สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหล้วในตอนกลางวัน ประกอบกับลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือขนาดเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในวันนี้ (3 พ.ค. 66) อีก 1 วัน

ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ประเทศไทยมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากยังคงมีฝนตกในบริเวณดังกล่าวและมีการระบายอากาศดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 - 7 พ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ ในขณะที่ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบบริเวณด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป


สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 2 - 4 พ.ค. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 5 พ.ค. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 พ.ค. 66 ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 ? 7 พ.ค. 66 ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ และระวังโรคลมแดดเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ส่วนในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย สำหรับประชาชนในบริเวณภาคใต้ในช่วงวันที่ 2 - 3 พ.ค. 2566 ขอให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือขนาดเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Forecast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Forecast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Sat1.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สร้างหุ่นยนต์แมงกะพรุนทำความสะอาดทะเล

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Thairath_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกปกคลุมด้วยมหาสมุทร แต่ขณะนี้ถูกมลพิษคุกคาม มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกใช้ต่อสู้กับกองขยะที่พบในระบบนิเวศที่อ่อนไหวมากๆเหล่านี้ โดยเฉพาะบริเวณแนวปะการัง ก็คือการใช้หุ่นยนต์ ทำความสะอาด ทว่า หุ่นยนต์ใต้น้ำที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะเทอะทะและมีลำตัวแข็ง จึงไม่อาจสำรวจและเก็บตัวอย่างในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน แถมยังมี เสียงดังจากมอเตอร์ไฟฟ้าหรือหัวขับไฮดรอลิก

มีความพยายามออกแบบเครื่องมือให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมักซ์พลังค์ด้านระบบอัจฉริยะ (MPI-IS) ในเยอรมนี เผยว่า ได้มองหาแรงบันดาลใจจากธรรมชาติเพื่อสร้างหุ่นยนต์ซึ่งก็คือแมงกะพรุน เรียกว่า ?เจลลี่ฟิช-บอท? (Jellyfish-Bot) หุ่นยนต์มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีความสามารถรอบด้าน ประหยัดพลังงาน และแทบไม่มี เสียงรบกวนใดๆ เชื่อว่าจะขับเคลื่อนและจัดการในเวลาที่อยู่ใต้น้ำได้มีประสิทธิภาพ

ทีมอธิบายว่า ใช้หัวขับไฮดรอลิกควบคุมด้วยไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ตัวปั๊มทำหน้าที่เป็นกล้ามเนื้อเทียมที่ให้พลังงานแก่หุ่นยนต์ กล้ามเนื้อเหล่านี้ล้อมรอบด้วยเบาะลม ส่วนประกอบที่อ่อนนุ่มและแข็งจะทำให้หุ่นยนต์มีเสถียรภาพและทำให้กันน้ำได้ ด้วยวิธีนี้ไฟฟ้าแรงสูงที่ไหลผ่านหัวขับจะไม่สัมผัสกับน้ำโดยรอบได้ เมื่อแหล่งจ่ายไฟจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านสายไฟเป็นระยะๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและขยายตัว สิ่งนี้ทำให้หุ่นยนต์ว่ายน้ำได้อย่างเหมาะสมและสร้างการหมุนวนใต้ลำตัวของหุ่นยนต์ มีประโยชน์ต่อการเก็บรวบรวมวัตถุ เช่น เศษขยะ ทั้งยังขนส่งขยะขึ้นสู่พื้นผิวนำไปรีไซเคิลได้ในภายหลัง.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2690452

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


'Peace Ark' เรือโรงพยาบาลลำแรกของกองทัพเรือจีน ให้บริการทางการแพทย์นาน 15 ปี

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Dailynews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Dailynews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

ผู้ป่วยกว่า 250,000 คน ใน 43 ประเทศทั่วโลก ได้รับการรักษาบนเรือ รวมถึงทารก 7 คน ที่คลอดบนเรือ อุปกรณ์ทางการแพทย์บนเรือโรงพยาบาล Peace Ark เทียบเท่ากับโรงพยาบาลชั้นนําของจีน

เป็นเวลากว่า 15 ปี ที่ "Peace Ark" เรือโรงพยาบาลลำแรกของกองทัพเรือจีน ให้บริการทางการแพทย์ในหลายประเทศทั่วโลก

เรือมีความจุมากกว่า 10,000 ตัน มีลานบินขนาด 780 ตารางเมตร? เฮลิคอปเตอร์สามารถลงจอดเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้?แม้จะเป็นช่วงที่สภาพอากาศไม่เอื้ออํานวย

ผู้ป่วยกว่า 250,000 คนใน 43 ประเทศทั่วโลกได้รับการรักษาบนเรือ รวมถึงทารก 7 คน ที่คลอดบนเรือ?อุปกรณ์ทางการแพทย์บนเรือโรงพยาบาล Peace Ark เทียบเท่ากับโรงพยาบาลชั้นนําของจีน นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ เช่น ประสาทวิทยา ระบบทางเดินอาหาร กายภาพบําบัด การแพทย์แผนจีน โรคติดเชื้อ การผ่าตัด?พร้อมทำหน้าที่บนเรือ

นับตั้งแต่เข้าประจําการในปี ค.ศ. 2008?Peace Ark มีส่วนร่วมในภารกิจต่างประเทศกว่า 10 ภารกิจ เดินทางเป็นระยะทางกว่า 260,000 ไมล์ทะเล เพื่อช่วยรักษาพยาบาลคนทั่วโลก และร่วมปฏิบัติภารกิจต่างๆ เช่น การร่วมซ้อมรับมือภัยพิบัติ และการซ้อมให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ แสดงให้เห็นว่าจีนมุ่งมั่นในการสร้างกองกำลังทหารที่มุ่งปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

