เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2565


สายน้ำ
18-08-2022, 02:50
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเมียนมา ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18 - 19 ส.ค. 65 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออก สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 23 ส.ค. 65 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20 -23 ส.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-22 สิงหาคม 2565)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2565

ในช่วงวันที่ 20-22 สิงหาคม 2565 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนจะเคลื่อนเข้าสู่แนวร่องสรสุม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลางโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650818_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/90425498-f07d-4331-911b-e578aea2b304)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650818_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/12312868-de7b-4732-bbe3-5a45227d8a63)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650818_Warning03.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/24261c4c-af9a-4e8d-a3ba-151041914903)

สายน้ำ
18-08-2022, 03:24
ขอบคุณข่าวจาก มติชน


'วราวุธ' ต่อเนื่อง 'มาเรียมโปรเจค' เตรียมจัดตั้งสถาบันวิจัย อนุรักษ์พะยูน-สัตว์ทะเลหายาก

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650818_Matichon_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/4a61c248-ef5e-429c-ba69-72f5a98a5f79)

เวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานเปิดงานสัปดาห์วันพะยูนแห่งชาติ (Dugong & Seagrass Week 2022) และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยเพื่อการอนุรักษ์พะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง ร่วมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ (ปกท.ทส ) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คณะผู้บริหาร ทส. ผู้บริหารสมาคมบลูคาร์บอนโซไซตี้ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง และภาคีเครือข่าย โดยมี นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมใหญ่ โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา อ.เมือง จ.ตรัง

นายวราวุธ กล่าวว่า นับตั้งแต่การสูญเสียพะยูน "มาเรียม" เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2562 จนถึงวันนี้ ครบ 3 ปี กระทรวงฯ ไม่เคยหยุดทำงานเพื่อแก้ไขและฟื้นฟู เพิ่มจำนวนพะยูนรวมถึงสัตว์ทะเลหายากในท้องทะเลไทย และในวันนี้ นับเป็นการจัดงานครั้งแรก เนื่องใน "วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ" ซึ่งภายใต้ "มาเรียมโปรเจค" ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนพะยูนในธรรมชาติจาก 250 ตัว เป็น 265 ตัว และตั้งเป้าหมายไว้ที่ 280 ตัว ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตรังที่นับว่าเป็นแหล่งพะยูนและหญ้าทะเลที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนจังหวัดตรังและภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาขยะทะเลตั้งแต่ต้นทางก่อนลงสู่ทะเล

โดยในช่วงบ่าย รมว.ทส. และ ปกท.ทส. พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพอาคารที่จะจัดตั้งสถาบันวิจัยเพื่อการอนุรักษ์พะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปและชมการสาธิตแนวทางการฟื้นฟูหญ้าทะเล ตลอดจนร่วมปล่อยเต่าทะเล ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ซึ่งอยู่บริเวณอ่าวสิเกา โดยสถาบันวิจัยฯ ดังกล่าว เป็นโครงการใหญ่ที่ใช้เวลาในการดำเนินงาน 15 ปี ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ศูนย์รักษาและฟื้นฟูสัตว์ทะเลหายากที่เจ็บป่วย ศูนย์วิจัยความเป็นเลิศด้านพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก และศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สมาคมบลูคาร์บอนโซไซตี้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ทั้งนี้ รมว.ทส. กล่าวว่า ในเบื้องต้น เป็นการสำรวจความเหมาะสมของพื้นที่ และโครงสร้าง ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและรบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด


https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3512913

สายน้ำ
18-08-2022, 03:26
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ฮือฮา ชาวประมงพบของแปลก เชื่อเป็นงา-เขี้ยวสัตว์ดึกดำบรรพ์ วอนผู้รู้พิสูจน์

สตูล ฮือฮา ชาวประมงพื้นบ้านมนอ.ละงู พบของแปลก เชื่อเป็นงา-เขี้ยวสัตว์ดึกดำบรรพ์ วอนผู้รู้พิสูจน์ พบมีเปลือกหอยเกาะหนาแน่น

