View Full Version : ตามเจ้าออกเที่ยว ... ในเทศกาลกินเจ จ.ตรัง
จริงๆแล้ว ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวหรอกครับว่าที่ตรังกำลังมีเทศกาลกินเจ ทราบแต่ว่าที่ภูเก็ตกำลังมีงานกันอยู่
สองสายอยู่ที่กระบี่ แต่ยังไม่ถึงวันที่เขานัดเก็บ Tarball กัน จึงได้เดินทางลงไปตรังก่อนกำหนด พอเข้าเมือง รถก็ติดกันแน่นขนัดหน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ก็เข้าใจว่า ต้องเป็นช่วงเทศกาลกินเจเหมือนที่ภูเก็ตแน่เลย ....
พอได้พบคุณจิ๋ม (แม่น้อง ploybabe) ที่ร้านเลตรัง 2 เธอบอกว่า วันนี้วันแห่เจ้าออกเที่ยว ให้สองสายอยู่ด้วยกันก่อน ไอ้เราก็ใจง่าย ประกอบกับอยากดูพิธีแห่เจ้า ส่งเจ้าอยู่แล้ว จึงตอบตกลง
ก่อนไปถึงช่วงต่อไป .... มาทำความรู้จักกับเทศกาลกินเจของ จ.ตรังกันก่อน
จาก www.Trangzone.com บรรยายไว้ว่า
ประเพณีถือศีลกินเจจังหวัดตรัง ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมในจังหวัดตรังที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อถึงหน้าเทศกาล ชาวไทยเชื้อสายจีนผู้นับถือและศรัทธาในประเพณีถือศีลกินเจ จะงดรับประทานอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ พืชผักที่มีกลิ่นฉุน ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ทุกชนิด และนุ่งขาวห่มขาวตลอดระยะเวลาของงานประเพณี 9 วัน 9 คืน โดยในระหว่างช่วงงานประเพณีนั้น ศาลเจ้าจีนแต่ละแห่งจะจัดขบวนแห่ "ร่างทรง" หรือ "ม้าทรง" ซึ่งเชื่อกันว่า"เจ้า" ลงประทับแล้ว จากการแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการทรมานร่างกายตนเองหลากรูปแบบ ออกเยี่ยมเยือนประชาชนผู้ศรัทธาที่ตั้งโต๊ะบูชาพร้อมกับจุดประทัดเพื่อเป็นการรับ"เจ้า" อย่างกึกก้องตามถนนสายต่างๆในเขตอำเภอเมืองและอำเภออื่นๆรอบนอก งานประเพณีถือศีลกินเจจะจัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน
ประเพณีกินเจจังหวัดตรัง เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่ออัญเชิญพระอิศวร เทพนพเก้า 9 องค์ และพุทธสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก มาประทับร่างทรงเพื่อโปรดสาธุชนคนบุญ ซึ่งจะจัดโต๊ะบูชาไว้ต้อนรับพร้อมการจุดประทัดเสียงดังกึกก้องบูชา สำหรับรับร่างคนทรงหรือม้าทรงนั้น ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการทำร้ายตัวเอง เช่น การลุยไฟหรือทิ่มแทงตามร่างกายบ้าง เชื่อกันว่าเพื่อรับเคราะห์กรรมแทนมนุษย์นั่นเอง เป็นพิธีกรรมที่แต่งแต้มสีสันให้กับศรัทธา และตั้งอยู่บนพื้นฐานอันแน่วแน่ที่มุ่งสร้างความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นทั้งกายและใจ โดยรับประทานอาหารเจอันบ่งบอกถึงความไม่ต้องการเบียดเบียนสัตว์อื่นใดทั้งปวง เพื่อรักษาจิตให้ผ่องใส ก่อให้เกิดปัญญาธรรม ประชาชนจะนุ่งขาวห่มขาว สำหรับกิจกรรมของงานประกอบด้วยการแสดงพลุไฟ การแสดงมังกร มีการจำหน่ายอาหารเจธงฟ้า ราคาถูก
