เข้าระบบ

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565


สายน้ำ
31-08-2022, 02:30
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 5 ก.ย. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 4 ? 5 ก.ย. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่เกิดขึ้นไว้ด้วย ที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650831_Forecast1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/7c5aa8b2-9521-4f86-86c5-7a48946a3338)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650831_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/2ad3d027-c550-4d1f-b221-5d2fc5aa37cd)

สายน้ำ
31-08-2022, 02:47
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


หุ่นยนต์ใต้น้ำคล้ายปลามีครีบอกขยายใหญ่ขึ้น

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650831_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/35c867b3-c8d0-4c1c-85fb-c9eea2772863)

ทุกวันนี้ หุ่นยนต์ใต้น้ำเป็นเครื่องมือในงานทางทะเลที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมประมง การสำรวจใต้น้ำ การทำแผนที่ หุ่นยนต์ใต้น้ำแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยใบพัด ซึ่งมีประสิทธิภาพสำหรับการดำน้ำในน่านน้ำเปิดด้วยความเร็วคงที่ ทว่าหุ่นยนต์อาจต้องเคลื่อนที่หรือลอยด้วยความเร็วต่ำในกระแสน้ำเชี่ยวกรากขณะปฏิบัติงานเฉพาะบางอย่าง จึงเป็นเรื่องยากต่อใบพัดที่ต้องขับเคลื่อนหุ่นยนต์ในสภาวะเหล่านี้ อีกทั้งการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำในน้ำที่ไม่นิ่งก็อาจทำให้เกิดการกระตุกของใบพัด จนลดประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ลง

ล่าสุด ทีมวิจัยจากสถาบันด้านระบบควบคุมอัตโนมัติของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน เผยแพร่งานวิจัยลงในวารสารระบบไซบอร์ก และไบโอนิค (Cyborg and Bionic Systems) ถึงการพัฒนาสร้าง RobDact เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ใต้น้ำไบโอนิค ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปลาตระกูล Dactylop teridae ที่มีครีบอกที่ขยายใหญ่ ทีมวิจัยระบุว่าเพื่อควบคุมหุ่นยนต์ได้ดียิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีแบบจำลองอุทกพลศาสตร์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย ทีมจึงได้รวมการเคลื่อนที่เชิงคำนวณของน้ำและอากาศรวมถึงทดลองวัดแรงเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแบบจำลองอุทกพลศาสตร์ที่แม่นยำของ RobDact ให้ได้

ทั้งนี้ ในอนาคตทีมวิจัยระบุว่า จะต้องศึกษาการควบคุมหุ่นยนต์ใต้น้ำไบโอนิคโดยใช้แบบจำลองอุทกพลศาสตร์ร่วมกับวิธีทางปัญญาประดิษฐ์ เช่น การเรียนรู้การเสริมแรง โดยเป้าหมายสูงสุดของงานนี้คือการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ยานยนต์ใต้น้ำไบโอนิคในการติดตามสภาพแวดล้อมทางน้ำ การค้นหาและกู้ภัยใต้น้ำ.


Credit : Rui Wang, Institute of Automation, Chinese Academy of Sciences


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2485591


***********************************************************************************************************************************


พบโมซาซอร์ขนาดยักษ์ชนิดใหม่ในโมร็อกโก

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650831_Thairath_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/aa10b573-737b-4816-b1f7-d9d0ceddd16b)

เมื่อนานมาแล้ว ในทะเลที่ซึ่งปัจจุบันคือโมร็อกโก มีสัตว์นักล่าที่เรียกว่าโมซาซอร์ (mosasaur) ครอบครองน่านน้ำแถบนั้น โมซาซอร์ไม่ใช่ไดโนเสาร์ แต่เป็นกิ้งก่าทะเลขนาดมหึมาที่เติบโตได้สูงถึง 12 เมตร พฤติกรรมการกินเหยื่อก็คือพอกินแล้วก็จะคายกระดูกออกมา

