลาตัวใหญ่ได้ผลกระทบโดยตรง รวมถึงผู้บริโภคที่ต้องซื้ออาหารทะเลในราคาที่แพงขึ้น การรณรงค์ในเรื่องของการห้ามซื้อห้ามขายสัตว์น้ำวัยอ่อนทั่วกรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงทางอาหารในอนาคต" ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เล่าให้เราฟังขณะรอยื่นหนังสือต่อห้างสรรพสินค้าให้หยุดรับซื้อสัตว์น้ำวัยอ่อน

ความพยายามเหล่านี้ช่วยสร้างความตระหนักในกลุ่มผู้บริโภคและชาวประมงในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ปิยะมองว่า มาตรการควบคุมจากภาครัฐเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

แต่ตลอดเวลาที่ชาวประมงร่วมกันรณรงค์ ภาครัฐกลับไม่มีส่วนร่วมในการผลักดันและควบคุมการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน แม้จะมี "กุญแจ" สำคัญอยู่ในมือ

กุญแจสำคัญที่ว่า คือพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตราที่ 57 ซึ่งระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ําหรือนําสัตว์น้ําที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดขึ้นเรือประมง" แต่มันกลับไม่เคยถูกนำมาใช้เปิดทางออกจากวิกฤต กฎหมายข้างต้นไม่เคยถูกนำมาบังคับใช้

ชาวประมงพื้นบ้านจาก 23 จังหวัดจึงรวมตัวกันจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ "ทวงคืนน้ำพริกปลาทู"

ซึ่งแสดงถึงความพยายามปกป้อง "ปลาทู" ตัวแทนความมั่นคงทางอาหาร วัฒนธรรม และทรัพยากรทางธรรมชาติที่กำลังจะสูญหายไป

พวกเขาออกเดินทางจากหาดปัตตานีวันที่ 27 พฤษภาคม มุ่งหน้าสู่สัปปายะสถานรัฐสภา กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลให้เริ่มบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน และประกาศมาตรการเพื่อแก้ไขวิกฤต โดยระหว่างทางนักกิจกรรมได้หยุดตามชุมชนชายฝั่ง เพื่อพูดคุยถึงปัญหาสัตว์น้ำวัยอ่อน และทำกิจกรรมกับท้องถิ่นเพื่อสื่อสารปัญหาออกสู่สาธารณะ

ระยะทางกว่าพันกิโลเมตรที่นักกิจกรรมขึ้นรถลงเรือ ผ่านแดดฝ่าฝน กระทั่งในวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันมหาสมุทรโลก ขบวน "ทวงคืนน้ำพริกปลาทู" ได้ล่องมาถึงท่าเรือหลังรัฐสภา และเดินเท้าต่อเพื่อเข้ายื่นหนังสือภายในรัฐสภา

วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย และเป็นหนึ่งในแกนนำกิจกรรมครั้งนี้ อธิบายว่า จัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาทูกลายเป็นอาหาร "หรู" ที่คนบางกลุ่มเท่านั้นมีโอกาสได้ทาน

"อาหารทะเลซึ่งควรเป็นอาหารที่คนไทยทุกคนควรเข้าถึงได้ง่าย แต่กลับแพงขึ้น เข้าถึงได้ยากขึ้น กลุ่มคนที่ถึงอาหารทะเลคุณภาพดีมีน้อยลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทะเลไทยเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนไทยมาเป็นเวลานาน เราตั้งใจเดินทางมาครั้งนี้ ระยะทางกว่าพันกิโลเมตร กินเวลาเป็นสิบ ๆ วัน เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าวิกฤตครั้งนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะจากภาครัฐซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการออกมาตรการและบังคับใช้กฎหมาย"

ภาพของเรือประมงลำเล็กที่ล่องอยู่บนแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีฉากหลังเป็นรัฐสภา แสดงถึงความกล้าหาญของชาวประมงซึ่งลุกขึ้นพูดความจริงต่ออำนาจเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และบ้านเกิดของตน

แม้กิจกรรมจะสิ้นสุดลง แต่การเดินทางครั้งนี้ได้ช่วยยกระดับความเข้าใจต่อวิกฤตอาหารทะเลไทยในปัจจุบัน และสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมประมงทั่วประเทศ

อย่างไรก็ดี เป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งเดือนแล้วหลังจากรัฐบาลรับหนังสือเรียกร้องและตกปากรับคำว่าจะมีมาตรการในการปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อน แต่จวบจนวันนี้ (22 กรกฎาคม 2565) ยังไม่มีมาตรการใดๆออกมา ขณะที่ชาวประมงขีดเส้นตาย 60 วัน ก่อนจะมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง


https://www.greenpeace.org/thailand/story/24273/ocean-sustainability-protect-thai-mackerels/