สำหรับสถานที่จัดงาน มี 2 แห่ง คือ ศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ยและหมื่นราม
www.lib.ru.ac.th ได้อธิบายละเอียดขึ้นอีกนิด ดังนี้ :
เทศกาลกินเจ เป็นประเพณีของชาวจีนที่สืบทอดกันมานับพันปีและ ประเพณีนี้ ก็ได้ตกทอดมาสู่คนไทยเชื้อสายจีนที่บรรพบุรุษอพยพมาอยู่ในประเทศไทย
จังหวัดตรัง เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการสืบทอดประเพณีการกินเจมานานถึง 150 ปี โดยชาวจีนที่อพยพล่องเรือมาขึ้นท่าที่จังหวัดตรัง โดยมีหลักฐานการค้นพบหลักฐานการตั้งศาลเจ้าที่บ้านท่าจีน ริมแม่น้ำกันตัง อ.กันตัง ก่อนที่จะมีการย้ายศาลเจ้ามาอยู่ในตัวเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน
ตรังเป็นจังหวัดแรกๆของประเทศที่ได้จัดงานเทศกาลกินเจ เพียงแต่ไม่โด่งดังเหมือนเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมกินเจ และเที่ยวชมเทศกาล แต่จังหวัดตรังก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ในมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางมาร่วมงานกินเจปีละจำนวนมาก ไม่นับลูกหลานชาวตรัง ที่เมื่อถึงเทศกาลกินเจก็จะกลับไปร่วมพิธีที่บ้านเกิด
ประเพณีถือศีลกินเจ เป็นการชำระล้างร่างกายจิตใจให้สะอาด โดยการละเว้นโลกียวัตร และถือศีล 5 โดยเคร่งครัด ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนชีวิตสัตว์ งดเว้นอารมณ์ทางเพศ งดเว้นการพูดเท็จ และงดเว้นการดื่มสุรา ดำรงชีพด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาชีวิตสัตว์มาบำรุงชีวิตตัวเอง ไม่เอาเลือดสัตว์มาเป็นเลือดของตัวเอง ไม่เอาเนื้อสัตว์มาเป็นเนื้อของตัวเอง และไม่เบียดเบียนตัวเอง และงดบริโภคผักที่มีรสฉุน มีการสวดมนต์ทำสมาธิแผ่เมตตาจิต และขอพรเพื่อความเจริญของตัวเองและครอบครัว
ในแง่ของตำนวนการกินเจ มีตำนานที่ เล่ากันมาหลายตำนาน ตำนานของบางหมู่บ้านบอกว่า เป็นการรำลึกถึงพวก “หงี่หั่วท้วง” ซึ่งเป็นนักรบที่ออกไปต่อต้านแมนจูที่บุกรุกแผ่นดินจีนในสมัยโบราณ นักรบเหล่านี้จะมีการทำพิธีก่อนจะออกศึก จะมีการนุ่งขาวห่มขาวและปักธูป 1 ดอก จะถือศีลเวลาออกรบ เชื่อว่าจะอยู่ยงคงกระพัน มักได้ชัยชนะกลับมา ต่อมามีการกินเจเพื่อเป็นการรำลึก
ตำนานหนึ่งบอกว่า การกินเจ ที่เริ่มต้น ในเดือน 9 เพราะคนจีนเชื่อว่า ช่วง 10 วันแรกของเดือน 9 เป็นช่วง ฮุโจ้ว หรือพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ที่สุด องค์ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ คือ เก่ฮวงฮุดโจว หรือพระพุทธ 9 องค์ เสด็จมาจากสวรรค์เพื่อลงมาโปรดสัตว์ ในเมืองมนุษย์ ประเพณีการกินเจ จึงจะมีการแห่แหนองค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประจำอยู่ในแต่ละศาลเจ้าออกไปเยี่ยม -เยียนประชาชน หรือบุตรหลาน เพื่อเป็นศิริมงคล