ล่าสุด ทีมวิจัยที่นำโดยนิค ลองริช นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยบาธ ในอังกฤษ เผยผลการวิจัยซากโมซาซอร์ยักษ์ที่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยในพื้นที่นอกเมืองคาซาบลังกา โมร็อกโก โดยระบุว่า เป็นโมซาซอร์สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน คาดว่าน่าจะอาศัยอยู่ในดินแดนแอฟริกาเหนือจนถึงช่วงปลายยุคครีเตเชียสเมื่อ 66 ล้านปีก่อน โมซาซอร์ตัวนี้มีชื่อว่า Thalassotitan atrox เชื่อว่าเจริญเติบโตในทะเลในเวลาเดียวกันกับไดโนเสาร์ที่อยู่บนบกอย่างพวกไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ ทีมเผยว่า Thalassotitan atrox สามารถเติบโตจนมีความยาวได้ถึง 9 เมตร มีกะโหลกศีรษะขนาดมหึมายาว 1.4 เมตร เป็นนักล่าชั้นยอดโดยจะกินสัตว์เลื้อยคลานทางทะเลตัวอื่นๆด้วยการใช้ฟันขนาดมหึมาเหมือนวาฬเพชฌฆาตและกรามล่างแบบบานพับสังหาร เนื่องจากซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลฟันของ Thalassotitan atrox มีความเสียหายจากการบดและกัดกินกระดูกเหยื่อ

นอกจากนี้ ยังค้นพบซากที่อาจเป็นเหยื่อของ Thalassotitan atrox จากแหล่งฟอสซิลเดียวกัน มีทั้งปลานักล่าขนาดใหญ่ เต่าทะเล ศีรษะเพลซิโอซอร์ยาวครึ่งเมตร กรามและกะโหลกของโมซาซอร์อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ เหยื่อเหล่านี้ดูจะถูกย่อยในท้องของ Thalassotitan atrox ก่อนที่มันจะคายกระดูกเหยื่อออกมา.

Credit : Nick Longrich


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2485597

สายน้ำ
31-08-2022, 02:53
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


งานวิจัยชี้ น้ำแข็งกรีนแลนด์ ละลาย จะทำให้ทะเลทั่วโลกสูงขึ้นเกือบ 30 ซม.

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/650831_Khaosod_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://app.photobucket.com/u/saveoursea/a/411bec8d-17d6-40d2-bc07-f33741fa99ed/p/e1616fac-7df9-4d2f-9efe-4b14cd047524)

วันที่ 30 ส.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานการวิจัยครั้งล่าสุดที่ชี้ว่า การละลายของ น้ำแข็งกรีนแลนด์ เป็นวงกว้างจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นเกือบ 1 ฟุต (ราว 30 ซม.) ซึ่งคาดจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ไม่มีทางหยุดยั้ง ต่อให้โลกหยุดการปลดปล่อยความร้อนจากโลกวันนี้เดี๋ยวนี้

การศึกษาดังกล่าว ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เนเจอร์ ไคลเมต เชนจ์ (Nature Climate Change) พบว่า การละลายของน้ำแข็งโดยภาพรวมจากแผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างน้อย 10 นิ้ว (25.4 ซม.) ไม่ว่าสถานการณ์จะร้อนขึ้นอย่างไร และทั่วไปแล้วจะเป็นปริมาณเท่ากับที่ทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาจากกรีนแลนด์ แอนตาร์กติกา และการขยายตัวทางความร้อน (เมื่อน้ำทะเลขยายตัวขณะอุ่นขึ้น) รวมกัน

คณะนักวิจัยจากสถาบันสำรวจธรณีวิทยาเดนมาร์กและกรีนแลนด์ (Geological Survey of Denmark and Greenland) สังเกตการเปลี่ยนแปลงในปริมาณแผ่นน้ำแข็งทั้งในและรอบกรีนแลนด์ และเห็นว่าการไหลบ่าของน้ำที่ละลายเป็นตัวแปรขับเคลื่อนหลัก โดยใช้ทฤษฎีก่อตัวอย่างถาวร (well-established theory) และสามารถกำหนดได้ว่า ราวร้อยละ 3.3 ของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ? เทียบเท่าน้ำแข็ง 110 ล้านล้านตัน ? จะละลายโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากแผ่นน้ำแข็งตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้ว