พันโทเจียง เทา รองกัปตันเรือ Peace Ark ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวว่า เรือ Peace Ark ทำหน้าที่เป็นเสมือนนามบัตรของจีน ที่บ่งบอกถึงการทำหน้าที่ของจีน แสดงถึงจิตวิญญาณของจีนในการทำประโยชน์เพื่อมนุษยชาติ...


https://www.dailynews.co.th/news/2282067/

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


นักวิทย์ฯ พบสารพิษใต้ก้นทะเลลึก 8 กม. ในมหาสมุทรแปซิฟิก ชี้ชัดว่าไม่มีที่ใดในโลกปราศจากมลพิษ

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Mgr_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_Mgr_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

ร่องลึกอาทากามา (Atacama Trench) เป็นหนึ่งในล่องลึกในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก ที่มีความลึกเป็นอย่างมาก โดยมีเป็นร่องหลุมลึกของพื้นผิวท้องทะเลที่มีลักษณะภูมิประเทศยาว แคบ และโค้ง และถือว่าเป็นส่วนของมหาสมุทรที่ลึกที่สุด ซึ่งใครหลายคนมีความคิดว่า ส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรจะปลอดภัยจากมลพิษที่มีอยู่มากมายบนโลกของเราในปัจจุบัน

นั้นก็เป็นความคิดที่ผิด เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสำรวจและตรวจพบสารมลพิษที่ก้นทะเล บริเวณร่องลึกอาทากามา ซึ่งเป็นหนึ่งในร่องลึกมหาสมุทรที่ลึกที่สุดของโลก ในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก ที่ตั้งอยู่ใลก้กับชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ การค้นพบสารพิษในครั้งนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ ได้เผยข้อมูลว่า ไม่มีสถานที่ใดบนโลกปลอดมลพิษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่มนุษย์สร้างขึ้น พร้อมกับบอกว่ามลพิษเหล่านี้จะไม่หายไปไหน

การค้นพบในครั้งนี้ ได้รายงานใน วารสาร Nature Communications โดย มหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งได้วิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนจากระดับความลึกต่างๆ ในร่องลึกนี้ โดยจุดที่ลึกที่สุดคือ 8,085 เมตร และพวกเขาก็พบสาร PCB

ในเรื่องของ สาร PCB หรือ โพลีคลอริเนเต็ดไบฟีนิล (Polychlorinated Biphenyls) เป็นสารที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ช่วงปี 1930 ถึง 1970 ซึ่งใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่นหม้อแปลงไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ หรือสวิตช์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นน้ำยาขัดเงา กาว สารกันร่วมซึม และพลาสติกด้วยเช่นกัน

ในความวิตกกังวลในการค้นพบนี้ ข้อมูลของสารชนิดนี้เป็นสารที่ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ยากและใช้เวลาหลายสิบปี PCB จึงสามารถกระจายไปได้ไกลผ่านกระแสน้ำในมหาสมุทร ลม แม่น้ำ และข้อมูลล่าสุด หนึ่งในพื้นที่ที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ไม่รอดจากสารชนิดนี้

แม้ในปัจจุบันจะยังตรวจพบในระดับปนเปื้อนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับบนพื้นดิน แต่ประเด็นคือ แม้แต่ที่ลึกขนาดนี้ยังมีมลพิษ และมันยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จากสารเคมีที่เราใช้กันมากขึ้น


https://mgronline.com/science/detail/9660000040561

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


แจ้งจับเรือ 14 ลำลอบทำประมงเขตอุทยานฯ "เกาะพีพี-แหลมสน"

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_TPBS_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/660503_TPBS_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

กรมอุทยานฯ แจ้งจับเรือประมง 14 ลำ ลักลอบทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง และเขตอุทยานฯ หมู่เกาะพีพี ความผิด พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ 5 ข้อหา ก่อนหน้านี้เคยจับในพื้นที่สตูลมาแล้ว 28 ลำ


วันนี้ (2 พ.ค.2566) นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า มีการตรวจพบเรือลักลอบทำประมงในอุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง จำนวน 12 ลำ เป็นชนิดเรือลากแผ่นตะเฆ่ และอีก 2 ลำในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา?หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นชนิดเรือลากคู่ ซึ่งเรือประมงดังกล่าวเป็นเรือประมงพาณิชย์ มีเครื่องมือทำลายล้างสูงมีขนาดตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไป ไม่สามารถเข้ามาทำประมงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้

นายอรรถพล กล่าวว่า ล่าสุดนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผอ.สำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า พร้อมหัวหน้าอุทยานฯ ทั้ง 2 พื้นที่ เข้าแจ้งความกล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีเรือประมงพาณิชย์ ที่ลักลอบเข้ามาทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติทั้ง 14 ลำ ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขน โดยมี พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน เป็นผู้รับเรื่อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน

นายอรรถพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คณะทำงานของกรมประมง ได้ส่งข้อมูลเรือประมงพาณิชย์ ที่มีพฤติกรรมการลักลอบเข้าทำการประมงในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลทั่วประเทศ ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน โดยแจ้งความกล่าวโทษดำเนินคดีเรือประมงพาณิชย์ที่เข้ามาลักลอบทำการประมงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา 15 คดี รวมเรือประมงพาณิชย์ทั้งหมด 28 ลำ

สำหรับเรือประมง 14 ลำที่เข้ามาลอบทำประมงในเกาะพีพีและเขาแหลมสน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 รวม 5 ข้อหา


https://www.thaipbs.or.th/news/content/327266