เทศกาลกินเจ เริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จนถึง 9 ค่ำ เป็นเวลา 9 วัน 9 คืนของทุกปี ซึ่งในปีนี้ มีศาลเจ้า 2 แห่ง ที่เป็นจุดศูนย์รวมของการกินเจ คือ ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม และศาลเจ้ากิ๋วอ๋องเอี่ย ซึ่งทั้งสองศาลเจ้า จะทำอาหารเจเลี้ยงคนที่กินเจตลอดทั้ง 9 วัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แล้วแต่ใครจะบริจาค แต่หากจะผูกปิ่นโตไปกินที่บ้าน จะคิด 300 บาท วันละ 3 มื้อ ซึ่งในแต่ละวันจะมีคนไปร่วมกินเจทั้งคนตรัง ลูกหลานชาวตรังในต่างถิ่น และนักท่องเที่ยว เดินทางไปร่วมกินเจวันละนับพันคนจนแน่นโรงเจ ตลอด 9 วัน มีคนไปร่วมกินเจนับหมื่นคน
ทั้งสองศาลเจ้ามีการแห่แหนองค์ศักดิ์สิทธิ์ ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวจีนตามชุมชนต่างๆ รอบเมืองตรังการแห่แหนองค์ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า ทั้งสองแห่ง เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ นอกจากมีริ้วขบวนที่สวยงามแล้ว ยังมีการประทับร่างทรงของเจ้า เพื่อออกเยี่ยมเยียมประชาชน มีการ แทงปาก แทงคอ ฟันตัวเอง ของร่างทรง เป็นที่หวดเสียว มีพิธีการปีนบันไดมีดของศาลเจ้ากิ่วอ๋องเอี่ย แต่ไม่มีพิธีลุยไฟ เหมือน ที่เคยจัดมา ส่วนของศาลเจ้าหมื่นรามไม่มีการแทงตัวเองมาแล้ว 2 ปี โดยกรรมการศาลเจ้าบอกว่า องค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องการให้มีต้องการให้การกินเจเป็นการแผ่เมตตา
ตลอดเส้นทางที่ขบวนขององค์ศักดิ์สิทธิ์ผ่านผู้มีจิตศรัทธาก็จะตั้งโต๊ะหมู่บูชา ขอพรจากองค์ศักดิ์สิทธิ์ มีการจุดประทัดสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมือง เป็นที่สนใจของผู้พบเห็น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
อีกเว็บไซท์หนึ่ง ที่ให้รายละเอียดของเทศกาลกินเจได้ค่อนข้างละเอีดและชัดเจนคือ www.watkoh.com
ช่วงเวลา
การถือศีลกินเจของชาวตรังตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของจีน (ตรงกับเดือน ๑๑ ของไทย ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมทุกปี) โรงศาลเจ้าทุกโรงจะกำหนดการกินเจพร้อมกัน การประกอบพิธีกรรมจะใช้สถานที่บริเวณโรงศาลเจ้าของแต่ละแห่ง
ความสำคัญ
พิธีถือศีลกินเจจะเป็นพิธีที่มีความสำคัญดังนี้
๑. เป็นการบำเพ็ญศีล สมาทานกินเจ บริโภคแต่อาหารผักและผลไม้ เป็นการละเว้นการทำบาป ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต รักษาศีลทำจิตใจให้บริสุทธิ์ งดการเที่ยวเตร่ ไม่ดื่มของมึนเมา ผู้ศรัทธาที่กินเจจะสวมเสื้อผ้าสีขาวและสวดมนต์ทำสมาธิภาวนาแผ่เมตตาจิต ขอพรให้ตนเองและครอบครัว
๒. เป็นการสะเดาะเคราะห์ปัดเป่าความชั่วร้าย โรคภัยไข้เจ็บให้ออกไปจากตัวผู้ที่ถือศีลกินเจ