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650818_Khaosod_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/d1fed909-04c7-4b69-871d-da859dc7a9f0)

วันที่ 17 ส.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชาวประมงพื้นบ้านรายหนึ่งในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล สามารถเก็บวัตถุบางอย่างมาจากท้องทะเล มีลักษณะคดโค้งยาวคล้ายงาหรือเขี้ยวของสัตว์ มีเปลือกหอยเกาะหนาแน่น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่พากันฮือฮาและคิดกันไปต่างๆนานา ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าอาจเป็นงาหรือเขี้ยวของสัตว์ดึกดำบรรพ์

นายดาเหล็น สุการักษ์ อายุ 52 ปี อาชีพชาวประมงพื้นบ้าน เปิดเผยว่า ตนออกไปจับสัตว์น้ำในทะเล โดยล่องเรือไปจอดที่เกาะแห่งหนึ่ง ใกล้ๆเกาะตะรุเตาเพื่อหลบคลื่นลมมรสุมที่กำลังแรง ขณะนั้นคลื่นได้ซัดเอาวัตถุบางอย่างมีรูปร่างประหลาดโผล่ขึ้นมาเหนือสันทราย ตนจึงไปหยิบมาดูพบว่ามีลักษณะคล้ายงาหรือเขี้ยวสัตว์ คดโค้ง งอ สวยงาม แถมเกาะแน่นไปด้วยเปลือกห้อย และทรายเกาะแน่น ดูแล้วสวยงามแปลกดี จึงนำกลับมาไว้ที่บ้าน

เพื่อนบ้านหลายคนก็ต่างมาดูกัน ต่างคิดไปกันว่าน่าจะเป็นงาสัตว์ดึกดำบรรพ์ จึงได้ติดต่อนักข่าวให้มาช่วยนำเสนอ และหาผู้รู้มาตรวจสอบ เบื้องต้นหลายๆคนทั้งผู้เฒ่าผู้แก่มาดูบอกว่าไม่ใช่อ้วกวาฬแน่นอน และไม่ใช่กิ่งไม้ที่พุหัก ตนเองจึงอยากให้ผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับโบราณคดี และอุทยานธรณีโลกมาดู และยินดีให้ไปศึกษา

นายดาเหล็น เปิดเผยอีกว่า ตนเองจะเจออะไรที่แปลกๆบ่อยครั้ง และหลายปีที่ผ่านมาตนเองก็เจอก้อนหินตั้งอยู่บนโขดหินสูงอย่างมาก เพราะมีน้ำหนักขนาดนี้คงไม่มีใครยกไปวางตั้งที่สูงชันคล้ายหน้าผา มีลักษณะลายสีขาวสวยงาม และมีน้ำหนักถึง 11 กก. เจอที่หลังเกาะบูโหลน จึงนำกลับมาไว้ที่บ้าน ช่วงนำหินลักษณะที่แปลกประหลาดนี้มาไว้ที่บ้าน ถามว่าเจอสิ่งอะไรที่ลี้ลับหรือไม่ ตนเองบอกเลยว่าไม่พบแต่จะรู้สึกดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ตนรู้สึกถึงว่าหินก้อนนี้มีพลังบางอย่าง ที่ทำให้ตนเองแคล้วคลาดปลอดภัย เช่นออกเรือไปหาปลาเจอพายุก็ปลอดภัยกลับมา แม้กระทั้งขับรถไปทำธุระในตัวเมืองหลายๆครั้งเคยเกือบโดนรถชน แต่ก็แคล้วคลาดทุกครั้ง จึงเชื่อว่าหินก้อนนี้มีของดีอยู่ แต่ก็อยากให้ผู้รู้นำไปตรวจสอบเพราะถึงอย่างไร ของธรรมชาติ ก็ต้องเหมาะแก่การคืนกลับไปสู่ธรรมชาติ เพียงอยากรู้ว่า หินที่เจอนี้คือก้อนหินอะไร พร้อมที่จะพาไปชี้จุดที่พบด้วย ถ้าใครสนใจอยากจะดูโทรถามได้ ที่เบอร์ 094-3420657


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7218268