เจสัน บ็อกซ์ นักวิทยาศาสตร์สถาบันสำรวจธรณีวิทยาเดนมาร์กและกรีนแลนด์ ผู้นำการเขียนการศึกษา ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากน้ำแข็งที่ละลายนี้จะเกิดขึ้น ?ไม่ว่าเส้นทางภูมิอากาศในอนาคตอันใกล้ในศตวรรษนี้จะเป็นเช่นไร น้ำดังกล่าวในทางเทคนิคอยู่ใต้สะพานแล้ว และแม้ว่าผู้เขียนการศึกษาไม่ได้ระบุกรอบเวลา แต่ทำนายว่าการเปลี่ยนในระดับน้ำทะเลสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงปัจจุบันกับปลายศตวรรษที่ 21

"การวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงประมาณการขั้นต่ำหรือขอบเขตระดับต่ำที่สุดของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการละลายในกรีนแลนด์ และในเหตุการณ์ที่เกือบจะแน่นอนที่ภูมิอากาศยังคงร้อนขึ้นเท่าไร ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น" บ็อกซ์กล่าว

แผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่สามารถละลายได้อย่างรวดเร็วเมื่ออุณหภูมิอากาศอุ่น แต่น้ำในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นยังกัดเซาะแผ่นน้ำแข็งรอบๆ ขอบแผ่นน้ำแข็งด้วย การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 ที่องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ของสหรัฐเผยแพร่เมื่อต้นปีนี้ หลังพบว่า ชายฝั่งของสหรัฐอาจมีระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 10-12 นิ้วในอีก 30 ปีข้างหน้า จะทำให้น้ำท่วมสูงเกิดขึ้นบ่อยกว่า 10 เท่า และปล่อยให้คลื่นพายุซัดขึ้นฝั่งต่อไป

กรีนแลนด์มีน้ำแข็งมากพอที่หากละลายหมดจะสามารถเพิ่มระดับน้ำทะเลอีกราว 25 ฟุต (7.62 เมตร) ทั่วโลก คณะนักวิจัยชี้ว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล 20 ฟุตไม่ได้หมายถึงจะเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอทั่วโลก ทำให้สถานที่บางแห่งเสียหายเนื่องจากระดับน้ำทะเลลดลงในบางแห่ง

วิลเลียม คอลแกน นักวิจัยอาวุโสของสถาบันสำรวจธรณีวิทยาเดนมาร์กและกรีนแลนด์ กล่าวระหว่างการเดินทางไปวิจัยในช่วงฤดูร้อนปี 2564 ว่า กรีนแลนด์ยังยังสูญเสียแรงโน้มถ่วงของน้ำแข็งบนน้ำซึ่งหมายความว่า ระดับน้ำทะเลของกรีนแลนด์กำลังลดลงเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้นที่อื่นที่อื่น อัตราของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงเป็นปัญหา

"จะยากมากที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" นายคอลแกนกล่าวขณะยืนที่ธารน้ำแข็ยาค็อบซาว์น (Jakobshavn) ของกรีนแลนด์ ที่ซึ่งอ่าวแคบๆ เต็มไปด้วยน้ำแข็งแตกออกจากธารน้ำแข็ง และก่อนการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจากมนุษย์จะเริ่มต้น อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ในกรีนแลนด์ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ภูมิภาคนี้อุ่นขึ้นราว -16.94 องศาเซลเซียส ต่อทศวรรษ เร็วกว่าอัตราการก้าวทั่วโลกถึง 4 เท่า จึงมีแนวโน้มว่า อุณหภูมิจะผ่านเกณฑ์การหลอมเหลวมากขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์บอกซีเอ็นเอ็นว่า อากาศอบอุ่นผิดปกติทางเหนือของกรีนแลนด์เป็นเวลาหลายวันเป็นชนวนการละลายของน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ด้วยอุณหภูมิประมาณ 15.56 องศาเซลเซียส อุ่นกว่าปกติ 10 องศาเซลเซียสในช่วงเวลานี้ของปี

ก่อนหน้านี้ ข้อมูลจากศูนย์หิมะและน้ำแข็งแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า ปริมาณน้ำแข็งที่ละลายในกรีนแลนด์ระหว่างวันที่ 15-17 ก.ค. อยู่ที่ 6,000 ล้านตันต่อวัน เพียงพอสำหรับเติมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก 7.2 ล้านสระ

นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกกล่าวว่าแนวโน้มที่การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังเร่งตัวขึ้นค่อนข้างชัดเจน และเว้นแต่จะควบคุมการปล่อยมลพิษทันที เหตุการณ์การหลอมเหลวที่รุนแรงอีกมากมายจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_7239982