๓. เกิดความสามัคคีในหมู่ผู้ที่ศรัทธาที่เข้าร่วมพิธีถือศีลกินเจ ต่างก็ยิ้มแย้มเป็นมิตรมีไมตรีต่อกัน มีการบริจาคทรัพย์สำหรับเป็นค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในโรงครัว เพื่อให้มีอาหารเพียงพอ มีอาสาสมัครมาช่วยงานทำงานครัวเป็นจำนวนมาก
พิธีกรรม
ประเพณีถือศีลกินเจเป็นประเพณีที่มีการผสมผสานของลัทธิความเชื่อต่าง ๆ หลายลัทธิ ได้แก่ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื่อ ลัทธิการนับถือเทวะ และพุทธศาสนานิกายมหายาน
การประกอบพิธีกรรม
๑. ก่อนพิธีหนึ่งวัน จะมีการทำความสะอาดศาลเจ้า รมกำยาน ไม้หอม และยกเสาธงเต๊งโก ไว้หน้าศาล เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของเจ้า พอถึงเวลาเที่ยงคืนจะประกอบพิธีอัญเชิญยกอ๋องฮ่องเต้ และกิวอ๋องไตเต้มาเป็นประธานในพิธี พร้อมกับแขวนตะเกียงน้ำ ๙ ดวง ซึ่งหมายถึงดวงวิญาณขององค์กิวอ๋องไตเต้ เป็นอันว่าพิธีกินเจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากพิธีรับเจ้าเข้ามาเป็นประธานในศาลแล้ว ก็จะทำพิธีวางกำลังทหารรักษาการณ์ตามทิศต่างๆ
๒. การเตรียมการกินเจ ผู้ศรัทธาที่จะร่วมถิอศีลกินเจจะทำความสะอาดภาชนะเครื่องใช้ในการประกอบ อาหารให้สะอาดหมดกลิ่นคาว จัดแยกเครื่องใช้ไว้เฉพาะไม่ปะปนกับเครื่องใช้ทั่วไป บางบ้านจะนำภาชนะชุดใหม่มาประกอบอาหารและใส่อาหารเจ บางบ้านจะรับอาหารจากโรงปรุงของศาลเจ้า
๓. พิธีกรรมตลอด ๙ วัน ของการกินเจ มีดังนี้
๓. ๑ พิธีบูชาเจ้า ทำในวันแรก บูชาด้วยเครื่องเซ่นต่างๆ ทั้งที่ศาลเจ้า และที่บ้านของผู้ที่กินเจ เมื่อกินเจครบสามวัน ถือว่าผู้กินเจได้ชำระร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ได้สะอาดบริสุทธิ์
๓.๒ พิธีโขกุ้น เป็นพิธีเลี้ยงทหารที่รักษาการณ์ตามทิศต่างๆ จะทำพิธีในวัน ๓ ค่ำ ๖ ค่ำ และ ๙ ค่ำ มีอาหารและเหล้าเซ่นสังเวยเลี้ยงทหาร
๓.๓ พิธีซ้องเก็ง เป็นพิธีการสวดมนต์ พิธีนี้จะเริ่มตั้งแต่องค์กิวอ๋องไตเต้ เข้ามาประทับในศาลและจะกระทำกันทุกๆวัน วันละ ๒ ครั้ง ในตอนเช้าและตอนค่ำ
๓. ๔ พิธีบูชาดาว จะทำในคืนวัน ๗ ค่ำ เพื่อขอความคุ้มครองให้แก่ผู้กินเจ ในพิธีบูชาดาว จะมีการแจกฮู้ (กระดาษยันต์) เพื่อคุ้มครองผู้กินเจ
๓.๕ พิธีแห่เจ้า (ออกเที่ยว) เป็นพิธีที่เจ้าทั้งหมดออกเยี่ยมลูกหลานตามบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลและปัดเป่าความชั่วร้าย ศาลเจ้าแต่ละโรงจะออกเยี่ยมไม่พร้อมกัน พิธีนี้จะจัดเป็นริ้วขบวน แห่แหนไปตามถนนสายต่างๆ บรรดาชาวบ้านที่จะศรัทธาจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ไว้รับพระและจุดประทัด เมื่อขบวนผ่าน เจ้าองค์ที่เข้าประทับทรงจะแสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารโดยใช้ของมีคม เหล็กแหลม ทิ่มแทงตามส่วนต่างๆของร่างกาย
๓.๖ พิธีลุยไฟ เพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ของเจ้า จึงมีการก่อกองไฟให้เป็นถ่านแดงระอุร้อน เจ้าที่เข้าประทับคนทรงจะเข้าไปวิ่งลุยผ่านกองไฟ เพื่อแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ผู้ที่ถือศีลกินเจก็จะเข้าไปลุยไฟด้วยเพื่อให้ไฟทิพย์ชำระร่างกายให้บริสุทธิ์
๓.๗ พิธีส่งพระ ทำกันในวันสุดท้ายของการกินเจ พิธีนี้แบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือภาคกลางวันจะส่งเทวดาเง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งทำกันที่เสาธง และภาคกลางคืนจะส่งองค์กิวอ๋องไตเต้ ซึ่งจะทำกันตอนเที่ยงคืน โดยผู้กินเจจะเดินไปส่งกันที่ฝั่งน้ำเพราะเจ้าจะกลับสวรรค์ทางทะเล และทันทีที่คณะส่งเจ้าออกพ้นประตูศาลไฟทุกดวงจะต้องดับสนิท แล้วปิดประตูใหญ่ รุ่งขึ้นจะลดเสาธง เรียกทหารพร้อมกับเลี้ยงทหารและส่งกลับ เสร็จแล้วก็เปิดประตูใหญ่เมื่อได้ฤกษ์ตามวัน/เวลาที่เจ้าสั่งไว้
สาระ
พิธีกินเจ เป็นพิธีที่แสดงออกถึงการละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเว้นอบายมุขทั้งหมด และเป็นพิธีก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่สมาชิกที่มาร่วมพิธี
สองสายเองพยายามหาโอกาสมาชมพิธีนี้มานานแล้ว แต่วันเวลาว่างไม่เคยตรงกันเลย ครั้งนี้ ต้องนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ
มาถึงตรังในช่วงบ่าย ซึ่งบางศาลเจ้าก็เริ่มออกมาเยี่ยมลูกหลานกันแล้ว
เสียงประทัดดังสนั่นลั่นถนน เร้าใจจนทนไม่ได้ ต้องขอคุณสายชลออกไปเดินสังเกตการณ์สักหน่อย
พอเห็นม้าทรงออกมาเดินถนนบ้างแล้ว และได้แวะเยี่ยมประชาชนที่ตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นรออยู่
บ้านไหนร้านไหนจะเชิญเจ้าให้แวะไปเยี่ยม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กิจการ ตัวเอง และลูกหลาน ก็จะแขวนประทัดเป็นตับยาวไว้ที่หน้าร้านหรือหน้าบ้าน
พวกคนแบกเกี้ยวจะหามเกี้ยวแวะเข้าไป ....
พอจุดประทัดเปรี้ยงปร้างขึ้นมา คนหามเกี้ยวจะเต้นไปๆมาๆอยู่ใต้ราวประทัดนั่นเอง
ขนาดยืนถ่ายภาพอยู่ห่างๆ หูยังอื้อยิ่งกว่าตอนน้ำเข้าหูเสียอีก แถมยังโดนลูกหลงเข้าไปหลายเม็ด แต่แสบๆร้อนๆเดี๋ยวเดียวก็หาย
ยังนึกเห็นใจพวกที่หามเกี้ยว ทั้งเสียงทั้งความแรงของประทัด ....
ไม่ทราบว่าทนกันได้ไง ..... ต้องมีศรัทธาอย่างเดียวเท่านั้น จึงทนได้
อากงท่านนี้ นั่งรออยู่เป็นชั่วโมงเลยครับ กว่าเกี้ยวจะแวะมา เนื่องจากอยู่ในซอย ต้องให้คนออกไปเชิญ
เนื่องจากธรรมรินทร์เป็นโรงแรมใหญ่ จึงกลายเป็นที่รวมพลของม้าทรงมากมาย
เข้าใจว่า น่าจะเป็นขบวนของศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย ...
แล้วก็สมใจสองสายที่รอคอยมานาน ได้เห็นของแบบนี้ด้วยตาตัวเองเสียที
.... เจาะปากเสียบเหล็กที่แบกน้ำหนักของบันได 6 ขั้นไว้อีกด้วย
องค์นี้ ... เสียบไว้ด้วย จานดาวเทียม ขอรับ
เคยนึกว่ามีแต่เจ้าของชาวจีน ....
เพิ่งจะทราบว่า พิธีนี้ มีเจ้าแขก ฮินดูด้วยครับ
คุณจิ๋มพานั่งรถวิ่งไล่ตามดูขบวนกันจนเย็น .... พอเริ่มค่ำ เราไปปักหลักรอชมขบวนแห่กันที่หน้าโรงแรมธรรมรินทร์ธนา ...
คงจะเดินกันมาตั้งแต่บ่าย วนไปวนมาบนถนนหลายเส้น
ณ จุดนี้ คงจะเป็นปลายทางของขบวนแห่แล้ว .... ม้าทรงหลายคน มาหยุดถอดเครื่องทรมานตัว และเชิญเจ้าออกจากทรงกันบริเวณนี้
สภาพที่เหน็ดเหนื่อย และร้อน .... เมื่อเชิญเจ้าออกจากร่าง ม้าทรงจะมีอาการเกร็ง กระตุก และมีสภาพเป็นแบบนี้
คงจะเป็นเฉพาะม้าทรงที่สภาพร่างกายรับไม่ไหวแล้วเท่านั้น ที่มาออกทรงกันตรงนี้ แต่ยังมีม้าทรงอีกมากมาย ที่ทะยอยมาแวะตามโต๊ะต่างๆกันไม่ขาดสาย
แบบที่มีเครื่องมือทรมานร่างกายนานาชนิด ยังมีผ่านมาให้เห็นเรื่อยๆ
ที่เป็นหญิงก็มีมากมาย บางรายพอจะดูออกว่าเป็นเจ้าองค์ไหน แต่บางรายไม่สามารถเดาได้ว่าเป็นเจ้าองค์ไหน ศาสนาไหน
พระถังซำจั๋ง กับศิษย์เอก ซึงหงอคง ครับ .....
น่าจะเป็น "จี้กง" เทพยดาวณิพก ครับ
ขบวนแห่ยังคงเดินกันไปตามท้องถนนจนดึก ...
บรรดาม้าทรงที่ยังไม่หมดแรง ยังคงเดินร่วมไปกับขบวนแห่
ถึงเวลาจุดประทัดกลางสี่แยก .....
เสียงของประทัดที่ดังรัวสนั่นหวั่นไหว แสงไฟจากการระเบิดของประทัดสว่างวาบเป็นช่วงๆ และภาพของคนหามเกี้ยวกระโดดโลดเต้นไปมาตามเสียงและแรงของประทัด .....
สำหรับแขกอย่างสองสาย ช่างเป็นภาพที่สวยงามเสียเหลือเกิน
อย่างที่บอกว่า คนดูอย่างเรา คงสนุก ตื่นตาตื่นใจ .....
แล้ว สำหรับคนที่หามเกี้ยวเล่า เป็นอย่างไรกันบ้าง ...
คุณสายชลตามไปเก็บภาพมาได้ ....
สภาพยับเยินอย่างที่เห็น .... รับรองได้ครับ หูของพวกเขาคงได้ยินอะไรไม่ชัดไปอีกสักระยะหนึ่ง ตามหัวหูและลำตัวก็ต้องมีแผลบาดเจ็บจากการระเบิดของประทัดอยู่พอสมควร เรี่ยวแรงคงจะแทบหมด เพราะเต้นกันมาตั้งแต่ช่วงกลางวัน
แต่ที่ยังเข้มแข้งกันอยู่ได้ คงเป็นเพราะศรัทธา .... นี่แหล่ะครับ คือ Spirit ของเทศกาลกินเจ จ.ตรัง
น่าเสียดายที่วันสุดท้ายที่เป็นวันส่งเจ้า สองสายไม่สามารถไปร่วมได้ เพราะมีฝนตก
แต่ได้คุยกันไว้แล้วว่า ถ้าไม่ติดอะไร ปีหน้า เราจะขอคุณแม่ศรีประภา (ยายของน้อง ploybabe) มาพักที่เลตรัง เพื่อลองกินเจกันสักครั้ง และจะไปติดตามพิธีต่างๆของเทศกาลกินเจ จ.ตรัง จนครบ 9 วัน 9 คืน ให้ได้
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและชมภาพทั้งหมดครับ .....
Super_Srinuanray
27-11-2009, 13:18
ดูแล้ว ก็ทึ่ง สำหรับ ศรัทธา ค่ะ พี่จ๋อม
ขอบพระคุณมากนะคะ ปีนี้ เฝ้าโรงแรม ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ
ตุ๊กแกผา
27-11-2009, 13:58
ดีจังเลยค่ะ...เหมือนไปสัมผัสมาด้วยตัวเองค่ะ......หูอื้อๆๆๆๆๆๆ
จะมีวาสนาร่วมงานกับเขาสักปีไหมหนา????????
ขอบคุณค่ะพี่สองสายที่ตามไปเก็บภาพงามๆมาฝากพวกเรา....อีกแล้ว (แบบว่า ไม่มีปัญญาไปเอง....ต้องพึ่งพี่ๆๆๆ5555)
Udomlert
27-11-2009, 17:03
ขอบคุณพี่จ๋อม ที่นำภาพและบรรยากาศมาให้ชมกันครับ
ตอนเด็กๆ จำได้ว่า ข้างบ้านเป็นบ้านอาแปะร่างทรง ไม่น่าเชื่อว่า อายุ 70 กว่าแล้ว
เวลาเข้าทรง แกวิ่งได้เป็นกิโลเลยครับ
ตามแก้มที่เห็นเหล็กเสียบ เวลาก่อนเจ้าจะออกจากร่างทรง จะถอดเหล็กออก
แล้วใช้เถ้าธูปอุดไว้ พอกินข้าวเสร็จ อาแปะก็มานั่งสูบยาหน้าบ้าน ควันบุหรี่ยังลอยออกมาจากรูที่เสียบเหล็กข้างแก้ม ออกมาเป็นสายอ้อยอิ่งอยู่เลยครับ แต่แกว่าไม่เจ็บ วันสองวันก็หายสนิท
ศรัทธาและความเชื่อ.......ก่อให้เกิดพลัง ที่จะทำให้มนุษย์ธรรมดาๆทำในสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจได้นะคะ
Super_Srinuanray
27-11-2009, 22:22
ใช่ค่ะพี่ เหมือนกับศรัทธาของพวกเราที่มีต่อ s.o.s ที่ทำให้สามารถทำงานต่างๆ ได้ลุล่วง
แม้นว่า จะเกิดปัญหา หรือความไม่พร้อม แต่ก็สามารถฝ่าฟัน มาได้จนได้ผลที่เป็นที่น่าภูมิใจน่ะคะ
พยายามต่อไปนะคะ ถึงแม้นว่าจะไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมได้ แต่ก็เป็นกำลังใจให้เสมอ และตลอดเวลานะคะ
รักนะคะ จุ๊พ จุ๊พพพพพพพพพ
หลายรูปที่เห็นแล้วทั้งเสียวแทน ทั้งเจ็บแทน และหูอื้อแทนฮะ
...
ขอบพระคุณในความเมตตาที่สรรหามาให้อ่านและยลนะคร้าบ
กราบงามงาม...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้กับพี่สองสายเสมอมาจ้ะ...หนูติ่ง....:)
พี่สองสายก็ขอเป็นกำลังใจให้หนูติ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน...การดำรงชีวิต....และความรักนะจ๊ะ...;)
หนูเบิ้ดจ๋า....ไปเห็นของจริงๆแล้ว พี่สองสายไม่รู้สึกเสียว และดูท่านม้าทรงก็จะไม่เจ็บเท่าไรจ้ะ (เพียงแต่ต้องมีคนคอยให้น้ำบ่อยๆหน่อย)
แต่ก็ออกจะอึ้ง...ทึ่ง...และได้อมยิ้มกับภาพบางภาพที่ได้เห็นมากกว่าจ้ะ
ส่วนเรื่องเสียงนั่น...พี่สองสายก็ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนเท่าไร เพราะจัดการม้วนกระดาษทิชชู่ยัดใส่ไว้แน่นสองรูหูเลยจ้ะ...:p
Super_Srinuanray
28-11-2009, 21:18
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้กับพี่สองสายเสมอมาจ้ะ...หนูติ่ง....:)
พี่สองสายก็ขอเป็นกำลังใจให้หนูติ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน...การดำรงชีวิต....และความรักนะจ๊ะ...;)
ขอบพระคุณค่ะพี่ทั้งสอง :d
ส่วนเรื่องเสียงนั่น...พี่สองสายก็ไม่รู้สึกว่าถูกรบ กวนเท่าไร เพราะจัดการม้วนกระดาษทิชชู่ยัดใส่ไว้แน่นสองรูหูเลย จ้ะ...
...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่น้อยพี่จ๋อมมีเทคนิคสุดยอดนี่เอง(((จำ จำ จำ)))คร้าบ
ploybabe
29-11-2009, 15:23
คิดถึงงานกินเจที่ตรังมากๆเลยค่ะ
ตอนกลางคืน เคยไปเดินตามเจ้ามาด้วยค่ะ
ถ้าอยุ่ตรัง แล้วกินเจ พลอยจะโดนแม่บังคับใส่ชุดขาวด้วยค่ะ
ปล. ปีหน้า ไปทานเจด้วยกันค่ะป้าน้อย อิอิ
ตกลงจ้ะน้องพลอย....ปีหน้าไปกินเจที่ตรังด้วยอีกสองคนจ้ะ....:p
ป้าน้อยอยากทราบประวัติ "หมื่นราม".....น้องพลอยพอจะหาให้ได้ไหมจ๊ะ พยายามไปค้นหาแล้ว แต่ไม่พบจ้ะ...
มาแล้วครับ ... ความเป็นมาของ "ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม" จ.ตรัง
คัดมาจาก www.trangvegetarian.com
Super_Srinuanray
29-11-2009, 21:21
พี่สองสายมีความพยายามจังเลยค่ะ
ขอบพระคุณที่สรรหามาเล่าให้ฟังนะคะ
กระทู้นี้ข้าพเจ้าไม่สามารถชมภาพได้ เพราะต้องรีบคลิกผ่านๆ ไป ด้วยความหวาดเสียว
เคยไปภูเก็ตตรงกับเทศกาลกินเจพอดี เห็นขบวนแห่ เห็นม้าทรงทีไร หายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะ แหะ แหะ..
อึยยย...ทำได้ไง...อัศจรรย์จังอ่ะ ...
ขอบคุณพี่สองสายค่ะ....
ตามมาดูภาพกิจกรรมกินเจครับ ..
ผมเองก็เป็นคนนึงที่กินเจตามเทศกาลมาเป็นสิบปีแล้ว ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่คิดเอาเองด้วยว่า นอกจากเรื่องศรัทธาแล้ว ยังเป็นเรื่องการมีสติ และการควบคุมตัวเองด้วยครับ
ส่วนนึงเป็นเรื่องการละเว้นชีวิต
ส่วนนึงเป็นเรื่องของศรัทธา
อีกส่วนนึงก็เป็นการมีสติ รู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองและการบังคับตัวเองให้มีวินัยครับ
โยงมาในเรื่องศรัทธา ผมเห็นด้วยมากๆเลยที่สิ่งที่เราทำอยู่มันแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในสิ่งที่เราทำ และศรัทธาในคนที่เป็นผู้นำสิ่งดีๆให้พวกเราด้วยครับ ..
..
..
..
ขอบคุณครับพี่สองสาย ..
ขอบคุณเช่นกันจ้ะน้องปี๊บ....:)
ปีหน้าเห็นทีจะต้องกินผักตอนไปเที่ยวกับพระด้วยซะแล้ว จะได้มี "สติ" มากขึ้นกว่าเดิมจ้ะ...;)
เสียดายจริงๆค่ะที่ไม่ได้ไปร่วมงานเจที่ตรังในปีนี้ เพราะจำเป็นต้องเดินทางไปร่วมงานของสถาบัน NAUI ครบรอบ 50 ปี ที่ Sipadan ต่อด้วยงานเก็บขยะของ SOS และที่ตั้งใจจะทานเจ ก็ยังไม่ได้ทาน....:(
ปีหน้าถ้ามีโอกาส....จะขอไปร่วมบุญด้วยอีกค่ะ....;)
ปีนี้...กินเจที่ตรัง จะจัดวันไหน ใครทราบบ้างคะ อยากไปร่วมงานด้วยอีก...:)
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.